ตอนที่ 39 ของอยู่ใต้ร่าง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 39 ของอยู่ใต้ร่าง
ต๭นที่ 39 ของอยู่ใต้ร่าง “กรี๊ด ------” เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้น สาวใช้ตกใจจนล้มไปกองกับพื้น มองดูของเหลวสีแดงที่อยู่บนพื้น นางขาอ่อนลงไปทั้งสองข้าง ไม่มีแม้แต่แรงที่ลุกขึ้นมา เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเหลียงอวี้สื่อแก้ผ้าล่อนจ้อน ถูกมัดแขนขาขึงไว้กับเสาห้อง ที่ปากถูกเอาผ้าอุดไว้ แทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลย ส่วนร่างกายท่อนล่างบางส่วน เหมือนมีของเหลวไหลหยดลงมาตรงพื้น มันก็เลือด สายตาของสาวใช้จ้องไปที่กกองเลือด สายตาที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆเปลี่ยนเป็นความน่ากลัว ............ หน้ากำแพงประตูเมือง มีสิ่งของประหลาดชิ้นหนึ่งห้อยลงมาจากที่สูง ทำให้ชาวบ้านสนใจกันไม่น้อย ของสิ่งนั้นแขวนอยู่สูงมาก จนมองเห็นได้ไม่ชัดว่ามันคืออะไร มันห้อยอยู่ไม่สูงไม่ต่ำจนเกินไป แต่ก็ไม่สามารถนำลงมาได้ สุดท้าย ก็มีคนเหลือบไปเห็นใบประกาศผ้าแผ่นหนึ่งปลิวไหวอยู่ บัณฑิตหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ผ้าประกาศแผ่นนั้นแล้วอ่าน“เจ้าเฒ่าลามกจวนตระกูลเหลียง ขาดศีลธรรมขาดคุณธรรม จึงได้เอาของส่วนล่างออกมา ให้ทุกคนร่วมกันชื่นชม! คำเตือนของสิ่งนี้สกปรก ควรออกห่าง” ชายบัณฑิตอ่านตัวอักษรบนผ้าประกาศอย่างละเอียดทุกคำ แล้วก็เงยหัวไปดู “ของส่วนล่าง? หรือว่าจะเป็น ......” กลุ่มคนที่มามุงดูมีทั้งคนแก่หรือผู้หญิง พวกเขาไม่รู้หนังสือ แต่หลังจากที่ได้ยินชายคนนั้นอ่านจบ ก็เข้าใจความหมายของจดหมายฉบับนี้ทันที เสียงกรี๊ดร้อง ทำให้เหล่าหญิงสาวที่พาเด็กมาพากันเดินหนีออกห่าง คนที่แซ่เหลียงในเมืองหลวงก็มีมากพอตัว แต่ว่าที่ถูกเรียกว่าเฒ่าลามกนั้น คงมีแค่คนเดียวเท่านั้น อีกอย่าง เมื่อวานเขาเพิ่งจะรับหยางเฉียนหลิงเป็นอนุก็ไม่ใช่ความลับอะไร หญิงที่มีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแต่งให้กับผีเฒ่าที่ใกล้จะลงโลง คิดดูแล้วนางก็คงต้องถูกบังคับแน่ๆ เพียงแต่ว่า ใครกันที่ช่างกล้าทำแบบนี้ กล้าที่จะตัดน้องน้อยของตาเฒ่าคนนั้นออกมาแล้วแขวนประจานให้คนทั้งเมืองดู มันกล้าเกินไปแล้ว จวนตระกูลหยาง มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าจวนมาแล้วจับตัวของไต้เท้าหยางกับฮูหยินเอาไว้ ในขณะที่ตกใจอยู่ก็จำได้ว่าคนที่นั้นคือคนกลุ่มเดียวกับที่เมื่อวานมารับตัวเจ้าสาวไป “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” ไต้เท้าหยางถึงแม้จะเป็นขุนนาง แต่ก็ไม่ได้ขี้ขลาด “ทำอะไรหรอ? เจ้ายังกล้าถามอีกหรอ? พูด หยางเฉียนหลิงอยู่ที่ไหน? นางกินดีหมีมาหรือไง กล้าทำร้ายไต้เท้าของเรา นางไม่คิดเลยหรือไงว่าคนทั่วทั้งบ้านก็ไม่มีหัวให้ตัด” ตงวี่ได้ยินดังนั้นก็เดินเข้ามาจากนอกจวน มองไปที่คนที่บุกเข้ามา นางไม่ได้ตื่นตกใจมากนัก ในเมื่อต้องช่วยแสดงละครกับคุณหนูของนาง นางจะทำพังไม่ได้ สีหน้าที่ราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ นางวิ่งไปดึงมือของคนพวกนั้นออก แล้วพูดอย่างร้อนใจว่า“เจ้าทำอะไรกัน ยังไงซะไต้ของเราก็เป็นพ่อของฮูหยินใหม่ของพวกเจ้านะ เจ้าทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง?” คนพวกนั้นก็ปล่อยมือคอเสื้อของไต้เท้าหยาง แล้วก็หันมาจับข้อมือของตงวี่แทน “เจ้ามาได้เวลาพอดี พูดมา คุณหนูของเจ้าล่ะ?” ตงวี่เจ็บจนขมวดคิ้ว ดิ้นแล้วพูดว่า“คุณหนูของเราก็ต้องอยู่จวนท่านผู้ตรวจการน่ะสิ เมื่อวานพวเจ้าก็เป็นคนส่งนางเข้าจวนไป” คนๆนั้นไม่ฟังที่นางแถ กลับใช้แรงบีบมือของนางอีกครั้ง “ข้าว่าพวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันมากกว่า เด็กๆ จับพวกเขาไปให้หมด ไม่ลงทัณฑ์พวกเขาคงไม่พูดความจริง” ตงวี่ถูกจับตัวไป ก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา “ไต้เท้า เจอคุณหนูหยางแล้ว” ภายในห้อง “ไต้เท้า พบนางอยู่ที่วัดร้างด้านตะวันออก ตอนนั้นมือเท้าของนางถูกมัดไว้ เหมือนถูกวางยา เหมือนมีคนจับตัวนางไป ไต้เท้า ท่านว่าเรื่องที่ท่านผู้ตรวจการถูกทำร้ายมันมีเงื่อนงำอย่างอื่นหรือเปล่า?” เห็นหยางเฉียนมึนงงไม่ได้สติ ไต้เท้าที่ดูแลก็ขมวดคิ้ว คนๆนี้เขาเป็นคนไปส่งเข้าจวน หากถูกสับเปลี่ยนจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้น ตอนไหน แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้ตัวเลย? “เรื่องนี้มันแปลกจริงๆแหละ หากต้องการรู้ที่มาที่ไป คงต้องรอให้นางฟื้นขึ้นมาก่อน ไป ไปตามหมอมา ดูซิว่านางจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน” “รับทราบ” ณ จวนตระกูลเซี่ย เซี่ยอีอียังคงนั่งรับลมอยู่ใต้ต้นไม้ ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก “ท่านแม่ จัดการเรียบร้อยแล้ว” “ลูกของข้าเก่งขึ้นมากเลย” ประสิทธิภาพในการทำงานของเด็กสองคนเป็นยังไงเซี่ยอีอีนั้นรู้ดี นางไม่เคยเป็นห่วงเลยว่าพวกเขาจะทำงานพัง ดังนั้นนางไม่มีความกังกวลใดๆ ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ได้รับคำชมจากแม่ก็ดีใจ เซี่ยเฉินวี่มีท่าทีเหมือนจะยิ้ม แล้วตอบแบบเขินๆว่า“ยังดี” อีกด้านหนึ่ง เซี่ยวี่ซื่อเข้ามาอ้อนในอ้อมกอดของเซี่ยอีอีแล้วพูดว่า“เรื่องที่ท่านแม่ไหว้วานเราเป็นเรื่องเล็ก ก็แค่หาเด็กไปร้องศาล ใช้แค่พุทราเชื่อมไม่กี่ไม้ก็ได้แล้ว ง่ายจะตายไป” เห็นหน้าตาที่นุ่มนิ่มของเซี่ยวี่ซื่อ เซี่ยอีอีก็ยิ้มอย่างเอ็นดู “ไม่ได้ทำให้ใครจำเจ้าได้ใช่ไหม?” “ไม่มีแน่นอน เมืองลวงทางใต้ไกลมาก อย่าว่าแต่เด็กเลย ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่มีใครจำเราได้หรอก” เซี่ยอีอีพยักหน้า คำพูดนี้ก็ไม่ผิดแปลกอะไร นางตั้งใจหาวัดร้างที่ไกลออกไป ก็เพราะกลัวว่าคนจะจำพวกเขาได้ หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเพียงคนเดียว นางก็ไม่คิดอะไรมาก แต่หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คิดว่าจวนผู้ตรวจการจะต้องไปหาเรื่องตระกูลหยางแน่ๆ หากไม่ทำให้หยางเฉียนหลิงเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นจะต้องถูกประหารเก้าชั่วโครตแน่ๆ ในเมื่อนางเข้ามาพัวพันเรื่องนี้แล้ว ก็จะต้องจัดการจนถึงที่สุด ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ มันไม่ใช่นิสัยของนาง ที่หออันดับหนึ่ง เหว่ยหมิงกับจางอวายนั่งอยู่บนชั้นสอง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน เงียบแล้วคอยฟังคนชั้นล่างพูดกัน สักพักหนึ่ง จางฮวายก็ทนไม่ไหวก็เลยเอ่ยปากถาม“เป็นไงบ้าง เรื่องนี้เจ้าคิดว่าไง?” เหว่ยหมิงรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แล้วมองไปที่เขาด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่ค่อยดี แต่กลับไม่พูดอะไร แค่มองสีหน้าท่าทางของเขา จางฮวายก็รู้ว่าเขามีแผนของตัวเองแล้ว แต่เขายังสงสัยเรื่องหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจ แต่ว่า เรื่องที่เหว่ยหมิงไม่แน่ใจแต่จางฮวายกลับมั่นใจ หลังจากงานเลี้ยงรับฤดูร้อนในครั้งนั้น เขากลับมองคุณหนูเซี่ยได้แบบทะลุปรุโปร่ง ร่างกายอ้อนแอ้นแต่แข็งแกร่ง สามารถเลี้ยงให้เด็กน้อยสองคนเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ได้ จะเป็นผู้หญิงธรรมดาได้อย่างไร? “ตบหน้าจนแม่สื่อสลบก่อน แล้วก็ทำให้ขุนนางผู้ตรวจการขั้นสามกลายเป็นขันที ของที่ห้อยอยู่ที่กำแพงเมืองยังไม่ได้เอาลงมาเลย คุณหนูหยางถูกจับตัวไป แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีคนจงใจปลอมตัวเป็นนางเข้าไปในจวนท่านผู้ตรวจการ ในเมืองหลวงแห่งนี้ ข้าคิดถึงใครคนอื่นที่ทำเรื่องนี้ไม่ออกจริงๆ” เมื่อได้ยินจางฮวายพูด เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่โต๊ะ “เจ้าหมายถึงนางหรอ?” จางฮวายยักไหล่ “ไม่ นี่ไม่ใช่ความหมายของข้า ข้าแค่วิเคราะห์ให้ฟัง แต่ข้ากลับรู้สึกว่าคำพูดของคุณหนูหยางเชื่อไม่ได้ หลายวันมานี้มีหลายคนเห็นนางเข้าออกจวนตระกูลเซี่ยบ่อยๆ เหมือนจะสนิทสนมกับคุณหนูเซี่ย เจ้ายังเรื่องที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังได้ไหมเรื่องที่เซี่ยอีอีช่วยคนที่สะพานหลันเยี้ย? ตอนนี้คิดๆดูแล้ว เหลียงอวี้สื่อบังคับแต่งงาน แม่นางหยางไม่อยากแต่งจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เรื่องมันเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน เพราะมีคนมาช่วยนางไว้ บวกกับทั้งสองเคยพบกันแล้วในวัง ทั้งสองจะไปมาหาสู่กัน นางช่าวยนางก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้” ที่พูดมานั้นไม่ผิดเลย ด้วยนิสัยของเซี่ยอีอีเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่านางจะไม่กล้าทำ แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง นางก็กล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่งงานแทน กลับกล้าที่จะไปจับไอ้นั่นของผู้ชายอีกด้วย นางไม่กลัวสกปรกหรือไง เมื่อเห็นเหว่ยหมิงไม่พูดอะไร จางอวายก็พูดต่อไปว่า“ของที่ห้อยอยู่ตรงกำแพงวังเมื่อกี้ข้าไปดูมาแล้ว อื้อหือ ตัดถึงโคนเลย ฝีมือการลงมีด มันระดับยอดฝีมือของห้องตอนในวังเลยนะ” “พอได้แล้ว กินข้าวเถอะ เจ้าไม่รู้สึกขยะแขยงบ้างหรือไง” เหว่ยหมิงมองเขาด้วยความสะอิดสะเอียน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากกินแล้วก็ตาม “ที่จวนผู้ตรวจการมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?” “ตามล่าคนไปทั่วน่ะสิจะมีอะไรได้ คุณหนูหยางถูกจับไปเจอตัวที่วัดร้าง เรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับนางชั่วคราว เพราะนางบอกว่ามีคนทำให้นางสลบไป ไม่เห็นหน้าคนลงมือ หึ พูดซะหาจุดเชื่อมโยงช่องโหว่ไม่ได้เลย” ไม่มีช่องโหว่? ในใจเหว่ยหมิงค่อนข้างแน่ใจ ในเมื่อจางฮวายก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเซี่ยอีอี คนอื่นก็ต้องคิดได้เหมือนกนถึงแม้ฐานะของเซี่ยอีอีจะคุ้มครองตัวนางอยู่ แต่หากเหลียงเหวินถิงจะเอาเรื่อง เกรงว่าแม้แต่เซี่ยหวินเทียนก็ช่วยนางไม่ได้ คิดมาครู่หนึ่ง เหว่ยหมิงก็ลุกขึ้น ไม่ไดพูดอะไรแล้วเดินไปเลย เมื่อเห็นดังนั้น จางฮวายก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร หากรู้เรื่องนี้แล้วยังนั่งอยู่เฉยๆได้ เขาก็ถือว่าใจแข็งมากเกินไปแล้ว เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก แล้วบ่ยยพึมพำว่า“อย่าลืมจ่ายเงินด้วย” ............ ภายในห้อง เซี่ยอีอีกำลังนั่งยองๆอยู่หน้าตู้เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่างอยู่ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเดิน นางหันหน้าไป แล้วขมวดคิ้ว แล้วรีบปิดประตูตู้ยา แล้วลุกขึ้นแล้วพูดว่า“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เหว่ยหมิงมองไปที่ประตูตู้ที่นางปิดไป แล้วถามไปว่า“ทำไมข้าจะมาไม่ได้?” “เพราะที่นี่คือบ้านของข้า เพราะที่นี่คือห้องของข้า ท่านอ๋อง ข้ากับท่านไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ท่านอย่ามาทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ไหม?” ได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วแล้วเดินขึ้นหน้าไป “อ๋อ? เจ้าไม่สนิทกับข้าหรอ ถ้างั้นสนิทกับใครล่ะ? เหลียงอวี้สื่อ หรือว่าหญิงที่มีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวงอย่างหยางเฉียนหลิงล่ะ” เซี่ยอีอีตะลึงไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?” “ไม่รู้?” เหว่ยหมิงโกรธจนปากสั่น รอยยิ้มของเขามันเฉือดเฉือนไปถึงกระดูก เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของนางแล้วพูดเบาๆว่า“ความรู้สึกของการเป็นเจ้าสาวเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เซี่ยอีอีถึงกลับตกใจ เงยหน้าไปมองสายตาอันเยือกเย็นนั้น ถึงกลับไม่รู้จะตอบยังไง นางพะวงจนถอยหลัง แล้วพูดอย่างแข็งขืนว่า“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไปได้แล้ว” นางไม่ได้ปฏิเสธต่อหน้าเขา เรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงต้องแก้ตัวหรือแถไปแล้ว แต่นางกลับไม่ เห็นนางท่าทีจริงจัง เหว่ยหมิงก็ถอนหายใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ถามว่าข้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” เซี่ยอีอีก้มหน้า แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า“เจ้าจะรู้ได้ยังไงมันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าไม่ได้อยากจะรู้ หากเจ้าอยากเป็นคนอยู่บ้าง ก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ ไม่งั้น เจ้าก็จับข้าไปส่งทางการซะ” ถึงขนาดนี้แล้วนางยังคงไม่มีคำพูดที่อ่อนลงเลย ในใจเหว่ยหมิงไม่ค่อยพอใจ จึงจับคางนางอย่างแรง กัดฟันตัวเองแต่ไม่ใช่เพราะโกรธแต่เป็นเพราะจนปัญญา “เจ้านี่มันไม่มีความรู้สึกบ้างหรือไงกัน? หากข้าจะจับเจ้าไปให้ทางการ จะมาเจ้าคนเดียวแบบนี้หรอ? เจ้ามีความกล้าเกินไปแล้ว ถึงขึ้นทำร้ายขุนนางราชสำนัก เรื่องในวันนี้ข้ารู้ วันต่อไปก็จะต้องมีคนรู้เหมือนกัน เจ้าไม่อยากอยู่แล้วหรือไง?” เซี่ยอีอีถูกบังคับให้สบตากับเขา เห็นดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยความร้อนใจ นางสับสนไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเบาๆอย่างอ่อนๆว่า“เจ็บ” เหว่ยหมิงถอนหายใจ แล้วปล่อยมือ กลับลูบไปที่ใบหน้าของนาง “สองสามวันนี่ก็อย่าเพิ่งไปเจอหยางเฉียนหลิง ไม่งั้นคนจะเอาไปพูดได้ เจ้าต้องรู้จักหลบเลี่ยงได้ ส่วนเรื่องของเหลียงเหวินถิงเดี๋ยวข้าจัดการเอง ช่วงนี้ก็อย่าไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว “เจ้าจะจัดการ? เจ้าจะจัดการยังไง? เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” “ไม่เกี่ยว?” มือที่จับหน้าของนางค่อยๆเลื่อนลงมาที่คอ แล้วดึงนางมาใกล้หน้าของตัวเขาเอง ลมหายใจของเซี่ยอีอีใกล้มากๆ คิดอยากจะผลักออกแต่ก็ทนเอาไว้ มองไปที่สายตาของนาง เหว่ยหมิงยิ้มแบบเย็นชา รอยยิ้มมันเหมือนกำลังโมโหอยู่ “เจ้าสวมชุดแต่งงานไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเข้าไปในบ้านของคนอื่น นั่นก็ถือว่าเกี่ยวกับข้าแล้ว เซี่ยอีอี ครั้งนี้ข้าจะถือว่าเป็นเพราะเจ้าจะช่วยคนอื่นจะไม่เอาเรื่องเจ้า แต่ว่าหากมีครั้งต่อไปอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ๆ” เซี่ยอีอีเป็นคนชอบไม้อ่อนไม่ใช่ไม้แข็งอยู่แล้ว เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ต้องไม่พอใจแน่นอน สายตาของนางเป็นประกายแล้วจ้อง จากนั้นก็ผลักมือของเขาออก “เจ้ายุ่งมากเกินไปแล้วนะ ต่อให้ข้าทำอีกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?” มองไปที่นางอยู่นาน เหว่ยหมิงก็ยิ้มแบบร้ายๆ ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินไป เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็ตกใจ ไม่พูดอะไรหมายความว่าไงกัน? นางรีบเดินตามไป นางยื่นมือไปรั้งเขาไว้ “เจ้าจะไปไหน?” เมื่อเห็นคนที่มารั้งตัวเขาเอาไว้อยู่ตรงหน้า เหว่ยหมิงก็ยิ้ม “ตอนนี้เจ้าไม่อยากให้ข้าไปแล้วหรอ?” คำพูดที่หน้าด้านขนาดนี้เซี่ยอีอีฟังแล้วก็เบะปากทันที นางเก็บมือกลับไป “พูดเหลวไหล เจ้าอยากไปก็ไปไม่เกี่ยวอะไรกับข้านิ ข้าแค่อยากจะเตือนเจ้า เลิกยุ่งเรื่องของข้าได้แล้ว ไม่งั้น ......” พูดยังไม่ทันจบ มือใหญ่ๆก็โอบเข้ามาที่เอวของนาง แล้วก็ดึงตัวนางเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา เหว่ยหมิงก้มหน้าไปมองใบหน้าเล็กๆนั้น แล้วพูดว่า“เรื่องของเจ้าข้าจะยุ่ง ไม่อยากให้ข้ายุ่งก็เลิกก่อเรื่องได้แล้ว ยังมีอีก นิสัยหยาบๆแบบนี้ทำไมถึงได้เป็นกับข้าแค่คนเดียว? กับคนอื่น ข้าเห็นเจ้าอ่อนโยนจะตาย” คำว่า ‘คนอื่น’ ของเหว่ยหมิงมันหมายถึงใครกัน ในใจของพวกเขารู้ดี แต่ว่าสิ่งที่เซี่ยอีอีอยากจะพูดก็คือ หากเจ้าชอบการปฏิบัติแบบที่ทำกับเหว่ยเฉิน นางก็ไม่ได้รังเกียจ แต่นางเป็นคนหัวแข็ง หากต้องเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เป็นไร? 
已经是最新一章了
加载中