ตอนที่ 46 วรยุทธิ์สุดยอด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 46 วรยุทธิ์สุดยอด
ต๭นที่ 46 วรยุทธิ์สุดยอด เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว ยืนอยู่หน้าโลงศพอยู่นาน ศพด้านในโลงศพที่วางเรียงรายทั้งหมดถูกดูดไขสันหลังต้นคอออกไปจนหมด จะใช้ไขสันหลังคนตายได้ นอกจากเรื่องนั้นแล้ว นางคิดไม่ออกจริงๆว่าจะเอาไปทำอะไรอีก แต่ว่า พวกเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? คิดๆดูแล้ว นางก็คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ หากนางไม่รีบหาทางออกไป คนที่จะถูกวางยาเกรงว่าจะเป็นนาง เมื่อต่อไป ก็เจอประตูหินขวางเอาไว้ เมื่อยื่นมือไปจับ มันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง บนกำแพงเองก็ไม่มีกลไกอะไรเลย เมื่อกี้ตอนมามีถนนหลายทาง หากทางไหนเดินต่อไปไม่ได้ก็เปลี่ยนเส้นทางใหม่ เมื่อหันไ เท้าก็แตะถูกอะไรก็ไม่รู้ นางก้มตัวลง ใช้ตะเกียงในมือส่องไป จากนั้นก็ออกแรงเท้าเตะอย่างแรง ประตูหินเปิดออก เซี่ยอีอีหันไปมองประตูหินที่เปิดออก จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก “กลไกลมีแค่นี้?” หลังจากประตูหินเปิดออก เซี่ยอีอีก็ยิ้ม นางมองเข้าไปข้างในที่มีอัญมณีเต็มไปหมด นางไม่รู้ว่าตัวเองดวงซวย หรือว่าดวงดี ในห้องประตูหินมีเครื่องประดับสมบัติเพชรพลอยจำนวนมาก มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาขโมยสมบัติพวกนี้มากี่ศพแล้ว มือซ้ายของนางหยิบขวดหินโมราขึ้นมา มือขวาหยินไข่มุกหยกเฟ่ยชุย รอยยิ้มแห่งความโลภก็ปรากฎขึ้น วางของในมือลงทั้งหมด เซี่ยอีอีมองไปรอบๆ ทนที่จะบ่นไม่ไหว “คิดไม่ถึงเลยว่าสร้างวัดจะได้กำไรขนาดนี้ ได้เงินมากกว่าที่ข้าเป็นหมออีกนะเนี้ย เดี๋ยวกลับไปข้าจะไปเปิดวัดบ้างดีกว่า” นางเดินไปที่ตู้วางพระสูตร เซี่ยอีอีหยิบมันขึ้นมาดู ทั้งหมดคือพระสูตรปรัชญาปารมิตา เอาของพวกนี้มาฝังด้วยแสดงว่าเป็นคนงมงายประมาณหนึ่งแน่ๆ คิดๆดูแล้วก็น่าตลกดี เพื่อให้คนตายไปสู่สุขติจะต้องฝังของมากมายพวกนี้ด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกโจรกรรมหมดไม่เหลือแม้แต่ศพ นางเอาพระสูตรวางกลับไปที่เดิม แต่ไม่ทันระวังชนถูกพระสูตรเล่มอื่น ทำให้ตำราเก่าเล่มหนึ่งโผล่ออกมา ดึงดูดสายตาของเซี่ยอีอีมาก คนอื่นฝังศพก็มักจะฝังของดี แต่กลับมีของเก่าที่เกือบขาดแบบนี้ปนอยู่ด้วย? เซี่ยอีอีหยิบตำราเก่าเล่มนั้นขึ้นมา นางพลิกหน้าพลิกหลัง หน้ากระดาษขาดรุ่ย แต่ยังดีที่มันยังอยู่ครบเล่ม มันดูไม่ออกว่าเป็นตำราอะไร เซี่ยอีอีเปิดด้านในออกดู เนื้อหาที่อยู่ด้านในทำให้นางถึงกับตกใจ นอกจากหน้าปกแล้ว เนื้อหาด้านในทั้งหมดเป็นกระดาษสีทอง หมึกด้านในราวกับมีชีวิต ถึงแม้มันจะเก่า แต่กระดาษทองแบบนี้ บนโลกนี้คงไม่มีเล่มที่สองแน่ๆ นางเคยได้ยินซูกงพูดถึง ‘จินปี้สร้างจินหลิง ด้านในอักษรหมื่นคำเป็นทองคำ’ ตำราจินหลิงเป็นสุดยอดเคล็บวิชาที่สืบทอดกันมายาวนานในยุทธภพ แม้แต่ซูกงเองก็ยังแค่เคยได้ยิน คิดไม่ถึงเลยว่าของที่หายสาบสูญไปนาน นางจะได้เห็นมันกับตา นางหาที่นั่งลง วางตำราจินหลิงลงบนพื้น เปิดไปหน้าหนึ่ง แล้วเก็บลม ...... ------------ พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสองวัน การหายตัวไปของเซี่ยอีอี เหว่ยหมิงจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย อีกทั้งเซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ก็ไม่สนใจเขา เหว่ยหมิงก็เลยกังวล อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว เด็กสองคนนั้นตามหาเซี่ยอีอีไม่หลับไม่นอนมาสองวันแล้ว เหว่ยหมิงเป็นผู้ใหญ่ทนไหวอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเขายังเด็ก จะทนได้ยังไงกัน? เซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่กลับมาเจอกัน มองหน้ากันแล้วพูดอะไรไม่รู้ จากนั้นก็แยกกันอีก แต่กลับถูกเหว่ยหมิงขวางไว้ “สองวันแล้ว พวกเจ้าสืบได้เรื่องอะไรบ้าง?” เซี่ยวี่ซื่อหันหน้าหนี ไม่สนใจเขา เซี่ยเฉินวี่เงยหน้ามองเขาแล้วพูดว่า“แล้วท่านเจออะไรบ้าง? หากท่านสืบไม่เจออะไรเลย ก็อย่ามาขวางเรา” น้ำเสียงที่ไม่พอใจของเซี่ยเฉินวี่มันแข็งมากกว่าก่อนหน้านี้มาก เหว่ยหมิงไม่รู้จริงๆว่าตัวเองอะไรผิดจนทำให้เด็กสองคนนี้ไม่พอใจ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ เราจะช่วยกันหาไม่ได้หรอ? ข้าได้สั่งเคลื่อนกำลังพลมาที่นี่แล้ว หากพวกเจ้ามีเบาะแส คนมากก็จะเร็วขึ้นไม่ใช่หรือไง?” “เราไม่ต้องการให้ท่านช่วย เราหาท่านแม่กันเองได้” เซี่ยวี่ซื่อหันหน้ามาข้างหนึ่ง ไม่แม้แต่จะมองเหว่ยหมิง นางไม่เหมือนเซี่ยเฉินวี่ นางเคยตั้งความหวังกับเหว่ยหมิงมาก จึงผิดหวังมาก ในใจมีแต่เกลียด นางสาบานไว้ว่า ต่อไปไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่ยอมรับเขาเป็นพ่ออีก ส่วน เซี่ยเฉินวี่ในตอนนี้นิ่งและใจเย็นกว่าเซี่ยวี่ซื่อมาก คิ้วขมวดขึ้น เหมือนกับกำลังคิดอะไร จากนั้นเขาก็เอ่ยปากขึ้นมา“ท่านแม่ยังอยู่บนเขานี่ยังไม่ได้ไปไหน แล้วก็อยู่ใกล้ๆเรานี่แหละ แต่ว่าสองวันมานี่เรากลับไม่พบร่องรอยของท่านแม่เลย เพื่อท่านแม่แล้วข้ายอมร่วมมือกับท่าน แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะคนที่ทำให้ท่านแม่หายตัวไปคือท่าน ท่านจะต้องรับผิดชอบช่วยเราตามหานาง” คนที่ทำให้เซี่ยอีอีหายตัวไปคือเขา? เหว่ยหมิงไม่เข้าใจประโยคนี้? “เซี่ยเฉินวี่เจ้าหมายความยังไง ทำไมเจ้าถึงยอมให้เขาช่วย? ไม่มีเขาเราก็หาท่านแม่เองได้” เซี่ยวี่ซื่อคัดค้านอย่างมาก ได้ยินว่าเซี่ยเฉินวี่จะร่วมมือกับเหว่ยหมิง นางจึงร้อนใจ “สองวันแล้ว หากไม่หาท่านแม่ให้พบเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ตอนนี้เราต้องการคน ให้เขาช่วยไม่มีอะไรไม่ดี” เซี่ยวี่ซื่อเริ่มงอแง มีที่ไหนพูดไม่กี่คำก็ยอมเขาแล้ว “ข้าไม่ยอม ข้าไม่อยากไปตามหากับเขา จะให้เขาช่วยเจ้าก็ไปคนเดียว ข้าไม่ไปกับเจ้าแล้ว” พูดจบ เซี่ยวี่ซื่อก็หันหน้าแล้วเดินไป เหว่ยหมิงเห็นเด็กสองคนทะเลาะกัน เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าที่เซี่ยวี่ซื่ออคติกับเขาขนาดนี้เป็นเพราะอะไร เขาเดินเข้าไปหาเด็กน้อยที่ขัดขวางเขา นั่งยองๆลง จับไปที่แขนเล็กๆของนาง “เซี่ยวี่ซื่อ เจ้าโกรธอะไรข้าอยู่? ถ้าเจ้าไม่พอใจหรือโกรธอะไรข้าก็พูดกับข้าได้ตรงๆ ตอนนี้แม่ของเจ้าหายตัวไป ไม่ใช่ว่าเวลาที่จะมาเล่นๆนะ” ดวงตากลมโตจ้องไปที่เขาด้วยความโกรธแค้น พูดด้วยความโมโหสุดขีด“อย่ามาแกล้งเป็นคนดีต่อหน้าข้า ท่านแม่หายตัวไปก็เป็นเพราะเจ้า ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกข้าไม่บอกฮ่องเฮาเรื่องที่เราจะมาไหว้ขอพรที่นี่หรอก ไม่งั้นคงไม่ต้องมาเจอเรื่องสกปรกแบบนี้” เหว่ยหมิงยิ่งฟังยิ่งมึน แต่ก็นึกทบทวนดีๆ จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่านางเป็นคนไปบอกเรื่องการเดินทางกับฮ่องเฮา แต่ว่าเรื่องสกปรกที่หมายถึง ...... เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยวี่ซื่อพูด เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว คิดแล้วลองถามกลับไปว่า“เป็นเพราะจางชิงเอ๋อหรอ?” ย้อนคิดดูแล้ว เด็กสองคนนี้ก็เคยไปแอบดูในจวนอ๋องหยงว่ามีผู้หญิงซ่อนอยู่ไหม แต่หลายวันมานี้เด็กคนนี้กลับเป็นแบบนี้ เหว่ยหมิงคิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีเหตุผลอะไรอย่างอื่นอีก “หึ” เซี่ยวี่ซื่อเบะปาก หันหน้ากลับไปอย่างแรง นางไม่ปฏิเสธ งั้นก็แสดงว่าใช่? เมื่อเห็นดังนั้น เหว่ยหมิงก็หลุดหัวเราะออกมา ใช้มือใหญ่ๆของเขาลูบไปที่หน้าน้อยๆของนาง “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรกัน” “ไม่มีอะไรแต่นางก็เรียกท่านว่าพี่หมิง ยังกอดแขนท่านอีกเนี้ยนะ?” ท่าทางและคำพูดที่ตัดพ้อเหว่ยหมิงไม่รู้จริงๆว่าควรตอบกลับไปว่ายังไง เขายิ้มเบาๆแล้วดึงเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอดแล้วพูดว่า“งั้นต่อไปไม่ให้นางมากอดแล้ว แบบนี้ได้ไหม?” เมื่อเขาพูดมาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาแค่ปลอบนางหรือเปล่า สายตาของนางมองไปเซี่ยเฉินวี่ เหมือนจะถามความเห็นของเขา เซี่ยเฉินวี่ไม่ได้ตอบ แต่เซี่ยวี่ซื่อรู้ว่าท่าทางของเขาแบบนี้นั่นคือตกลง เซี่ยวี่ซื่ออยู่ในอ้อมกอดของเหว่ยหมิง หน้าเล็กๆของนางดูจริงจัง “ก็ได้ ท่านเป็นคนพูดเองนะ ข้าไม่ได้บังคับให้ท่านพูด” เหว่ยหมิงยิ้มไม่หุบ พยักหน้า “ข้าพูดเอง ตอนนี้เราไปหาแม่ของพวกเจ้ากันได้หรือยัง?” “ได้” เซี่ยวี่ซื่อก้มหน้าไปจับป้ายหยกที่อยู่บนเอว “นี่คือหยกฉือวี่ ท่านแม่ก็มีเหมือนกัน ปกติแล้วหยกชิ้นนี้เป็นสีขาว ขอแค่ท่านแม่พกมันติดตัวเอาไว้เมื่อหยกฉือวี่เข้าใกล้กันมันจะเปลี่ยนเป็นสีดำ สองวันมานี่หยกของข้ามันเป็นสีดำตลอด ดังนั้นท่านพี่เลยบอกว่าท่านแม่ยังอยู่บนเขา” เหว่ยหมิงหยิบหยกในมือของเซี่ยวี่ซื่อมาดู ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหยกฉือวี่คือะไร แต่เขารู้ว่าหยกชิ้นนี้ก่อนหน้านี้มันเป็นสีขาว “พี่หมิง!” เสียงออดอ้อนดังขึ้นมาหน้าของเด็กน้อยที่ยิ้มก็เปลี่ยนทันที เหว่ยหมิงมองไปที่จางชิงเอ๋อที่กำลังเดินมา มือยังไม่ได้ปล่อยจากหน้าของเซี่ยวี่ซื่อ “เจ้ามาได้ยังไง พี่ชายเจ้าล่ะ?” “เขาหรอ เขาเอาแต่ดูแลหยางเฉียนหลิงไม่สนใจข้า พี่หมิงเรามาที่นี่ก็สองวันแล้ว จะกลับกันเมื่อไหร่?” จางชิงเอ๋อพูดพรางเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือมาจะจับแขนของเหว่ยหมิง เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยวี่ซื่อก็เบะปาก จากนั้นก็กอดขาของเหว่ยหมิงแล้วพูดว่า“ท่านอา เรารีบไปหาท่านแม่กันเถอะ!” จางชิงเอ๋อหยุดมือ มองไปเด็กน้อยที่อยู่ที่ขาของเหว่ยหมิงอย่างรังเกียจ “เด็กที่ไหนกัน ไม่รู้จักมารยาทหรือไง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เซี่ยวี่ซื่อไม่ได้สนใจนาง มองเหว่ยหมิงแล้วเตือนเขาว่า“ท่านอา เมื่อกี้ท่านรับปากข้า” เหว่ยหมิงก้มหน้ามามองหน้าเล็กๆของนาง เพื่อเป็นการบอกนางว่าเขาไม่ได้กลับคำ เหว่ยหมิงก็เลยอุ้มนางขึ้นมา “แบบนี้ได้หรือยัง?” เซี่ยวี่ซื่อไม่ได้โง่ เหว่ยหมิงอุ้มนางขึ้นมาแบบนี้ จางชิงเอ๋อก็จะไม่สามารถมาเกาะเขาได้อีก นางยิ้มหน้าบาน เซี่ยวี่ซื่อใช้มือเล็กๆโอบไปที่คอของเหว่ยหมิง นางหันหน้าไป ใช้สีหน้าท่าทางท้าทายมองไปที่จางชิงเอ๋อแล้วพูดว่า“ท่านอาจะไปตามหาท่านแม่กับข้าและพี่ชายของข้าไม่มีเวลาไปอยู่กับเจ้าหรอก เจ้ากลับไปซะ!” เด็กที่ไหนก็ไม่รู้แต่กลับกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับนาง จางชิงเอ๋อจ้องไปที่เซี่ยวี่ซื่อ เหมือนไม่ได้คิดจะยอมถอยให้เด็กอย่างนางเลย “แม่ของพวกเจ้าเกิดเรื่อง เกี่ยวอะไรกับพี่หมิงของข้าด้วย เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่ให้เขาช่วย หามาสองวันแล้ว แม่เจ้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ......” “จางชิงเอ๋อ!” เสียงตะคอกดังขึ้นแทรกขณะที่จางชิงเอ๋อกำลังพูด สายตาของเหว่ยหมิงดุดัน จางชิงเอ๋อหยุดพูดทันที จางชิงเอ๋อรู้ดีว่า ปกติเหว่ยหมิงไม่ได้เรียกชื่อเต็มนางขนาดนี้ ก็เหมือนกับที่เขาเรียกชื่อเต็มของจางฮวายนั่นแหละ ตอนนี้เรียกนางว่า ‘จางชิงเอ๋อ’ แสดงว่าเขากำลังโกรธมาก แต่ว่าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เขากลับตะคอกใส่นางแบบนี้! จางชิงเอ๋อสีหน้าน้อยใจเหว่ยหมิงมาก สายตาเหมือนกับมีน้ำตาคลอ “พี่หมิงท่านดุข้า ท่านดุข้าเพราะคนนอก” “เราไม่ใช่คนนอกซะหน่อย เจ้าต่างหากที่เป็นคนนอก” เมื่อได้ยินที่นางพูด เซี่ยวี่ซื่อก็ไม่พอใจ นางตะคอกเสียงดังมก เหมือนจะเกลียดคำว่า “คนนอก” มากๆ “ข้าเป็นคนนอก? แล้วพวกเจ้าเป็นใคร? เขาเป็นอะไรกับเจ้า ทำไมจะต้องช่วยเจ้า?” จางชิงเอ๋อระเบิดอารมณ์ออกมา เมื่อได้ยินเซี่ยวี่ซื่อพูด นางก็ยิ่งไม่พอใจ เซี่ยวี่ซื่อโกรธจนหน้าแดง ตอนนี้นางไม่สนใจว่าควรไม่ควรพูด รีบตอบกลับไปว่า“เขาเป็น ......” “เซี่ยวี่ซื่อ” เซี่ยเฉินวี่จ้องไปที่เซี่ยวี่ซื่อเพื่อเตือน สีหน้าเย็นชาของเขานิ่ง เซี่ยวี่ซื่อปรับระดับเสียงแล้วพูดว่า “เขาเป็น ท่านอาของข้า” “หึ ท่านอา สัมพันธ์แนบแน่นจริง เจ้าอยากจะมีท่านอาไปหาเอาที่ตลาด ทำไมจะต้องมาจับพี่หมิงของข้าด้วย หรือว่าแม่ของเจ้าไม่เคยสั่งสอน?” เมื่อฟังจางชิงเอ๋อประชดประชัน เซี่ยวี่ซื่อกำหมัดแน่น ในใจรู้สึกไม่พอใจอย่างแรง มีพ่อก็ยอมรับออกหน้าออกตาไม่ได้ มีอะไรก็พูดออกมาไม่ได้ อารมณ์แบบนี้ทำให้นางอยากจะฆ่าคนจริงๆ ในใจอึกอัดจนร้องไห้ออกมาแต่ไม่มีเสียง “พอได้แล้ว นางยังเป็นเด็กอยู่ เจ้าจะคิดเล็กคิดน้อยกับนางทำไม? ฟ้าใกล้มืดแล้ว เรายังต้องไปตามหาคนอีก พรุ่งนี้เจ้าตามฮวายกับแม่นางหยางลงเขาไปซะ” เหว่ยหมิงตามใจนางมาตลอด แต่วันนี้เขากลับมีคนที่ต้องการปกป้องมากว่า สามแม่ลูกนี่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็มีความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด ถึงแม้ฐานะของเด็กสองคนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่เขายอมรับแม่ของพวกเขา แสดงว่าเด็กสองคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของเขาแน่นอน “ลงเขา? แล้วท่านล่ะ?” เขาบอกให้พวกนางลงเขาไป แต่ไม่ได้บอกว่าเขาจะลงเขาไปด้วย จางชิงเอ๋อรีบถามกลับ “ข้าจะอยู่ตามหาคนที่นี่ เจอแล้วค่อยลงเขาไป” เสียเวลามามากแล้ว เหว่ยหมิงไม่มีกะจิตกะใจเสียเวลาต่อไปอีก เพราะไม่มีเสียงตอบกลับจากเซี่ยอีอีเลย หากยื้อต่อไปอีกนางจะเป็นอันตราย เขาอุ้มเซี่ยวี่ซื่อแล้วเดินไป เซี่ยเฉินวี่เดินตามหลัง ขณะที่เดินผ่านจางชิงเอ๋อก็จ้องไปที่นางด้วยสายตาเย็นชา เมื่อประสานไปที่สายตาที่ไม่เป็นมิตร จางชิงเอ๋อก็ขมวดคิ้ว มองไปที่คนที่เดินไปไกลแล้ว นางรีบก้าวเดิน “พี่หมิงรอข้าด้วย ข้าช่วยท่านหา”
已经是最新一章了
加载中