ตอนที่ 50 ความลับในวัด
1/
ตอนที่ 50 ความลับในวัด
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 50 ความลับในวัด
ตนที่ 50 ความลับในวัด เซี่ยอีอีได้ยินเสียงเปิดประตูก็ตกใจ รีบหันไปมองว่าใครเข้ามา กำลังจะถามว่าเขาเข้ามาได้ยังไง เหว่ยหมิงก็เดินเข้ามาตรงหน้าเขาแล้ว แขนยาวๆโอบเอวของนางเข้ามา ร่างของคนทั้งสองแนบชิดกัน เซี่ยอีอีตกใจทำอะไรไม่ถูก “เจ้า ......” “หุบปากเดี๋ยวนี้ เซี่ยอีอีเจ้ากล้ามากนะ เจ้ากล้าวางยาใส่ข้าหรอ หะ?” จริงๆมันเป็นคำพูดที่ดูโมโหมาก แต่กลับมีคำว่า ‘หะ’ ตามมาด้วยทำให้มันดูไม่ดุเลย แถมยังดูอ่อนโยนแบบแปลกๆด้วย เซี่ยอีอีเรียกสติกลับมา แล้วค่อยๆเริ่มสงสัย “ทำไมเจ้าถึงได้ตื่นมาเร็วขนาดนี้ล่ะ ยาตัวนั้นมันน่าจะทำให้เจ้านอนได้จนถึงพรุ่งนี้นะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็โอบนางแน่นขึ้น ทำให้เซี่ยอีอีหายใจแทบไม่ออกอีก “เจ้ายังกล้าพูดอีกนะ เจ้านี่มันอยู่ไม่นิ่งเลยจริงๆ ทำไมชอบหาเรื่องทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงหรือไง?” เซี่ยอีอีก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเอวบาง แต่ว่าถึงแม้มันจะบางแต่ก็ไม่ได้จะทนให้เขารัดแน่นขนาดนี้ได้ นางพยายามดิ้น แล้วพูดว่า“เหว่ยหมิงเจ้าปล่อยข้านะ ที่นี่ในโบสถ์นะ เจ้าทำแบบนี้มันไม่สมควร เจ้ากำลังลบหลู่เทพเจ้าอยู่นะ” เมื่อหาเหตุผลมาแก้ต่างไม่ได้ ก็เลยยกเทพเจ้ามาอ้างหรอ? เหว่ยหมิงยิ้มในใจ แล้วก็ปล่อยนาง แล้วถามว่า“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ซื่อเอ๋อบอกว่าเจ้าไปพบท่านเจ้าอาวาส เจ้ามาหาเขาที่นี่หรอ?” เซี่ยอีอีจัดเสื้อผ้าด้วยความโกรธ แต่ก็ยังคงมองไปที่เขา นางยอมรับว่าไม่อยากให้เหว่ยหมิงเข้ามาเอี่ยวด้วยทุกเรื่อง แต่นางก็รู้ว่าในเมื่อเขามแล้วก็ไม่มีทางไป เรื่องที่เปลืองแรงนางไม่ทำอยู่แล้ว นางยื่นมือไปจัดเสื้อที่เอว จากนั้นก็หันไปสำรวจกำแพง “เมื่อกี้ข้าไปหาท่านเจ้าอาวาสจริงๆ แต่ว่าเจ้าอาวาสที่นี่แปลกมาก พูดจาอ้อมไปอ้อมมาเหมือนกำลังปิดบังอะไรอยู่ แล้วข้าก็คิดว่า มีใครกันบ้างที่ขโมยสมบัติในสุสานแล้วยังตั้งพระพุทธรูปเอาไว้อีกล่ะ? นอกจากคนในวัดแล้ว มีใครบ้างที่จะให้พระพุทธรูปจ้องมองตัวเองทำบาปบ้างล่ะ มันบ้ามากเลยนะ!” ขณะที่พูด เซี่ยอีอีก็เดินมาถึงปลายเท้าของพระพุทธรูปทองคำ นางสำรวจอย่างละเอียด สายตาของเหว่ยหมิงมองตามไป แต่ว่าเขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “วัดแห่งนี้ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงเจาะจงมาที่นี่ล่ะ?” เมื่อได้ยินดังนั้น ขณะที่กำลังก้มหน้าอยู่ก็หันมามองเขา “ข้าบอกแล้ว ข้าเจอพระพุทธรูปที่ใต้นี้” “ดังนั้นเจ้าก็เลยมาที่ๆมีพระพุทธรูปหรอ ดูว่ามันมีความลับอะไรซ่อนอยู่งั้นหรอ?” เท้าของนางบังเอิญไปเตะถูกสิ่งๆหนึ่งที่ยื่นออกมา เซี่ยอีอีไม่ทันได้ตอบคำถามของเหว่ยหมิง นางเลื่อนเท้าออกมา มองไปที่หินที่อยู่ตรงเท้า จากนั้นนางก็ยิ้ม แล้วหันหน้าไปมองเหว่ยหมิง มองดูเขาที่กำลังงุนงงอยู่ “เจ้าอยากรู้ว่ามีความลับอะไรใช่ไหม งั้นก็ตามข้าไปดูล่ะกัน!” เซี่ยอีอีก็ถีบไปที่กลไกหิน เสียงกลไกเคลื่อนไหว พระพุทธรูปทองคำก็เคลื่อนไหว มองพระพุทธรูปขยับ เซี่ยอีอียิ้มอย่างได้ใจ เมื่อเห็นดังนั้น เหว่ยหมิงเหมือนจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ เขาเชื่อว่าเซี่ยอีอีคงไม่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อนางมาแล้ว ก็จะต้องได้อะไรกลับไป พวกเขาเดินไปตามทางลับ ที่นี่สว่างกว่าที่นางหล่นลงไปตั้งเยอะ หากไม่ใช่ว่าเซี่ยอีอีตั้งมั่นมาก คิดว่าแม้แต่นางเองก็น่าจะเดินหลงทาง เหว่ยหมิงหยุดเดิน แล้วดึงเซี่ยอีอีมาข้างๆ “ระวัง ที่นี่มีกลไกลับ” เซี่ยอีอีก้มหน้ามองไปที่เท้า ตรงเท้าเป็นช่องแนวยาวเก้าช่อง แต่ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ระวังเดินตกลงไปในช่องๆหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าไปมองด้านบน เซี่ยอีอีค่อยๆขมวดคิ้ว รองเท้าอีกข้างยื่นออกไปอยู่ที่ช่องอีกข้างหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ก็มีเข็มปลายแหลมยื่นออกมา เหว่ยหมิงตกใจ จากนั้นก็ดึงเซี่ยอีอีกลับมา อาวุธลับจำนวนมากลอยพุ่งออกมาเต็มไปหมด เขาเดินพลังใช้มือของเขา ปัดอาวุธลับตกกระจัดกระจายไปหมด เซี่ยอีอีอยู่ในอ้อมกอดของเขา เมื่อเห็นอาวุธลับที่อยู่เต็มพื้น นางก็ยิ้ม “ที่นี่อันตรายมาก เจ้าคงเข้าไปไม่ได้” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอียิ้ม “วางใจเถอะ เรื่องแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” ออกจากการคุ้มครองของเหว่ยหมิง เซี่ยอีอีมองไปที่กลไก จากนั้นก็เดินก้าวใหญ่ๆ เห็นเหว่ยหมิงเริ่มเครียด เมื่อเดินขึ้นหน้าไปก็พบว่านางไม่ถูกกลไกอะไรเลย เห็นนางเดินไปตามช่อง แต่ก็ปลอดภัยทุกช่อง เหว่ยหมิงก็ขมวดคิ้ว เซี่ยอีอีเห็นเหว่ยหมิงสะบัดมือ ก็พูดอยากได้ใจว่า“เป็นยังไง ข้าบอกแล้วข้าไม่เป็นไรเห็นไหม?” เห็นเขาตะลึงไป เซี่ยอีอีก็กวักมือ “เฮ้ เจ้าไม่มาหรอ?” เหว่ยหมิงกำลังเดิน เซี่ยอีอีกำลังจะบอกเขาว่าเดินยังไง ก็เห็นเหว่ยหมิงเดินตามรอยของนางมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนตรงหน้าเดินมา เซี่ยอีอีก็มองอย่างตะลึง นางรู้ว่าวรยุทธ์สมัยโบราณมันล้ำลึกมาก แต่ที่น่าเหลือเชื่อแบบเขานางเพิ่งเจอครั้งแรก มิหน่ำซ้ำ เขาก็เดินไม่ผิดด้วย เซี่ยอีอีมองไปที่เส้นทางแห่งความตายข้างหน้า นางเชื่อว่าคงไม่มีใครว่าง มาสร้างกลไกลับเอาชีวิตคนหรอก กำลังค้นหาเบาะแส เหว่ยหมิงก็พูดขึ้นมา “เซี่ยอีอี เจ้าเป็นใครกันแน่?” มืออันอ่อนนุ่มค้างอยู่บนกำแพง เซี่ยอีอีมองไปด้วยความตกใจ เหมือนรู้สึกตัวว่านางเปิดเผยตัวมากจนเกิดไป นางค่อยๆหันกลับมา จากนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สายตาดูอ่อนโยนมาก นางเดินมาหาเหว่ยหมิง “เจ้ารู้สึกว่าข้าเป็นใครล่ะ? คนชั่ว? หรือว่าคนเลว?” สายตาที่อ่อนโยนเป็นประกาย เหมือนกับคืนนั้น มันไม่มีรังสีอำมหิตไม่มีความขัดขืนมองเหว่ยหมิง สายตาแบบนี้ มันทำให้เขาแทบจะไม่สงสัยอะไรอีก เหว่ยหมิงยื่นมือออกไปจับคางของนาง “เจ้าพูดความจริงกับข้าบ้างได้ไหม?” พูดจบ สัมผัสอันอบอุ่นก็ประกบเข้ามา เหว่ยหมิงไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากนั้นก็จากไปซะแล้ว เซี่ยอีอียิ้ม ในที่สุดนางก็ได้เห็นสีหน้าตกใจตะลึงของเขา “ความจริงแล้วยังไงโกหกแล้วยังไง? ข้าพูดอะไรแล้วเจ้าเชื่อ มันก็คือเรื่องจริง หากเจ้าไม่เชื่อ คำพูดของข้าก็เป็นเรื่องโกหก จริงเท็จยังไงมันไม่ได้อยู่ที่ข้า แต่อยู่ที่เจ้าจะเชื่อข้าแค่ไหน” มือเล็กๆของนางเกาะไปที่เอวของเขา เซี่ยอีอีตั้งใจแหย่เขา นางไม่มั่นใจเรื่องเหว่ยหมิงเลย กับคำพูดที่สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินของนาง เพราะนางไม่แน่ใจว่าเขาจะเชื่อไหม อยากจะให้เขาเลิกสืบเรื่องของนาง เกรงว่าน่าจะต้องเพิ่มเรื่องเพศเข้าไป เหว่ยหมิงมองไปที่มือที่พัวพันอยู่ที่เอวของเขา จากนั้นก็ยิ้ม เขาจนปัญญากับนางจริงๆ “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรอว่าทำแบบนี้ต่อหน้าเทพเจ้ามันไม่ดี?” เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว “ก็ช่างเขาสิ ข้าเซี่ยอีอีอยากจะทำอะไรไม่มีใครห้ามได้ ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ หากมีปัญญาก็มาได้เลย” เห็นใบหน้าที่ยิ่งผยองของนาง เหว่ยหมิงก็ยิ้ม เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำอะไรไม่ดีต่อหน้าเทพเจ้าแล้วมันยังไง ในเมื่อตอนนี้นางพูดออกมาแบบนี้ เขาก็จะสนองให้นาง ลิ้นของทั้งคู่พัวพันกัน สัมผัสอันอ่อนโยนที่ไม่มีการขัดขืนใดๆ เซี่ยอีอีโอบไปที่คอของเขา ในแววตามันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม นางเคยพูดไว้ ชีวิตของนาไม่มีทางเลือก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ตอนนี้นางกำลังปล่อยตัวปล่อยใจไปอย่างเต็มที่ นางยอมรับว่านางไม่ได้ขัดขืนเหว่ยหมิง ตั้งแต่เขาจูบนางครั้งแรก แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถลำลึกได้ขนาดนี้ แต่ว่า เซี่ยอีอีไม่ใช่คนที่คอยตามตลอด นางใช้แรงพลิกตัวเหว่ยหมิงไปติดกำแพง ใช้มือลูบคลำ เหมือนอยากจะเป็นควบคุมทุกอย่าง ขณะที่เหว่ยหมิงพิงกำแพง กำแพงด้านหน้าก็เหมือนจะพุ่งเข้าหาแผ่นหลังของเซี่ยอีอี สายตาที่ตกใจ เหว่ยหมิงใช้โอบนางแล้วกระโดดไปด้านข้าง จากนั้นก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมกอด “โอ้ย ------” เสียงดังปั้ง สถานที่สว่างพริบตาเดียวก็มืดสลัว ทั้งสองเข้าในห้องลับโดยไม่ได้ตั้งใจ ล้มลงไปอยู่บนพื้น เห็นประตูค่อยๆปิดตัวลง เซี่ยอีอีก็ยิ้ม นางคลำหาอยู่ตั้งนาน ประตูบานนี้กลับถูกพวกเขากระแทกจนเจอ ใครเป็นคนทำ มันง่ายเกินไปไหม? “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหว่ยหมิงพยุงเซี่ยอีอีขึ้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาไม่แน่ใจว่านางล้มจนเจ็บหรือเปล่า หล่นลงมาจากที่สูงขนาดนั้น หากบอกว่าไม่เป็นไรคงโกหก แต่เขากอดนางเอาไว้แน่นมาก เซี่ยอีอีแค่รู้สึกว่ามือที่อยู่ข้างหลังมันสั่น นอกนั้นมันก็ไม่มีอะไร “อิอิ ------” เซี่ยอีอีหลุดหัวเราะออกมา แถมยังหัวเราะดังมากด้วย เมื่อกี้ยังนินทาพระนินทาเจ้าอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะโดยลงโทษเร็วขนาดนี้ เสียดายความเร่าร้อนของนางจริงๆ จากนั้น นางก็ยิ้ม แล้วก็จับไปที่แขนของเหว่ยหมิง “เอ๋ ตรงนั้นมีคนมองเราอยู่ล่ะ!” เหว่ยหมิงมองตามสายตาของนางไป ก็เห็นกระดูกกองกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น เขาขมวดคิ้ว แล้วตอบเซี่ยอีอีว่า “มันหยิบอะไรมาดู?” หยิบอะไรมาดู? นั่นสิ ดวงตาก็ไม่มีแล้ว แล้วใช้อะไรดูล่ะ? เซี่ยอีอีเบะปาก ลุกขึ้นมาหยิบกระดูกขึ้นมาดู จากนั้นก็โยนใส่ตัวของเหว่ยหมิง “ไปเถอะ ไปดูกัน ไม่น่าเราอาจจะเจอของดีก็ได้!” เหว่ยหมิงโยนกระดูกออกไปด้วยความรังเกียจ แล้วก็เดินตามเซี่ยอีอีไป ยิ่งเดินนไปเรื่อยๆเซี่ยอีอีรู้สึกว่าเส้นทางลับนี้เหมือนกับที่นางตกลงมาก่อนหน้านี้ แค่ทีนี่มีโครงกระดูกที่เห็นได้ชัด มิหน่ำซ้ำกระดูกคนตายพวกนี้ก็ตายได้ไม่นาน กระดูกแข็ง สีขาว ไม่มีร่องรอยการกัดกร่อน แต่ว่าพวกเขาตายได้ยังไง ทำไมถึงได้กลายเป็นโครงกระดูก มันเป็นเรื่องที่ยังคิดไม่ออก ทันใดนั้นเอง ------ “ซวยจริงๆ อยู่ดีๆเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง ต่อไปเราคงแย่แน่” “นั่นน่ะสิ พวกเขาจะระเบิดที่ไหนไม่ทำ แต่กลับมาระเบิดตรงนี้ ท่านเจ้าอาวาสปวดใจจนกินอะไรไม่ลงเลย” “เจ้ายังจะห่วงเจ้าอาวาสอีกหรอ? ห่วงตัวเองก่อนไหม ที่นั่นเก็บสมบัติไว้ตั้งเยอะหากไม่ขุดออกมาให้หมด เราจะต้องถูกลงโทษนะ!” โลงศพที่เปิดฝาโลงไว้ครึ่งหนึ่ง เหว่ยหมิงกับเซี่ยอีอีหลบอยู่ด้านใน จนหลวงจีนทั้งสองเดินบ่นออกไป เซี่ยอีอีแอบยื่นหน้าไปดู หลวงจีนสองคนเมื่อครู่พูดเรื่องขุดอะไรสักอย่าง คิดว่าน่าจะเป็นการขุดเอาสมบัติออกมา แต่ว่ามันถล่มไปแล้ว คิดจะขุดไม่ใช่เรื่องง่าย คิดไม่ถึงว่าเจ้าอาวาสจะโลภขนาดนี้ ซึ่งมันมากกว่าที่นางโลภซะอีก คิดอยู่นานจนลืมไปว่าเหว่ยหมิงถูกนางทับอยู่ เห็นเขาไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องมาที่นาง เซี่ยอีอีก็เลยลุกออกมาจากโลงศพ เหว่ยหมิงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่กองผงกระดูก เขาขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่า ตอนเขาเข้าโลงมันเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้? “ทำไมหรอ? ไม่เคยลงโลงก็เลยเสียดายไม่อยากออกมาหรอ!” เซี่ยอีอีเดินต่อไป เห็นเหว่ยหมิงยังนั่งเหม่ออยู่ในโลง นางรู้ว่าเหว่ยหมิงกำลังสงสัยว่าทำไมศพถึงเป็นแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้นางไม่ว่างที่จะมาอธิบายให้เขาฟัง สีหน้าเซี่ยอีอีเปลี่ยนไป เดินไปที่หลังโลงศพ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วจับไปที่พืชสีม่วง จากนั้นก็ดึงมันออกมาอย่างระวัง เหว่ยหมิงลุกออกมาจากในโลงศพ ยืนมองเซี่ยอีอีด้วยความแปลกใจจากด้านหลัง “เจ้าทำอะไร?” “ใช่มันจริงๆด้วย มันกลับมาขึ้นในที่แบบนี้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ” เซี่ยอีอีจับพืชชนิดนั้นในมือทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ตั้งแต่รู้จักเซี่ยอีอีมา เหว่ยหมิงถูกนางเมินนับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าคราวนี้เขากลับแพ้ให้กับหญ้าต้นเดียว ในใจรู้สึกแย่มาก กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็เห็นเซี่ยอีอีลุกขึ้น สุดที่รักของนางในตอนนี้คือพืชสีม่วงที่อยู่ในมือ นางดีใจจนไม่สนใจเหว่ยหมิงเลย สนใจแต่ที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่ได้เจอ “ดูนี่สิ หญ้าหยินหยาง หญ้าหยินหยางจริงๆด้วย หญ้าประเภทนี้หายากมากเลยนะ มันล้ำค่ามาก” หญ้าหยินหยางคืออะไรเหว่ยหมิงไม่รู้จัก เขาเหลือบไปมองหญ้าแล้วถามว่า“เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันคือหญ้าหยินหยาง? เจ้าบอกว่ามันหายากมาก แล้วมันจะมาขึ้นตรงนี้ให้เจ้าหาเจอได้ง่ายๆได้ยังไงล่ะ?” “ใช่แน่นอน ข้ามั่นใจ แต่ว่าแค่ไม่มั่นใจว่ามันคือหญ้าหยินหรือหยาง ข้าต้องเอากลับไปศึกษาก่อน” พูดจบ เซี่ยอีอีก็ค่อยๆห่อหญ้าเก็บไว้ในหน้าอกอย่างระมัดระวัง สีหน้ายังคงตื่นเต้นมากๆอยู่ ไม่ค่อยได้เห็นนางมีสีหน้าอารมณ์แบบนี้ เหว่ยหมิงรู้สึกแปลกใจ “ก็แค่หญ้าต้นหนึ่ง ยังมีแบ่งหยิยหยางด้วยหรอ?” เซี่ยอีอีเหลือบไปมองคนที่อยู่นอกสาย หลังจากนั้นก็เดินต่อไป “เจ้าไม่เข้าใจหรอก? บนโลกใบนี้ของที่แบ่งหยินหยางมีเยอะแยะไป เจ้าไม่รู้ว่ามันมีแยกไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี หญ้าหยินหยางหรือที่เรียกว่าหญ้าฉือสรง มันเป็นยาช่วยชีวิตคนชั้นดี หญ้าฉือช่วยผู้หญิง หญ้าสรงช่วยผู้ชาย ช่างเถอะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ” สิ่งที่นางพูดเหว่ยหมิงไม่เข้าใจจริงๆ แต่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะมีคนเข้าใจสักกี่คนเชียว? หากบอกว่าเขารู้น้อย บอกว่านางรู้มากจะเหมาะกว่า นางบอกว่านางไม่รู้เรื่องการแพทย์ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงบอกว่ามันเป็นยาช่วยชีวิตคนชั้นดีล่ะ? “ภายในระยะห้าปี เจ้าไม่เพียงรู้เรื่องหยก แต่เรื่องสมุนไพรก็รู้ไม่น้อย เซี่ยอีอี ข้าจะชมเจ้าว่าเจ้าฉลาด หรือว่าเจ้าความรู้กว้างขวางดีล่ะ?” สีหน้าเซี่ยอีอีได้ใจมาก หันไปจ้องเขา “มันเป็นความรู้ทั่วไป เจ้าไม่รู้แสดงว่าเจ้าความรู้น้อย” “ความรู้ทั่วไป?” ได้ยินดังนั้นเหว่ยหมิงก็ยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนเจอของล้ำค่าแล้วมองว่ามันเป็นความรู้ทั่วไป! แต่ว่า เจอเรื่องแปลกๆจากนางเยอะมาก เรื่องนี้ก็เลยไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 50 ความลับในวัด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A