ตอนที่52 ถอนพิษ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่52 ถอนพิษ
ต๭นที่52 ถอนพิษ ณ พระตำหนักเฟิ่งหลวน “เสด็จป้ายังเอ็นดูชิงเอ๋อไหมเพค่ะ เสด็จป้าให้ชื่อตำแหน่งผู้หญิงคนนั้นเหมือนพี่หมิงได้อย่างไร หยงเหอ มีทั้งเกียรติยศและความอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้หญิงคนนั้นคู่ควรตรงไหนกัน นางมีบุตรทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งเสียชื่อเสียงและผิดศีลธรรมอันดีนะเพค่ะ เสด็จป้า นี่เป็นการยกย่องนางนะ ชิงเอ๋อไม่ยอม เสด็จป้าเรียกคืนชื่อตำแหน่งของนางและเปลี่ยนชื่อตำแหน่งอื่นให้กับนางได้ไหมเพค่ะ” จางชิงเอ๋อยืนติดอยู่ด้านข้างของฮองเฮา และกำลังรุกเร้าจับพระหัตต์ของฮองเฮาไปมา ก่อนหน้านี้นางยังไม่ทันได้สืบหา จนกระทั่งวันนี้นางถึงรู้เรื่องที่เซี่ยอีอีได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง ชื่อตำแหน่งหยงเหอนี้ เมื่อคนอื่นได้ยินอาจจะคิดว่านี่หมายถึงเกียรติยศและความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ในความคิดเห็นของนางนั่นความหมายคืออวี่หยงเหอมู่ นางเคยเห็นพวกเขาทั้งสองตอนที่อยู่ด้วยกัน ตอนนี้ได้เข้าใจความหมายของชื่อตำแหน่งนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกปวดหัวใจ อวี่หยงเหอมู่(与荣和睦)หมายความว่าอยู่กับหยงให้ดีๆ ถึงแม้จะเป็นอวี่หยงเหอมู่แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ควรจะเป็นนาง ทำไมถึงได้ตกไปเป็นผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้น “เด็กน้อยเอ๋ยทำไมจึงพูดเพ้อเจ้อแบบนั้น ชื่อตำแหน่งนี้เปิ่นกงแต่งตั้งด้วยตนเอง คิดอยากจะเรียกคืนก็จะเรียกคืนได้อย่างไร?นางตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ไม่ใช่ความตั้งใจของนาง นางมีความทุกข์ที่ยากจะบรรยายออกมาแต่นางก็เข้มแข็ง อีกทั้งนิสัยที่อ่อนโยนของนางยิ่งทำให้ข้าชื่นชอบไปอีก ชื่อตำแหน่งหยงเหอนั้นเป็นเพียงข้าตั้งขึ้นด้วยอำเภอใจ ไม่ได้คิดซับซ้อนอย่างที่เจ้าว่าหรอก” การระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจของจางชิงเอ๋อทำให้ใจที่เศร้าโศกของฮองเฮาได้เงียบสงบลง ท่านรู้ว่าเว่ยหมิงได้กลับมาจากวัดฝูติ่งสองวันแล้ว แต่สองวันนี้เขาไม่ได้เข้าวัง ตอนแรกท่านคิดว่าเขาน่าจะมีปัญหากับแม่นางตระกุลเซียไปแล้วซะอีก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของจางชิงเอ๋อถึงรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งใกล้เข้ามาอีกขั้น แต่ตอนนี้จางชิงเอ๋อเป็นแบบนี้คงไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ เด็กหญิงคนนี้มีนิสัยหยิ่งยะโสมาตั้งแต่เล็ก ถ้าพูดดีๆกับนางก็กลัวว่า นางจะไม่ฟัง "เสด็จป้าทรงลำเอียง เสด็จป้าก็ทรงทราบว่าชิงเอ๋อมีใจให้พี่ชายหมิง แต่ก็ยังให้ชื่อตำแหน่งแก่แม่นางตระกูลเซี่ย นี่เป็นการตั้งใจให้คนอื่นเข้าใจผิดชัดๆ หม่อมฉันเพิ่งกลับมาเมืองหลวงไม่กี่วันก็ได้ยินข่าวไปทั่วแล้ว ตอนนี้นางยังได้ตำแหน่งท่านหญิงไปง่ายๆ ไม่ว่าใครก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปเชื่อมยงกับข่าวลือ " ได้ยินดังนั้น ฮองเฮานิ่งเงียบไตร่ตรองครู่หนึ่ง จุดประสงค์ของการให้เซี่ยอีอีได้รับตำแหน่งท่านหญิงก็เพื่อช่วยเหลือเว่ยหมิงสมหวัง อีกทั้งชื่อตำแหน่งนั้นเป็นความตั้งใจของพระองค์ ข่าวลือข้างนอกไม่น้อยก็จริง แต่สำหรับพระองค์แล้วนี่ยังไม่เพียงพอ ไม่ทราบว่าเป็นการกระทำของพระองค์นั้นโดยนัยไปรึเปล่า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการโต้แย้งใหม่ๆเกิดขึ้น ถ้าหากบุคคลภายนอกมีความคิดได้สักครึ่งหนึ่งของจางชิงเอ๋อละก็ บางทีพระองค์อาจจะได้ยินเซี่ยอีอีเรียกท่านว่าเสด็จแม่แล้วก็ได้ และได้ยินเด็กสองคนนั้นเรียกท่านว่าเสด็จย่า ฮองเฮามองจางซิงเอ๋อที่ยังคงโมโหอยู่ ท่านค่อยๆลูบคลำมือนางแล้วพูดว่า:“ชิงเอ๋อปีนี้อายุยี่สิบสองแล้วใช่ไหม เจ้าอยู่ข้างนอกเป็นเวลาหลายปี จนพ่อแม่ของเจ้าลืมเรื่องแต่งงานของเจ้าไปแล้ว " เมื่อได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของนาง จางซิงเอ๋อใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ ขณะที่กำลังจะเอ่ยก็ได้ยินพระองค์ตรัสขึ้นว่า "ชิงเอ๋อไม่ต้องกังวล เมื่อพ่อแม่ของเจ้าไม่ให้ความสำคัญ เรื่องนี้เสด็จป้าช่วยจัดการให้ ข้าจะหาครอบครัวที่ดีให้กับเจ้า หลังเจ้าแต่งงานแล้ว นิสัยร่าริงของเจ้าก็น่าจะดีขึ้น" ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มของจางชิงเอ๋อที่ยังไม่ได้แสดงออกมาก็เลือนหายไป สีหน้าของนางสลดและลุกขึ้นอย่างกระทันหัน "เสด็จป้าพูดอะไรเพค่ะ ท่านก็ทรงรู้ความจริงอยู่แล้วว่า ... " ฮองเฮาเห็นนางกำลังจะมีอารมณ์ร้อนใจ รอยยิ้มเบาๆที่บนใบหน้าของพระองค์ก็ค่อยๆจางลง พระองค์ขัดจังหวะนางและพูดว่า" เปิ่นกงทรงทราบว่าเจ้ามีอายุที่เหมาะสมกับการแต่งงานแล้ว และก็ทรงทราบว่าเว่ยหมิงไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นกับเจ้า เขามองเจ้าในฐานะน้องสาวมาตลอด ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างอื่นใดๆ" ใบหน้าของจางซิงเอ๋อนั้นคล้ายกับใบหน้าของฮองเฮาประมาณห้าส่วน ขณะนี้ทางสองสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ดูคล้ายกันมากขึ้น นางเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวลและพูดว่า"ความหมายของเสด็จป้าคือจะไม่เป็นไปตามความต้องการของชิงเอ๋อหรือ" ฮองเฮาจ้องมองมาที่นาง ไม่ทรงพยักหน้าและไม่ส่ายหน้าปฏิสธ แต่จางซิงเอ๋อรู้ว่าความเงียบเป็นคำตอบอย่างหนึ่ง และคำตอบนี้เป็นคำตอบที่นางไม่อยากได้ยิน ดังนั้นพระองค์จึงไม่พูดออกมา "ในเมื่อเสด็จป้าไม่อยากช่วยชิงเอ๋อ งั้นชิงเอ๋อคงไม่ต้องรบกวนเสด็จป้าอีก ส่วนเรื่องการแต่งงานของชิงเอ๋อก็ไม่ต้องให้เสด็จป้ากังวลพระทัย หม่อมฉันจะหาวิธีที่ได้แต่งงานกับพี่หมิงเพค่ะ" หลังจากพูดเสร็จแล้วนางก็จากไปโดยที่ไม่มีการล่ำลา เห็นดังนี้ ฮองเฮาทรงส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “คนที่ควรแต่งแต่ไม่อยากแต่ง ส่วนคนที่ไม่ควรแต่งก็อยากจะแต่งให้ได้ เวรกรรมจริงๆ ” ระหว่างทางจางซิงเอ๋อเดินด้วยความโกรธ เดินชนผู้คนไปทั่ว ผู้คนในพระราชวังที่กำลังจะเดินสวนทางกับนางต้องหลบไป นอกตำหนักเซิ่ง มีร่างหนึ่งได้ดึงสายตาของจางซิงเอ๋อไป นางค่อยๆหยุดฝีเท้า มองคนที่เดินมาจากระยะไกล นางยิ้มอย่างชั่วร้าย "องค์ชายสี่" เว่ยเฉินจ้องมองนางอยู่นาน จากนั้นทรงตรัสถามว่า: "เจ้าคือ ... จางซิงเอ๋อหรือ" จางซิงเอ๋อพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่วางเว่ยเฉินอยู่ในสายตาเลย"องค์ชายสี่ทรงมีความทรงจำที่ดีเยี่ยมเพค่ะ ไม่ได้เจอกันมาหลายปียังจำข้าได้ " สำหรับจางซิงเอ๋อแล้วเว่ยเฉินไม่เคยมีความรู้สึกดีสักเท่าไหร เด็กผู้หญิงนิสัยโหดร้าย คิดว่ามีเว่ยหมิงเป็นที่พึ่งเลยไม่เคยวางพวกเจ้าชายเจ้าหญิงอยู่ในสายตา ใบหน้าของเว่ยเฉินเย็นช้าลง เขาถามอย่างเย็นชาว่า "มีเรื่องอะไรไหม" "เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าไม่มีธุระจะมาสนทนากับเจ้าหรือ?"เช่นเดียวกับที่เว่ยเฉินไม่ได้ชอบนาง จางชิงเอ๋อก็ไม่ชอบเว่ยเฉินเหมือนกัน เหตุผลง่ายๆที่นางไม่ชอบคนคนหนึ่งง่ายมาก นั่นก็คือเพราะเว่ยหมิงไม่ชอบ คนที่เว่ยหมิงไม่ชอบ คนเหล่านั้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง และคนที่เว่ยหมิงชอบ นางก็อาจจะไม่ได้วางพวกเขาเข้าสายตา แต่ยังไงเว่ยเฉินก็เป็นองค์ชาย ชินกับการได้รับเคารพไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกโกรธในใจ “มีธุระอะไรก็รีบบอกมา เปิ่นหฮวงจื่อไม่ได้มีเวลามากให้กับเจ้า” ได้ยินดังนั้น จางชิงเอ๋อยิ้มอย่างเหยียดหยาม“ ช่างบังเอิญจริงๆ ข้าก็ไม่ได้มีเวลามาก ที่ข้ามาหาเจ้าในวันนี้วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อเซี่ยอีอี ข้าได้ยินว่าเจ้าได้ขออภิเษกสมรสกับเซี่ยอีอี แต่ฝ่าบาทยังทรงไม่ได้ตกลงใช่ไหม” เว่ยเฉินขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่นางจะพูดนั้นจะเกี่ยวกับเซี่ยอีอี “นี่เป็นเรื่องของข้า จะเกี่ยวอะไรกับเจ้า หรือว่าเจ้าอยากจะเข้ามายุ่งหรือ” จางชิงเอ๋อเขม็งเขาและหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้มีเวลามากที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องไร้สาระของเจ้าหรอก ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่า ถ้าเจ้ามีความสามารถก็รีบแต่งนางไป ถ้าเจ้าทำไม่ได้ งั้นข้ายอมเสียสละเวลาช่วยเจ้าจัดการ” คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้เว่ยเฉินไม่เข้าใจอีก เข้ากับจางชิงเอ๋อไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ตอนนี้นางกลับบอกว่าจะช่วยเขา นางบ้าไปแล้วหรือ “ทำไมเจ้าถึงอยากช่วยข้า?” “ ไม่มีทำไม แค่ข้ารู้สึกเบื่อกับการไปไหนมาไหนล้วนมีแต่ข่าวลือของเซี่ยอีอีเท่านั้นเอง เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือสักนิดเลยหรือ ในเมื่อเจ้าอยากจะแต่งงานกับนาง ทำไมไม่รีบไปขอนางแต่งงาน เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของนางเสียกว่านี้ ไม่อย่างนั้นถึงตอนนั้นองค์ชายสี่ก็ต้องเสียหน้าไปด้วยสิ” คำพูดของจางชิงเอ๋อนั้นมีความอิจฉาที่ชัดเจน แต่นางไม่ได้เพื่อเขาแน่นอน เว่ยเฉินยิ้มแปลกๆเหมือนกับว่าเขาได้จับผิดของนางได้ “ข้าก็ว่าแล้วทำไมเจ้าถึงใจดีมาช่วยข้า ที่แท้ก็เพื่อเว่ยหมิงเอง ทำไม พี่หมิงของเจ้าไม่ใช่เอ็ญดูเจ้านักหรือ ตอนนี้ทำไมทิ้งเจ้าไป” ฟังคำพูดของเว่ยเฉินที่จงใจพูดแบบนี้ จางชิงเอ๋อก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก “หยุดพูดไร้สาระเถอะ ข้ายอมช่วยเจ้า เจ้ารับไปก็พอ มิฉะนั้นด้วยความสามารถของเจ้า รอแก่ตายก็ยังคงแต่งกับนางไม่ได้ ” เว่ยเฉินครุ่นคิด รู้สึกว่านางพูดไม่ผิด ตอนนี้เขาก็ไม่วิธีอะไร ถึงแม้จางชิงเอ๋อดูไม่ค่อยพึ่งพาได้ แต่ฟังข้อเสนอนางก่อนก็ไม่ได้เสียอะไรไป อีกทั้งเพื่อเว่ยหมิงแล้วนางก็คงพยายามทำเต็มที่ ถ้าทั้งสองมาร่วมมือกันก็คงไม่มีข้อเสียอยู่ “เจ้ามีข้อเสนอแนะอะไรไหม” คำพูดนี้หมายความว่าเขายอมร่วมมือกันแล้ว จางชิงเอ๋อมองหน้าเว่ยเฉินแล้วยิ้มบางๆ“ พูดในพระราชวังไม่ค่อยสะดวก เราไปหาที่อื่นแล้วค่อยๆคุยให้ละเอียด” -------- เซี่ยอีอีขังตัวเองอยู่ในห้องสองวันแล้วโดยไม่ต้องก้าวออกจากประตูสักก้าว ตอนนี้เซี่ยหวินเทียนรู้สึกกังวลใจมาก อยากเข้าไปหาหลายครั้งแล้วแต่ก็โดนตงวี่กลั้นเอาไว้ และบอกเขาว่า:นางสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แต่คำนี้พูดขึ้นมาง่าย ตอนนี้เซี่ยอีอียังไม่ได้บอกกับเขาว่าที่วัดฝูติ่งเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้นางยังขังตัวเองอยู่ในห้องอีก จะให้เขาไม่ห่วงได้อย่างไร ภายในห้อง ที่เซี่ยอีอีไม่ได้นอนเป็นเวลาสองวันสองคืนก็เพื่อศึกษาธรรมชาติของต้นหญ้าหยินหยาง ถ้าต้าหญ้านี้เป็นหยาง งั้นนางก็ไม่ต้องกังวลกับอาการของเซี่ยเฉินวี่อีกต่อไป แต่ผลมันมักจะตรงข้ามกันเสมอ ต้นหญ้าหยินหยางที่นางพบที่วัดฝูติ่งกลับมีฤทธิ์เป็นหยิน มันไร้ประโยชน์สำหรับอาการเซี่ยเฉินวี่ ความไม่สมหวังทำให้นางรู้สึกปวดหัว นางมองดูท้องฟ้าที่อยู่นอกหน้าต่างเริ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ผ่านไปสามวันแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่นางได้กลับเป็นแบบนี้ ช่างเถอะ หญ้าชนิดนี้ยังไงก็เป็นสิ่งที่หายาก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหญ้า ฤทธิ์หยิน แต่ก็ยังมีฤทธิ์ของมันอยู่ ยาที่ใช้มาผสมยังขาดอีกหลายชนิด และตอนนี้หญ้านี้ถูกตัดแล้วก็จะทิ้งไว้ต่อไปไม่ได้อีก เซียอีอีไม่ทันได้พักก็รีบออกจากบ้านไป —— "ข้ามารักษาโรค โปรดเรียกท่าหมอโฮ่ออกมา" เสียงที่เร่งรีบทำให้เซี่ยอีอีหันกลับมาดู และสิ่งที่นางได้เห็นก็คือตงหมิงที่มีท่าทีเป็นกังวล ตงหมิงเห็นเซี่ยอีอีก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นนางไม่ได้พูดอะไรก็หันกลับไป ทำให้ตงหมิงรู้สึกไม่พอใจนิดๆ “องครักษ์ตง”ท่านหมอที่มีอายุเดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นคนที่รอเขาคือตงหมิงก็รีบมีสัมมาคารวะขึ้นมา “ท่านหมอโฮ่ไม่ต้องเกรงใจมาก ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่ออยากเชิญท่านหมอไปที่ตำหนัก เจ้านายของข้าได้รับพิษที่แปลกๆ และเมื่อเช้านี้ท่านอยู่ในอาการโคม่าไปแล้ว รบกวนท่านรีบเก็บของและตามข้าไปตอนนี้” ได้ยินดังนั้น หมอโฮ่ตกใจและรีบพยักหน้า“ ให้ข้ากลับไปเก็บของก่อน องครักษ์ตงโปรดรอประเดี๋ยว ” อีกด้านหนึ่ง เซียอีอีที่ยืนอยู่หน้าตู้ยาขมวดคิ้วเบาๆ ขนตาของนางก้มลงเล็กน้อยปกปิดความสงสัยในตาไป โดนยาพิษหรือ ก่อนที่จะออกจากวัดฝูติ่งเขายังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้โดนยาพิษขึ้นมา “เอายาทั้งหมดนี้ห่อให้ข้า”หลังจากเซียอีอีเลือกยาเสร็จ พนักงานหนุ่มของร้านขายยาก็จัดการห่อเรียบร้อย นางหยิบเอาห่อยาและหันไปมองตงหมิงแวบเดียว แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไรก็เดินจากไป เห็นดังนี้ ตงหมิงรู้สึกโกรธนิดๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนาง เจ้านายของเขาจะไปวัดฝูติ่งได้ไง แล้วจะโดนยาพิษจนโคม่าไปได้ไง แต่นางกลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร แม้กระทั่งแสดงความห่วงใยก็ไม่มี ช่างใจร้ายจริงๆ …… ตอนคืน พระจันทร์ค่อยๆลอยขึ้นมา ภายในตำหนักอ๋องหยงมีองครักษ์นับไม่ถ้วน สายลมพัดผ่านไปเบาๆไม่ได้มีใครรู้สึกถึง ร่างกายที่บางเฉียบปกคลุมด้วยเสื้อสีดำหยุดที่หน้าของประตูอย่างเงียบๆ ผลักประตูเข้าไป ก็ได้เห็นผู้ชายนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆจากแสงเทียนที่สลัว ใบหน้าที่สงบนิ่งยังดูหล่อเหลาเหมือนเคย แต่เมื่อได้เข้าไปใกล้นางถึงปรากฏว่าใบหน้าที่ซีดเผือดไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว เซี่ยอีอีนั่งข้างๆเตียง ใช้นิ้วมือวาบบนหน้าผากของเขา สัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไม่มีความอบอุ่นอย่างที่นางเคยสัมผัส ดึงผ้าห่มดูขึ้นมาสำรวจไปยังรางกายของเขาที่เพียงใส่เสื้อผ้าด้านในอยู่ สุดท้ายสายตาของนางก็หยุดที่ข้อมือที่มีชิ้นส่วนของผ้าพันแผล นางจับแขนของเขาและดึงแขนเสื้อออก พบว่าแขนของเขาทั้งแขนถูกห่อขึ้นด้วยผ้าพันแผล เมื่อดึงผ้าพันแผลออก นัยน์ตาของเซี่ยอีอีซูบลง แผลนี้ได้จากวันนั้นที่ล้มลงในทางมืดนั้นหรอ นางควรจะคิดถึงตั้งแต่แรก วันนั้นตกลงจากที่สูงขนาดนั้น นางไม่ได้เป็นอะไรเพราะเขาปกป้องตนเองได้ดี แต่นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงขาดนี้ มองไปที่ใบหน้าอันซีดเผือดของเว่ยหมิง เซี่ยอีอีเบะปากและบ่นว่า“ไอ้โง่” ทันใดนั้น สีหน้านางซีดลง มือที่จับแขนเว่ยหทิงอยู่ก็สั่นเล็กน้อย นางมองไปที่บาดแผลของเขาอีกครั้ง คิ้วของนางก็ขมวดแน่นขึ้น ร่างกายเย็นเฉียบ โคม่าราวกับซากศพ หรือว่า..... นางลุกขึ้นแล้วเอาเทียนมาข้างๆเตียง แล้วตรวจดูแผลที่แขนของเว่ยหมิงอย่างละเอียดอีกครั้ง เป็นอย่างที่นางคิดจริงๆ แผลของเขาเป็นหนองแต่ไม่มีเลือดออก แสดงว่ามันเป็นเหมือนกับซากศพ ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บและยังนอนอยู่ในโลงศพ และซากศพนั้นโดนเผาเป็นขี้เถ้า เขาต้องติดเชื้อหมอนพิษในตอนนั้นแน่ๆ เซี่ยอีอีหยิบยาเม็ดสีเขียวออกมา พยายามที่จะเปิดปากของเขาพร้อมกับป้อนยาเข้าไป แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้วิธีที่จะกลืนยาเข้าไป ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางลุกขึ้นและเดินมาข้างๆโต๊ะ แล้วหยิบยาใส่เข้าไปในปากของตนเอง เคี้ยวให้ละเอียดแล้วดื่มน้ำชาเข้าไปอีกคำ นางเดินกลับไปที่ข้างเตียงและโน้มตัวลงป้อนยาเข้าไปในปากเว่ยหมิง น้ำชาตามมุมปากไหลออกมาครึ่งหนึ่ง แต่ยังดียังมีอีกครึ่งหนึ่งได้กลืนเข้าไปแล้ว เซี่ยอีอีใช้แขนเสื้อเช็ดที่มุมปากของเขาพร้อมบ่นพึมพำ“เจ้านี่ตัวสร้างความลำบากจริงๆ ถ้ารู้นี่ข้าก็ไม่ให้เจ้ามาช่วยแล้ว สุดท้ายยังต้องให้ข้าเสียยาไปหเม็ดนึ่ง” ถึงแม้เซี่ยอีอีจะพูดแบบนี้ แต่นางก็ถอนหายใจขึ้นมาอีก“โชคดีที่โดนหนอนพิษไม่ลึกมาก ไม่อย่างนั้นลูกคงไม่มีบิดาแล้ว” นางใช้ยาที่นางทำเองทาบนแผลของเว่ยหมิง ความรู้สึกของความเจ็บปวดทำให้แขนที่ไร้ความรู้สึกกลับมารู้สึกอีกครั้ง บวกกับยาที่ถูกป้อนเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ เว่ยหมิงก็ค่อยๆมีสติตื่นขึ้นมา ภายในความมืดมองเห็นแสงของเทียน เว่ยหมิงไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นจริงหรือฝัน นิ้วเขาขยับเบาๆ กลับทำให้เซียอีอีตกใจสุดขีด นางมองไปยังคนที่กำลังจะตื่น แล้วจุดไปที่หน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว คนที่เพิ่งตื่นขึ้นนั้นก็หลับไปอีกครั้ง เซี่ยอีอีจิตใจยังคงไม่สงบลง คนนี้มักจะหลงตนเองเสมอ ถ้าเขารู้ว่านางมารักษาเขากลางดึกๆแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะหลงตัวเองไปถึงไหนต่อไหนอีก อีกอย่าง นางไม่สามารถให้เขารับรู้ได้ว่านางมีความรู้ทางการรักษา เรื่องน้อยมักจะดีกว่าเรื่องเยอะ ตอนนี้นางก็วุ่นวายอยู่แล้ว ถ้าให้เขารู้ว่านางคือใคร ถึงตอนนั้นนางจะมีปากหลายตัวก็คงอธิบายไม่ชัดเจนหรอก เซี่ยอีอีพันแผลที่แขนของเขาให้ดีอย่างระมัดระวัง แต่ปากก็บ่นพึมพำไม่อั้น“ไม่เคยเห็นใครเหมือนเจ้ามาก่อนเลย โดนหนอนพิษแล้วยังฟื้นได้เร็วขาดนี้ ช่างเป็นโรคจิตจริงๆ” ไม่ได้นอนติดต่อมาหลายวันเซี่ยอีอีเหนื่อยมาแล้ว นางลุกขึ้นและยืดตัวไปมา กำลังคิดจะจากไปแล้วก็หันกลับไปที่เตียงอีก มองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิทของเว่ยหมิง นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "ทำดีไม่บอกชื่อไว้ เจ้าไม่ต้องตอบแทนข้า" พูดจบ นางใช้ปลายนิ้วจุดที่ร่างกายของเขาเปิดจุดให้ จากนั้นก็จากไป หลังจากเซี่ยอีอีกลับไปจวนแล้วก็หลับติดต่อกันเป็นเวลาสามวัน แม้ฮองเฮาให้คนมาเรียกนางเข้าวังก็ไม่สามารถทำให้นางตื่นขึ้นมาได้ แต่เซี่ยหวินเทียนกลับไม่สามารถอดทนต่อไปอีก ผ่านไปหลายวันแล้ว ยังไงวันนี้เขาก็ต้องการทราบว่าน้องสาวของเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้องนอน เขาผลักประตูเข้าไป แต่เห็นคนนั้นกำลังหลับสนิทอยู่ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังหายสงสัยไม่ได้ คนคนหนึ่งสามารถนอนหลับติดต่อหลายวันโดยไม่ต้องตื่น มีจริงอยู่... หรือไม่? หลังจากวันที่สองที่เซี่ยอีอีกลับไป เว่ยหมิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาได้ฟังตงหมิงบ่นเรื่องที่พบเซียอีอีที่ร้านขายยา แต่เว่ยหมิงกลับไม่พูดสักคำ รูปร่างของคืนนั้นเขายังจำได้นิดๆ แต่สิ่งที่เขาจำได้ชัดเจนที่สุดก็คือรอยย่นที่คิ้วของนางขณะที่นางป้อนยาให้เขา แต่หลังจากฟังที่ตงหมิงบ่นแล้ว เขาเริ่มสงสัยว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เพราะความไร้หัวใจของนางเขาเคยรับมือมาแล้ว นางจะมาเยี่ยมเขาจริงๆหรือ? 
已经是最新一章了
加载中