ตอนที่ 48 ลอบทำร้าย
1/
ตอนที่ 48 ลอบทำร้าย
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 48 ลอบทำร้าย
ตนที่ 48 ลอบทำร้าย เมื่อออกมาจากใต้หลุม คนแรกที่เซี่ยอีอีเห็นคือจางชิงเอ๋อที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู แต่พอเหว่ยหมิงออกมา สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและรีบไปพยุงเขาขึ้นมา จากนั้นก็ไม่ปล่อยแขนของเขาอีกเลย “พี่หมิง วิธีของข้าดีใช่ไหม ท่านดูสิระเบิดทีเดียวคนก็โผล่ออกมาเลย!” เหว่ยหมิงเห็นเซี่ยวี่ซื่อจ้องจางชิงเอ๋อมาเกาะแขนของเขา เขาก็ดึงแขนออกทันที คิดอยากจะเดินหน้าขึ้นไป แต่เซี่ยอีอีถอยหลังมองเขา สีหน้าดูโกรธมาก “ที่แท้เจ้าเป็นคนให้คนระเบิดเขา เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเกือบทำข้าตายแล้ว?” ไม่รู้ทำไมจู่ๆนางก็ดูโกรธมาก เหว่ยหมิงเดินขึ้นหน้าไป ดึงแขนของนางแล้วพูดว่า “ข้าแค่อยากจะช่วยเจ้า” เซี่ยอีอีสะบัดมือทิ้ง ยิ้มแห้งๆแบบประชดประชัน “ช่วยข้า? เจ้าคิดจะช่วยหรือจะฆ่าข้ากันแน่? เจ้ารู้หรือเปล่าหากเมื่อกี้ตอนที่อยู่ข้างล่างแค่อีกเสี้ยววินาทีเดียว ก็ฝังรวมกับศพพวกนั้นแล้วนะ” เสียงที่ปรับสูงทำให้เหว่ยหมิงขมวดคิ้ว เป็นห่วงอยู่ตั้งสองวัน ไม่ว่าจะอารมณ์ไม่ดีหรือว่าความอดทนหมดแล้วก็ตาม ตอนนี้นางไม่มีเหตุผล เขาเองก็เริ่มอารมณ์ไม่ดี เขาเดินชนไหล่ของนางไป ใช้มือใหญ่ๆของเขาตบไปที่บ่าของนาง “เจ้าเป็นบ้าอะไร ข้าตามหาเจ้ามาสองวันเพื่อที่จะทำร้ายเจ้างั้นหรอ? เจ้ามีคุณธรรมบ้างหรือเปล่า?” เซี่ยอีอีไม่กินไม่นอนไม่ดื่มอะไรมาตลอดสองวัน บวกกับใช้แรงเพื่อหนี ตอนนี้ร่างดายอ่อนเพลียมาก นางใช้แรงเหือกสุดท้ายสะบัดมือของเขา สีหน้าที่โกรธแทบไม่เห็นรอยยิ้มเหลืออยู่อีก “คุณธรรม? ขอโทษนะ ของพันนั้นข้าไม่เคยมี” เห็นเซี่ยอีอีจากไปพร้อมเซี่ยวี่ซื่อกับเซี่ยเฉินวี่ด้วยความโกรธ เซี่ยอีอีโกรธแบบไม่มีสาเหตุ เซี่ยวี่ซื่อรู้สึกเห็นใจเหว่ยหมิงก็เลยหันไปมอง จากนั้นก็เดินตามแม่ของนางจากไป เมื่อเห็นสามแม่ลูกเดินจากไป จางชิงเอ๋อก็เดินเข้ามาใกล้อย่างได้ใจ “พี่หมิง ในเมื่อเจอคนแล้วเรากลับกันดีกว่า พรุ่งนี้ลงเขาพร้อมกับเขากับท่านพี่เถอะนะ!” มองเห็นคนๆนั้นเดินจากไปไกล เหว่ยหมิงแทบจะไม่ได้ฟังที่จางชิงเอ๋อพูดเลย ในใจเขาคิดแต่เรื่องคนที่อารมณ์ไม่คงที่คนนั้น เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย เขาทำอะไรให้นางโกรธ? ไม่มีต้นสายปลายเหตุเลย เมื่อกลับมาที่ห้อง เซี่ยวี่ซื่ออยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยอีอี เงยหน้ามองนางแล้วพูดว่า“ท่านแม่ ท่านเข้าใจท่านอาผิดแล้วนะ การระเบิดเขาเป็นความคิดของผู้หญิงคนนั้น นางบอกว่าถ้าท่านอยู่ใกล้ๆแถมนั้นจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงก็จะต้องคิดวิธีทิ้งสัญลักษณ์อะไรเอาไว้ ท่านอาไม่มีทางเลือกก็เลยตกลง” เซี่ยอีอีก็ไม่ได้โง่ ทำไมนางจะไม่รู้ว่าเหว่ยหมิงอยากจะช่วยนาง การระเบิดเขาไม่ว่าจะใครคิดก็ดี นางก็ไม่ได้อยากจะโทษ แต่สิ่งที่นางไม่อยากจะยอมรับนั้นก็คือ เมื่อกี้นางใส่พาลอารมณ์ใส่เหว่ยหมิง ความโกรธนั้นมันมากะทันหันมาก แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นออกไป นางลูบหัวเซี่ยวี่ซื่อ เซี่ยอีอีไม่ได้พูดอะไร นางมองไปที่เซี่ยเฉินวี่ เห็นใบหน้าเล็กๆนั้นดูอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า “วี่เอ๋อ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เซี่ยวี่ซื่อเก็บสายตา ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร” เซี่ยอีอีดึงมือของเขาเข้ามา แล้วลูบหน้าของเขา “พวกเจ้าสองคนน่าจะไม่ได้พักเลยตลอดสองวัน ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วง แม่ขอโทษนะ” “ท่านแม่ ใครคิดจะทำร้ายท่านกัน?” เซี่ยเฉินวี่เป็นห่วงนางมาสองวันเต็มๆ แต่ก็แอบคิดว่าใครกันที่จะทำร้ายแม่ของเขา “ใครจะคิดร้ายกับข้าตอนนี้ไม่สำคัญ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือพวกเจ้าสองคนต้องไปพักผ่อนก่อน เด็กๆถ้าไม่พักผ่อนไม่เพียงพอจะไม่โตนะ” จริงๆเซี่ยอีอีก็แอบคิดเหมือนกันว่าใครคิดจะทำร้ายนาง ทางลับใต้ดินนั่นมันทำให้นางเอาชีวิตไม่รอดตลอด แต่นางก็รอดมาได้ ครั้งนี้คนที่คิดทำร้ายนางทำการไม่สำเร็จ แสดงว่าต้องมีครั้งต่อไปแน่ๆ ดังนั้น ต่อให้นางไม่ไปตามหาว่าเป็นใครคนๆนั้นช้าเร็วก็ต้องกลับมาหานางอีก “ท่านแม่หลอกเราเหมือนเราเป็นเด็กอีกแล้ว” เซี่ยวี่ซื่อตัดพ้อแบบไม่พอใจ เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอียิ้มอย่างจนปัญญา เด็กสองคนนี้หลอกยากจริงๆ แต่นั่นมันก็เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กทั่วไป นางถึงรอดมาได้ “เอาล่ะ ตอนนี้แม่ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว จริงสิ เฉียนหลิงเป็นยังไงบ้าง?” “พี่เฉียนหลิงไม่เป็นไร ขานางเคล็ดแค่นั้น ท่านอาจากดูแลนางตลอดสองวัน” เซี่ยอีอีพยักหน้า วันนั้นลูกธนูมาอย่างกะทันหัน เพื่อให้นางหลบลูกธนูได้ทัน นางจึงใช้แรงผลักนางออกไป วันนั้นนางแค่เจ็บขาถือว่าโชคดีมาก ............ คืนนั้น เซี่ยอีอีนอนอยู่บนเตียงยังไม่หลับดี มองพระจันทร์ผ่านม่าน คิดอะไนไปไกลมาก ไม่ได้นอนมาสองวันนางรู้สึกอ่อนเพลียมาก ความคิดค่อยๆจางลง ทันใดนั้นเอง ประตูห้องค่อยๆเปิดออก แสงจันทร์ส่องเงาของคนๆหนึ่ง หลังจากปิดประตูแล้ว คนในความมืดเดินมาที่ริมเตียงแล้วก็ค่อยๆเปิดม่านออก “ข้าเอง” “เหว่ยหมิง?” ม่านถูกเปิดออก ความมืดไม่อาจปกปิดความหล่อเหลาของเขาได้ เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยความแปลกใจว่า“ดึกขนาดนี้แล้วเจ้ามาทำอะไร?” แสงจันทร์ที่ส่องมา ทำให้เหว่ยหมิงมองเห็นสีหน้าของนางชัดเจนมาก เมื่อมองหน้านางเหว่ยหมิงก็คิดว่า หากเมื่อห้าปีก่อนมีแสงจันทร์แบบนี้ส่องมาก็ดีนะ นางอาจจะไม่จากเขาไปในตอนนั้นก็ได้! “นอนไม่หลับน่ะ ก็เลยมาดูเจ้า” “ดูข้า? ตอนดึกๆเนี้ยนะ? เจ้าไม่ได้บ้าใช่ไหม!” เช้าไม่มาค่ำไม่มา แต่มาตอนที่นางกำลังจะหลับ นี่มันแกล้งกันชัดๆ! ถึงคำพูดของนางจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ไล่เขาออกไป เหว่ยหมิงเปิดม่านออกแล้วนั่งลงบนเตียง พวกเขาสบตากันท่ามกลางความมืด แต่ไม่มีใครยอมจะเริ่มพูดก่อน สุดท้ายเซี่ยอีอีทนไม่ไหว นางลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า“ข้าไปจุดไฟ” กำลังจะลงจากเตียง กลับถูกเหว่ยหมิงดึงเอาไว้ “ไม่ต้อง เอาแบบนี้แหละ!” ดวงตาที่สว่างจ้องไปที่เหว่ยหมิง สายตามีแต่ความไม่เข้าใจ แต่นอกจากไม่เข้าใจแล้วยังมีความไม่สบายใจ ถึงแม้ในคืนนี้จะไม่เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ก็มีแต่พวกเขาแค่สองคน มันยากที่จะทำให้ไม่คิดถึงเรื่องในคืนนั้น “ได้ยินจากซื่อเอ๋อว่าเจ้าไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว ดึกขนาดนี้แล้วทำไมเจ้าไม่ไปนอน มาหาข้าตอนดึกคงไม่ได้จะมาแค่นั่งอยู่แค่นี้หรอ?” ได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ยิ้ม คำพูดเรียบๆในคืนเงียบๆมันรู้สึกละมุนมาก “ข้าแค่อยากจะมาดูเจ้า หากเจ้าเหนื่อย ก็นอนได้เลยนะ” เมื่อเขาพูดมาแบบนี้ เซี่ยอีอีเองก็ไม่เกรงใจ เพราะตอนนี้นางก็ง่วงแล้ว เขาอยากจะนั่งอยู่แบบนั้นก็ให้เขานั่งจนสว่าง เซี่ยอีอีหันตัวกลับไป แล้วก็เอนนอนลงไปกลับเตียง “สองวันมานี่เจ้าอยู่ยังไง เจออะไรไม่ดีหรือเปล่า?” เห็นคนๆนั้นเอนตัวลงนอนอยู่นาน เหว่ยหมิงไม่ได้ยินเสียงหายใจหลับ สุดท้ายแล้วเขาเองก็ทนไม่ไหวที่จะไปขัดนางที่แกล้งหลับอยู่ เซี่ยอีอีขยับตัวแต่ไม่ได้หันกลับมา นางปิดตาแต่พูดว่า“วัดนี่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น ที่ข้าตกลงไปไม่ใช่เพราะมีคนวางกับดักไว้ แต่เป็นอุบัติเหตุ เจ้ารู้ไหมว่าข้าไปเจออะไรข้างล่างมา?” “ไหนว่ามาซิ” เซี่ยอีอีหันหลังกลับมาแต่ไม่ได้ลุกขึ้นนั่ง สองวันมานี่นางรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ตอนนี้แค่ขยับนางยังขี้เกียจเลย สายตาที่เป็นประกายสว่างไสว นางมองเหว่ยหมิงแล้วพูดว่า“มีโจรขโมยของสุสาน สองวันมานี่ข้าก็นั่งอยู่ในกรุสมบัตินั่นแหละ จริงๆก็คิดนะว่าจะขนย้ายสมบัติพวกนั้นออกมายังไง แต่ใครจะคิดว่าเจ้าจะระเบิดซะจนมันถล่ม สมบัติก็ไม่เหลือเลย เสียดายอุตส่าห์อยู่กับมันมาตั้งสองวัน ไม่ได้อะไรมาเลยสักชิ้น” ฟังแล้วมันดูแปลกๆ? มีโจรขโมยสมบัตินางไม่คิดจะไปแจ้งทางการ แต่กลับจะเอาสมบัติมาเป็นของตัวเอง มันตระกะอะไรกัน? อาศัยแสงจันทร์ มองไปที่ใบหน้าที่ดูผิดหวังนั่น เหว่ยหมิงยิ้ม“ที่เจ้าพาลโมโหข้า เพราะเจ้าไม่ได้สมบัติออกมาเลยโกรธข้างั้นหรอ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอีอีก็โมโห นางมองบน แล้วพูดว่า“ไม่ใช่ซะหน่อย แต่เป็นเพราะว่า ......” นางพูดไม่จบ เซี่ยอีอีลุกขึ้นนั่ง สายตาเหมือนมีการป้องกัน “มีคนมา” เหว่ยหมิงยืนมือไปเปิดม่านขึ้นเพื่อมองไป เขาหมุนตัวขึ้นไปบนเตียง จากนั้นก็กดตัวเซี่ยอีอีนอนลงไปกับเตียงเหมือนเตือนให้นางอย่าส่งเสียง เขารู้อยู่แล้วว่าคืนนี้ไม่น่าจะสงบ ไม่ผิดไปจากที่คิดเลย เซี่ยอีอีถูกล็อคตัวเอาไว้ในพื้นที่แคบๆ สายตาจ้องไปที่ข้างใบหน้าของเหว่ยหมิง ไม่รู้ว่ารู้สึกได้ว่านางกำลังจ้องอยู่ เหว่ยหมิงก็เลยหันกลับมามองนาง พวกเขาประสานสายตากันในความมืดในระยะที่ใกล้มาก ความรู้สึกแปลกๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมันกลับเกิดขึ้นมา เสียงเปิดประตูเบาๆ ทั้งสองหันไปมอง เห็นคนปิดหน้าถือดาบยาวค่อยๆเดินเข้ามา เหว่ยหมิงค่อยๆหันตัวไป เห็นนักฆ่ากำลังเข้ามาใกล้ ก็ขมวดคิ้ว วินาทีที่คนๆนั้นง้างดาบขึ้นมา เหว่ยหมิงก็รีบลงมือก่อน ย้อนจับดาบของคนๆนั้นแล้วปาดไปที่คอ “ทำไมถึงไม่จับเป็น?” เห็นนักฆ่าถูกสังหาร เซี่ยอีอีก็ร้องขึ้นมา “พวกเขาเป็นนักฆ่าเดนตาย ในปากของพวกมันมียาพิษ ต่อให้ไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางพูดอะไร” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ลุกออกจากเตียงแล้วนั่งยองๆลงไปที่ข้างศพ แล้วยื่นมือไปควานหาของในปาก แต่กลับไม่พบพิษที่เหว่ยหมิงพูดถึง นางยื่นมือไปแตะเลือดที่อยู่ที่คอ นางก็ตกใจ “มีอะไรหรือเปล่า?” เห็นนางเป็นแบบนี้ เหว่ยหมิงเลยถามอย่างแปลกใจ เซี่ยอีอีหันหน้าไปมองเหว่ยหมิง สีหน้าจริงจังแล้วส่ายหัว “เขาไม่ใช่นักฆ่าเดนตาย แต่เขาถูกพิษฮว๋าซือ นี่ก็คือเรื่องที่สองที่เจอในสองวันมานี้” “ท่านอ๋อง” มีคนเรียกดังมากข้างนอกแทรกขึ้นมาขณะเซี่ยอีอีกำลังพูด แต่จากเสียงน่าจะเป็นเสียงของตงหมิง “ในนี้ไม่เป็นไร สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?” เหว่ยหมิงพูดด้วยเสียงทุ้มๆ ฟังไม่ออกว่ารู้สึกยังไง “ทูลท่านอ๋อง ไม่เหลือสักคน กระหม่อมประมาทเกินไป เดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเลย” “ไม่เป็นไร เข้ามาเอาศพออกไป” ตงหมิงเดินเข้ามาแล้วลากศพออกไป หลังจากที่เขาออกไปเหว่ยหมิงก็พูดเรื่องเมื่อกี้ต่อ แต่เซี่ยอีอีกลับพดขัดเขา “เจ้ารู้แต่แรกใช่ไหมว่าจะมีคนจะมาฆ่าข้า?” “แค่เดาน่ะ” “เจ้ามาหาข้าดึกขนาดนี้เพราะเรื่องนี้หรอ?” เหว่ยหมิงนั่งอยู่ริมเตียง มองไปยังคนๆนั้นที่ไม่ยอมตอบอะไร เพราะคำตอบของเขาคือใช่ ส่วนเขาเองก็เชื่อว่านางรู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว เห็นเขาไม่พูดออะไร เซี่ยอีอีก็รู้ว่าคำถามของนางมันเปลืองน้ำลาย นางนวดไปที่จมูกแล้วพูดว่า“จริงๆเจ้าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ข้าจัดการเองได้” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ยิ้ม“จริงๆเจ้าบอกขอบคุณข้าได้นะ มันไม่ยากเท่าไหร่หรอก” คำขอบคุณมันไม่ยากหรอก แต่ว่าจะให้นางขอบคุณเขา หึหึ นางพูดไม่ออกจริงๆแหละ เซี่ยอีอีเอนตัวลงนอน “คำขอบคุณไม่มี มีแต่โชคดีนะไม่ส่งแล้ว” เขามองไปที่คนที่มุดเข้าไปในผ้าห่ม เหว่ยหมิหลุดยิ้ม “ไม่มีน้ำใจเลย ข้าเพิ่งจะช่วยชีวิตเจ้านะ” “ข้าไม่ได้ขอให้ช่วยนิ” คำว่า ‘ขอบคุณ’ เหว่ยหมิงไม่ได้คาดหวังว่าจะออกจากปากนางอยู่แล้ว เขาหันไปพิงริมเตียงแล้วถามนางว่า“เมื่อกี้เจ้าพูดถึงพิษฮว๋าซือมันคืออะไร?” “ข้าง่วงแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เซี่ยอีอีปิดตา แล้วไม่ยอมพูดต่อ ได้ยินเสียงของนางไร้แรงไร้กำลัง เหว่ยหมิงก็ตอบกลับเรียบๆว่า“ก็ได้ เจ้านอนเถอะ ข้าจะเฝ้าเจ้าไว้” ดวงตาอันอ่อนล้าค่อยๆลืมตาขึ้น เซี่ยอีอีถอนหายใจ “เจ้าเองก็กลับไปพักเถอะไม่ต้องมาเฝ้าข้าหรอก ข้าดวงแข็ง ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” ไม่มีเสียงตอบกลับอยู่นาน เซี่ยอีอีหันหน้าไปมอง สายตาที่ง่วงกลับเปลี่ยนเป็นจ้อง แล้วพูดอย่างรังเกียจว่า“มองอะไรนักหนา มองเห็นชัดหรือไง?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็ยิ้มมุมปาก พลิกตัวจับตัวคนๆนั้นกดทับ มองนางอย่างสงสัย เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “แบบนี้ก็ชัดขึ้นมาล่ะ” ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่นาน เซี่ยอีอีกัดฟัน “น่ารำคาญ” เสียงหัวเราะเบาๆ เหว่ยหมิงหันตัวไปนอนข้างๆนาง แล้วสอดมือโอบผ่านตัวของนาง ทำให้นางอยู่ในอ้อมแขนของเขา “นอนเถอะ” เซี่ยอีอีปากสั่น แทบอยากจะพลิกตัวไปกัดเขาให้ตาย จะให้นอนแบบนี้หรอ? หลับได้ก็บ้าแล้ว! นางพยายามขยับตัวห่างจากเขา แต่ว่าเหว่ยหมิงกลับโอบนางแน่นขึ้นจนนางแทบไม่มีโอกาสหลุดเลย ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด เซี่ยอีอีเริ่มหงุดหงิด “เหว่ยหมิง เจ้าปล่อยข้านะ” “ไม่ปล่อย” น้ำเสียงของเขาฟังดูมีความสุขมาก ปากของเขามันกว้างเกือบเท่าหู เขาดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง คางของเขามันติดอยู่บนศีรษะของนาง “อย่าดื้อ นอนแบบนี้แหละ” น้ำเสียงแบบนี้ ...... เซี่ยอีอีดิ้นอีกครั้ง เมื่อดิ้นไม่รอดก็เริ่มใช้หมัดเตะต่อยเขา “นอนบ้าบออะไร เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ” เหว่ยหมิงพลิกตัวจับนางกดลงไปด้านล่างอีกครั้ง แล้วกดข้อมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ แล้วพูดเตือนว่า“อย่าดิ้น ไม่งั้นข้าไม่รับประกันว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้าบ้าง” หากเทียบกับคนลามกเร่ร่อนแล้ว เซี่ยอีอีก็อยากจะลองความอดทนของเขาเหมือนกัน นางยิ้ม สายตาเริ่มยั่วยวนเขา “หรอ? ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะทำอะไร” เมื่อพูดจบ เซี่ยอีอีก็ออกแรงพลิกตัวเขากดลงไปอยู่ด้านล่าง ตัวของนางคร่อมอยู่บนตัวเขา ท่าทางแบบนี้ทำให้ทั้งสองถึงกับตะลึงไป ค่ำคืนที่แตกต่างและห้องที่แตกต่าง แต่ท่าทางของทั้งสองเหมือนเดิม เซี่ยอีอีรู้สึกเขิน นางกำลังจะลุกขึ้น แต่ถูกมือใหญ่ๆโอบจับเอาไว้ “เซี่ยอีอี เจ้าจะปฏิเสธไปถึงเมื่อไหร่?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 48 ลอบทำร้าย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A