ตอนที่ 44 แสดงอำนาจ
1/
ตอนที่ 44 แสดงอำนาจ
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 44 แสดงอำนาจ
ตนที่ 44 แสดงอำนาจ ระหว่างทางกลับ บรรยากาศในรถม้าดูอึมครึม เซี่ยอีอีจ้องเด็กแสบตลอดทาง เซี่ยวี่ซื่อรู้สึกกลัว จริงๆนางคิดจะขอให้เหว่ยหมิงช่วย แต่ก็พบว่าสายตาของเขาก็รู้สึกแปลกๆเช่นกัน “ท่านอา ท่านมองเราทำไม?” เซี่ยวี่ซื่อไม่เข้าใจ ก็เลยเอ่ยปากถาม “ไม่มีอะไร แค่ได้ยินมาว่าพวกเจ้าเพิ่งจะเข้าวังไปก็ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นซะแล้วนะสิ” เหว่ยหมิงคิดว่าพูดแบบนี้ไปแล้วพวกเขาสองคนก็จะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ที่เขาไม่พูดให้ชัดก็เพราไม่อยากให้เซี่ยอีอีกังวลใจ ในเมื่อเรื่องนี้เขาช่วยพวกเขาปิดบังไปแล้ว ถือว่าก็จัดการเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยอีอีรู้อีก “เจ้ารู้เรื่องแล้วหรอ?” เซี่ยอีอีตกใจ มองไปที่เหว่ยหมิงด้วยความคิดไม่ถึง “อะไร เจ้าก็รู้เรื่องนี้หรอ?” ปฏิกิริยาของเซี่ยอีอีทำให้เหว่ยหมิงรู้สึกแปลกใจ เด็กสองคนนี้ทำอะไรไม่มีเกรงกลัวฟ้าดิน เข้าเมืองหลวงมาไม่ถึงสองเดือน ทำร้ายคนไปนับไม่ถ้วน วันนี้แค่ทำร้ายนายกองไปคนหนึ่ง กลับมีปฏิกิริยาใหญ่โตแบบนี้! เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซี่ยอีอีก็รู้สึกกังวลขึ้นมา มือไม้เกร็งไปหมด จากนั้นน้ำเสียงก็อ่อนลง แล้วพูดขอร้องว่า “เหว่ยหมิง เรื่องนี้เจ้าช่วยปิดเป็นความลับได้ไหม ครั้งนี้เด็กสองคนนี้ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆ กลับไปข้าจะสั่งสอนพวกเขาให้ดี แต่ว่าเรื่องนี้ ......” เหว่ยหมิงได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ ตัดแขนนายกอง ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ในสายตาของนางมันเป็นเรื่องใหญ่ด้วยหรอ? ถึงทำให้นางต้องขอร้องเขาแบบนี้ เหว่ยหมิงมองไปที่เด็กแสบสองคนที่ไม่พูดไม่จา แล้วหันกลับมาดูเซี่ยอีอี “บอกเหตุผลที่พวกเขาทำมา ข้าอาจจะพิจารณาไม่พูดก็ได้” เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ เหว่ยหมิงยังคงเก็บไม้เด็ดไว้ก่อน ให้นางพูดก่อน เซี่ยอีอีรู้ว่านางไม่มีอะไรสามารถต่อรองกับเขาได้เลย กำลังจะเอ่ยปากขึ้นมา แต่เซี่ยเฉินวี่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ท่านแม่ เราสำนึกผิดแล้ว เราไม่ควรไปทะเลาะกับทหารองครักษ์ เรายินดีที่จะรับโทษ” เซี่ยเฉินวี่หันไปมองเหว่ยหมิง เหว่ยหมิงแผนสูง แต่เซี่ยเฉินวี่ก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าจางฮวายกับเหว่ยหมิงสนิทกันมาก ถึงแม้จางฮวายจะรับปากเซี่ยวี่ซื่อว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับฮ่องเฮา แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะไม่บอกเหว่ยหมิง ส่วนเรื่องพระสนมซูเฟยถูกพิษ เซี่ยเฉินวี่มั่นใจว่าเหว่ยหมิงไม่รู้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หมอหลวงตรวจไม่ออกว่าเป็นโรคอะไร ต่อให้ตรวจพบว่าเป็นอะไร เขาจะรู้ได้ไงว่าคนที่ทำคือพวกเขา? เซี่ยอีอีได้ยินดังนั้นก็ตกใจ พอนางได้สติก็พบว่าตัวเองกับเหว่ยหมิงพูดคนล่ะเรื่องกัน นางขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เหว่ยหมิง ถึงไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะหลอกถามนางหรือเปล่า แต่นางโกรธที่เสียรู้เขา เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว เหมือนจะผิดหวัง แต่ก็มองเซี่ยเฉินวี่ด้วยความชื่นชม เด็กคนนี้ฉลาดมาก แม้แต่เซี่ยอีอียังไม่ทันคิด แต่เขากลับรู้ เขามองไปที่เซี่ยอีอีที่สีหน้ารู้สึกไม่ดีอยู่ เหว่ยหมิงก็ยิ้ม “จริงๆเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เจ้าไม่อยากให้ข้าพูด ข้าไม่พูดก็ได้ ส่วนเรื่องลงโทษพวกเขา ข้าว่าไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อคนที่ทำผิดจริงๆไม่ใช่พวกเขา” เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยวี่ซื่อก็ได้สติขึ้นมา “ท่านอา ท่านรู้สึกว่าเรื่องนี้ข้ากับท่านพี่ไม่ผิดจริงๆหรอ?” เหว่ยหมิงมองเซี่ยวี่ซื่อที่กำลังดีใจ แล้วก็มองไปที่เซี่ยเฉินวี่ที่สีหน้านิ่งเฉยอยู่ “บุกรุกสนามฝึกเป็นความผิดของพวกเจ้า แต่รับคำท้าแล้วไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งที่ทหารพึงมี ข้าสั่งให้จางฮวายลงโทษเขาตามกฎทหารไปแล้ว ส่วนพวกเจ้า อายุแค่นี้เอาชนะทหารองครักษ์หลวงได้ฝีมือไม่ธรรมดา หากครั้งต่อไปจะไปท้าประลองกับใคร หาคนเป็นพยานให้พวกเจ้าซะก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีก” คำพูดพวกนี้มันไม่ใช่คำยุยง ตาของเซี่ยวี่ซื่อกลมโตขึ้นมาราวกับพระจันทร์ แม้แต่เซี่ยเฉินวี่เองก็ฟังแล้วตื่นเต้นไม่น้อย จากนั้น เซี่ยอีอีที่อยู่ข้างๆก็ขมวดคิ้วแน่น มองเหว่ยหมิงเหมือนกับเห็นผี บุกรุกสนามฝึก ลงมือกับทหารองครักษ์ เขาไม่เพียงไม่สั่งสอนเด็กสองคนนี้ แต่กลับใช้กฎทหารลงโทษอีกฝ่าย แถมยังบอกพวกสองแสบเรื่องครั้งต่อไปอะไรนี่อีก ปกป้องพวกเขายิ่งกว่าที่นางทำซะอีก นี่มันอะไรกัน? นี่เขายังไม่รู้นะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กสองคนนี้ แล้วถ้ารู้ล่ะ ไม่ยกพวกเขาขึ้นบูชาเลยหรอ? ที่หน้าประตูจวนตระกูลเซี่ย ขณะที่เซี่ยอีอีกำลังลงจากรถม้าก็เห็นหยางเฉียนหลิงที่รออยู่นานกำลังคิดที่จะกลับ หยางเฉียนหลิงเดินมาถึงหน้าประตู เห็นเซี่ยอีอีแม่ลูกกับอ๋องหยงอยู่ด้วยกัน นางตกใจจากนั้นก็ยิ้ม นางย่อตัวลงคำนับแล้วพูดว่า“หม่อมฉันหยางเฉียนหลิงถวายพระพรท่านอ๋องหยง” เหว่ยหมิงมองไปที่นาง แล้วพูดว่า“ไม่ต้องมากพิธี” ก่อนหน้านี้ได้ยินจางฮวายบอกว่าแม่นางหลินสนิทสนมกับเซี่ยอีอี เหว่ยหมิงไม่ค่อยได้สนใจนัก แต่วันนี้มาเห็นด้วยตา ว่านางเข้าออกจวนตระกูลเซี่ยโดยที่ฮูหยินเซี่ยไม่ขวาง คิดว่านางจะต้องให้ความสำคัญกับแม่นางคนนี้มากๆ มีผู้หญิงเป็นเพื่อนนางดีกว่ามีผู้ชายนับสิบมาอยู่เป็นเพื่อน เมื่อเห็นหยางเฉียนหลิงยิ้ม เซี่ยอีอีก็กัดปากไม่พอใจ เดินเข้าไปใกล้แล้วพูดว่า“เจ้าจะไปแล้วหรอ?” เห็นเซี่ยอีอทำหน้าตาต่อว่าเล็กน้อย หยางเฉียนหลิงก็หลุดหัวเราะออกมา ก็เลยอยากจะแกล้งนาง “อืม รอมาตั้งนาน ตงวี่บอกว่าเจ้าไม่อยู่ คิดอยู่ว่าเจ้าไปไหนกันทำไมนานขนาดนี้ ที่แท้ก็ ......” เมื่อพูดจบ หยางเฉียนหลิงก็หลุดหัวเราะอีกครั้ง “ท่านอ๋องนานๆจะมาที เจ้าควรจะชวนท่านเข้าไปนั่งดื่มชาสักหน่อยนะ ข้าไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไว้วันหลังค่อยมาหาเจ้าใหม่” หยางเฉียนหลิงกำลังจะไป เซี่ยอีอีขวางนางเอาไว้ แล้วมองไปที่นางเหมือนจะจับนางกิน นางกัดฟันแล้วพูดว่า“หยางเฉียนหลิง หากเจ้ากล้ากลับไป ต่อไปก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก” รู้จักนางมาก็นาน เซี่ยอีอีเป็นคนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าแม้แต่ออกเสียงดัง น่าสนุกจริงๆ “เจ้าคงไม่คิดจะไล่เขากลับไปแบบนี้ใช่ไหม? ยังไงซะเขาก็มาส่งเจ้าถึงบ้านนะ เจ้าไม่ชวนเขาเข้าไปในบ้านมันเสียมารยาทเกินไปไหม?” หยางเฉียนหลิงเองก็พูดกับเซี่ยอีอีด้วยเสียงเบาๆเช่นกัน นางกลัวคำขู่ของเซี่ยอีอีจริงๆ แต่นางเองก็ไม่อยากจะผิดใจกับคนๆนั้นเหมือนกัน “เซี่ยอีอี” ทั้งคู่ซุบซิบกันอยู่นาน เหว่ยหมิงรอไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาก่อน เซี่ยอีอีได้ยินก็ตกใจ หันหน้ากลับมา เห็นนางทำสีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างแรง เหว่ยหมิงก็ยิ้ม “เข้าไปเถอะ ข้ากลับก่อนล่ะ” กลับไปง่ายๆแบบนี้ เซี่ยอีอีก็ดีใจเป็นที่สุด จากนั้นก็โค้ง “โชคดีนะ ไม่ส่งล่ะ” เห็นนางไล่เขาไปแบบนั้น เหว่ยหมิงไม่โกรธ หันหลังแล้วเดินขึ้นรถม้าไปเลย ทันใดนั้นก็ได้ยินเซี่ยอีอีพูดว่า“ช้าก่อน” “มีอะไรอีกงั้นหรอ?” เหว่ยหมิงหันหน้ากลับมาถาม เซี่ยอีอพยักหน้า “พรุ่งนี้ให้หงอีออกมาหน่อยได้ไหม ข้าอยากแนะนำเฉียนหลิงให้เขารู้จัก” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เหว่ยหมิงเห็นหยางเฉียนหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ “ได้” เสียงเรียบๆง่ายๆนั้นมันเหมือนฝัน วันนี้เหมือนเขาจะพูดง่ายมาก การที่เขาเป็นแบบนี้ เซี่ยอีอีก็ไม่มีความรู้สึกอคติอะไร ยิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า“ขอบใจ” “ท่านอ๋อง องค์ชายสี่เสด็จมา” เหว่ยหมิงเพิ่งจะเดินเข้าประตูมา ก็ได้ยินคนมารายงาน เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่ห้องโถง “มานานแค่ไหนแล้ว?” “ทูลท่านอ๋อง มาได้ครู่ใหญ่แล้ว” เหว่ยเฉินไม่อยู่ในวังเฝ้าพระสนมซูเฟย แต่ตั้งใจมาหาเขาถึงที่นี่ เขาไม่แปลกใจ เขาคิดอยู่แล้วว่าเขาต้องมา แค่ไม่คิดว่าจะเป็นเวลานี้ เมื่อมาถึงห้องโถง เห็นเหว่ยเฉินนั่งแบบร้อนรน เหมือนจะรอย่างหงุดหงิด เหว่ยหมิงยืนอยู่หน้าประตูอยู่นาน จนกระทั่งเหว่ยเฉินเห็นเขาถึงได้เดินเข้าไป “ทำไมวันนี้น้องสี่ถึงได้ว่างมาหาข้าได้ ไม่อยู่เฝ้าอาการของพระสนมซูเฟยหรอ?” เมื่อได้ยินเหว่ยหมิงพูดจาเรียบๆ เหว่ยเฉินก็รู้สึกไม่พอใจ เขาลุกขึ้นมาขวางเหว่ยหมิงเอาไว้ แล้วพูดว่า“หม่อมฉันมีเรื่องพูดสั้นๆ ไม่รบกวนเวลาของเสด็จพี่นาน” เมื่อเห็นมือเหว่ยเฉินที่มาขวาง เหว่ยหมิงรู้สึกไม่พอใจมาก “ข้าเองก็หวังว่าเจ้าจะมารบกวนข้าไม่นาน ในเมื่อจะพูดแค่สั้นๆ งั้นก็พูดมา” เหว่ยเฉินมาครั้งนี้เขาก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรอ้อมค้อมอยู่แล้ว ในเมื่อเหว่ยหมิงเปิดมาแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องอ้อมค้อมอีก “คิดว่าเสด็จพี่น่าจะรู้ว่า อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานเซี่ยอีอีให้แต่งงานกับหม่อมฉัน หลายวันมานี่หม่อมฉันได้ยินข่าวลือไม่น้อย เพื่อไม่ให้เสด็จพี่ต้องเสื่อมเสียพระเกียรติ หวังว่าเสด็จพี่จะไม่ยุ่งกับเซี่ยอีอีอีก โดยเฉพาะเหตุการณ์อย่างวันนี้ที่ไปส่งนางเข้าวัง ต่อไปคงไม่รบกวนให้เสด็จพี่ต้องเหนื่อยอีก” หลังจากเงียบไป เหว่ยหมิงก็หัวเราะเบาๆ เขาหันข้างให้กับเหว่ยเฉิน สะบัดชุดเล็กน้อยแล้วนั่งลง “คำพูดของน้องสี่ข้าฟังไม่ค่อยเข้าใจ หรือว่าข้าทำอะไรจะต้องรายงานเจ้าก่อนงั้นหรอ? อดีตฮ่องเต้พระราชทานงานแต่งงานให้เจ้าจริง แต่หากข้าจำไม่ผิดเจ้าได้แต่งงานไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน เซี่ยอีอีกับเจ้าในตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก หากวันนี้เจ้าจะมาคุยเรื่องนี้กับข้า ข้าคิดว่าไม่จำเป็น ครั้งที่แล้วเสด็จพ่อปฏิเสธคำขออภิเษกของเจ้า ส่วนแม่ของเจ้าก็คัดค้านอย่างหนัก หากว่าข้าเป็นเจ้า วันนี้คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ อุปสรรคของเจ้าไม่ใช่ข้า เพราะก่อนที่จะมาถึงข้ายังมีอีกหลายด่านที่รอเจ้าอยู่” เหว่ยเฉินไม่เคยเห็นท่าทางได้ใจของเขาแบบนี้เลย ในสายตาที่ได้ใจมันมีความประชดเหน็บแหนมอยู่ “เสด็จพี่คงไม่คิดอะไรกับอีอีของข้าใช่ไหม ข้างนอกมีข่าวลือหนาหูมากมาย หม่อมฉันไม่เห็นเสด็จพี่จะออกมาพูดอะไรเลย ไม่ชัดเจนแบบนี้ เสด็จพี่ไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอ?” อีอีของเขา? เหว่ยหมิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วจ้องไปที่เหว่ยหมิง “ข้าจำได้ว่า ห้าปีก่อนเจ้ารังเกียจนางอย่างกับอะไรดี ทำไมตอนนี้จู่ๆก็เปลี่ยนไปล่ะ? แม้นางจะมีลูกแล้วเจ้าก็ไม่สนใจเลย” พูดถึงเมื่อห้าปีก่อน ไม่ใช่จะแทงใจดำเหว่ยเฉิน ถึงแม้เขายังไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคือใคร แต่เมื่อห้าปีก่อนเรื่องที่เขาเคยวางยาเซี่ยอีอีกับเหว่ยหมิง ยาถูกถอนไปโดยไม่มีสาเหตุ จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ หลายปีมานี้เหว่ยหมิงไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเลย แต่เหว่ยเฉินเชื่อว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้ลืม ในเวลาแบบนี้เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาต้องการเตือนสติหรือข่มขู่ เหว่ยเฉินถูกเหว่ยหมิงจ้องจนลนลาน ขาก็ค่อยๆถอยหลัง “ตอนนั้นหม่อมฉันแค่เลอะเลือนไป หลายปีมานี้ก็รู้สึกเสียใจอยู่ตลอด ตอนนี้อีอีกลับมาแล้ว ไม่ว่ายังไงหม่อมฉันก็จะชดเชยให้นาง ถึงแม้นางจะมีลูกแล้วสองคน แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร” ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เหว่ยหมิงก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย เขาสีหน้าเรียบเฉย ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เด็กสองคนนั้นไม่เป็นอุปสรรค ถูกต้อง เด็กสองคนนั้นไม่เป็นอุปสรรคแน่ๆ เพราะสามแม่ลูกไม่มีทางเข้าจวนองค์ชายสี่แน่ๆ ตอนนี้ พวกเขาจะเป็นอุปสรรคอะไรได้อีกล่ะ?! เงียบไปครู่หนึ่ง เหว่ยหมิงค่อยๆลุกขึ้นมา “หากน้องสี่พูดจบแล้วก็เชิญกลับได้ ส่วนในเรื่องที่เจ้าขอร้อง ข้าคิดว่าข้าคงรับปากเจ้าไม่ได้ เพราะคนที่อยากได้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีแค่เจ้า” เขามองไปที่เหว่ยเฉิน ด้วยสายตาที่มั่นใจและแน่วแน่ “เพราะยังมีข้าอีกคน” บ้านตระกูลเซี่ย หลังจากที่เซี่ยอีอีกลับมาเมืองหลวงนิสัยก็เปลี่ยนไปมาก เซี่ยเหวียนฉีพูดกับนางนับคำได้ ตอนนี้นางได้ตำแหน่งท่านหญิงอีก ไปเฝ้าศพคงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ว่าความกตัญญูยังไงนางก็ต้องแสดงมันออกมา “อีอี เจ้ากลับมาเมืองหลวงสองเดือนแล้ว ตอนนี้ฮ่องเฮาเห็นความสำคัญของเจ้ามาก ไปเฝ้าศพคงไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าเจ้ากลับมานานขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะไปไหว้ท่านย่าของเจ้าบนเขาสักหน่อย อีกครึ่งเดือนจะเป็นวันขอพรเทพเจ้า คิดว่าถึงตอนนั้นองค์ฮ่องเฮาก็น่าจะให้เจ้าไปไหว้ด้วย ข้ากับแม่เจ้าดูวันที่มาแล้ว ในอีกครึ่งเดือนเหมาะที่จะทำการเคารพศพพอดี สถานที่ไหว้ขอพรก็คือวัดว่านเต๋อซื่อ ท่านย่าของเจ้าฝังที่วัดฝูติ่งซื่อ เจ้าจะขอพระราชานุญาตไม่ไปกับพระองค์ในวันนั้นได้ไหม?” เซี่ยอีอีกินข้าวไปพรางฟังเซี่ยเหวียนฉีไปด้วย อะไรคือวัดว่านเต๋อซื่ออะไรคือวัดฝูติ่งซื่อ นางฟังจนมึนไปหมด เพราะนางก็ไม่ได้สนใจวัดอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ เซี่ยอีอีไม่ได้คิดอะไรนาน ก็เลยพยักหน้าตอบไป หลายวันต่อมา ฮ่องเฮาส่งคนมาเชิญให้เซี่ยอีอีเข้าวัง ก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ เซี่ยอีอีก็บอกถึงเหตุผลที่มาที่ไป ฮ่องเฮาเองก็ทรงไม่ได้พูดอะไร ก็ทรงอนุญาต คิดๆดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ฮ่องเฮาเองก็ทรงตอบรับง่ายๆ เซี่ยอีอีก็รู้สึกเฉยๆ แต่นางแอบเห็นพระนางยิ้มที่มุมปาก จนถึงวันไหว้ขอพรถึงได้รู้ว่าพระนางมีแผนการนี่เอง ณ ตีนเขาฝูติ่งมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ ถึงแม้จะบอกว่าเป็นวันขอพร แต่เซี่ยอีอีก็ยังเชิญหยางเฉียนหลิงมาด้วย วัดว่านเต๋อซื่อเป็นวัดใหญ่ วันนี้คนต้องเยอะมากแน่ๆ ยังไงก็เป็นแค่การไหว้ขอพร ไหว้ที่ไหนก็เหมือนกันจริงไหม? ขณะที่ลงมาจากรถม้า เซี่ยอีอีก็หน้านิ่งอย่างกับศพ นางหวังว่าตัวนางแค่ตาลายเท่านั้น แต่ว่ารถม้าคันนั้นนางก็ขึ้นมาตั้งหลายครั้ง ต่อให้นางความจำไม่ดีก็ไม่มีทางลืมหรอกว่ารถคันนี้มันเป็นของเหว่ยหมิง ไม่รู้ว่าได้ยินหรือว่าคำนวณเวลาเอาไว้แล้ว ตอนที่เซี่ยอีอีกำลังตะลึงอยู่ คนที่สามารถยืนยันได้ว่านางไม่ได้มองผิดก็เดินลงมาจากรถม้า เขาสวมชุดดำทั้งตัว หน้าตาหล่อเหลา ตอนนี้เซี่ยอีอีเหมือนกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางหน้า แทบจะเป็นลม “ท่านอา?” เมื่อเห็นเหว่ยหมิง เซี่ยวี่ซื่อก็ยิ้มหน้าบาน กางแขนแล้วก็เตรียมจะวิ่งไปหาเขา แต่เซี่ยเฉินวี่กลับรั้งนางเอาไว้ แล้วจ้องไปที่นางด้วยความไม่พอใจ “ท่านอ๋องหยง?” หยางเฉียนหลิงตกตะลึงเล็กน้อย วันอย่างนี้เขาควรจะอยู่ที่วัดว่านเต๋อ แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่? ความสงสัยของหยางเฉียนหลิงเป็นสิ่งที่เซี่ยอีอีก็คิดไม่ตกเหมือนกัน ที่นางมาที่นี่นอกจากเซี่ยเหวียนฉีกับนางเฉินซื่อแล้วก็ไม่มีใครรู้ แม้แต่ฮ่องเฮาเองก็รู้แค่ว่านางไม่ไปวัดว่านเต๋อซื่อ ชื่อวัดนี้นางไม่พูดถึงสักตัวเลย อีกด้านหนึ่ง เซี่ยวี่ซื่อที่ถูกรั้งตัวเอาไว้ก็มองเหว่ยหมิงด้วยสายตาที่กรุ่มกริ่ม เหว่ยหมิงมองไปที่นาง แล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา เซี่ยวี่ซื่อเองมีความคาดหวังในตัวพ่อแท้ๆคนนี้มาก ต่อให้เซี่ยเฉินวี่จะไม่ให้นางยอมรับเขาเป็นพ่อก็ตาม แต่ว่านางก็ยังอยากจะสร้างโอกาสให้พ่อแม่ของนางอยู่ดี นางแอบบอกเรื่องนี้ให้ฮ่องเฮารู้ ก็เพื่อการนี้เลย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 44 แสดงอำนาจ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A