ตอนที่ 30 เปิดประกาศ
1/
ตอนที่ 30 เปิดประกาศ
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 30 เปิดประกาศ
ตนที่ 30 เปิดประกาศ ฮองเฮามองไปที่เหว่ยหมิง แล้วยิ้มเบาๆ หลังจากนั้นก็กวักมือเรียกเซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่มา“พวกเจ้าสองคนมานี่ซิ มาใกล้ๆข้า ให้ข้าดูพวกเจ้าชัดๆหน่อย” เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่จูงมือกันเดินมาตรงหน้าฮองเฮา ไม่ขัดขืนใดๆ ดูเชื่อฟังมาก ฮองเฮาจับมือหน้าเล็กๆของพวกเขาสองคน แล้วมองด้วยความยินดี“หน้าตาเหมือนกันมากจริงๆด้วย โดยเฉพาะตากับคิ้ว” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ตกใจ ในใจเต้นแรงไม่หยุด นางไม่รู้ว่าฮองเฮาหมายความว่ายังไง หมายถึงพวกเขาสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก หรือว่าคิ้วกับตาของพวกเขาสองคนเหมือนใคร เมื่อเลียปากแล้ว เซี่ยอีอีก็ยิ้มเบาๆ“ฮองเฮา พวกเขาสองคนเป็นฝาแฝดกัน หน้าตาก็เลยเหมือนกัย ยังดีที่เป็นชายคนหญิงคน ไม่เช่นนั้น แม่แต่แม่อย่างหม่อมฉัน บางทีก็อาจจะมีทักผิดบ้าง” ฮองเฮามองไปที่เซี่ยอีอี แล้วพยักหน้าเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร นางดึงมือของเด็กสองคนนั้นแล้วแกว่งไปแกว่งมา หลังจากนั้นก็มองไปที่เซี่ยวี่ซื่อแล้วถามว่า“เจ้าชื่อซื่อเอ๋อหรอ?” เซี่ยวี่ซื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง“เพคะฮองเฮา หม่อมฉันชื่อเซี่ยวี่ซื่อ มีชื่อเล่นว่าซื่อเอ๋อ” เหมือนเห็นใบหน้าเล็กๆนุ่มๆเหมือนถูกแกะสลักไว้ ฮองเฮาก็ทรงดีใจมาก แล้วก็ใช้มือไปลูบที่ใบหน้าของนาง นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า“ซื่อเอ๋อ ชื่อเพราะจัง” เซี่ยอีอีถึงกลับงง เงยหน้ามองเหว่ยหมิง เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว ในใจเอาแต่คิดเรื่องของฮองเฮาด้วยความไม่เข้าใจ เขาเห็นเซี่ยอีอีมองมาที่ตัวเอง ก็เลยเงยหน้าขึ้นมา เมื่อสบตากับเขาแล้ว เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว จ้องเขาอย่างแรง แล้วก็หลบสายตา ตอนนี้ เหว่ยหมิงรู้สึกเหมือนมันตลก ปากก็ยิ้มไม่หุบ ภาพที่เกิดขึ้นฮองเฮาเห็นเต็มสองตา ลูกชายของนางนางเข้าใจเขามากที่สุด หลายปีมานี้เขาเคยยิ้มให้ใครบ้าง? ขนาดกับแม่ของตัวเอง เขาก็ทำหน้าแข็งทื่อตลอด ไม่ค่อยยิ้มเลย การพบกับองค์ฮองเฮามันเหมือนฝันร้าย แต่เซี่ยอีอีกับพบว่า ฮองเฮาชอบเด็กสองคนนั้นเอามากๆ ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ นางเหมือนไม่อยากปล่อยมือเด็กสองคนนั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ปล่อยมือสักที แต่พูดมาก็แปลก เซี่ยเฉินวี่ปกติก็ไม่ชอบให้ใครมาสัมผัส แต่ฮองเฮาจับมือของเขานานขนาดนี้ เขากลับไม่มีทีท่าจะไม่พอใจเลย นั่งกันอยู่นาน ฮองเฮาก็สั่งให้เหว่ยหมิงพาพวกเขาสามแม่ลูกไปเดินเล่น เมื่อเห็นพวกเขาสี่คนจากไปแล้ว ฮองเฮาก็ยิ้มอยากได้ใจ “ฮองเฮาเพคะ เด็กสองคนนั้นน่ารักมากเลยนะเพคะ ไม่เห็นเหมือนกับที่ข่าวลือบอกเลย”หยูอี้ยกน้ำชาให้กับฮองเฮา ฮองเฮามองอยู่นานไม่ละสายตาเลย นางยิ้มแล้วพูดว่า ข่าวลือด้านนอก บอกว่าเด็กสองคนนี้เป็นเด็กปีศาจ ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ หยูอี้มีความกังวลไม่น้อย แต่เมื่อได้พบแล้ว นางถึงรู้ว่าทำไมถึงบอกว่าเป็นข่าวลืม เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือเลย ฮองเฮายิ้มมุมปาก แล้วค่อยยกฝาถ้วยชาขึ้น “น่ารักจริงๆ เหมือนอ๋องหยงตอนเด็กๆไม่มีผิดเลย” หยูอี้ฟังไม่ค่อยเข้าใจ“ฮองเฮาเพคะทำไมถึงได้เอาเด็กสองคนนั้นไปเทียบกับอ๋องหยงล่ะเพคะ? อ๋องหยงเป็นบุตรโอรสสวรค์ ต่อให้เด็กสองนั้นจะดีแค่ไหน พวกเขาก็เป็นลูกของสมัญชน เทียบไม่ได้หรอกเพคะ” มือของฮองเฮาค่อยๆหยุดมือที่เปิดฝาถ้วยชาขึ้น นางถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า“บุตรโอรสสวรค์ ถูกต้อง ก็เพราะอย่างนี้ เด็กคนนั้นถึงได้พิเศษ” ห้าปีก่อน ฮองเฮาให้เหว่ยหมิงไปอวยพรวันเกิดให้กับผู้เฒ่าเซี่ยที่จวน หลังจากนั้นเรื่องที่เขาถูกลอบทำร้ายก็ไม่ได้แพร่ออกไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้ปิดจนมิดเท่าไหร่ ความสามารถของลูกชายตัวเอง คนเป็นแม่อย่างนางรู้ดีที่สุด หากเป็นการลอบทำร้ายแบบทั่วไป คิดว่าเขาคงไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น แต่กลับเห็นเขาหน้าดำคล่ำเครียดอยู่เกือบสองเดือน ฮองเฮารู้ดีว่า เรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ต่อมา เหว่ยหมิงก็ลับๆล่อๆให้ตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องพวกนี้ฮองเฮารู้มาจากคนที่ส่งไปอยู่รอบตัวของเหว่ยหมิง เขาไม่เคยสนใจเรื่องชายหญิงเลย แต่กลับให้สืบหาตัวผู้หญิง แค่จุดนี้ ฮองเฮาก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการ ‘ลอบทำร้าย’ ที่จวนตระกูลเซี่ยแน่ๆ หลังจากเซี่ยอีอีจากไปแล้วห้าปี ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเหว่ยหมิงไม่เคยหยุดตามหาเลย แต่กลับไม่พบเลย หลังจากที่เซี่นอีอีกลับมาเมืองหลวง ก็พาเด็กสองคนที่‘พ่อของพวกเขาไม่ชัดเจน’กลับมาด้วย มันทำให้นางยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ วันนี้นางให้เซี่ยอีอีเข้าวังมา นอกจากจะหยั่งเชิงดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้ว แต่พอเห็นหน้าของเด็กสองคนนั้น นางก็เข้าใจทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าจะบอกว่าเด็กสองคนนั้นมีคิ้วและดวงตาที่เหมือนเหว่ยหมิง บอกว่าพวกเขาหน้าตาเหมือนเหว่ยหมิงตอนเด็กๆจะดีซะกว่า โดยเฉพาะเซี่ยเฉินวี่ที่หน้านิ่งๆไม่ชอบยิ้ม นางเหมือนกับได้ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเลย ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ในเมื่อลูกก็มีแล้ว ถ้าอย่างนั้นนางก็จะต้องจับคู่ให้กับทั้งคู่แน่นอน ............ หลังจากออกจากพระตำหนักเฟิ่งหลวน เซี่ยอีอีก็เบาใจลง แต่ในใจกลับยังนึกถึงคำพูดแปลกๆของฮองเฮาอยู่ จะบอกว่า เหว่ยหมิงโตขนาดนี้แล้ว เสียตัวแล้วไปฟ้องแม่ก็คงไม่ใช่ แต่หากไม่ใช่เพราะเขาพูด ฮองเฮาจะมีท่าทีอย่างนี้ได้หรอ? เมื่อเห็นนางเหม่อลอย เหว่ยหมิงก็เดาได้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน เขาเองก็สงสัยในการกระทำของแม่ของตัวเองเหมือนกัน ก่อนหน้านี้นางพยายามเร่งให้เขาแต่งงาน แต่เขาไม่รู้ว่าเสด็จแม่ของเขาจะรักชอบเด็กขนาดนี้ ในวังหลวงก็มีเด็กไม่น้อย เข้าตำหนักมาถวายพระพรก็มาก แต่นางเคยเอ็นดูมากขนาดนี้เลยหรอ? ดูท่าจะเป็นแต่กลับพวกเขาสองพี่น้องเท่านั้นแหละ เหว่ยหมิงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ คิ้วกับดวงตาเหมือน งั้นหรอ? ทำไมเขาถึงมองไม่เห็น? “ท่านอ๋อง” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทำร้ายความเงียบลง เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีกับเหว่ยหมิงสองคนก็หันหลังกลับไป เซี่ยอีอีหลบสายตาทันที นางลืมไปได้ยังไง วันอย่างนี้ จางฮวายก็ต้องมาด้วย “เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เหว่ยหมิงมองจ้องไปที่เขาอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงไม่ต้อนรับอย่างแรง จางฮวายถึงกับตะลึง เขาเห็นเด็กสองคนที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ ก็พูดว่า“อากาศดีขนาดนี้ มีเจ้าคนเดียวหรือไงที่มาเดินเล่นได้ ข้ามาไม่ได้งั้นหรอ?” พูดจบ ก็มองไปยังเซี่ยอีอีที่ยืนอยู่ข้างๆ จางฮวายยิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า“โย่ว ข้างกายของท่านอ๋องหยงของเรามีผู้หญิงอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้มมุมปาก เงยหน้าจ้องไปที่จางฮวาย“คุณชายท่านนี้ ข้าน้อยเป็นผู้หญิงไม่ผิด แต่เหมือนท่านจะเข้าใจอะไรผิด ข้าไม่ใช่คนของเขา”พูดจบ ก็หันหลังไป เดินไปยังที่ตำหนักใหญ่ จางฮวายรู้สึกเหมือนมึนๆงงๆ มองคนที่เดินจากไป เขารู้สึกเหมือนว่าแผ่นหลังนั้นดูคุ้นตา มองดูคนที่จากไปไกลคนนั้น จางฮวายสัมผัสไปตัวเหว่ยหมิงเบาๆ“นางคือคุณหนูสี่ของจวนตระกูลเซี่ยหรอ? เป็นแม่ของเด็กที่พ่อไม่ชัดเจนคนนั้นน่ะหรอ?” “อืม”เหว่ยหมิงตอบรับเบาๆ สายตามองตามหลังของเซี่ยอีอีไป หาได้ยากที่จะเห็นเหว่ยหมิงมองผู้หญิงแบบนี้ จางฮวายยิ้มแล้วลูบคาง“เจ้าคงไม่ได้ชอบนางเข้าแล้วใช่ไหม? สายตาใช่ได้ไม่เลวเลยนิ ถึงแม้นางจะมีลูกแล้วสองคน แต่เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ใครจะไปมองออกว่านางเคยคลอดลูกมาแล้ว? แต่ว่านางนี่โชคดีนะ ถูกท่านอ๋องหยงผู้ไม่เคยใกล้ชิดกับสาวงามคนไหนเลยมาชอบได้” เมื่อเห็นเขาพูดจาไม่หยุด เหว่ยหมิงก็มองไปที่เขาด้วยความรำคาญใจ หลังจากนั้นก็หันตัวกลับไป จางฮวายเห็นดังนั้นก็รีบเดินตามไป ก็ยังคงบ่นไม่จบ“เอ๋ ทำไมไปแล้วล่ะ เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ เจ้ารู้จักกับนางได้ยังไง แล้วพวกเจ้าพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงไหนกันแล้ว ......” ............ เมื่อเข้ามายังตำหนักใหญ่ เซี่ยอีอีที่มาพร้อมกับเด็กสองคนก็กลายเป็นที่สนใจ มิหน่ำซ้ำตอนที่อยู่หน้าประตูวังหลวงยังมีคนไม่น้อยเห็นนางลงมาจากรถม้าของอ๋องหยง เซี่ยวี่ซื่อดึงชายเสื้อของเซี่ยอีอี เห็นนางไม่ยอมเดิน ก็เลยเงยหน้ามองนาง ใบหน้าของเซี่ยเฉินวี่ยังคงไม่มีรอยยิ้ม คนอื่นกำลังมองเขาอยู่ เขาก็มองกลับไปโดยไม่ไว้หน้า “อีอี” เซี่ยหวินเทียนก็เดินเข้ามา แล้วค่อยๆลูบไปที่ศีรษะของเซี่ยเฉินวี่ “อีอีเข้าเฝ้าฮองเฮาเรียบร้อยแล้วหรอ?” เซี่ยอีอีพยักหน้า“เรียบร้อยแล้ว ฮองเฮาทรงเป็นคนดีมาก” ทั้งคู่พูดจากันไม่กี่คำ เหว่ยหมิงกับจางฮวายก็เดินเข้ามา “อ๋องหยง หมิงหยวนซื่อจื่อ” เซี่ยหวินเทียนทักทาย เซี่ยอีอีรู้ว่าเหว่ยหมิงยืนอยู่ข้างหลังนาง แต่นางกลับไม่หันหลังไป นางมองไปที่เซี่ยหวินเทียนแล้วพูดว่า“ท่านพี่ เราเข้าไปกันเถอะ!” เซี่ยหวินเทียนรู้ว่าทำไมเซี่ยอีอีถึงไม่สนใจ เขาก็เลยไม่พูดอะไรมาก พยักหน้าแล้วก็พาพวกเขาเข้าไป เมื่อเห็นสองพี่น้องนั้นเดินจากไป จางฮวายก็เลยเดินเข้ามาพูดว่า“โย่ว ดูสิ คุณหนูสี่ตระกูลเซี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจอ๋องหยงของเราเลย!” เหว่ยหมิงรำคาญก็เลยจ้องไปที่เขา แล้วพูดว่า“หมิงหยวนซื่อจื่อคิดจะให้ข้าอัญเชิญท่านไปนั่งไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็หดคอกลับไป“ไม่เป็นไร แขนขาข้ายังดี ไม่รบกวนเจ้าดีกว่า” งานเลี้ยงคนนับร้อย เป็นภาพที่ดูครึกครื้น เดิมเซี่ยอีอีคิดว่า ที่นี่คนมากมายขนาดนี้ นางคงไม่ได้เป็นที่สนใจมาก นางก็มาร่วมกินข้าวแค่นั้น แล้วก็กลับบ้านไป นี่คือแผนที่สมบูรณ์แบบ แต่ใครจะคิด ฟ้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ก้นยังไม่ทันร้อน ก็ถูกผู้ที่อำนาจสูงสุดในแค้วนเรียกตัวออกไป “เจ้าคือเซี่ยอีอีงั้นหรอ?”ฮ่องเต้ดูคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด สีหน้าเรียบเฉยดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเซี่ยอีอีเพคะ”เซี่ยอีอีเหลือบมองเล็กน้อย ฮองเต้ทรงพยักหน้า แล้วก็เหลือบไปเห็นขลุ่ยหยกที่อยู่ที่เอวของนาง เขาขมวดคิ้มเล็กน้อย เงยหน้าแล้วมองไปที่เหว่ยหมิงที่นั่งอยู่ข้างๆ "ไปนั่งเถอะ งานเลี้ยงวันนี้ ก็ถือว่าเป็นงานเลี้ยงในบ้านก็แล้วกันนะ ไม่ต้องมากพิธี" “ขอบพระทัยเพคะ” “ช้าก่อน” เซี่ยอีอีกำลังจะหันหลังกลับ ฮองเฮากลับเรียกให้นางหยุด“ให้เด็กสองคนนั้นมานั่งข้างๆข้าเถอะนะ ข้าเอ็นดูพวกเขาเหลือเกิน อยากให้พวกเขามานั่งเป็นเพื่อนข้า” เซี่ยอีอีก้มหน้าเล็กน้อย ตาสีหน้ายังเรียบเฉย ในใจคิดว่า: อยากจะให้นางเป็นเบ้าตายหรือไง ทั้งฮองเฮา ทั้งเหว่ยหมิง สองแม่ลูกนี่ปรึกษากันจะทำร้ายนางหรือไงกัน? ไม่รู้หรอคำพูดของคนมันน่ากลัวนะ! เซี่ยอีอียิ้ม แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า“ฮองเฮาทรงเอ็นดูเด็กสองคนนี้ เป็นบุญของพวกเขายิ่งนัก แต่ว่าเด็อสองนี้นั้นดื้อมาก อีอีเกรงว่าจะทำให้ทรงวุ่นวายพระทัยได้” ฮองเฮาเหมือนคิดไว้แล้วว่านางจะพูดแบบนี้ ก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอก ให้พวกเขามานั่งนี่นั่นแหละ” ถึงแม้เซี่ยอีอีจะไม่ค่อยยินยอมนัก แต่คำพูดของฮองเฮานางจะกล้าขัดได้อย่างไร นางมองไปที่เด็กสองคนที่กำลังนั่งอยู่ในที่ที่ของเขา พวกเขามองไปที่สายตาของเซี่ยอีอีเหมือนเข้าใจว่านางต้องการจะสื่ออะไร แล้วก็เลยลุกขึ้นมาจากที่นั่ง “พวกเจ้าห้ามดื้อเด็ดขาด ไปเถอะ” เมื่อเห็นเซี่ยอีอีเน้นย้ำ เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็เดินไปหาฮองเฮาในท่ามกลางสายตาของทุกคน เงาของเด็กสวมชุดม่วง เหมือนไม่มีความกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับกษัตริย์ของพวกเขาเลย เมื่อเห็นเด็กน้อยตัวแสบสองคนเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ เซี่ยอีอีกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ภายในตำหนักใหญ่แห่งนี้ เด็กที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซื่อเอ๋อ วี่เอ๋อมีไม่น้อย แต่ฮองเฮากลับเอ็นดูเจาะจงเป็นพวกเขาสองคน ถึงแม้การที่ได้รับความเมตตาจากฮองเฮาจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร กลัวแต่ว่าเรื่องบางเรื่องจะยากที่จะอธิบายให้กระจ่างได้ เซี่ยอีอีค่อยหันหลัง ระหว่างที่กำลังคิดนางก็เหลือบไปเห็นเหว่ยเฉินกับเซี่ยวี่เสวียนที่กำลังมองมาที่นางด้วยสายตาที่แปลกไป แต่ในตอนนี้นางไม่มีอารมณ์จะไปรับมือกับคนพวกนั้น สีหน้าของนางเย็นชา ทำเหมือนว่าไม่เห็นพวกเขาเลย เดินตรงไปที่นั่งของตัวเอง จางฮวายที่กำลังสนุกสนาน ก็เงยหน้าแล้วมองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความตกใจ “ที่ ที่เอวของนางนั่นมัน ......” “ใช่”ไม่ต้องรอให้เขาพูดจนจบ เหว่ยหมิงก็รู้ว่าเขาต้องการจะถามอะไร เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็เหมือนถูกสายฟ้าผ่ามากลางศีรษะตาโตลุกวาว เหมือนลูกตาจะหลุดออกมา “เจ้าบ้าไปแล้วหรอ? เจ้ายกขลุ่ยหลิงเซียวให้นางงั้นหรอ? ตอนนั้นข้าขอดูแค่นิดเดียวเจ้ายังไม่ยอมเลย แต่ตอนนี้เจ้ากลับยกมันให้กับคนอื่น? เหว่ยหมิง เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งยี่สิบปี ทำไมเจ้าเป็นคนแบบนี้?” เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางยังคงไม่เปลี่ยน เขาเหลือบไปมองเขาแล้วพูดว่า: “ตอนนี้เจ้าก็ได้เห็นแล้วไม่ใช่หรอ?” จางฮวายยังอยากจะพูดต่อ แต่กลับถูกเขาพูดจนไปต่อไม่เป็น คิดๆอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามต่อว่า“ตกลงพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่? ขลุ่ยหยกหลิงเซียวเป็นของล้ำค่าที่เจ้าได้มาจากซีฉู่ เจ้ายกมันให้คนอื่นแบบนี้ นางเองก็พกติดตัวเอาไว้แบบนั้น นี่มันกำลังเปิดตัวชัดๆ!” คำพูดประโยคนี้พูดได้ตรงจุดมาก เหว่ยหมิงยิ้มเบาๆ แต่ยังไม่รีบตอบ“ก็แค่ขลุ่ย จะมีใครจำได้เท่าไหร่กัน?” “จำไม่ได้? ท่านอ๋องหยง ท่านคงไม่คิดว่าคนที่อยู่ในตำหนักใหญ่นี่โง่ใช่ไหม? ขลุ่ยหยกนั่นมองแว็บเดียวก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่า ต่อให้คนที่ดูหยกไม่เป็นก็เถอะ แต่คำว่า‘หยง’ที่สานอยู่บนพู่ พวกเขาคงพอจะรู้จักหรอกนะ” เหว่ยหมิงหัวเราะ“ก็อาจจะมีคนที่มองไม่เห็นก็ได้!” เป้าหมายที่เหว่ยหมิงมอบมันให้เซี่ยอีอี ก็เหมือนจุดประสงค์ตอนที่นางลงมาจากรถม้าของเขาที่ประตูวังหลวงนั่นแหละ เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน บนพู่ขลุ่ยหยกมีตัวหยงสานไว้จริงๆ เป็นการสานที่ประณีตมาก เป็นตัวอักษรสีทอง ซึ่งมองมาจากที่ไกลๆมันก็จะสะท้อนอร่ามตา เมื่อกี้ตอนที่มอบขลุ่ยให้นางบนรถม้า ยังกังวลอยู่ว่านางจะสังเกตุเห็นไหม แต่เพราะว่านางเอาแต่ชื่นชมขลุ่ยหยก ก็เลยไม่ทันสังเกต เมื่อเห็นเขาหัวเราะ จางฮวายไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร หลังจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วก็ไม่สนใจเขา แล้วหันไปมองขลุ่ยหลิงเซียวที่เขาเอื้อมไม่ถึงนั่นต่อไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 30 เปิดประกาศ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A