ตอนที่ 32 เปิดฉากเด่น
1/
ตอนที่ 32 เปิดฉากเด่น
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 32 เปิดฉากเด่น
ตนที่ 32 เปิดฉากเด่น นอกตำหนักใหญ่ เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ถูกนางกำนัลสองคนพาเข้ามาด้านใน บรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกได้ว่ามันไม่ปกติ “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น?”เซี่ยเฉินวี่เดินมาข้างๆเซี่ยอีอีแล้วถาม ขณะที่เซี่ยอีอีกำลังจะเอ่ยปากพูด กลับได้ยินพระสนมซูเฟยพูดขึ้นมาอีกครั้ง“พวกเจ้าสองคนเอาหยกเหวินเห๋อมาคืนข้าเดี๋ยวนี้ เป็นเด็กเป็นเล็กเรื่องดีๆมีไม่จำ ริอาจจะเป็นขโมย เป็นลูกสวะที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจริงๆ” เมื่อได้ยินดังนั้น สองพี่น้องก็ตัวสั่นเตรียมที่จะเดินขึ้นหน้าไป ภายในตำหนักใหญ่ เหมือนกับทุกคนรู้จักเด็กปีศาจสองคนนี้ ตอนนี้ถูกพระสนมซูเฟยด่าเหยียดหยามขนาดนี้ พวกเขาเป็นห่วงแทนนางซะจริง เซี่ยอีอีห้ามเด็กสองคนเอาไว้ ไม่ได้ไปถามพวกเขาด้วยว่าได้เอาของไปจริงหรือไม่ แต่กลับย้อนถามพระสนมซูเฟยว่า“พระสนมซูเฟยทรงมั่นพระทัยว่าหยกชิ้นนั้นลูกของหม่อมฉันเป็นผู้เอาไป งั้นหลักฐานล่ะเพคะ?” “หลักฐาน? หึ เจ้าลองถามเหล่าบ่าวไพร่ที่อยู่ด้านหลังเจ้าดูสิ พวกเขาทั้งหมดเห็นเด็กสองคนนั้นเข้าออกที่ตำหนักของข้า หากไม่ใช่พวกเขาแล้ว ยังจะเป็นใครได้? คนที่นั่งอยู่ที่นี่ทุกคนรู้ถึงพฤติกรรมของเด็กสองคนนี้ข้างนอกทั้งหมด มีแม่ที่ไร้คุณธรรม ลูกที่ออกมาก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากัน มือเท้าที่ไม่สะอาด แคว้นของเราต้องตัดเท้าน่ะ พวกเจ้าสองคนคิดให้ดีๆ จะคืนหยกของข้ามาดีๆไหม?” ปึ้ง ------ ------ เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น เซี่ยหวินเทียนทนไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นแล้วจ้องไปที่พระสนมซูเฟย สีหน้าท่าทางเหมือนกับจะจับนางมาเฉือนเนื้อ“พระสนมซูเฟย ท่านต้องรับผิดชอบในสิ่งท่านพูดด้วยนะ อะไรคือไร้คุณธรรม? อะไรคือลูกสวะ? ที่อีอีต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ท่านคิดว่าควรจะโทษใครดี?” “ท่านพี่” พูดจนถึงขึ้นนี้แล้ว เซี่ยอีอีกลัวว่าจะเสียแผนทั้งกระดานไป สถานการณ์ในตอนนี้ นางไม่อยากจะต้องมีเรื่องของเหว่ยหมิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก การเรียกเบาๆของเซี่ยอีอี เหมือนดึงสติของเซี่ยหวินเทียนให้กลับมา เขาเก็บสายตากลับไป แล้วก็จ้องมองไปที่เหว่ยหมิงด้วยสายตาที่โกรธแค้น ถึงแม้เหว่ยหมิงจะถูกจ้องมาอย่างกะทันหัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ได้มีแผนที่จะช่วยเหลือแต่อย่างใด สายตาของเซี่ยหวินเทียนที่มองนั้นมันดูรุนแรงกว่าตอนที่มองพระสนมซูเฟยอีก เสียแรงที่เขาดีด้วย ยังคิดจะหาทางให้เขากับเซี่ยอีอีลงเอยกัน แต่เขากลับปล่อยให้สามแม่ลูกถูกดูถูกอยู่เฉยๆ โดยไม่พูดอะไรเลย เป็นคนเลือดเย็นจริงๆ “ท่านแม่ ข้ากับซื่อเอ๋อไม่ได้ขโมยของนะ”คำพูดของเซี่ยเฉินวี่เย็นชา ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างไร แล้วก็ไม่ได้ดูจะแก้ตัว เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้มเบาๆ“เด็กดี แม่รู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้ขโมย” “ไม่ได้ขโมย? เจ้าบอกว่าไม่ได้ขโมยก็คือไม่ได้ขโมยหรอ” พระสนมซูเฟยถูกเซี่ยหวินเทียนทำให้ตกใจจริงๆแหละ แต่ฮ่องเต้อยู่ตรงนี้ด้วย นางไม่เชื่อว่าเซี่ยหวินเทียนจะกล้าทำอะไรนางได้ เขาเป็นทหารนิสัยห่ามๆ ในสายตาของนางก็แค่คนหยาบคนหนึ่ง นางไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น “ก็นั่นน่ะซิ มีแต่คำพูดไม่มีหลักฐาน ใครจะรู้ว่าพวกเขาขโมยไปจริงหรือเปล่า เด็กสองคนนี้ชื่อเสียงก็ไม่ดีอยู่แล้ว วันนี้พาเข้าวังมาด้วย ขายหน้าตระกูลเซี่ยจริงๆเลย”เมื่อสิ้นเสียงนี้ลง ไม่ต้องมองไปก็รู้ว่าใครเป็นคนพูด ภายในตำหนักใหญ่ เซี่ยอีอีเริ่มเปิดตาจ้องกลับไป หากเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ถูกดูถูกขนาดนี้ ก็น่าจะร้องไห้วิ่งหนีไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เซี่ยอีอีจะทำแค่ยิ้ม เสียงหัวเราะที่ดังเข้าหู มันเป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความเย็นชา ไม่ได้มีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่แล้ว เซี่ยอีอีมองไปที่นางเฉินซื่อ นางยิ้มมุมปากแบบร้ายๆ แล้วหันไปมองพระสนมซูเฟย “ถูกต้อง ที่หม่อมฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยมันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาไม่ได้ขโมย แต่ถ้าเปลี่ยนกัน พระสนมซูเฟยบอกว่าพวกเขาขโมย พวกเขาก็จะต้องเป็นขโมยงั้นหรอ? ท่านบอกว่ามีคนเห็นพวกเขาเข้าออกตำหนักของท่าน งั้นขอบังอาจทูลถามพระสนม คนที่เคยเข้าออกตำหนักของท่าน ก็เป็นคนที่ขโมยหยกของท่านไปงั้นหรอ? หรือว่า ท่านตั้งใจจะโยนความผิดให้ลูกของหม่อมฉันกันแน่?” เห็นนางพูดจาแก้ต่างแบบนี้ พระสนมซูเฟยยิ่งไม่พอพระทัยในตัวนางมากขึ้นไปอีก นางก็เลยพูดกลับไปว่า“จริงอยู่ที่ตำหนักของข้ามีคนเข้าออกมากมาย แต่คนนอกมีน้อยนัก ความหมายของเจ้ากำลังจะบอกว่าคนของข้าขโมยไปแล้วโยนความผิดให้พวกเจ้างั้นหรือไง?” “พระสนม!”เมื่อพูดจบ นางกำนัลด้านนอกก็พาเด็กคนหนึ่งที่โตกว่าซื่อเอ๋อพี่น้องเข้ามา“พระสนม พบหยกแล้วเพคะ คุณชายน้อยขโมยเอาไปอวดคนอื่นๆเล่น บ่าวก็เลยเข้าใจผิดว่าถูกขโมยไป” สายตามากมายจ้องไปที่นางกำนัลของพระสนมซูเฟย พระสนมซูเฟยที่พูดจาอย่างเกรี้ยวกราดนั้น สีหน้าท่าทางก็เสียไปทันที เหมือนถูกอะไรอุดปากเอาไว้ จะพูดก็พูดไม่ออก อึดอัดมาก บรรยากาศเงียบไป พระสนมซูเฟยเหลือบไปมองฮ่องเต้ เห็นฮ่องเต้ขมวดคิ้วอยู่ นางก็ตัวสั่นไม่หยุด แล้วหันไปจ้องนางกำนัลที่อยู่ข้างๆเด็กคนนั้น “เจวี๋ยเอ๋อ ใครให้เจ้าหยิบหยกชิ้นนี้ไป?” คำตำหนิของพระสนมซูเฟยเหมือนเทียบกับที่ต่อว่าซื่อวี่สองพี่น้องแล้ว มันทำให้คนอดหัวเราะไม่ได้เลย เซี่ยอีอีหัวเราะเบาๆ มองไปที่เด็กที่อยู่ข้างๆ “ที่แท้ก็เป็นคุณชายน้อยของตำหนักองค์ชายสี่นั่นเอง ขายหน้าตำหนักของตัวเองจริงๆด้วย พระสนมเพคะ ในเมื่อคนที่ขโมยหยกของท่านเป็นถึงคุณชายน้อยที่มีทั้งพ่อและแม่คอยสั่งสอน โทษการตัดแขนขา หม่อมฉันว่าก็ช่างมันเถอะเพคะ!” “เจ้า ......” เห็นพระสนมซูเฟยยังคงไม่พอพระทัย เซี่ยอีอียิ้มร้ายมากขึ้นไปอีก “ทำไมหรอเพคะ หรือว่าอีอีพูดอะไรผิดไป? พระสนม ท่านเป็นถึงคนข้างกายของฝ่าบาท ท่านดูถูกต่อว่าหม่อมฉันไม่กล้าไม่รับ แต่ว่า เป็นคนจะต้องรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ท่านใส่ร้ายลูกของหม่อมฉัน ในฐานะคนเป็นแม่ไม่มีทางจะยอมให้ลูกของหม่อมฉันไม่ได้รับความเป็นธรรม ในฐานะคนเป็นแม่เช่นเดียวกัน หม่อมฉันคิดว่าพระสนมคงจะเข้าใจในตัวของหม่อมฉัน” ไม่ยอมที่จะให้ลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม หมายถึงจะแก้แค้นหรอ? แต่ว่าในวังหลวง ในตำหนักใหญ่ ฮ่องเต้ฮองเฮาก็อยู่กันครบ ทำไมนางถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ? ภายในตำหนักใหญ่เงียบสงัด แม้แต่ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็ไม่ได้พูดอะไรหยุดความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ฮองเฮาเหมือนจะดูด้วยความสนุก จิบชาไปด้วยความสุนทรี เซี่ยอีอีหันไปมองหยกในมือของนางกำนัล แล้วยิ้มมุมปาก พูดเบาๆว่า“หยกเหวินเห๋อ เป็นของที่หาชทได้ยากจริงๆ” พูดจบ ก็ยื่นมือไป มือยังไม่ทันได้สัมผัสถูกหยก พระสนมซูเฟยก็รีบพูดขึ้นมาว่า“เซี่ยอีอี เจ้าคิดจะทำอะไร?” เสียงพูดของพระสนมซูเฟย เซี่ยอีอีก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ยื่นมือไปแตะหยกชิ้นนั้น จับหยกชิ้นนั้นไว้แน่น นางกำนัลก็ไม่ยอมปล่อยสักที เซี่ยอีอีจ้องไปอย่างแรง นางกำนัลตกใจจนมือสั่น ทำให้หยกตกอยู่ในมือของนาง มันวางอยู่บนมือของนางครู่หนึ่ง สีหน้าของเซี่ยอีอีเหมือนเสียดาย แล้วพูดเบาๆว่า“เสียดายจริงๆ” แล้วก็ปล่อยมือ หยกตกไปบนพื้น เสียงแตกละเอียด ทำให้ทุกคนตกใจ เมื่อเห็นเซี่ยอีอีทำหยกแตกเป็นเสี่ยงๆ พระสนมซูเฟยตัวสั่นลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ “เจ้า ...... เจ้า ......” มือที่กำลังสั่นของพระสนมซูเฟย ชี้ไปที่เซี่ยอีอีอยู่นาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลย เซี่ยอีอีมองดูหยกที่แตกละเอียดอยู่บนพื้น แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา พริบตาที่เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนโยน “ฝ่าบาท ฮองเฮาเพคะ อีอีอารมณ์ไม่ค่อยดี ขอทูลลาก่อน” พูดจบ ก็คำนับแล้วก็ไป เมื่อเห็นเซี่ยอีอีออกไป ทุกคนถึงกลับงง เพราะนางอารมณ์ไม่ดี ก็ไปแบบนี้เลยหรอ ตอนนพวกเขาก็รู้สักทีว่า ทำไมเด็กสองคนนั้นถึงมีนิสัยเหมือนปีศาจ ที่แท้ก็เหมือนแม่ของพวกเขานั่นเอง คุณหนูสี่บ้านตระกูลเซี่ย ห้าปีที่แล้วมีชื่อเสียงเพราะสติไม่ดี ตอนนี้กลับมาเมืองหลวงถึงจะไม่ได้พบเจอใครมากมาย แต่กลับสามารถทำให้คนพูดถึงได้ตลอดเวลา แล้ววันนี้ก็ยังทำให้คนรู้สึกว่า คุณหนูที่เคยสติไม่ดีตอนนี้ไม่บ้าแล้ว แต่เหมือนกับเลาะเปลี่ยนกระดูกเปลี่ยนหนัง ความไม่ยอมคนมันออกมาจากกระดูกส่วนลึกข้างใน ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ นางก็ไม่มีการเก็บอาการเลย ทันใดนั้นเอง เหว่ยหมิงออกลืมตัวหัวเราะออกมา แถมเสียงยังดังมากอีกด้วย เหมือนกลับไม่ได้ตั้งใจจะปิดอะไร ทุกคนต่างมองนางด้วยความสงสัย แต่เหว่ยหมิงกลับไม่ได้สนใจสายตาที่สงสัยเหล่านั้น เขาใช้หมัดไอออกไปสองสามครั้ง แล้วยิ้ม จางฮวายมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ ถึงไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะทำไม แต่เขาน่าจะเดาอะไรได้ นิสัยของคุณหนูตระกูลเซี่ยร้อนแรงดังไฟ เมื่อเทียบกับเขาที่เย็นชายังกับหิมะน้ำแข็งต่างกันฟ้ากับเหว แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับคุณหนูเซี่ยคนนี้นัก แต่เขากับคุณหนูสี่คนนี้ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เขานึกไม่ออกว่าทำไมถึงได้คุ้นนัก เพียะ ------ ------ เสียงตบกกหูดังสนั่นไปทั่วตำหนักใหญ่ เหว่ยเฉินจ้องไปที่เหว่ยเซียว แล้วตะคอกว่า“กลับจวนไปเดี๋ยวนี้” เหว่ยเซียวจับไปที่หน้า สีหน้าเกร็งกลัวเหว่ยเฉินมาก โตมาขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกตี ในใจรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าพูดอะไร น้ำตาไหลลงมาเป็นสายน้ำ นางกำนัลที่อยู่ข้างๆรู้สึกตกใจ รีบพาเข้าออกไปทันที อีกด้านหนึ่ง เซี่ยวี่เสวียนมองดูละครฉากนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนหน้านี้นางโกรธอยู่นาน หากจะให้พูด นางคงจะต้องขอบคุณในความอารมณ์ร้อนของเซี่ยอีอี หากนางไม่ได้ทำหยกของพระสนมซูเฟยแตก คงไม่มีอะไรดีๆให้ดูแบบนี้? ความแค้นของเซี่ยอีอีกับพระสนมซูเฟยก็ถือว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ต่อไปจะให้ต่างคนต่างอยู่ เกรงว่าใครคงห้ามไม่ได้แล้ว เซี่ยวี่เสวียนอารมณ์ดีมากๆ นางก้มหน้าจับไปที่ท้อง ไม่ได้สนใจที่จะตามเหว่ยเฉินไป เซี่ยอีอีไม่ได้รับความเป็นธรรมขนาดนี้ อีกทั้งนางก็ไม่ได้ไว้หน้าใคร นางไม่เชื่อว่าเซี่ยอีอียังจะมีอารมณ์มาอ่อนโยนกับเหว่ยเฉิน นางยิ้มเบาๆ เหมือนได้ระบายความอึดอัดในใจออกมา ............ “ท่านแม่ ตอนนี้เราจะไปไหน?” เซี่ยวี่ซื่อยื่นหน้าไปถาม เซี่ยอีอีค่อยๆเดิน แล้วยิ้มมุมปาก ยิ้มด้วยความร้ายๆ “ซื่อเอ๋อวี่เอ๋อ แม่ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกเจ้าไปหาท่านลุง ให้ท่านลุงพาพวกเขากลับบ้าน” “ท่านแม่ ผู้หญิงแก่ๆคนนั้นเป็นใคร? นางด่าเรา ข้าจะไปฉีกปากนาง” เซี่ยเฉินวี่ยังคงโกรธอยู่ แล้วพูดด้วยความแค้น เซี่ยอีอีลูบไปที่ศีรษะของเขา “วี่เอ๋อเด็กดี พาซื่อเอ๋อกลับไปก่อนนะ เรื่องนี้แม่จัดการเอง” เซี่ยเฉินวี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เซี่ยวี่ซื่อยืนอยู่ข้างๆแล้วดึงแขนเสื้อเขา “ไปเถอะ ท่านแม่บอกแล้วนางจะจัดการเอง เราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่” เซี่ยเฉินวี่นิ่งเงียบไป เหมือนลังเล แต่ก็พยักหน้า แล้วออกไปกับเซี่ยวี่ซื่อ หลังจากที่สองพี่น้องจากไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร็วๆเดินเข้ามา เซี่ยอีอียิ้มมุมปาก หันหลังเดินเล่นไปมาอยู่ในสวน เสื้อสีขาวปลิวไสว เหว่ยเฉินเดินตามมา “อีอี” เซี่ยอีอีไม่หันกลับมา ปล่อยให้เขาดึงแขนของตัวเอง “ขอโทษ คำพูดของเสด็จแม่เมื่อกี้ทำร้ายเจ้ามากใช่ไหม อีอี ข้าขอโทษแทนเสด็จแม่ด้วย อย่าโกรธเลยได้ไหม?” เซี่ยอีอีค่อยๆหันมา สีหน้าเต็มไปรอยน้ำตาทำให้เหว่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวด “องค์ชาย พระสนมซูเฟยพูดถูก อีอีไม่เหมาะกับองค์ชาย ความรู้สึกขององค์ชายข้าเข้าใจดี แต่ว่าอีอีมีลูกแล้วสองคน คนอื่นจะนินทาเอาได้ องค์ชายลืมข้าไปซะเถอะ!” นางเสแสร้ง? คณะละคร? ถูกต้อง ก็คือเซี่ยอีอีนางนั่นแหละ เจ้ารังแกลูกของนาง นางก็จะรังแกลูกของเจ้า จนกว่าเจ้าจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่านรก ให้ลืมนาง เขาจะยอมได้ยังไงล่ะ? คนที่อ่อนโยนแบบนี้ เขาเกลียดตัวเองในตอนนั้นที่หน้ามืดตามัว เหว่ยเฉินดึงเซี่ยอีอีเข้ามากอด แล้วพูดด้วยคำมั่นสัญญาว่า“ไม่ อีอีเจ้าเชื่อข้า ข้าจะแต่งงานกับเจ้าให้ได้ ต่อให้เสด็จแม่จะคัดค้าน ข้าก็จะแต่งกับเจ้า อีอีเจ้าอดทนอีกสักหน่อย รอข่าวคราวจากข้านะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็หลบสายตา แอบทำสายตารังเกียจอย่างแรง ความอ่อนโยนแบบเมื่อกี้ก็เริ่มหายไปอีกครั้ง แล้วร้องไห้ไม่หยุด เซี่ยอีอีก็พูดว่า“คำสัญญาขององค์ชายข้าเชื่อ อีอีจะรอท่าน” พูดแล้วพราง เงยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาขึ้นมา ยื่นมือไปจับที่ปากของเขา “องค์ชายกลับไปเถอะ ท่านออกมาแบบนี้ฝ่าบาทน่าจะไม่พอพระทัย” การกระทำของเซี่ยอีอีที่ทำกับเหว่ยเฉิน มันคือการยั่วยวนอย่างถึงที่สุด เขากลืนน้ำลายเหือกใหญ่ เหมือนอยากจะไปจูบนาง แต่เซี่ยอีอีเอี้ยวหลับ แล้วพูดว่า“องค์ชายทนไม่ไหวแล้วหรอ ข้าไม่ใช่ท่านพี่นะ ก่อนที่ท่านจะทำให้คำมั่นสัญญาของท่านเป็นจริง ท่านห้ามแตะต้องตัวข้า” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา สายตาที่เป็นประกาย แต่ตอนนี้นางหลบหน้าไปข้างหนึ่ง ตอนนี้เหว่ยเฉินรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้ว เขากลืนน้ำลายเหือกใหญ่อีกครั้ง แล้วจับมือของนางแล้วพูดว่า“อีอีเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้นาน เจ้ารอข้านะ” เซี่ยอีอีพยักหน้าเบาๆ “องค์ชายเสด็จกลับเถอะ ข้าต้องไปแล้ว หากใครมาเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องอะไรขึ้นมาอีก” นางห่วงชื่อเสียงของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี เหว่ยเฉินก็ต้องยอมนาง เขามองไปรอบๆ แน่ใจว่าไม่มีใคร แล้วก็เน้นย้ำกันอีกครั้ง “งั้นข้ากลับก่อนนะ เจ้าก็รีบกลับจวนนะ วันอีกสองสามวันข้าจะไปหาเจ้า” เมื่อเห็นเหว่ยเฉินไปแล้ว เซี่ยอีอีก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดไปที่น้ำตาที่ไร้ความรู้สึก แล้วยิ้มมุมปาก นางยกมือที่จับไปที่ปากของเหว่ยเฉิน แล้วเช็ดไปอย่างแรง นางยิ้มร้ายๆให้อารมณ์แบบเรื่องนี้มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น นางจะกลับไปทั่งแบบนี้ได้ยังไง? หากไม่ดูละครต่อให้จบ ก็จะเสียเวลาที่นางคิดแผนมาน่ะสิ?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 32 เปิดฉากเด่น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A