ตอนที่ 40 ฆ่าคนผิดปาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 40 ฆ่าคนผิดปาก
ต๭นที่ 40 ฆ่าคนผิดปาก มือเล็กๆลูลไล้ไปตามหน้าอกของเหว่ยหมิง สายตาเซี่ยอีอีดูร้ายๆ นางเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน“ความชอบของท่านอ๋องนี่พิเศษจริงๆเลยนะ อีอีจะจำไว้ ต่อไปจะได้รับ ‘ความอ่อนโยน’ ที่เหมือนกับคนอื่นแน่ๆ” เสียงที่ดูยั่วยวนแบบนี้เหว่ยหมิงฟังแล้วก็รู้สึกจนปัญญา เขาดูออกว่านิสัยที่ตรงไปตรงมาของเซี่ยอีอีเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขานั่นคือนิสัยที่แท้จริง แต่นิสัยดื้อรั้นของนาง บางครั้งมันก็ปรามไม่อยู่เหมือนกัน เขาปล่อยมือจากเอวของนาง แล้วหันไปจับมือที่อยู่ตรงหน้าอกของนางแทน มือใหญ่ๆของเขาสัมผัสเบาๆไปที่นิ้วเรียวยาวของนาง แล้วพูดว่า“มือของเจ้าคู่นี้ รู้วิชาแพทย์ด้วยหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอียิ้มแข็งทื่อไป แล้วหันมายิ้มว่า“วิชาแพทย์ไม่เป็น ฆ่าคนพอไว้ เจ้าจะลองดูไหม?” พูดจบ เซี่ยอีอีก็ดึงมือกลับมา แล้วก็เดินออกห่างจากเขา เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาเชื่อนางว่ามือคู่นี้กล้าที่จะฆ่าคน แต่เรื่องไม่รู้วิชาแพทย์ พูดยาก เรื่องที่จางฮวายพูดเขาเชื่อ แต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดว่าคำพูดของนางจริงหรือเท็จ เหลียงเหวินถิงจะตายไม่ตายดีตกไปอยู่ในมือของนาง แล้วก็ดันไปเจอนางตัดไอ้นั่นทิ้ง เมื่อคิดถึงว่ามือเล็กๆของนางสัมผัสตรงนั้นของผู้ชายคนอื่น เหว่ยหมิงก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ข้าไปก่อนนะ วันหลังค่อยมาหาเจ้าใหม่ จำคำของข้าเออาไว้ให้ดี ช่วงนี้อย่าเพิ่งติดต่อกับคุณหนูหยาง ก่อนอื่นจะต้องเลี่ยงความเสี่ยงก่อน” เซี่ยอีอีเบะปากเหมือนจะไม่รับน้ำใจ หันหลังไปแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ “โชคดีไม่ส่งนะ ประตูของตระกูลเซี่ยคงไม่อาจรับความหน้าใหญ่ใจกว้างของท่านเอาไว้ได้ ตามความเห็นของข้าน้อย ต่อไปท่านอย่ามาจะอีกเลยจะดีกว่า” น้ำเสียงที่ดูประชดประชัน น้ำเสียงที่ทำให้คนโมโห เหว่ยหมิงไม่รู้ว่าจะต้องตอบกลับไปว่ายังไง เขาจนปัญญาถอนหายใจแล้วไม่พูดอะไรอีก แล้วก็เดินไป เมื่อเห็นเขาเดินจากไป เซี่ยอีอีก็หุบยิ้ม เหว่ยหมิงเป็นคนบ้าจริงๆ แต่ในใจนางก็รู้ว่า ที่เขามาในวันนี้ก็เพราะหวังดีกับนางจริงๆ แต่เพราะเห็นท่าทางของเขาแล้ว เหมือนว่าเขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้จริงๆ ช่างเถอะ ในเมื่อห้ามเขาไม่ได้ก็ปล่อยเขาไป เป็นถึงอ๋องหยง คิดว่านางจะจัดการปัญหาไม่ได้เด็ดขาดงั้นหรอ? ปล่อยเขาไปดีกว่า! -------------- กลางดึก ชายชุดดำลอยตัวเข้าสู่จวนผู้ตรวจการ เห็นภายในห้องยังไม่ปิดไฟ สายตากดต่ำคิ้วขมวดคิ้ว ผลักประตูเข้าไป แล้วเดินเข้าไปทำให้คนที่นอนอยู่ตกใจ หลังจากผ่านเหตุการณ์ในคืนนั้นมาทำให้เหลียงเหวินถิงเหมือนไก่ตื่นตลอดเวลา ไม่ว่าจะแค่ลมพัดกิ่งไม้สะบัดเขาก็จะสะดุ้ง “ท่าน ท่านอ๋องหยง?” เหลียงเหวินถิงมองคนที่เดินเข้ามาอย่างตะลึง เช็ดสายตาด้วยความไม่ยากเชื่อ คิดที่จะลุกขึ้นมา แต่กลับเจ็บร่างกายท่อนล่างจนลุกไม่ไหว สายตาที่เย็นระเยือกของเหว่ยหมิงค่อยๆมองไปที่เหลียงเหวินถิงที่กำลังเจ็บปวดอยู่ แล้วพูดว่า“ไต้เท้าเหลียงไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหลียงเหวินถิงรู้สึกเหมือนตัวเองสำคัญ แต่คิดๆดูแล้วก็แปลก ในใจรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบกลับไป “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเป็นห่วง กระหม่อมไม่เป็นอะไร ลำบากท่านอ๋องต้องมาตอนดึกๆดื่นๆ กระหม่อมรู้สึกละอายนัก” ถูกต้อง ดึกมากแล้ว ดึกมากขนาดนี้แล้ว ใครจะมาเยี่ยมคนป่วยในเวลานี้กันล่ะ? “ไม่เป็นไร” เหว่ยหมิงตอบกลับไปสั้นๆ แต่เขาเดินไปถึงริมเตียงแล้ว “ไต้เท้าเหลียงรู้หรือไม่ว่าคนที่ทำร้ายท่านเมื่อคืนเป็นใครกัน?” เหลียงเหวินถิงก็ไม่ได้โง่ เมื่อวานคนๆนั้นทรมานเขาจนกลายมาเป็นแบบนี้เขาจะไม่เห็นหน้าได้ยังไง แต่เพราะอะไรเขาถึงไม่พูดมันออกมา แถมยังให้ทหารออกไปตามหาจนทั่วอีก นั่นก็เพราะช่วงนี้ข่าวลือเกี่ยวกับตัวนางมีมากมายเหลือเกิน อีกอย่างแค่คำพูดของเขาอย่างเดียวไม่มีหลักฐาน หากพูดออกไปโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา อาจจะไม่ทำให้ใครไม่พอใจได้ เห็นเขาไม่พูดอะไร ในใจของเหว่ยหมิงก็ได้คำตอบชัดเจนแล้ว เขาพยักหน้าเบาๆ น้ำเสียงของเขายังคงเป็นเสียงต่ำ “ดูเหมือนว่าไต้เท้าเหลียงจะรู้แล้วสินะ งั้นขอถามหน่อย ไต้เท้าเหลียงเคยเอ่ยปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังบ้างหรือยัง?” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เหลียงเหวินถิงก็ไม่ได้โง่เขารู้ว่าที่เหว่ยหมิงมาวันนี้คงไม่ได้แค่มาเยี่ยมเยียนเท่านั้น เขารีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า“ไม่มี กระหม่อมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย ท่านอ๋องวางพระทัยได้ กระหม่อมทราบดีเรื่องนี้เป็นความผิดของกระหม่อม กระหม่อมไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้แน่นอน” สีหน้าท่าทางที่เรียบเฉยจับไม่ได้ว่ารู้สึกอะไรอยู่ ริมฝีปากกระตุกยิ้มเบาๆ รอยยิ้มที่อันตรายนี้ทำให้เหลียงเหวินถิงรู้สึกกังวลใจ “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป” เมื่อได้ยินดังนั้น เหลียงเหวินถิงก็รู้สึกเบาใจ ระหว่างที่คลายความกังวลลงกลับเห็นแสงสีเงินแยงเข้าตามา คมกระบี่ตัดไปที่คอหอย ก่อนที่จะไร้วิญญาณประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินคือ “แต่ข้าเชื่อเจ้าที่ตายไปแล้วมากกว่า” เลือดสีแดงสดกระจายไปทั่วเตียง เหว่ยหมิงเห็นคนตายตาไม่หลับที่ไม่เหมือนไม่เชื่อว่าเขาจะถูกฆ่า ใบหน้าไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว เขาไม่สนใจที่จะต้องฆ่าใคร ยิ่งไม่สนใจว่าเขาจะเป็นขุนนางราชสำนักหรือไม่ เขาสามารถเชื่อใจเขาแล้วไว้ชีวิตเขาได้ แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเซี่ยอีอี เขาไม่อยากเอาความปลอดภัยของนางมาเสี่ยง ยังไงซะ นางก็เป็นผู้หญิงที่เขาลำบากตามหามาถึงห้าปี จะให้นางมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ไม่ได้ วันต่อมา ณ จวนตระกูลเซี่ย นอกห้องรับแขก ที่มีทั้งเซี่ยหวินเทียน ทั้งนายบ่าวทั้งหมดคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่เซี่ยอีอีคือผู้ที่สวมชุดขาวดูสะอาดตาคนที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุด กงกงที่สวมชุดเหมือนกันราวยี่สิบคน ยืนเรียงแถวอยู่ด้านข้าง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่หน้าเซี่ยอีอี ม้วนราชโองการสีดำปักลายหงส์ทองถูกดึงออก แล้วก็มีเสียงประกาศดังขึ้น “ราชโองการจากองค์ฮองเฮา คุณหนูสี่แห่งตระกูลเซี่ยเซี่ยอีอี มีจิตใจดีงาม อ่อนโยนและฉลาด แต่งตั้งให้เป็นท่านหญิงหยงเห๋อ ตั้งแต่วันนี้ไปให้ละเว้นธรรมเนียมปฏิบัติของคนทั่วไป และมีคำสั่งให้คุณชายวี่คุณหนูซื่อเข้าไปเล่าเรียนในวังหลวงพร้อมกับเหล่าคุณชายคุณหนูคนอื่นในวันพรุ่งนี้ ท่านหญิงหยงเห๋อ รับราชโองการ” “เป็นพระมหากรุณาธิคุณ” กงกงผู้อ่านราชโองการม้วนราชโองการคืน แล้วมอบให้กับเซี่ยอีอี “ท่านหญิงหยงเห๋อรีบลุกขึ้นเถอะ” กงกงมีมารยาทมา ยื่นมือมาพยุงแขนเสื้อของนางเบาๆ แต่ผู้ชายผู้หญิงก็มีความต่าง เขาก็ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวนางเลย เซี่ยอีอีลุกขึ้นไปตามที่เขาพยุง ยิ้มเบาๆ “ลำบากท่านกงกงแล้ว” “ท่านหญิงกล่าวเกินไปแล้ว องค์ฮองเฮาทรงตรัสว่า หลายปีมานี้ท่านลำบากมามาก ก่อนหน้านี้ทรงพะว้าพะวังถึงท่านอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็จะทรงปกป้องท่านเอาไว้ แต่ว่าทางแคว้นของเราไม่เคยมีกฎเกี่ยวกับการแต่งตั้งองค์หญิงมาก่อน ไม่งั้นคงรับท่านเข้าไปอยู่ในวังด้วยแล้ว” สีหน้าของกงกงที่อ่านราชโองการเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำแต่กับเซี่ยอีอีคนเดียว เซี่ยหวินเทียนและสองสามีภรรยาที่ถูกหมางเมอนก็ลุกขึ้นมา ลูกสาวถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เห็นสีหน้าของเซี่ยหวินเทียนเหมือนจะลำบากใจ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เซี่ยอีอีก็รู้สึกว่าราชโอการแต่งตั้งครั้งนี้มันแปลกๆ นางกับองค์ฮองเฮาเพิ่งจะได้เจอกันแค่ครั้งเดียว แล้วก็ผ่านงานเลี้ยงวันนั้นมาก็นานพอควร หากจะแต่งตั้งจริงๆ ทำไมไม่ทำตั้งแต่หลังงานเลี้ยงล่ะ ทำไมจะต้องรอนานขนาดนี้? “หากท่านหญิงไม่มีอะไรแล้ว บ่าวขอตัวกลับไปรายงานองค์ฮองเฮาก่อน พรุ่งนี้ พาคุณชายกับคุณหนูเข้าไปในวังได้เลย บ่าวจะรอรับท่านอยู่ที่ประตูวัง ท่านหญิงทรงไม่ต้องเป็นห่วง บ่าวจะดูแลคุณชายกับคุณหนูเป็นอย่างดีไม่ให้บกพร่อง” ให้เด็กสองคนนั้นเข้าวังไปเรียนหนังสือ เซี่ยอีอีไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีอะไร แต่ราชโองการขององค์ฮองเฮามาแบบนี้ นางจะปฏิเสธได้ยังไง เมื่อหมดหนทาง นางทำได้เพียงพยักหน้า “กงกงกลับระวังด้วย ต่อไปเด็กสองคนนี้คงต้องรบกวนกงกงด้วย” ภายในห้อง ม้วนราชโองการสีดำปักลายหงส์ทองวางอยู่บนโต๊ะ เซี่ยอีอีลูบคางแล้วมองไปที่หนังสือแต่งตั้งอย่างสงสัย “ท่านหญิงงั้นหรอ? มันมีอำนาจมากแค่ไหนกัน?” “คุณหนู” เสียงรีบร้อนของตงวี่ลอยมาเข้าหูนาง แต่ว่าตอนนี้นางควรจะอยู่ที่จวนตระกูลหยางถึงจะถูกสิ? ครู่หนึ่ง ก็เห็นตัวคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เซี่ยอีอีขมวดคิ้วแล้วถามว่า“เจ้ากลับมาได้ยังไง ข้าไม่ใช่ให้เจ้า ......” พูดยังไม่ทันจบ ด้านหลังของตงวี่ก็มีคนเดินตามมา “อีอี” เห็นหยางเฉียนหลิงก็มา เซี่ยอีอียิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ นางลุกขึ้นต้อนรับแล้วพูดว่า“เจ้าก็มาด้วยหรอ บอกกับพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอ ว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งมาที่นี่?” เมื่อได้ยินดังนั้น หยางเฉียนหลิงกับตงวี่ก็มองหน้ากน เห็นท่าทางของทั้งสองคนแปลกๆ เซี่ยอีอีเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “เกิดอะไรขึ้น?” เห็นเซี่ยอีอีท่าทางไม่รู้อะไรเลย หยางเฉียนหลิงเหมือนจะตกใจมาก “อีอี ไม่ใช่ฝีมือเจ้าหรอ?” “ข้าทำอะไรหรอ?” เซี่ยอีอีรู้สึกงง วันนี้มันวันอะไร แต่ละคนเหมือนมาทดสอบปัญญาของนางยังไงอย่างนั้น “คุณหนู เหลียงอวี้สื่อถูกฆ่า หรือว่าไม่ใช่ฝีมือท่าน ......” ตงวี่พูดยังไม่ทันจบ เซี่ยอีอีก็ตะลึงไป แล้วพูดเสียงสูงว่า“เจ้าว่าอะไรนะ? ใครถูกฆ่า?” “ก็เหลียงอวี้สื่อไง ก็เหลียงอวี้สื่อคนที่ถูกท่านสั่งสอนไง เมื่อคืนถูกคนฆ่าแล้วนำศพมาแขวนไว้ที่หน้าประตูเมือง บ่าวยังคิดว่าเป็นฝีมือท่านเลย” เมื่อพูดจบ คนที่สวมชุดขาวก็เดินผ่านหน้านางไป ถึงแม้นางจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้นางไม่ได้เป็นคนทำแน่ๆ แต่นอกจากนางแล้ว ใครจะกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกล่ะ? จวนอ๋องหยง เหมือนครั้งก่อนเลย คนที่กำลังโกรธอยู่บุกเข้าจวนมาโดยที่ไม่มีใครกล้าขวางนาง เมื่อมาถึงเรือนส่วนตัวของเหว่ยหมิง ตงหมิงตกใจก่อนเลย หลังจากนั้นก็ถอยตัวออกไปอย่างไม่มีเสียง ประตูห้องไม่ได้ปิด เซี่ยอีอีเดินเข้าไปข้างใน กลับเห็นว่าคนที่อยู่ที่โต๊ะไม่มีอาการตกใจเลย แถมยังยิ้มแล้วมองมาที่นางด้วย “มาแล้วหรอ?” เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว แล้วปิดประตู แล้วเดินไปใกล้ๆ “เจ้าฆ่าเหลียงเหวินถิงหรอ?” เหว่ยหมิงวางพู่ที่เหลือเพียงหยกหมาหน่าวเม็ดเดียวลง แล้วลุกขึ้น “ทำไมถึงคิดว่าเป็นข้าล่ะ?” ถามแบบนี้ กำลังดูถูกปัญญาของนางหรอ? “นอกจากเจ้าแล้วจะมีใครอีก?” ความโกรธแปลกๆที่เกิดขึ้นนี้ ตัวของเซี่ยอีอีเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เหลียงเหวินถิงตายแล้ว ตามหลักแล้วนางควรจะจัดโต๊ะจีนดื่มเหล้าฉลองไปพร้อมกับหยางเฉียนหลิงด้วยซ้ำ แล้วชื่นชมว่าตัวเองได้ขจัดภัยร้ายให้กับชาวบ้าน แต่ตอนที่นางรู้ว่าคนที่สังหารเหลียงเหวินถิงคือเหว่ยหมิง นางกลับอดไม่ได้ที่จะต้องโกรธ เห็นนางโกรธ เหว่ยหมิงก็ไม่อยากจะไปแหย่นางอีก “ถูกต้อง ข้าเป็นคนฆ่าเอง มีอะไรหรือเปล่า?” “มีแน่ๆ เจ้าเป็นถึงท่านอ๋อง เขาเป็นขุนนางราชสำนัก หากใครรู้เข้า ......” “เจ้าเป็นห่วงข้าหรอ?” เหว่ยหมิงพูดแทรกนาง สายตาที่อ่อนโยนมันแฝงไปด้วยความได้ใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้น เซี่ยอีอีก็ชะงักไป แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าความโกรธที่เกิดขึ้นมันมาจากความเป็นห่วง นางเป็นห่วงเขา มันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เหว่ยหมิงยิ้ม แล้วยื่นมือไปจับมือเล็กของนางเอาไว้ “ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้วไม่มีใครรู้ ขอแค่เจ้าไม่พูด ข้าก็ปลอดภัยแล้ว” คำพูดของเขามันก็ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เซี่ยอีอีกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่สำคัญมาก ตั้งแต่นางเข้ามาจนถึงตอนนี้เขาไม่ได้แทนตัวเองด้วยยศศักดิ์อีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มันไม่ใช่ความสุขที่เซี่ยอีอีอยากเจอ นางยินดีที่จะให้เขาแค่แหย่นางเล่น แต่ไม่ได้มาจากใจจริง “เจ้ามันบ้าไปแล้ว” เซี่ยอีอีสะบัดมือ หันหลังแล้วเดินไป สถานการณ์แบบนี้มันไม่ได้เป็นประโยชน์กับนางเลย ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน แต่ว่า กว่านางจะมาได้ครั้งหนึ่ง เหว่ยหมิงจะยอมให้นางไปได้ยังไงกันล่ะจริงไหม? เขายื่นมือไปจับนางเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับจริงจังขึ้นมา แล้วตอบโต้เขาทันที เหว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบหลบฝ่ามือของนาง เขาคิดที่จะดึงนางไว้อีก แต่ไม่คิดที่จะทำร้ายนาง ส่วนเซี่ยอีอีก็ไม่ได้คิดจะลงมือกับเขาจริงๆ เพียงแต่อยากจะหลุดจากการพัวพันของเขา ฝ่ามือไทเก็กทำให้เหว่ยหมิงไม่อาจป้องกันได้ มันทำให้เขาไม่สามารถแตะต้องตัวนางได้เลย ความอดทนของเขามีขีดจำกัด เขาไม่อยากจะพัวพันยุ่งเหยิงกับนางแบบนี้อีก ก็เลยยื่นมือไปจับแขนของนางเอาไว้ ไม่รอให้นางตอบโต้ มืออีกข้างก็จับไปที่เอวของนาง พริบตาเดียว เซี่ยอีอีก็รู้สึกแรงสั่นสะเทือน นางถูกเขากดลงบนเตียงแล้ว ...... เสียงหัวใจที่เต้นแรงระรัวจนชัดเจน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะจูบหรือสัมผัสตัวนางนางก็ไม่เคยใส่ใจเลย เพราะผู้ชายคนนี้ก็เคยกินกันมาก่อน นานๆทีนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไร แต่ว่านางไม่เคยคิดว่าจะให้เขามารับผิดชอบหรือรับผิดชอบเขาเลย ยิ่งไม่คิดจะกลับมากินกันอีกครั้งด้วย แต่ตอนนี้นี่มันอะไรกัน? นางอยู่ด้านล่าง! เซี่ยอีอีอยากจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเหว่ยหมิงกดเอาไว้ มองดูนางดิ้นไม่หยุด เหว่ยหมิงยิ้ม “อย่าเสียแรงเปล่าอีกเลยน่า” เจ้าบอกว่าอย่าเสียแรงก็จะต้องไม่เสียแรงเปล่าหรอ? หากฟังเจ้าจริงๆ นางก็ไม่ใช่เซี่ยอีอีล่ะสิ “เหว่ยหมิง เจ้าบ้าไปแล้ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” เซี่ยอีอีดิ้นไม่หยุด นางไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะถูกกดแบบนี้ นางสาบานไว้เลยว่า วันหนึ่งนางจะต้องกดแบบนี้กลับแน่นอน ฟังเสียงด่าทอของนาง เหว่ยหมิงก็ยิ้ม เหมือนไม่ได้ใส่ใจ แต่ก่อนเขายังคิดว่านางรับมือด้วยอยาก ที่แท้เขาก็ใช้ผิดวิธีมาตลอด “กลางวันแสกๆทำไมประตูถึงได้ปิดสนิทขนาดนี้เนี้ย?” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีคนดันประตูแล้วเดินเข้ามา จางฮวายเห็นภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเตียง เขาตกใจไป “อะแฮ่ม!” “มีคนมา เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว” เห็นได้ชัดว่ามีคนเข้ามา แต่ว่าเซี่ยอีอีที่ถูกบังสายตาเอาไว้ไม่รู้ว่าเป็นใคร นางกัดฟันพูดเบาๆ เหมือนจะร้องขอ น้ำเสียงแบบนี้เหว่ยหมิงยินดีอย่างมาก เขาปล่อยมือ เซี่ยอีอีไม่ทันได้ลุกขึ้นก็ผลักเขาออกไป แล้วก็ลุกขึ้นมา เห็นจางฮวายไม่มีท่าทีตกใจหรือตะลึง เซี่ยอีอีก็รู้สึกว่าปวดหัวขึ้นมาทันที เหว่ยหมิงหันตัวมานั่งริมเตียง เหมือนจะไม่กลัวว่าจางฮวายจะเห็นอะไรแบบนี้ “เจ้ามาทำไม?” เมื่อได้ยินดังนั้น จางฮวายก็ยิ้มไม่พูดอะไร จริงๆเขาอยากจะพูดว่า หากข้าไม่มาข้าจะรู้ได้ยังไงว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ แต่ว่าเห็นแก่เซี่ยอีอีเป็นผู้หญิง ศีลธรรมยังคงต้องมีก็เลยไม่ได้พูดออกมา แต่ว่า รอยยิ้มร้ายๆของเขา มันพูดได้เลยว่ามันก็น่าเกียจพอตัว “ข้าขอตัวก่อน” หากยังอยู่แบบนี้ต่อไป เซี่ยอีอีกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ได้แล้วลงมือฆ่าคน ครั้งนี้ เหว่ยหมิงไม่ได้รั้งนางเอาไว้ เมื่อนางเดินผ่านหน้าจางฮวาย จางฮวายโค้งคำนับนาง แล้วพูดว่า“ท่านหญิงหยงเห๋อกลับดีๆนะ”
已经是最新一章了
加载中