ตอนที่ 35 คนมากมายมาขอแต่งงาน
1/
ตอนที่ 35 คนมากมายมาขอแต่งงาน
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 35 คนมากมายมาขอแต่งงาน
ตนที่ 35 คนมากมายมาขอแต่งงาน เสียงที่เกิดขึ้นถึงแม้มันจะบางเบา แต่เหว่ยหมิงยังคงได้ยินอย่างชัดเจน เขาจับถ้วยชาไปมา แล้วยกขึ้นมาดมกลิ่นชาที่จมูก เมื่อเสียงบนหลังคาหยุดลง เขาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วยิ้มมุมปาก แล้วค่อยๆยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม เด็กสองคนนี้กล้าเกินไปแล้ว บุกเข้าตำหนักอ๋องของเขา แถมยังกล้าเข้ามาถึงเรือนในของเขาด้วย พวกเขาช่างเหมือนกับแม่จริงๆ ไม่กลัวอะไรเลย ผ่านไปครู่หนึ่ง เงาของเด็กน้อยทั้งสองที่แอบเข้ามาก็ค่อยๆหลบออกไป ส่วนเหว่ยหมิงก็ทำเหมือนไม่รู้อะไร “ท่านอ๋อง” เหว่ยหมิงเงยหน้ามองไปที่ตงหมิง ไม่ได้พูดอะไรตอบ แต่สายตานั้นเหมือนกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่ “ท่านอ๋อง เด็กสองคนนั้นไปแล้ว” “อืม” เหว่ยหมิงตอบกลับเบาๆ “รู้หรือเปล่าว่าพวกเขามาทำอะไรกัน?” เหว่ยหมิงมองกลับไป แต่ไม่ได้ยินตงหมิงตอบกลับมา เขามองไปอีกครั้ง “มีอะไรหรอ?” ตงหมิงลังเลไปครู่หนึ่ง มองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความลำบากใจ “ก็ไม่มีอะไรพะยะคะ ได้ยินพวกทหารบอกว่า พวกเขาเหมือนคุยกันเรื่องมีผู้หญิงในห้องท่านหรือเปล่า กระหม่อมคิดว่าคงฟังผิดกันไปเอง เด็กตัวแค่นั้น จะคุยกันเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน” เงียบไปครู่หนึ่ง เหว่ยหมิงก็เหมือนจะยิ้มเบาๆ “เอาล่พ รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนไป!” “พะยะคะ” หลังจากที่ตงหมิงออกไปแล้ว เหว่ยหมิงก็ยิ้ม เด็กสองคนนั้นมาทำลับๆล่อๆในตำหนักของเขาเพื่อดูว่ามีผู้หญิงไหม น่าสนใจจริงๆ ไม่รู้ว่าแม่ของนางรู้แล้วจะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง! ที่บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยอีอีนั่งทำสมาธิในถังอาบน้ำ ดูจากท่าทางแล้วอารมณ์ดีใช้ได้เลย ตงสี่ค่อยๆนวดที่ไหล่ให้นางเบาๆ แล้วถามว่า“คุณหนู วันนี้ท่านเข้าวังมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมคุณชายถึงได้ดูโกรธมากขนาดนั้น แล้วทำไมคุณหนูถึงได้อารมณ์ดี ขนาดนี้ ยังมีฮูหยินรองอีก สีหน้าเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแบบนั้น ตอนอาหารเย็นถอนหายใจตั้งหลายครั้ง!” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ลืมตาขึ้นมา มองไปที่น้ำที่เคลื่อนไหวอย่างเบาๆ “ตงวี่ เจ้าว่าข้าใจดีเกินไปหรือเปล่า?” ตงวี่ไม่เข้าใจความหมายมันในทันที “คุณหนู ท่านพูดอะไรน่ะ?” เซี่ยอีอีถอนหายใจ “ไม่มีอะไร เมื่อกี้เจ้าถามข้าว่าดีใจเรื่องอะไรใช่ไหม เจ้าไม่ได้ยินข่าวเรื่องที่เซี่ยวี่เสวียนแท้งลูกหรอ?” ตงวี่หันไปมองเซี่ยอีอีด้วยความตื่นเต้น “จริงหรอ?” เห็นสีหน้าท่าทางของนางดูจะดีใจจนเนื้อเต้น เซี่ยอีอียิ้มเบาๆ “จริงน่ะสิ ดังนั้นข้าถึงได้บอกว่าข้าใจดีเกินไปหรือเปล่า ใช้วิธีการเดียวกับที่พวกเขาทำกับเราจัดการกับพวกเขา ห้าปีก่อน ข้าไม่ได้บวกเพิ่มดอกเบี้ยเลยนะ ตอนนั้นข้าได้เด็กสองคนมา ตอนนี้พวกเขาเสียเด็กไปแค่คนเดียว แต่กลับไม่ใช่ชีวิตของพวกเขา ตอนนี้ ข้ายังใจดีไม่พอใช่ไหม?” ตงวี่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง นางพยักหน้า แล้วส่ายหัว “คุณหนูไม่ได้ใจดี แต่มีเมตตามากเกินไปต่างหาก หากเป็นข้านะ ข้าจะฉีกพวกเขาออกเป็นสองท่อนเลย ให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรคือตาต่อตาฟันต่อฟัน” เซี่ยอีอีลุกออกมาจากถังอาบน้ำ ร่างกายที่ราวกับหยกสีขาวถูกห่อหุ้มด้วยผ้าแพรอย่างดี นางมายังหน้ากระจก มองดูตัวเองที่อยู่ในกระจก จัดระเบียบผม “ฉีกให้เป็นพันๆชิ้นมันจะไปยากอะไร? เจ็บครั้งเดียวก็จบแล้ว พวกเขาจะเสียเปรียบเอาน่ะสิ?” นิ้วเรียวยาวจับไปที่หน้าของตัวเอง เซี่ยอีอียิ้มกับตัวเองในกระจกแบบร้ายๆ แล้วก็มองไปที่ริมฝีปากของตัวเอง เมื่อนึกถึงตอนนที่ถูกเหว่ยหมิงจูบนาง เซี่ยอีอีก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที “ตงวี่ เมื่อวานเจ้าบอกว่าคุณชายของไต้เท้าเฉิงตงหลิวอยากชวนข้าไปชิมชาใช่ไหม พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปบอกเขาที ว่าเจอกันที่ ‘หอจิ่งหยาโหลว’ ล่ะกัน” ------------ เซี่ยอีอีมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้งในเมืองหลวงในช่วงหลายวัน นางไปมาหาสู่คุณชายตระกูลใหญ่หลายต่อหลายคน ทั้งชิมเหล้าชิมชาชิมอาหาร ฟังดนตรีชมการเต้นรำ ไม่ได้สนใจความต่างระหว่างชายหญิงเลย ถึงแม้นางจะชื่อเสียงไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้รู้จักกับนางจริงๆแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้เลยสักคน แถมคนที่นางไปมาหาสู่ด้วยส่วนใหญ่ก็จะดูมีความรู้ ดูเป็นสุภาพบุรุษ ชื่อเสียงของนางก็กระฉ่อนขึ้นมาภายในไม่กี่วัน คนที่ไปสู่ขอนางที่ตระกูลเซี่ย ก็แทบจะหัวกะไดบ้านไม่แห้งเลย เหว่ยหมิงได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าก็เหมือนคนถูกฟ้าผ่า หน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน ตงหมิงไม่กล้าเข้าใกล้เขาอยู่หลายวันทีเดียว พู่ที่เก็บรักษาทะนุทะนอมอยู่หลายวันก็เขวี้ยงจนไปจนกับเสา ทำให้หยกแตกหล่นอยู่กับพื้น “เข้ามา กระจายคำสั่งของข้าออกไป ค่ายทหารขาดแคลนคน จำเป็นจะต้องรีบรับสมัครคนเพิ่ม โดยให้เกณฑ์เอาคุณชายที่วัยเหมาะสมก่อน อายุสิบเจ็ดขึ้นไปทั้งหมดจะต้องเข้ารับเกณฑ์ทหาร ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด จะต้องเข้ามารวมตัวกันในเมืองหลวงภายในสามวัน หากใครขัดคำสั่ง ให้รับโทษตามกฎทหารทันที” “รับทราบ” ถึงแม้ตงหมิงจะไม่เข้าใจทำไมจู่ๆเหว่ยหมิงถึงทำแบบนี้ แต่เมื่อเห็นเขาเขวี้ยงหยกที่รักษาอย่างดีอยู่หลายวันลง เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก ได้แต่รับคำสั่งแล้วไปจัดการ ภายในวังหลวง เมื่อได้ยินข่าวการเกณฑ์ทหาร ฮองเฮาถึงกลับหัวเราะอยู่สองสามชั่วโมง เซี่ยอีอีทำตัวไม่ถูกอยู่หลายวัน นางก็ได้ยินข่าวมาบ้าง จริงๆก็มีความกังวลอยู่เหมือนกัน แต่การกระทำของเหว่ยหมิง ทำให้นางไร้กังวลไปเลย จริงๆคิดว่าเด็กสองคนนี้คงไม่สนใจกันเลย สุดท้ายจะทำให้ความหวังดีของนางเสียเปล่า ใครจะคิด ลูกชายของนางจะปากแข็ง ทำให้นางคิดว่าเขาไม่ได้สนใจนังหนูนั่นจริงๆ! แต่ว่า จู่ๆก็เรียกเกณฑ์ทหารซะอย่างนั้น มิน่าทำไมฮองเต้ถึงได้สงสัย เรื่องนี้สงสัยนางจะต้องไปพูดเองซะแล้ว เมื่อมาถึงนอกประตูตำหนักเฉียนชิงกง ได้ยินขันทีเฝ้าประตูบอกว่าพระสนมซูเฟยก็อยู่ด้านใน ฮองเฮาสอบถามไปไม่กี่คำ ก็รู้ว่าพระสนมซูเฟยมาขอร้องให้ยกเลิกคำขอแต่งงานของเหว่ยหมิง ฮองเฮายิ้ม นางกับพระสนมซูเฟยไม่ถูกกันอยู่ก่อนแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคราวนี้พวกนางจะมีความคิดเห็นเหมือนกัน เดินก้าวเข้ามา ชุดที่ลากยาวกับพื้น ฮองเฮาสีหน้าจริงจัง ค่อยๆถวายบังคมเบาๆ “ถวายพระพรฝ่าบาท” “ฮองเฮาตามสบายเถอะ มานั่งนี่มา” ฮองเฮาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็เห็นพระสนมซูเฟยลุกออกมาอย่างไม่เต็มใจ ถวายพระพรอย่างขอไปที “ถวายพระพรฮองเฮา” “อืม” สำหรับพฤติกรรมของพระสนมซูเฟย ฮองเฮาชินมานานแล้ว แม้แต่บอกให้นางลุกขึ้นก็ยังขี้เกียจเลย นางตอบกลับง่ายๆกลับไป แล้วเดินไปนั่งข้างๆของฮ่องเต้ ฮองเฮานั่งตัวตรงไม่เหมือนกับสนมคนอื่นที่ดูไม่มีสง่าราศี ฮองเฮาเห็นคนที่มีกิริยามารยาทดี ก็พูดว่า “ทำไมวันนี้ถึงได้ว่างมาที่นี่ได้ล่ะ?” “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเพคะ บังเอิญเดินผ่านมา ก็เลยแวะเข้ามาดูเพคะ” ดูดู? หลายปีมานี้นางเคยแวะมาดูด้วยหรอ? แต่วันนี้นางมา คิดว่านางน่าจะมีเรื่องอะไรแน่ๆ “สนมซูเฟย เจ้ากลับไปก่อนไป เรื่องที่เจ้าพูดข้าจะลองคิดดูอีกที” ฮ่องเต้ทรงเอ่ยปากไล่ พระสนมซูเฟยก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก นางเข้าวังมานานหลายปี รู้ดีว่าในสายตาของฮ่องเต้มีแต่ฮองเฮาไม่มีคนอื่นเลย นางรู้ข้อนี้ดี แล้วนางก็เป็นจุดเดียวที่นางเกลียดมากที่สุด นางเหลือบไปมองฮองเฮาอย่างไม่พอใจ แล้วถอยหลังถวายบังคมลาออกไป “เจ้ามาเพราะเรื่องของเหว่ยหมิงหรอ?” เมื่อเห็นพระสนมซูเฟยออกไปแล้ว ฮ่องเต้ก็ทรงเอ่ยปากถามสาเหตุที่ฮองเฮามา “เพคะ” ฮ่องเต้ทรงพยักหน้า เหมือนจะไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ “ถึงการกระทำของเขาจะดูกะทันหัน แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ผิดอะไร เกณฑ์ทหารกว่าพันวันใช้ทหารอาจจะแค่ครั้งเดียว แม้แต่ลูกชายของข้ายังนำทหารออกรบได้ พวกคุณชายทำไมจะไปฝึกทหารไม่ได้ เพียงแต่ว่า ข้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่ ไม่รู้ว่าฮองเฮาพอจะรู้เรื่องบ้างหรือว่าไม่รู้เหมือนกัน” เมื่อได้ยินดังนั้น ฮองเฮาเงยหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “ฝ่าบาทเชิญเอ่ยมาได้” เห็นฮองเฮาไม่ได้มีความรู้สึกอะไร ฝ่าบาทก็เก็บสายตากลับมา “วันนั้นในงานเลี้ยง ข้าเห็นเด็กบ้านตระกูลเซี่ยคนนั้นขลุ่ยหยกที่นางใช้เล่นเหมือนจะเป็นของเหว่ยหมิง หากข้าจำไม่ผิด นั่นมันเป็นของที่หลายปีก่อนเขาตั้งใจไปตามหามาจากซีฉู มันสำคัญกับเขามาก แม้แต่หมิงหยวนซื่อจื่อจะจับยังไม่ยอมเลย แต่วันนี้เขากลับมอบขลุ่ยหยกนั่นให้กับคนอื่น ฮองเฮารู้สาเหตุไหม?” ขลุ่ยหยก? เรื่องนี้ฮองเฮาไม่ได้สังเกตุจริงๆ เหว่ยหมิงได้ขลุ่ยหยกมาเมื่อหลายปีก่อนเรื่องนี้นางรู้ แต่หน้าตาของขลุ่ยเป็นยังไง นางไม่เคยเห็น แต่ว่า หากเขายกขลุ่ยหยกให้เด็กคนนั้นจริง แล้วเด็กคนนั้นก็รับมันอย่างยินดี งั้นก็หมายความว่าทั้งสองคนก็ต่างได้ให้สัญญาอะไรบางอย่างต่อกันแล้ว! เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฮองเฮาก็ดีพระทัยมากไม่น้อยเลย “ฝ่าบาททรงไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมเพคะ? หม่อมฉันไม่เคยเห็นฝ่าบาททรงพูดถึงขลุ่ยหยกนี้เลย ดังนั้นเรื่องนี้หม่อมฉันไม่ทราบเลยเพคะ” เรื่องนี้ไม่ใช่การสอบสวน นางไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าปกตินางมีสีหน้าที่เรียบเฉยแต่กลับมีรอยยิ้ม ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกประหลาดใจมาก “เมื่อกี้สนมซูเฟยมาด้วยเรื่องคำขอแต่งงานของเหว่ยเฉิน ไม่รู้ว่าฮองเฮาคิดยังไง?” คิดยังไง จากมุมมองของนาง ในเมื่อฮ่องเต้ถามนางเรื่องนี้ ก็อย่าหาว่านางลำเอียงเลย “หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทน่าจะทำตามที่สนมซูเฟยต้องการนะเพคะ เด็กคนนั้นได้รับพระราชทานงานแต่งงานจากอดีตฮ่องเต้ก็จริง แต่ฝ่าบาททรงอย่าลืมนะเพคะ หลายปีก่อนเซี่ยวี่เสวียนรับราชโองการของอดีตพระราชแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายสี่ในนามของคุณหนูสี่ของตระกูลเซี่ย หากตอนนี้ให้แต่งกับเซี่ยอีอีอีก แล้วจะให้แต่งในนามอะไรเพคะ? หรือว่าอดีตพระราชาจะพระราชทานงานแต่งให้ถึงสองคนเลยหรอเพคะ?” คำพูดเหล่านี้ฟังไม่ออกว่าในใจคิดอะไรอยู่ ฮ่องเต้คิดไม่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้า “คำพูดของฮองเฮามีเหตุผล แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ เด็กบ้านเซี่ยคนนั้นจะคิดว่าข้าเป็นคนไม่รักษาคำพูดหรือเปล่า? ข้าเห็นว่าเด็กคนนั้นกล้าเกินคนไปหน่อย ขอแค่นางไม่คิดแค้นอะไรข้าก็พอ” “ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้ เด็กคนนั้นไม่ใช่คนใจแคบ การไม่ให้นางแต่งงานก็เพราะหวังดีกับนาง ตำหนักขององค์ชายสี่มีชายาเป็นสิบเป็นร้อย ต่อให้นางแต่งไปจริงๆจะมีความสุขสักกี่วันเชียว อีกอย่าง สนมซูเฟยเองก็ไม่ค่อยชอบนาง ต่อให้แต่งไป ฝ่าบาททรงคิดว่ามันดีกับนางจริงหรอเพคะ?” น้อยมากที่จะเห็นฮองเฮาพูดจากับเขามากขนาดนี้ ฮองเต้รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ มองหน้านางอยู่นาน คิดอยากจะพูดแต่ก็นึกคำพูดไม่ออก เมื่อเห็นดังนั้น ฮองเฮาก็หลบสายตา นางลุกขึ้นแล้วทำความเคารพ “หม่อมฉันคิดว่าพูดมากเกินไป ฝ่าบาทมีราชกิจอีกมาก หม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้ว” “หม้อเอ๋อ” หลังจากหันหลังเดินไป กลับได้ยินฮ่องเต้เรียก เมื่อได้ยินดังนั้น ฮองเฮาก็หยุดเดิน นานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ได้ยินใครเรียกแบบนี้ แต่หลายปีมานี้ นางแทบจะลืมชื่อนี้ไปแล้ว อายุก็มากขึ้น เวลาก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว นางไม่ได้หันกลับมา แต่ยังคงตอบกลับ“ฝ่าบาททรงเรียกผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันคือฮองเฮา ไม่ใช่หม้อเอ๋อ หากฝ่าบาทไม่มีอะไรจะรับสั่งแล้วหม่อมฉันทูลลา” มองเงาของฮองเฮาเดินจากไป ฮ่องเต้ก็ถอนหายใจเหือกใหญ่ ถูกต้อง นางคือฮองเฮา เป็นฮองเฮาของนาง ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจว่านางจะยินยอมหรือไม่ บังคับให้นางต้องถูกกักขังในวังหลวง ชิงอิสระไปจากนาง คิดว่าจะสามารถใช้ความรักของเขามาชดเชยให้ได้ แต่เขากลับลืมไปว่า ตัวเองเป็นโอรสสวรรค์ ไม่สามารถรักภรรยาคนใดคนหนึ่งคนเดียว การถูกกดดันจากขุนนางราชสำนักเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากดดัน ทำให้เขาต้องแก้ไขหยุดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ การแก้ไขของเขาไม่เพียงไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา แต่กลับทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ หลายปีมานี้ นางเกลียดเขามาก เขาก็รู้ดี แต่ว่าเขารักนางมาก ต่อให้นางจะเกลียดเขาไปชั่วชีวิต เขาก็จะไม่ยอมปล่อยนางไป ............ ที่หอฮว๋าอิ่งโหลว เสียงคนครึกครื้น เสียงความสนุกสนาน ทั้งบ้า ทั้งเมา ทั้งเสียงดัง จางอวายโอบกอดผู้หญิงสองคนที่คีบอาหารมาให้เขา อารมณ์สุนทรีมาก เขาให้คนที่มาปรนิบัติเขาสวมสุดสีแดงแล้วก็ผ้าปิดหน้าสีแดง หวังว่าจะเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างจากตัวพวกเขาบ้าง แต่เขากลับจะต้องผิดหวัง ความสง่างามบนตัวของนางเป็นสิ่งที่ไม่มีในตัวของพวกนาง นางไม่มีนางยั่วยวนเขาแบบนี้ ยิ่งไม่มีทางใช้ร่างกายมาดึงดูดเขา นางปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติ เหมือนไม่เคยมองว่าเขาเป็นซื่อจื่อเลย ซึ่งเป็นจุดเด่นของนาง ที่พิเศษมากกว่านั้นก็คือการที่กล้าปฏิเสธ เขายกแก้เหล้าขึ้นมา หลังจากวางแก้วเหล้าลง ก็เกือบจะต้องสำลักเหล้าตายซะแล้ว “แคกๆ แคกๆๆ!” ประตูที่แงมเอาไว้ครึ่งหนึ่ง คนที่ผ่านมาผ่านไปนั้นเห็นอย่างชัดเจน เขาเห็นเด็กสวมชุดสีม่วงสองคนพร้อมกับคนที่สวมชุดขาวเดินผ่านหน้าเขาไป เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เขาผลักคนข้างๆออก แล้วรีบเดินไปที่หน้าประตู ก็เห็นคนรูปร่างสูงใหญ่ออกมารอรับหน้าประตูห้อง จางอวายถึงกับกลืนน้ำลาย ทำให้คอเจ็บกันเลยทีเดียว หลายวันมานี้เรื่องที่นางไปมาหาสู่กับเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่แพร่ไปทั่วเมืองหลวง เหว่ยหมิงออกคำสั่งทำให้พวกเขาออกจากเมืองหลวงไปจนหมด คนอื่นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่เขารู้ คิดว่านางจะอยู่นิ่งๆสักหลายวัน แต่นางกลับ ...... วิ่งมาหาผู้ชายที่นี่ ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างนาง รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? คิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้ยังไงก็ต้องบอกให้เหว่ยหมิงรู้ เพราะยังไงเขาก็ไม่ยุ่งไม่ได้ ผู้หญิงของเขา ให้เขาจัดการเองดีกว่า!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 35 คนมากมายมาขอแต่งงาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A