ตอนที่51 ถ้าเอาจริงก็แพ้แล้ว
1/
ตอนที่51 ถ้าเอาจริงก็แพ้แล้ว
ชายาเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าหนี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่51 ถ้าเอาจริงก็แพ้แล้ว
ตนที่51 ถ้าเอาจริงก็แพ้แล้ว ยิ่งเดินเข้าไปข้างในยิ่งรู้สึกถึงกลิ่นอายมืดหนาวมากยิ่งขึ้น แถมยังมีกลิ่นของเหม็นเน่าลอยมา เสียงเสียดสีกันดังเอี๊ยดเอี๊ยด ค่อยๆได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น เซี่ยอีอีหยุดชะงัก ใช้มือยื่นไปหยิบเชิงเทียนบนผนังแล้วตามหาเสียงเดินเข้าไป ภายในกรงเหล็ก มีกลุ่มผู้ชายนับสิบคนกำลังปล้นร่างศพ 2 ร่างอยู่ บางคนกุมศีรษะ บางคนกุมมือ เลือดสดๆไหลทั่วพื้นไปหมด สองศพนั้นผอมโซไม่เพียงพอที่จะแบ่งเป็นอาหารของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้เห็นเซี่ยอีอีและเว่ยหมิงเดินเข้ามาใกล้ๆ กลุ่มคนที่แย่งอาหารไม่ได้เริ่มเข้าใกล้กรงเหล็ก และยื่นมือของพวกเขาออกมาพร้อมเสียงดังโหยหวน “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ” เว่ยหมิงขมวดคิ้ว ยื่นมือเพื่อดึงให้เซี่ยอีอีอยู่ห่างจากกรงเหล็กมากขึ้น ผู้คนเหล่านั้นดวงตาไร้ซึ่งแววตา การเคลื่อนไหวเชื่องช้า แขนขาแข็งทื่อ เซี่ยอีอีส่ายศรีษะไปมาเล็กน้อย "พวกเขาทั้งหมดถูกหนอนพิศกินจนกลายเป็นซากศพ ไม่มีความรู้สึก รู้เพียงว่าหิวและรอรับฟังคำสั่งเท่านั้น พูดง่ายๆพวกเขาไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็นซอมบี้ที่ไร้ความรู้สึก " เว่ยหมิงไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้เขาจะเชื่อคำบอกเล่าของเซี่ยอีอีเป็นเรื่องจริง แต่ข้างในนั้นมีคนที่เกลือบเป็นร้อยชีวิตที่มีอาการแบบนี้ มันไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือ! เซี่ยอีอีไม่ได้ถูกเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ตกใจกลัว จุดประสงค์ที่นางมาในวันนี้เพื่อพิสูจน์ความคิดของตนเอง ตูจากอาการตอนนี้นางคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้นางตกลงไปในอุโมงค์เป็นเวลาสองวันก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ บางทีอาจเป็นเพราะพระสงฆ์ที่นี่ไม่รู้ว่านางได้เข้าไปในดินแดนต้องห้ามแล้ว การที่เว่ยหมิงระเบิดภูเขานอกจากทำลายสมบัติของพวกเขาแล้ว ยังทำให้พวกเขารู้ว่านางถูกขังอยู่ในห้องลับสองวัน เพราะเหตุนี้จึงทำให้ซอมบี้ชุดแรกถูกปล่อยออกมา มองดูซากศพที่อยู่ในนี้ไม่นานก็กลายเป็นกองกระดูกสีขาว เซี่ยอีอีก็รู้ทันทีว่ากองกระดูกข้างนอกมันเป็นยังไงกันแล้ว “เจ้าสามารถถอนหนอนพิษนี้ได้ไหม”เว่ยหมิงพูดพึมพำ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบจากเซี่ยอีอี “ได้” ได้ยินคำตอบ เว่ยหมิงนิ่งไป เขาหันหน้ามองไปที่เซี่ยอีอี " เจ้ามีวิธีใช่ไหม " เซี่ยอีอีไม่ได้ตอบ นางหยิบถุงผ้าจากเอวของนาง แล้วโยนมันเข้าไปในกรงเหล็ก ซอมบี้เหล่านั้นวิ่งกรูกันเข้ามาฉีกถุงผ้านั้น ผงโห่วสือแตกกระจายไปทั่ว เปื้อนตามตัวของพวกซอมบี้เหล่านั้น ผงโห่วสือ(火石粉)เป็นผงที่เจอไฟก็ไหม้ขึ้นมาได้ เซี่ยอีอีเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเชิงเทียน และกำลังจะโยนลงไปข้างใน เว่ยหมิงรีบยื่นมือไปจับข้อมือของนาง "เจ้าจะทำอะไร" เซี่ยอีอีหันหน้ามองที่เขา ใบหน้าที่เรียบเฉยไม่มีร่องรอยความเสียใจหรือความลังเลสักนิด "นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด" "ไหนเจ้าบอกว่าสามารถถอนหนอนพิษนี้ได้ไง ทำไมต้องใช้วิธีนี้? ที่นี่มีหลายร้อยชีวิต เจ้าทำแบบนี้ไม่แตกต่างจากการฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือ" ได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว “ฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าซอมบี้เหล่านี้ถ้าปล่อยออกไป ก็สามารถที่จะทำลายเมืองหลวงทั้งเมือง ใช่ ข้าเคยบอกว่ามีวิธีถออนหนอนพิษ แต่ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถกำจัดคนจำนวนมากในเวลาอันสั้นแค่นี้ อีกทั้งแม้ว่าคนเหล่านี้จะรักษาได้แล้วยังไง หนอนพิษพวกนี้ได้กินสมองพวกเขาไปแล้ว แม้จะรักษาได้ แต่พวกเขาก็ยังคงเหมือนคนเป็นที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีใครอยากเป็นภาระของครอบครัว ถ้าเป็นเจ้า เจ้าอยากอยู่ใช้ชีวิตแบบนี้ไหม? " หลังจากฟังที่นางพูด เว่ยหมิงครุ่นคริดอย่างหนัก แต่นี่เป็นชีวิตหลายร้อยชีวิต เขาไม่รู้ควรจะเลือกระหว่างช่วยเหลือหรือเลือกที่จะปล่อยวาง ปกติก่อนที่เซี่ยอีอีจะทำอะไร นางก็แค่คิดอยู่ว่าสิ่งที่ทำมีความคุ้มค่าหรือไม่ และจะไม่ลังเลว่าควรทำหรือไม่ ในเมื่อนางตัดสินใจลงไปแล้ว ถึงแม้เว่ยหมิงจะพยายามห้าม นางก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจ ในช่วงเวลาที่เว่ยหมิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เซี่ยอีอีสะบัดมือแล้วจับเชิงเทียนโยนเข้าไปในกรงเหล็กทันที ซอมบี้เหล่านั้นปกติก็กลัวไฟอยู่แล้ว บวกกับผงโห่วสือที่นางเพิ่งโยนเข้าไปเมื่อกี้ ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด กรงเหล็กสีดำถูกไฟเผาจนเป็นสีแดง ชีวิตและวิญญาณได้สูญสิ้นลงและทุกอย่างถูกฝังอยู่ในถ้ำแห่งนี้ “ในโลกมีมีตายต้องมีเกิด บางครั้งการตายไปไม่ได้หมายถึงการดับขันธ์ แต่อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการอุบัติครั้งใหม่ ไม่มีใครเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับ ดังนั้นการตายคือวิธีการปลดปล่อยได้ดีที่สุด” มองดูซอมบี้เหล่านั้นกลายเป็นกองขี้เถ้าและไฟที่เปลวเพลิงค่อยๆดับลง เว่ยหมิงดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของเซี่ยอีอีแล้ว ตลอดมาเขาคิดว่าเซี่ยอีอีมีเพียงแค่ไหวพลิบความฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางไม่เพียงแต่มีความฉลาด นางยังมีความคิดที่พิเศษ และมีความสามารถในการตัดสินใจมากกว่าเขาอีกตั้งเยอะ ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนต้นหญ้าหยินหยาง หายากในโลกใบนี้ การทำลายซอมบี้เหล่านั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีซอมบี้ชุดใหม่เกิดอีก แต่เซี่ยอีอีรู้ว่านางไม่ใช่พระเจ้า ที่นางสามารารถทำได้ก็เพียงเท่านี้ ส่วนทีหลังจะมีซอมบี้กลุ่มใหม่ออกมาหรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางควรใส่ใจ …….. เป็นประตูลับอีก แต่ประตูนี้นางคุ้นเคยมาก เซียอีอีดึงมุมปากเบา ๆ แล้วถอยหลังไปสองก้าว ใช้เท้าเหยียบลงไปอย่างแรงๆ คลื่นๆ ประตูหินก็เปิดขึ้น เตินมาตลอดทาง เว่ยหมิงพบว่าเหมือนจะไม่มีกลไกอะไรที่จะหยุดนางได้ จุดนี้ทำให้เขาแปลกใจมาก ดูเหมือนว่านางจะมีพลังความสามารถที่ไม่สิ้นสุด ทำให้คนที่อยู่ใกล้ยิ่งสับสน แต่ความสับสนยังมีความดึงดูดที่ไม่มีสิ้นสุด ทำให้คนหลงไหลอยู่ในนั้น เมื่อประตูหินถูกเปิดออก เซี่ยอีอีก็ยิ้มกว้างขึ้น กระตายตัวเจ้าเล่ห์ย่อมมีสามรู นางรู้ดีว่าพระท่านนั้นสามารถขุดถ้ำขึ้นมาได้ แล้วจะไม่เก็บสมบัติทั้งหมดวางอยู่ในถ่ำเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่ มือของเซี่ยอีอีมีถุงผ้าอันหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ถุงนั้นไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กมาก แม้ว่าที่นี่มีสมบัติมากมาย แต่นางไม่คิดจะเอาออกไปหมด เพราะมันหนักเกินไป นางก็ยกไม่ไหว นางถือถุงผ้าเดินผ่านระหว่ากล่องอัญมณีที่มากมาย ชิ้นไหนที่ถูกใจก็โยนมันเข้าไปในถุงผ้า ชิ้นไหนที่นางไม่เข้าตาก็จะจับโยนออกไปด้านนอก เห็นเช่นนี้ เว่ยหมิงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “เจ้ากำลังทำอะไร” "เลือกของมีค่าไง!" เซียวอีอีพูดตรงไปตรงมา "สิ่งของเหล่านี้เป็นของที่มาอย่างไม่ถูกต้อง ควรจะแจ้งให้ราชสำนักมาตรวจ จะเอาออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร " เซี่ยอีอีโยนหยกชิ้นหนึ่งเขาลงในถุงผ้า แล้วหันกลับมามองเขาด้วยความดูหมิ่น "แจ้งราชสำนัก ? ปล่อยให้ของเหล่านี้ตกอยู่ในคลังสมบัติของประเทศเหลียวของเจ้าหรือ? แล้วถูกผู้ที่มาตรวจสอบแบ่งไปมีละน้อยๆ สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรแล้วหรือ? โอ้ ขอโทษ ข้าเกือบลืมว่าเจ้าเป็นองค์ชายของประเทศนี้ เก็บเงินและสมบัติต่างๆให้กับครอบครัวตนเองเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว แต่เจ้าย่าลืมนะ ที่นี่ข้าเป็นคนเจอก่อน ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดถึงจะให้เจ้าได้รู้ว่าตรงนี้มีสมบัติ " พูดจบ เซี่ยอีอียกถุงผ้าขึ้นมาแล้วเขย่าไปมา "เจ้าดูให้ดีๆ ข้ามีแค่ถุงผ้าใบเล็ก ๆ ไม่สามารถเก็บทุกอย่างได้ ถุงผ้าใบนี้เป็นของงที่ข้าสมควรได้รับ เจ้าคงจะไม่งกแม้แต่ถุงผ้าใบเล็ก ๆ ก็ไม่เต็มใจให้นะ " คำพูดของนางทำให้เว่ยหมิงโกรธจนเกือบกระอักเลือด นางโลภและยังกลับมาด่าว่าเขางกอีก เขาพูดในตอนไหนว่าที่เขาให้แจ้งราชสำนักเพื่ออยากเก็บเงินทองให้ตนเอง เซี่ยอีอีไม่สนใจเว่ยหมิง ยังไงนางก็มั่นใจว่าเขาจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป นางไม่สนใจผู้ชายที่ยืนเหมือนกับไม้คานอยู่ตรงนั้น และยังค่อยๆเลือกสิ่งของมีค่าอย่างระมัดระวังจนกระทั่งเต็มถุงผ้าจึงยอมจากไป ทั้งคืนสงบดี แต่เสียงไม่เบานั้นทำให้เซี่ยอีอีตื่นขึ้นมาหลายครั้ง ศพร่างหนอนพิษนั้นคงถูกค้นพบแล้ว แต่ว่าจะมีใครมาตรวจสอบร่างซอมบี้ในเวลากลางคืนแบบนี้นะ ถ้าไม่มีความต้องการใช้งานเร่งด่วนคงไม่มีใครมาตรวจสอบแน่ๆ ดูเหมือนว่าวัดจะไม่ค่อยเข้ากันกับนาง เพื่อให้พระสงฆ์ในวัดนี้ได้รับผลกระทบน้อยลง นางควรรีบไปจากที่นี่ วันนี้อากาศข้างนอกดูไม่สดใส แต่อารมณ์ของเซียอีอีกลับดีอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางได้เห็นใบหน้าที่หมดหวังโศกเศร้าของสมภาร ยิ่งทำให้นางกลั้นหัวเราะไม่ได้ ระหว่างเส้นทางลงภูเขา จางชิงเอ๋อได้เข้ามาคลอเครียเว่ยหมิงตลอด เซี่ยอีอีเพิกเฉยและไม่สนใจราวกับว่าคนที่อยู่กับเว่ยหมิงเมื่อวานนี้ไม่ใช่นาง เท้าที่บาดเจ็บของหยางเฉียนหลิงได้รับการดูแลมาหลายวัน วันนี้สามารถขยับได้บ้างแล้ว และยังมีจางหายที่ดูแลอย่างละเอียด จึงไม่มีอะไรที่จะต้องให้เซี่ยอีอีกังวลไปด้วย "ชิงเอ๋อ เจ้ากลับมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ควรไปเข้าเฝ้าฮองเฮาแล้ว ข้าส่งแม่นางหยางกลับไปที่พัก หมิง แม่นางเซี่ยและลูกสองคนนี้ก็รบกวนเจ้าดูแลด้วย" จางหายคิดว่าตนเองจัดการทุกอย่างได้อย่างดี ระหว่างทาง เขาส่งสายตาให้กับเว่ยหมิงตลอด คิดว่าเขาคงเข้าใจความหวังดีของเขา แต่เขาลืมไปแล้ว คนที่เขาจัดแบ่งไปให้ มีคนไหนกันที่เป็นคนที่ยอมฟังคำสั่งของคนอื่น นอกจากเว่ยหมิงและหยางเฉียนหลิง นอกนั้นไม่มีใครให้หน้าเขาเลย “ขอบใจความหวังดีของซื่อจื่อ แต่ข้าว่าไม่รบกวนซื่อจื่อและอ๋องหยงแล้ว เมื่อตอนมาเฉียนหลิงก็มากับเรา ตอนกลับก็ต้องกลับไปกับเราเหมือนกัน ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บเพราะข้าดูแลไม่ดีเท่าที่ควร ข้าต้องไปขออภัยกับไต้เท้าหยางและหยางฮูหยินด้วย " เซี่ยอีอียิ้มอย่างอ่อนหวาน เมื่อเทียบกับใบหน้าที่มืดครึ้มของเว่ยหมิง มันช่างมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ตลอดการเดินทางเซี่ยอีอีทำเป็นไม่สนใจยิ่งทำให้เว่ยหมิงรู้สึกไม่สบายใจถึงที่สุดแล้ว ยิ่งได้ฟังคำพูดของนางยิ่งทำให้ใบหน้าของเขามืดครึ้มลง “ท่านพี่ นี่แผนการอะไรของพี่อะ รถม้าของพี่หมิงไม่ใช่ใคร ๆ ก็สามารถนั่งได้นะ” จางชิงเอ๋อยืนอยู่ข้างๆเว่ยหมิงด้วยความไม่พอใจ นางไม่เข้าใจ นางเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา และเขาก็รู้ดีว่านางมีใจให้เว่ยหมิง แต่ก็ยังไปสนับสนุนอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะช่วยนางเลย เซี่ยอีอีหัวเราะอยู่เงียบ ๆ นางเดินไปที่ข้างหน้าจางหายและดึงมือหยางเฉียนหลิงจากมือของเขา “ซื่อจื่อ ส่งเฉียนหลิงให้ข้าเถอะ!” จางหายเหลือบมองไปที่หยางเฉียนหลิงด้วยความอึดอัด เขาคิดไม่ถึงว่าแผนการที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบสุดท้ายจะกลายเป็นแบบนี้ หยางเฉียนหลิงมองดูสีหน้าของจางหาย นางเม้มปากอยากหัวเราะ นางไม่ได้มีความคาดหวังมากกับแผนการของเขา ผลแบบนี้ก็อยู่ในความคาดหวังของนางแล้ว นางเดินตามเซียอีอีและขึ้นไปในรถม้าด้วยการพยุงของนาง เพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงของคนที่ยืนเงียบอยู่ตลอด “เซียอีอี” ได้ยินเสียง เซียอีอีใบหน้าเปื้อนยิ้มและหันไปอย่างช้าๆ “อ๋องหยงทรงมีรับสั่งไหมเพค่ะ?” อ๋องหยง? ดีนักอ๋องหยง คำว่าอ๋องหยงได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของพวกเขาไปทั้งหมด เว่ยหมิงมุ่งหน้ามาที่นางด้วยใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาที่โหดร้ายจับตัวนางไว้แน่น “เจ้าไม่มีอะไรจะคุยกับข้าหรือ?” เซียอีอียังคงยิ้มอยู่ ดวงตาที่สดใสดูเหมือนมีเสน่ห์ที่บอกไม่ถูก การแสดงออกเช่นนี้คล้ายกับความเขินอายในสายตาของผู้อื่น แต่สำหรับเว่ยหมิง เขารู้ว่านางกำลังวางแผนที่จะไปห่างจากเขา “ท่านอ๋องต้องการให้ข้าพูดอะไร ? แต่ข้าไม่มีอะไรที่จะคุยกับท่านอ๋อง” เมื่อยินดังนั้น มือที่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำของเขาก็กำแน่น คิ้วขมวดขึ้นเหมือนจะสามารถคีบให้คนตายได้ เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าคิดที่จะปฏิเสธทุกอย่างที่เกิดขึ้นหรือ?” นางเลิกคิ้ว เซี่ยอีอียิ้มสว่างขึ้น นางใช้หางตาเหลือบไปมองจางชิงเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลมากนัก มองดูสีหน้าบึ้งตึงของนาง มุมปากดูเหมือนโค้งลงไปเล็กน้อย นางดึงสายตากลับ มือเล็กๆของนางสัมผัสไปที่หน้าอกของเว่ยหมิง ก้าวเท้าเข้าไปประชิดกับเขา เงยหน้าขึ้นมาข้างๆหูของเขา นี่เป็นท่าทางที่คลุมเครือมาก มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานของนาง เป็นใครก็จะคิดว่านางกำลังบอกลาอยู่ แต่ตอนนี้มีแต่เว่ยหมิงเท่านั้นที่รู้ว่าสตรีผู้นี้น่าเกลียดเพียงใด เซี่ยอีอียิ้มอย่างมีเสน่ห์ ขนตาที่หลบตาปกคลุมสายตาอันเจ้าเล่ห์นั้นไว้“ ข้าคิดว่าเจ้าต้องรู้ว่านั่นแค่เป็นเล่นๆเท่านั้น อย่าบอกข้าว่าเจ้าจริงจังไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็แพ้แล้วนะ” พูดจบ เซี่ยอีอีก็ถอยจากไป เงยหน้าขึ้นมองไปที่ใบหน้ามืดครึ้มของเว่ยหมิง“ถ้าท่านอ๋องไม่มีเรื่องอื่นแล้ว อีอีขอตัวก่อนนะเพค่ะ โมโหมากไม่ดีต่อพระวรกาย ท่านอ๋องต้องรักษาสุขภาพด้วยเพค่ะ ” ตอนหันกลับ เซี่ยอีอีได้เหลือบไปที่จางชิงเอ๋ออีกครั้ง ใบหน้าที่นุ่มนวลของนางก็ไม่ได้ดีกว่าเว่ยหมิงสักเท่าไหร่ นางชอบอิจฉาไม่ใช่หรือ งั้นก็ให้นางอิจฉาให้พอเลย ยังไงนางก็ไม่ใช่ฝ่ายที่แพ้ ณ จวนตระกูลเซี่ย พอเซี่ยอีอีเข้ามาในห้องโถงก็ถูกเห็นใบหน้าที่ตกใจเล็กน้อยของเฉินซื่อ แล้วก็เห็นเซี่ยหวินเทียนที่มีท่าทีกังวลลุกขึ้นและก้าวออกมา “อีอี,เจ้าไม่เป็นไรนะ?” เห็นเซี่ยหวินเทียนอยู่ เซี่ยอีอีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย “ท่านพี่ พี่ออกเมืองแล้วไม่ใช่หรือ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? "ข้ากลับมาเมื่อวานนี้เอง เจ้าอยู่ที่นั่นมาหลายวัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม ?" ได้ยินว่าเซี่ยอีอีไปที่วัดฝูติ่ง เซี่ยหวินเทียนจึง รีบกลับมาข้ามวันข้ามคืน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หยุดพักเลยแต่เขาก็ยังช้าไปนิด เมื่อวานจึงกลับถึงบ้าน ตอนแรกเขาอยากขึ้นไปบนภูเขาเลย แต่ก็ถูกตงวี่เกลี้ยกล่อมไว้ เซี่ยอีอีให้ตงวี่อยู่ในจวนก็เผื่อมีอะไรจะเกิดขึ้น เมืองนี้เต็มไปด้วยคนชั่วร้ายไม่มีใครสามารถไว้วางใจได้ ถ้าอยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบ ยังต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น "ต้องขออภัยที่ให้ท่านพี่เป็นห่วง ข้าไม่เป็นไร สองวันนี้มีเรื่องบนเภาเล็กน้อยข้าเลยกลับมาช้า" “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เซี่ยหวินเทียนพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่เซี่ยอีอีกลับมาเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนกลาย เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆในสายตาของนาง บางครั้งเขาก็สงสัยว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนสำหรังนางถึงจะถือเป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่พูดอยู่ เซี่ยอีอีเหลือบมองเฉินซื่อ ท่าทางแปลกๆของนางในเมื่อกี้ไม่ได้พ้นสายตาของนาง เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมนางมีสีหน้าแปลกประหลาดแบบนี้ หลายวันนี้ เซี่ยเหวียนฉีก็มีความกังวลเช่นกัน ในหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อให้ดี แต่ก่อนเซี่ยอีอียังบ้าอยู่เขาก็ไม่เคยใส่ใจนาง แต่ตอนนี้นางเข้าใจสิ่งต่างๆและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นแล้ว แต่กลับเย็นชาผิดปกติกับเขาที่เป็นบิดาของนาง เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะขอให้นางเคารพในความเป็นพ่อ แต่นางทำเป็นไม่ชอบหรือไม่เกลียดแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจมาก เซี่ยเหวียนฉีกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเซี่ยอีอีเอ่ยกับเซี่ยหวินเทียน อีกครั้งว่า “ อีอีเหนื่อยแล้ว เด็กสองคนนี้ก็คงเพลียเหมือนกัน ท่านพี่ พวกเรากลับห้องก่อน ” “ไปพักผ่อนให้ดีๆเลย” ณ จวนติ้งเหวียนโหว “จางหาย เจ้าหยุดนะ” ลงจากรถม้า จางหายก็รีบก้าวไป เขาไม่คิดที่จะสนใจน้องสาวที่ไร้เหตุผลคนนี้เลยระหว่างทางนางก็บ่นไม่หยุด ยากที่จะอดมาถึงบ้านแล้วเขาจะไม่รีบหนีได้ยังไง จางหายไม่มีความอดทนที่จะทนฟังเสียงตะโกนโวยวายที่ไร้มารยาทของนาง เขาหยุดฝีเท้าและหันหลังพูดด้วยความโกรธ"จางชิงเอ๋อ ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะส่งเจ้ากลับไปเมืองจิ้นเฉิง จะให้เจ้าอยู่ที่นั่นตลอดไป " “เจ้า……” จางชิงเอ๋อเข้าใจดีว่าพี่ชายตนเองเป็นคนอย่างไร แม้จางหายรูปลักษณ์ภายนอกดูเสเพล แต่ความเป็นจริงแล้ว ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขามาก ถ้าตามลักษณะนิสัยที่เกเรและไม่เชื่อฟังของเขา ฮ่องเต้จะให้ตำแหน่งซื่อจื่อกับเขาได้อย่างไร “เจ้าอะไรเจ้า ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า เจ้าควรใช้คำพูดที่เกรงใจพี่ด้วย และที่สำคัญเจ้าคือผู้หญิง ควรมีมารยาทแบบลูกผู้หญิง ดูเจ้าสองวันนี้สิ ไม่ต่างจากกาวที่ตามติดเว่ยหมิงเลย จะเป็นสตรีผู้มีมารยาทสักที่ไหน?” “เจ้าหยุดกล่าวหาข้าได้แล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้ามีใจให้พี่หมิง แต่ก็ยังพยายามที่จะจับคู่เขากับผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นน้องสาวของเจ้าอยู่ไหม”แค่คิดถึงภาพที่คลุมเครือระหว่างเซี่ยอีอีและเว่ยหมิง จางชิงเอ๋อก็จะเป็นบ้า แม้จางหายได้บอกนางว่าเว่ยหมิงมีใจให้เซียอีอีฝ่ายเดียวก็ตาม แต่นางก็ยังไม่พอใจ ผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์แถมยังมีลูกอีกมีสิทธิ์อะไรที่จะแย่งพี่หมิงของนางไป ตั้งแต่เล็กจนโต ความรักของเว่ยหมิงก็เป็นของเฉพาะนางคนเดียวเท่านั้น นางจะไม่อนุญาตให้ใครแย่งความรักนี้ไป ถึงแม้เว่ยหมิงชอบก็ตาม “ช่างไม่มีเหตุผล”จางหายพูดยังจนใจ ขี้เกียจที่จะพูดกับนางอีก เขาหันตัวแล้วเดินจากไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่51 ถ้าเอาจริงก็แพ้แล้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A