ตอนที่ 36 ชายบำเรอ
1/
ตอนที่ 36 ชายบำเรอ
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 36 ชายบำเรอ
ตนที่ 36 ชายบำเรอ เหว่ยหมิงจัดการส่งเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ไปแล้วสองวัน หลายวันมานี้ ก็ไม่ได้ยินเรื่องผู้หญิงคนนั้นไปก่อเรื่องที่ไหนอีก อารมณ์ก็ถือว่าดีใช้ได้ มือถือพู่เม็ดหยกที่แตกเอาไว้ “หมิง” การที่จางฮวายบุกเข้ามาแบบกะทันหันอย่างนี้ เหว่ยหมิงชินแล้ว เขาเงยหน้าไปมองเขา “มีเรื่องด่วนอะไร มีหมาป่าตามเจ้ามาหรือยังไง?” เห็นเขามีอารมณ์มาแหย่ตัวเขาเอง จางฮวายก็เลยไม่รีบร้อนแล้ว เขายิ้มมุมปาก นั่งลงตรงหน้าเขา แล้วก็เทชาให้ตัวเอง “เห้อ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้ามาจากไหน?” เมื่อได้กลิ่นเหล้าที่ฟุ้งไปทั่ว เหว่ยหมิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“หอนางโลมร้านเหล้า หยาเก๋อฟ่าง ก็คงหนีไม่พ้นร้านพวกนี้หรอก” จางฮวายดื่มชา เห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “หอฮว๋าอิ่งโหลว” รู้ทันทีเลยว่าสถานที่ที่เขาไปในแต่ล่ะวันมีแต่ที่แบบนี้ หอฮว๋าอิ่งโหลวเอย หงเสวียนเก๋อเอย พูดให้เขาฟังก็แค่ชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เหว่ยหมิงไม่ได้พูดอะไร ยังคงถือพู่ในมือเล่น เห็นเขาอารมณ์สุนทรีแบบนี้ จางฮวายเลยไม่รีบร้อนอะไรต่อ แล้วถามกลับไปว่า“เจ้าลองเดาดูว่าข้าไปเจอใครที่หอฮว๋าอิ่งโหลว? ข้ารับรองว่าเจ้าเดาไม่ถูกแน่ๆ” เหว่ยหมิงยิ้มมุมปาก ยังคงไม่สนใจ “เจ้าไปเจอใครมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? คนที่ไปสถานที่แบบนั้นก็ไปหาความสุขกันทั้งนั้น ก็มีแต่นางนายโคมแดงโคมเขียวทั้งนั้น ต่อให้เจอคนใหญ่คนโตที่ไหนก็ไม่แปลกนิ” เห็นเขาพูดด้วยท่าทางเรียบง่ายจางฮวายกลับรู้สึกสนุกขึ้นมา “หึหึ ที่เจ้าพูดว่าก็ไม่ผิด มีอย่างหนึ่งที่เจ้าพูดถูกที่สุดเลย ที่หอฮว๋าอิ่งโหลวหากไม่ใช่นางโคมแดง ก็มีแต่นายโคมเขียว ได้ยินมาว่าช่วงนี้มีนายโคมเขียวคนหนึ่งมีชื่อเสียงมากชื่อว่าหงอี หน้าตาอบอุ่นอ่อนโยนชวนหลงใหล ไม่เพียงดึงดูดคุณหนูตระกูลใหญ่ได้มากมาย แม้แต่ผู้ชายบ้างคนยังหวั่นไหวไปกับเขาด้วย” พูดจบ จงฮวายก็ยกชาขึ้นมาจิบ เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็มองไปทางอื่นนอกจากพู่ในมือ เขามองไปที่จางฮวาย แล้วขมวดคิ้วเบาๆ “เจ้าอย่าบอกข้านะว่า เจ้าชอบผู้ชายคนนั้นเข้าแล้ว!” “พรวด ------” จางฮวายถึงกลับพ่นน้ำชาออกมา เหว่ยหมิงรีบเก็บมือไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้พู่ไปโดนเขา แล้วมองไปที่ เขาอย่างรังเกียจ “เจ้าอย่าทำอะไรน่าเกียจแบบนี้ได้ไหม?” น่ารังเกียจหรอ? โทษเขาได้หรอ? จางฮวายมองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความน้อยใจ ยื่นมือไปเช็ดน้ำชาที่พ่นออกมา “เจ้าพูดอะไร ข้าเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะ” เหว่ยหมิงเก็บสายตาไป แล้วจับไปที่พู่อีกครั้ง“ใครจะรู้ว่าเจ้าปกติหรือเปล่า?” จางฮวายโมโหจนเบะปาก ในใจคิดอยากจะแก้แค้นคืน“ช่างเถอะ ยังไงซะสามแม่ลูกนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าอยู่แล้ว ก็แค่ไปหานายโคมเขียวที่หอนางโลมก็เท่านั้นเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในเมื่อมีคนไม่ได้สนใจอะไร ก็ถือซะว่าข้ามาเสียเที่ยวล่ะกัน” พูดจบ จางฮวายก็ลุกคนเตรียมจะไป เมื่อกำลังกลับหลังหันก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว น้ำเสียงเหมือนสงสัยและลังเล แม้แต่ลมหายใจก็รู้สึกว่าติดขัด “เจ้าหมายถึงใคร?” จางฮวายค่อยๆหันหลังกลับมา มองเหว่ยหมิงที่ก้มหน้าเงียบ “สามารถทำให้ข้าต้องรีบวิ่งมาหาเจ้าถึงที่นี่ เจ้าคิดว่าเป็นใครล่ะ?” ............ ภายในหอฮว๋าอิ่งโหลว เหว่ยหมิงสวมชุดสีดำ รอบๆกายมีแต่กลิ่นอายของความไม่พอใจ จางอวายเบะปาก ตอนนี้เหว่ยหมิงทำให้คนรู้สึกถึงความจริงจัง เขารู้สึกจนปัญญา ยื่นมือชี้ไปที่ด้านบน ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนข้างๆเขาก็เดินขึ้นหน้าไปเลย เหว่ยหมิงเดินขึ้นบันไดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เห็นห้องที่จางฮวายชี้เปิดออก ก่อนอื่นเด็กแสบสองคนออกมาก่อน หลังจากนั้นก็เป็นสาวชุดขาวที่เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ลักษณะจะมีความสุขมาก เซี่ยอีอียืนอยู่หน้าประตู เหมือนจะไม่อยากจะจากนายโคมเขียวคนนั้นไปเลย เซี่ยเฉินวี่ดึงมือของเขาแกว่งไปมา โยกหัว สีหน้ามีรอยยิ้ม ตอนนี้เอง เหว่ยหมิงโกรธจนกัดฟัน มือกำหมัดแน่น คิดว่าสองคนนั้นเจอเขา ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ตอนนี้กลับยิ้มมีความสุขอยู่กับนายโคมเขียว มันทำให้เขาโกรธมาก เมื่อคิดจะเดินหน้าต่อไป ก็เห็ยสามแม่ลูกร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว หันหลังกำลังเดินมาที่เขา “ท่านแม่” เซี่ยวี่ซื่อเห็นเหว่ยหมิงเป็นคนแรก ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แล้วค่อยๆเขย่ามือของเซี่ยอีอี เซี่ยอีอีมองไปตามสายตาของเซี่ยวี่ซื่อ เมื่อนางเห็นหน้าเขา นางก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไรมากนัก “ท่านอ๋องอารมณ์ดีอะไร ถึงได้มาเที่ยวที่แบบนี้ด้วย” หลังจากเซี่ยอีอีเดินมาใกล้ ก็ปั้นหน้าทักทายเขา รอยยิ้มแบบนี้มันคือยาพิษชัดๆ แต่หากเทียบกับรอยยิ้มที่ยิ้มให้กับนายโคมเขียวเมื่อกี้ มันดูปลอมมาก เมื่อคิดว่านางยอมแสดงความจริงใจกับนายโคมเขียว แต่กลับไม่แสดงความจริงกับเขา ในใจของเหว่ยหมิงก็โกรธจนควันออกหู จ้องมองนางด้วยความโมโห แต่เขากลับพยายามข่มอารมณ์ของเขาเอาไว้ “สถานที่แบบนี้? แล้วเจ้ามาทำอะไรในที่แบบนี้ล่ะ?” คำถามมันชัดเจนขนาดนี้ แต่เซี่ยอีอีกลับแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด กระพริบตาแล้ว แล้วทำท่าทางงงๆมึนๆ “สถานที่แบบนี้มันเป็นที่ให้คนมาหาความสุขกันไม่ใช่หรอ ข้ารู้สึกเบื่อ ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ?” หาความสุข? เมื่อเห็นนางทำท่าทางสบายๆไม่แยแสอะไร เหว่ยหมิงถึงกลับอยากจะบีบนางให้ตายคามือ แต่ก็ทำไม่ลง เขายื่นมือของเขาไปจับแขนของนาง “เบื่อ? หาความสุข? เซี่ยอีอี เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองมีฐานะอะไร?” เซี่ยอีอีมองไปที่มือที่กำลังจับแขนนางเอาไว้ แล้วพูดจาประชดประชันไปว่า “ฐานะหรอ? ผู้หญิงที่ถูกตระกูลเซี่ยทอดทิ้ง ถือเป็นฐานะด้วยหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็บีบแขนของนางแน่นขึ้น ที่เขาหมายถึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตระกูลเซี่ยเลย แต่เขาก็ลืมไปว่า นางก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา ดังนั้นฐานะนางยังไม่เคยมี “ท่านอ๋อง หากท่านยังจับไม่ปล่อยแบบนี้ คนอื่นจะเข้าใจผิดว่าข้าเป็นผู้หญิงของที่นี่แล้วนะ” เซี่ยอีอีแกะมือของเขาที่จับแขน ของนางไว้ แล้วนางก็เอามือไปขวางแม่นางคนหนึ่งแล้วดึงนางมาพิงเอาไว้ในอ้อมกอดของเขา “ดูแลให้ดีด้วย ท่านนี้คือท่านอ๋องหยง” เมื่อแม่นางคนนั้นได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางก็ดูดีใจ แล้วก็กลัวไปพร้อมกัน อ๋องหยง เป็นคนสูงักดิ์แค่ไหน หากโชคดีได้รับใช้ก็ถือเป็นโชค แต่ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเย็นชา ทำให้คนหวาดกลัว เห็นเหว่ยหมิงหน้าดำค่ำเครียด เซี่ยอีอียิ้มอย่างได้ใจ แล้วก็จูงมือเด็กทั้งสองคน เดินลงจากไป เมื่อนางเดินผ่านตัวของจางฮวายไป นางเหลือบไปมองหน้าเขา แล้วยิ้มอย่างร้ายๆใส่ ขณะที่เซี่ยอีอีเดินลงบันใดไป เหว่ยหมองก็ไม่ทำอะไรให้เสียเวลา เขาผลักผู้หญิงที่เซี่ยอีอียัดเยียดออก เขามองไปเงาที่เดินจากไปอย่างโกรธแค้น สายตาเหี้ยมโหดความโกรธพุ่งพร่านอยู่นาน หลังจากนั้นสองวัน “เจ้าว่าอะไรนะ?” ณ หอฮว๋าอิ่งโหลว เซี่ยอีอีตะโกนด้วยความโกรธ ทำให้สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่นาง แม่เล้าถูกนางตะคอกจนตกใจ แล้วรีบพูดว่า“แม่นาง ท่านไม่ได้ฟังผิดหรอก หงอีถูกท่านอ๋องหยงพาตัวไปแล้วจริงๆ แล้วก็เป็นการไถ่ตัวออกไปแล้ว” เซี่ยอีอีกำชายเสื้อไว้แน่น ในใจโกรธจนลุกเป็นไฟ ครั้งที่แล้วนางไปมาหาสู่กับเหล่าคุณชาย เขาก็จับพวกเขาไปเป็นทหารจนหมด ตอนนี้ก็ยังจะจับตัวหงอีไปอีก มันแสดงว่าเขาตั้งใจ ครั้งที่แล้วไม่ได้เอาความกับเขา แต่ครั้งนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตามนางก็จะไม่ยอมอีกแล้ว ณ จวนอ๋องหยง เซี่ยอีอีบุดเข้ามา โดยไม่มีใครขวางนางเอาไว้ได้ จวนใหญ่ขนาดนี้ นางเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบถึงจะเจอ นางไม่รู้ว่าเหว่ยหมิงอยู่ที่เรือนไหน นางก็เลยจับคนที่เจอมาได้คนหนึ่ง แล้วตะคอกไปว่า“เหว่ยหมิงล่ะ?” คนๆนั้นตกใจ แล้วรีบพูดว่า“อยู่ อยู่เป่ยเหวียน” เป่ยเหวียน? แล้วไอ้เป่ยเหวียนมันอยู่ที่ไหนล่ะ เซี่ยอีอีปล่อยมือ “พาข้าไป” เมื่อเห็นเซี่ยอีอีที่กำลังดุดัน คนรับใช้ก็ไม่กล้าพูดอะไร พูดแล้ว เสี่ยวซือก็ทำงานอยู่ในจวนอ๋องมานานหลายปี ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาก็ไม่เคยเห็นมีผู้หญิงเข้ามาในจวน แม้แต่คนรับใช้ผู้หญิงก็เป็นคนที่ฮองเฮาจัดหามาให้ องครักษ์ประจำตัวอย่างตงหมิงก็เป็นคนที่ระบุเจาะจงมา คนธรรมดาทั่วไปแทบจะไม่มีใครเข้ามาเลย แต่นางกลับ ...... เสี่ยวซือพาเซี่ยอีอีมาถึงเรือนส่วนตัวของเหว่ยหมิง เมื่อเดินมาถึงนอกเรือน เขาก็หยุดเดิน “ที่นี่ก็คือเรือนส่วนตัวของท่านอ๋อง เรือนส่วนตัวของท่านอ๋องไม่อนุญาตให้คนเข้าออกโดยพลการ ข้าน้อยส่งแม่นางตรงนี้ แม่นางระวังตัวไว้ให้ดีนะ” ระวังตัวไว้ให้ดี? เซี่ยอีอียิ้มอย่างเหี้ยมโหด นางก็อยากจะรู้เหมือนกัน คนที่จะต้องระวังตัวไว้ให้ดีจะเป็นใครกันแน่ แล้วก็เดินก้าวเท้าใหญ่ๆเข้าไป นางถีบประตูเข้าไป เมื่อนางที่กำลังโกรธจนไฟลุกเห็นเหว่ยหมิงที่มีสีหน้าเรียบเฉยไม่ตกใจ สีหน้าที่โกรธก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายๆ นางค่อยๆเดินเข้ามา เลือกที่นั่งที่ห่างจากเหว่ยหมิงพอตัวแล้วนั่งลงมองไปยังคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ ไม่นานนัก เหว่ยหมิงก็วางหนังสือลง แล้วรินน้ำชาให้กับเซี่ยอีอี “มีธุระหรอ?” เมื่อได้ยินคำถามที่รู้ๆกันอยู่แล้ว เซี่ยอีอีไม่เพียงไม่โกรธ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้นด้วย นิ้วของนางลูบไปที่ถ้วยชา แล้วยกขึ้นมาดม “ท่านอ๋องทรงอารมณ์นะเพคะ มีของดีแบบนี้ ทำไมถึงเก็บไว้ดูในจวนอย่างเดียวล่ะ มีของดีก็ต้องแบ่งให้คนอื่นเชยชมบ้าง เก็บไว้คนเดียวมันจะไปสนุกอะไร?” เหว่ยหมิงยังคงถือหนังสืออยู่ในมือ แล้วยกชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง “อืม หากเจ้าชอบ ข้าจะให้คนเอาชานี่ไปให้เจ้าที่จวนบ้าง” “ส่งไปบ้าง ไม่สู้ส่งไปทั้งหมดเลยคิดว่าไง?” “หากเจ้าชอบ ก็ได้” รู้ทั้งรู้ว่าความหมายของนางไม่ใช่แบบนี้ แต่เหว่ยหมิงกลับแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจอีก เซี่ยอีอีกัดฟันหนักมาก มองไปที่เขาครู่ใหญ่ เห็นเขาไม่สนใจนาง นางก็เลยยกถ้วยชาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดมเบาๆ “ทำไมต้องจับหงอีมาด้วย?” “เพราะว่าเขาไม่ควรปรากฎอยู่ข้างกายเจ้า” เหว่ยหมิงตอบกลับเรียบๆ ก็เหมือนเรื่องนี้มันก็ควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เซี่ยอีอีมองไปยังน้ำชาที่อยู่ในถ้วย เหมือนกับไม่รู้สึกตกใจในคำตอบที่ยะโสแบบนี้เลย “หรือว่าใครก็ตามที่ปรากฎข้างกายข้าท่านก็จะไล่ไปให้หมดงั้นหรอ?” “ใช่” มือที่แกว่งถ้วยชาหยุดลง เซี่ยอีอีเงยหน้ามองเหว่ยหมิง “แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นเจ้าล่ะ?” เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาที่อยู่บนหน้าหนังสือ เขาก็ถามย้อนกลับ“แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ?” ถึงแม้เหว่ยหมิงจะไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เซี่ยอีอีก็เข้าใจความหมายของเขา คนๆนี้ยะโสซะเกินเยี่ยวยาแล้ว ตอนนี้แทบจะกินนางเข้าไปแน่แล้ว นางกัดฟังอีกครั้ง เซี่ยอีอีขี้เกียจเล่นลิ้นกับเขาอีก “ปล่อยหงอีเดี๋ยวนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าไปหาเขาเพราะต้องการไปเรียนเป่าขลุ่ยเท่านั้น เจ้าจับเขามาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรมันมากเกินไป” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงยิ้มเบาๆ “ข้ารู้” เขาสามารถนำตัวพวกเขามาได้ คิดว่าคงถามพวกเขามาแล้วว่าพวกเขาทำอะไรมาบ้าง ไม่งั้นด้วยนิสัยของเขา คงไม่นั่งนิ่งๆแบบนี้หรอก? เขารู้? รู้แล้วยังจะจับตัวเขามาอีก? บ้ารึเปล่า! นางเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบ้างอย่าง มือที่ถือถ้วยก็วางลงบนโต๊ะ นางลุกขึ้นแล้วพูดด้วยความโกรธว่า“น่าเบื่อ” นางก็ไม่ได้โง่ แต่กลับหลงกลเข้าให้ เซี่ยอีอีโกรธจนหันหลังกลับไป เมื่อเห็นนางจะไป เหว่ยหมิงก็ขวางนางไว้ เขายิ้มแล้วพูดว่า“หากว่าอยากจะเรียนเป่าขลุ่ย ก็มาที่จวนของข้าได้ตลอดเวลา ไม่มีใครขวางเจ้าหรอก” มาอีก? คิดว่านางโง่หรอ ที่หลอกนางมาที่นี่ครั้งนี้ถือว่านางโง่มากแล้ว ยังคิดให้นางมาอีกเป็นครั้งที่สองหรอ ฝันไปเถอะ! เซี่ยอีอีไม่ได้หันหลังกลับมา โกรธแล้วพูดว่า“หากว่าข้าจะพาเขากลับไปด้วยล่ะ?” “ไม่มีทาง” น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย แต่เซี่ยอีอีกลับคาดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ นางปวดหัวจนต้องหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมา กลับถูกสายตาของคนชุดดำทำให้ตกใจแทบล้มลง เมื่อเห็นนางสะดุด เหว่ยหมิงก็ยื่นมือไปพยุงนาง สายตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขาเหมือนจะชอบเห็นนางกระวยกระวายใจ มือใหญ่ๆที่เลื้อยไปตามแขนของนาง แล้วดึงตัวนางเดินไป “เดี๋ยวจะพาไปดูให้คุ้นเคย” เซี่ยอีอีตากระตุก แล้วก็คิดว่าคนๆนี้คงประสาทแน่ๆ นางไม่ได้จะอยู่นี่ซะหน่อย ทำไมจะต้องไปทำความคุ้นเคยด้วย? แต่ก็จนปัญญา นางไม่สามารถควบคุมมือที่ถูกจับไว้ได้ ทำได้แค่เดินตามเขาไป “เจ้าจะพาข้าไปไหน?” เซี่ยอีอีถามด้วยความไม่พอใจ “วันนี้เจ้าคงไม่ได้แค่มาเยี่ยมข้าที่จวนหรอกใช่ไหม?” ไร้สาระ ก็ไม่ใช่น่ะสิ! เมื่อผ่านสวนไผ่ไป ด้านในมีห้องเล็กๆไม่ใหญ่มากห้องหนึ่ง ทั้งสี่ด้านมีต้นไผ่สีเขียวล้อมรอบ ท่ามกลางต้นไม้มีคนๆหนึ่งดูคุ้นตา เซี่ยอีอีตกใจ “หงอี?” เมื่อได้ยินเสียง ชายผู้อ่อนโยนที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็หันมา มองนางแล้วยิ้ม “แม่นางเซี่ย” ชุดผ้าไหมสีแดงที่พลิ้วไหวไปตามร่างกายที่อ่อนโยน ใบหน้าที่เรียวเล็กราวกับผู้หญิง รอยยิ้มที่รับกับใบหน้าพอดิบพอดี เมื่ออยู่กับเขา ก็มักจะลืมไปเลยว่าเขาเป็นผู้ชาย มิน่าล่ะถึงมีผู้ชายบางคนที่หอฮว๋าอิ่งโหลว อยากจะฟังหงอีเป่าขลุ่ยสักครั้ง “คนก็อยู่นี่แล้ว ที่นี้เจ้าวางใจได้หรือยัง?” เหว่ยหมิงยืนอยู่หลังเซี่ยอีอี เห็นทั้งสองคนยืนอยู่ใกล้ชิดกัน แต่ในใจกลับรู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังคงเบาใจ หลายวันมานี้เขาเองก็พอจะมองออก หงอีถึงแม้จะเป็นนายโคมเขียว แต่เขาไม่ได้ขายตัว แค่พูดคยกับลูกค้าเท่านั้น นอกจากนี้ เขาเองก็เหมือนผู้หญิงมากๆ เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่เขาบอกออกมาด้วยตัวเองนั่นก็คือ เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เซี่ยอีอีหันหลังกลับไปมองเขา นางไม่คิดเลยว่าเหว่ยหมิงจะดูแลหงอีเป็นอย่างดีในจวนแบบนี้ นางยังคิดว่าเขาจะทำแบบเดียวกับเหล่าคุณชาย ส่งเขาไปที่ไหนสักที่หรือไม่ก็ขังเอาไว้ “ข้าขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 36 ชายบำเรอ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A