ตอนที่ 45วิธีต่ำต้อย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 45วิธีต่ำต้อย
ต๭นที่ 45วิธีต่ำต้อย “ทำไมเพิ่งมา?” เสียงเรียบๆที่ตามมากับคนที่สวมชุดดำ เซี่ยอีอีมองไปที่คนที่ดูอ่อนโยน ในใจไม่รู้ว่าอคติหรือว่าสับสน เมื่อนางเห็นเขา น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” “มาไหว้ขอพรไง” คำพูดนี้เซี่ยอีอีไม่เชื่อ จ้องไปที่เขา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรอ? ไหว้ขอพร ถ้าไหว้ขอพรจริงเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ทุกคนไปที่วัดว่านเต๋อซื่อกันหมด เจ้าจำเส้นทางไม่ได้หรือไง?” ได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยว่า “อ๋อ? ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าไม่ได้มาไหว้ขอพร งั้นเจ้าคิดว่าข้ามาทำอะไรล่ะ?” “เจ้าจะทำอะไรมันเกี่ยวอะไรกับข้า เดินไปไหนก็เจอเจ้า ขวางหูขวางตาชะมัด” เซี่ยอีอีชักสีหน้า กำลังจะเดินไปก็ได้ยินเสียงรถม้าดังขึ้น แถมยังมากับเสียงร้องสูง …… “พี่หมิง ------” ขี้อ้อน หยิ่งผยอง ถึงแม้เซี่ยอีอีจะไม่เห็นตัวคน แต่ว่าเสียงผู้หญิงแบบนี้ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิด หญิงชุดเขียวพุ่งตัวมาหาเหว่ยหมิงโดยเฉพาะ เมื่อเห็นคนพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดของเหว่ยหมิง เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว แล้วเบะปาก “เฮ้เฮ้ ไม่รู้จักกาลเทศะหรือไง เรื่องแบบนี้ทำที่ล่างเขาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันบนเขาที่มีวัดนะ รู้จักสำรวมหน่อย” ได้ยินดังนั้น ไม่รอให้เหว่ยหมิงเอ่ยปาก ผู้หญิงที่เข้าสู่อ้อมกอดของเหว่ยหมิงก็มองมาที่เซี่ยอีอีแบบไม่พอใจ “หญิงป่าเถือนที่ไหนเนี้ย กล้าพูดกับพี่หมิงแบบนี้ได้ยังไง” เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยปากขึ้นมา แต่ก็มีคนดึงจางชิงเอ๋อออกจากอ้อมกอดของเหว่ยหิง “เจ้านี่มันยังไงกัน โตขนาดนี้แล้ว ไม่รู้หรือไงว่าชายหญิงเขาห้ามใกล้ชิดกัน?” จางชิงเอ๋สะบัดมือออก จ้องไปที่เซี่ยอีอีราวกับศัตรู นางรู้ว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน นางก็รู้ว่าเหว่ยหมิงไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัว แต่เมื่อนางได้ยินว่ามีคนที่ชื่อเซี่ยอีอี นางก็เลยไม่อยากจะอยู่ในกฎนั้นอีก นางก็จะกอดเขาไว้อย่างนั้น มันจะทำไม นางตั้งใจจะให้ผู้หญิงคนนี้เห็น เรื่องอะไรที่ผู้หญิงคนอื่นทำไม่ได้ นางจางชิงเอ๋อทำได้ เหว่ยหมิงจัดการชายเสื้อของตัวเอง แล้วหันไปมองเซี่ยอีอี “นางคือน้องสาวของจางฮวาย จางชิงเอ๋อ” เซี่ยอีอียิ้มมุมปาก นางเป็นใครมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย? นางแค่ไม่พอใจน้ำเสียงกับท่าทีของนางเท่านั้น นอกนั้นนางไม่สนใจ “ไม่เจอกันหลายปี เจ้ายังเหมือนม้าดีดกระโหลกเหมือนเดิม” เมื่อเห็นเหว่ยหมิงบ่น จางชิงเอ๋อก็เดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง แล้วจับไปที่แขนของเขา แล้วอ้อนว่า“ไม่ได้เจอกันหลายปีก็คิดถึงมากๆ ท่านไม่คิดถึงข้าเลยหรอ? หากท่านบอกว่าไม่คิดถึงข้า ข้าจะร้องให้ท่านดู” อีกด้านหนึ่ง เห็นคนที่มาพัวพัน เซี่ยวี่ซื่อกำหมัดแน่น โกรธมาก นางกัดปากแล้วพูดว่า “เฉิงเยาจิน” เสียงหัวเราะแห้งๆ เซี่เฉินวี่สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับว่าเขาเป็นพ่อ แต่เห็นผู้หญิงมาพัวพันเขา ในใจก็คันไม่คันมืออยากจะฆ่าคน เหว่ยหมิงผลักจางชิงเอ๋อออก แต่ไม่สำเร็จ แล้วหันไปจ้องจางฮวาน “พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม?” เห็นเหว่ยหมิงตัดพ้อ จางฮวายก็เลยมองไปที่เซี่ยอีอี “เจ้าบอกว่าเจ้าจะไปไหว้ขอพรไม่ใช่หรอ วัดว่านเต๋อซื่อคนเยอะ เราก็เลยอยากหาที่สงบสักที่” ใช้ข้ออ้างแบบนี้มาขัดขวางเขา เหว่ยหมิงจ้องไปที่จางฮวาย แล้วสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่เปิดเผยแผนการเดินทางอะไรให้เขารู้เลยเด็ดขาด “ชิงเอ๋อ ปล่อยมือ” เหว่ยหมิงลองสลัดมืออีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจางชิงเอ๋อกลับบีบแขนแน่น กลับเดินเข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิม “ไม่ ข้านั่งรถมาตั้งไกลเวียนหัวมาก พี่หมิงพยุงข้าลงเขาได้หรือเปล่า” เมื่อได้ยินจางชิงเอ๋อพะเน้าพะนอ เซี่ยอีอีก็ยิ้มมุมปากแบบรังเกียจเหว่ยหมิง หลังจากนั้นก็หันหลังกลับไป “เฉียนหลิง รีบพาเด็กๆขึ้นเขาดีกว่า อยู่ที่นี่นาน เด็กๆจะจำสิ่งไม่ดีมา” รู้แต่แรกแล้วว่าเซี่ยอีอีประชดประชันเก่ง หยางเฉียนหลิงก็ไม่ได้กังวลใจอะไรขนาดนั้น เห็นนางไม่ได้สนใจ นางกลับสงสัยว่านางไม่สนใจอ๋องหยงจริงๆหรอ หรือว่าแค่กล้าทำเป็นแข็งใส่? เห็นเซี่ยอีอีจากไป จางชิงเอ๋อก็ยิ้มอย่างได้ใจ ก็เกาะติดหยางหนิงต่อไป เหว่ยหมิงทำอะไรไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเอ็นดูจางชิงเอ๋อมาก แต่เอ็นดูในฐานะน้อง แต่ไม่คิดว่านางจะเข้าใจในเจตนาของเขาผิด เพราะเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ ตอนที่ขึ้นเขาไปเซี่ยอีอีไม่พูดไม่จาสักคำ เอาแต่เตะก้อนหิน หยางเฉียนหลิงก็อยากจะพูดอะไร แต่ก็คิดว่าเด็กๆอยู่ตรงนี้ด้วย “อีอี เจ้ายังดีอยู่ไหม?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีเงยหน้ามองหน้านางแปลกๆ “เป็นอะไรไป?” นางเองต่างหากที่ไม่พูดไม่จา ตอนนี้นางกลับมาถามว่าเป็นอะไร หยาเฉียนหลิงรับช่วงต่อแทบไม่ทัน “แล้วเจ้าทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” “ไม่มีอะไร ข้าแค่กำลังคิดว่า วันแบบนี้ทุกคนไปวัดเต๋อซื่อกันหมดเลยหรอ ตลอดทางที่เราเดินขึ้นมานี่เราไม่เจอใครเลยนะ” ต่างก็เป็นวัดเหมือนกัน เป็นสถานที่กราบไหว้บูชาเหมือนกัน แต่ที่นี่กลับเย็นเงียบแบบนี้ เซี่ยอีอีรู้สึกว่ามันไม่ปกติ หากไม่พูดออกมาก็แทบจะไม่ได้สังเกต หลังจากเซี่ยอีอีพูดออกมาแล้ว หยางเฉียนหลิงก็รู้สึกผิดปกติเหมือนกัน “จริงด้วย ที่นี่มันดูเย็นเฉียบเกินไป แปลกๆ เคยได้ยินมาว่าวัดฝูติ่งซื่อเป็นสถานที่ฝังคนตายอยู่แล้ว ทุกคนไม่ชอบมาไหว้ขอพรที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติไง” เรื่องปกติหรอ? แต่ว่าเซี่ยอีอีก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากเกินไป เซี่ยอีอีก็เลยไม่ได้คิดปัญหานี้อีก ตอนนี้ก็มาถึงบนยอดเขา เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ก็วิ่งไปไกลมากแล้ว ทันใดนั้นเอง ทันใดนั้นเอง ก็มีลมกลุ่มหนึ่งพัดมาอย่างแรง เซี่ยอีอีรีบผลักหยางเฉียนหลิงออก เซี่ยอีอีหลบลูกธนูไปด้านข้างๆ มัวแต่ห่วงด้านบนแต่ไม่ทันระวังด้านล่าง พื้นทรุดตัวลงไป เซี่ยอีอีไม่ทันระวังก็เลยตกลงไป หลังจากที่นางตกลงไปพื้นก็ค่อยๆปิดตัวลง เซี่ยอีอีใช้แรงผลักหยางเฉียนหลิงตกเขาไปอย่างแรง ตอนตกลงมาเท้าก็เลยเคล็ด นางลองลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำไม่ได้ “อีอี อีอีเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” หยางเฉียนหลิงยื่นหน้าไป แตไม่มีเสียงตอบรับ ในใจก็รู้สึกเป็นกังวล “............” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา หยางเฉียนหลิงเริ่มร้อนใจ นางตะโกนเรียกต่อไป แต่กลายเป็นเรียกเด็กสองคนให้กลับมาแทน “ท่านแม่ ท่านพี่เฉียนหลิง” “ซื่อเอ๋อ วี่เอ๋อ ข้าอยู่นี่” เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็ตามเสียงเฉียนหลิงไปยังเนินล่างเขา เซี่ยวี่ซื่อวิ่งลงไป แต่นางตัวเล็กก็เลยไม่มีแรงมากพอที่จะดึงนางขึ้นมา “ท่านพี่เฉียนหลิง ท่านแม่ล่ะ?” เซี่ยเฉินวี่ยืนอยู่บนเนิน แล้วถาม ได้ยินดังนั้น หยางเฉียนหลิงตะลึงไป “เมื่อกี้นางยังอยู่ตรงนั้น นางผลักข้าออกมา หลังจากนั้นข้าก็ไม่ได้ยินเสียงนางอีกเลย” เซี่ยเฉินวี่รีบหันหลังไปตามหา แต่หามาตั้งนานก็พบแต่เพียงลูกศร เขากระโดดไปดึงเอาลูกศรลงมา หน้าเล็กๆของเขาเคร่งเครียด “เซี่ยวี่ซื่อ เจ้าอยู่กับพี่เฉียนหลิงที่นี่ ข้าจะออกไปตามหาท่านแม่” เขาปักลูกศรในมือลงบนพื้น เซี่ยเฉินวี่กระโดดลอยตัว ขึ้นกลางอากาศ “เซี่ยวี่ซื่อ?” เสียงเรียกเบาๆ เซี่ยวี่ซื่อหันหน้าไปดู ตอนที่นางเห็นเหว่ยหมิงเหมือนนางอยากจะพูดอะไร แต่เห็นจางชิงเอ๋ออยู่ข้างๆ เซี่ยวี่ซื่อก็ไม่พูด “ท่านอาจาง ท่านพี่เฉียนหลิงบาดเจ็บ ข้าพยุงนางไม่ไหว ท่านช่วยข้าได้หรือเปล่า?” ได้ยินดังนั้น จางฮวายก็มมองไปที่เหว่ยหมิงด้วยสายตาแปลกๆ ในเวลาแบบนี้เด็กน้อยไปหาเหว่ยหมิงแต่กลับขอให้เขาช่วย ดูท่าเสน่ห์ของเขาจะแรงไม่เบา จางฮวายเดิยลงไปที่เนิน เห็นหยางเฉียนหลิงกัดปากด้วยความเจ็บปวดสีหน้าซีดเซียว เขารีบพยุงนางขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บได้ยังไง?” เซี่ยวี่ซื่อไม่พูดไม่จาจ้องไปที่เหว่ยหมิง ปกตินางจะขี้อ้อนปากหวาน แต่ตอนนี้ทำหน้าทำตาเหมือนเซี่ยเฉินวี่ เปลี่ยนไปขนาดนี้เหว่ยหมิงเห็นอยู่เต็มตา เขามองไปรอบๆไม่เห็นเซี่ยอีอีกับเซี่ยเฉินวี่ “แม่กับพี่ชายเจ้าหายไปไหน?” เซี่ยวี่ซื่องอนไม่ยอมพูด ยืนยันว่าจะไม่พูด จางฮวายพยุงหยางเฉียนหลิงขึ้นมา ได้ยินเหว่ยหมิงถามหยางเฉียนหลิงก็รีบพูดว่า“อีอีน่าจะเกิดเรื่อง วี่เอ๋อออกไปตามหา เมื่อกี้มีคนแอบยิงธนู อีอีผลักข้าออกแล้วก็หายไปเลย ท่านอ๋อง จะทำยังไงดี?” “ท่านพี่ออกไปตามหาแล้ว ท่านแม่ไม่เป็นอะไรหรอก ท่านอาจางรบกวนท่านไปส่งท่านพี่เฉียนหลิงลงเขา ข้าจะไปตามหาพี่ชายกับท่านแม่” ตั้งแต่เริ่มจนจบเซี่ยวี่ซื่อไม่สนใจเหว่ยหมิงเลย นางอุตส่าห์สร้างโอกาสให้เขาแต่เขากลับไม่เห็นค่า พาผู้หญิงมายั่วให้แม่นางโกรธ ยิ่งคิดนางยิ่งไม่พอใจ รีบเร่งฝีเท้า ร่างเล็กๆค่อยๆหายไปจากสายตาของเหว่ยหมิง “ฮวาย พวกเจ้าลงเขากันไปก่อน ข้าไม่ไว้ใจเด็กๆ ข้าจะตามพวกเขาไป” มีคนแอบยิงธนู แสดงว่ามีคนสุ่มอยู่ หากเป็นแบบนี้ เขาจะวางใจได้ยังไง เหว่ยหมิงกำลังจะเดินไป จางชิงเอ๋อก็ดึงเขาเอาไว้ “พี่หมิง ท่านชอบยุ่งเรื่องคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้าไม่สน ท่านจะต้องลงเขาไปพร้อมข้า” สายตาของเหว่ยหมิงไม่อ่อนโยนเหมือนเดิม การที่เขาเป็นแบบนี้จางชิงเอ๋อรู้สึกกลัวขึ้นมา มือที่ดึงเขาก็ค่อยๆผ่อนออก แต่ก็ยังคงไม่ค่อยพอใจ “พี่หมิงท่านเปลี่ยนไป ท่านไม่รักข้าแล้ว” “เชื่อข้า ลงเขาไปกับพี่ชายเจ้าก่อน” เสียงของเหว่ยหมิงไม่อ่อนโยน มันมีแต่ความจนปัญญา หยางเฉียนหลิงเห็นทุกอย่าง ในใจก็เบาใจแทนเซี่ยอีอี ถึงแม้นางจะไม่พูดอะไร แต่ก็ดูออกว่านางมีเรื่องในใจ แต่ว่าเรื่องอะไร ต่อให้ไม่พูดก็รู้ ............ ภายในวัด ห้องโถงเรียบง่าย นอกจากเตียงกับโต๊ะ ก็แทบจะไม่มีอะไรอีก จางฮวายพยุงหยางเฉียนหลิงมาที่ริมเตียง ยกเท้าของนางขึ้นมาแล้วถกถุงเท้าออก หยางเฉียนหลิงตกใจ รีบห้ามเขาไว้ “ซื่อจื่อทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ได้ยินดังนั้น จางฮวายหยุด ปกติเขาทำอะไรตามใจจนเคยชิน เขาลืมไปว่านางนางหลินไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาเคยใกล้ชิด จากนั้นเขาก็ค่อยๆนวดขานาง “ที่นี่บนเขา ไม่มีหมอดูอาการเจ้า เจ้าให้ข้าดูก่อน ในเวลาแบบนี้จะมาห่วงเรื่องแบบนี้อีก” ถึงแม้เขาพูดจะไม่ผิด แต่การให้ผู้ชายมาดูเท้าให้ หยางเฉียนหลิงรู้สึกลำบากใจ นางหันหน้าหนีไม่มองเขา แล้วค่อยๆพยักหน้า “อ๊า!” เสียงร้องทำให้จางฮวายรีบเก็บมือกลับมา “ขอโทษ ทำให้เจ้าเจ็บ” หยางเฉียนหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร หมิงเหวียนซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลข้าหรอก ท่านออกไปช่วยตามหาพวกเขาดีกว่าไหม?” “เฮ้ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพี่ข้ามีตำแหน่งอะไร กล้าสั่งเขาแบบนี้ได้ยังไง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?” จางชิงเอ๋อยืนดูอยู่นาน เห็นจางฮวายดูแลนางเป็นอย่างดี ในใจก็ไม่พอใจ เหว่ยหมิงทิ้งนางเพื่อไปหาเซี่ยอีอีแล้วคนหนึ่ง จางฮวายก็ไม่สนใจนางเพราะผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้นางได้แต่ยืนเป็นไม้อะไรก็ไม่รู้อยู่ตรงนี้ ความเอาแต่ใจของจางชิงเอ๋อหยางเฉียนหลิงทำอะไรไม่ได้ เพราะฐานะมันก็ชัดอยู่ นางไม่มีสิทธิไปเถียงะไรนางได้ “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ออกคำสั่งอะไรกับท่านซื่อจื่อเลย ข้าแค่ขอร้องเท่านั้น เจ้าแยกไม่ออกระหว่างน้ำเสียงขอร้องกับออกคำสั่งหรอ?” น้องสาวของจางฮวายคนนี้อาศัยความเอ็นดูของฮ่องเฮา ฐานะของพ่อของนาง การปกป้องจากเหว่ยหมิงแต่เล็ก ไม่เคยเห็นใครในสายตา ในเมืองหลวงแต่รู้ดีว่านางเป็นพวกเอาแต่ใจ ถึงแม้นางจะไม่อยู่เมืองหลวงสองปี แต่จางฮวายเชื่อว่าในเวลาสั้นๆสองปีในเมืองหลวงคงไม่มีทางลืมความบ้าบิ่นของนางได้หรอก บ้านของหยางเฉียนหลิงอาศัยอยู่ในเมืองหลวง จางชิงเอ๋อไม่มีทางไม่รู้ แต่ว่านางกล้าที่จะพูดแบบนี้ คิดว่านางเองก็ใจกล้าไม่น้อย แสดงว่าถูกคุณหนูเซี่ยละลายพฤติกรรมมาแน่ๆ เห็นน้องสาวของตัวเองเสียเปรียบ จางฮวายรู้สึกขำ “ชิงเอ๋อ ก่อกวนพอแล้วก็กลับห้องไปซะ เจ้าบอกเองว่าปวดหัวไม่ใช่หรอ งั้นก็รีบไปพักซะ” แม้แต่พี่ชายตัวเองก็เห็นคนอื่นดีกว่า จางชิงเอ๋อก็เลยสะบัดก้นจากไป ------------ ในถ้ำมืดที่ไม่มีแสงสว่าง เซี่ยอีอีลุกขึ้นมานวดแผลที่ขา แล้วก็สบถด่าออกมาว่า“เจ็บชะมัดเลย กะจะให้ตายเลยหรือยังไง กว่าข้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่ง่ายเลย กะจะฝังข้าในหลุมหรือไงกัน?” ถึงแม้ในถ้ำจะมืด แต่ว่าเซี่ยอีอีก็ยังพอมองเห็นรอบๆ นางปิดตาทำสมาธิ แล้วลืมตาขึ้นมาใหม่เพื่อให้สายตาคุ้นเคยกับคววามมืด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นตัวเองตกลงมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แท้มันเป็นทางเส้นหนึ่ง กำแพงมีโคมไฟติดอยู่ กำแพงเห็นสร้างมาอย่างดี นางคิดว่าคนที่ยิงธนูต้องการให้นางตายแน่ๆ แต่ทางลับนี้น่าจะเป็นเหตุบังเอิญ แต่ว่า ทำไมถึงมีคนขุดทางเส้นนี้ขึ้นมาได้ล่ะ? เส้นทางนี้มันทะลุไปที่ไหน? ที่สำคัญที่สุดคือนางจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง? เซี่ยอีอีขยับแขนที่เจ็บดู แล้วก็คลำจนลุกขึ้นมาได้ ดูๆแล้วที่นี่น่าจะมีคนมา ไม่งั้นคงไม่มีใครมาเตรียมตะเกียงน้ำมันแบบนี้เอาไว้ นางเดินไปจุดตะเกียง แล้วเดินไปตามทาง จนนางไปเห็นโลงศพที่ถูกเปิดออก ในใจก็เข้าใจทันที เซี่ยอีอีดึงโคมไฟออกมาจากกำแพงหนึ่งอันแล้วเดินมาที่หน้าโลงศพ ไม่ผิดจากที่คาดไว้ ด้านในโลงศพนอกจากกระดูกแล้วก็ไม่มีของอย่างอื่นเหลืออีก คนที่สามารถนำศพมาฝังที่วัดฝูติ่งซื่อ คิดว่าคงไม่ใช่คนทั่วไป ในเมื่อไม่ใช่คนทั่วไปแล้วจะไม่มีทรัพย์สินฝังด้วยได้ยังไง? คิดว่าน่าจะมีคนขุดเอามันออกไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็อธิบายได้ว่าทำไมโลงศพถึงไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ๆควรอยู่แต่มาอยู่ที่นี่ “คิดอยากจะเป็นโจรขโมยสมบัติในโลง แต่ข้างในกลับว่างเปล่า” เซี่ยอีอีเดินสำรวจไปรอบๆโลงศพ แล้วมาหยุดตรงหน้าโลง เซี่ยอีอีตกใจมาก นางวางตะเกียงลง แล้วยื่นมือไปจับกะโหลกของศพ เมื่อนิ้วสัมผัสไปโดยกะโหลก คิดว่ามันน่าจะมีเหลือโครงอะไรอยู่บ้างแต่มันกลายเป็นผงไปหมด แม้แต่ร่างกายก็เป็นผงไปด้วย 
已经是最新一章了
加载中