ตอนที่53 ความคิดส่วนเกิน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่53 ความคิดส่วนเกิน
ต๭นที่53 ความคิดส่วนเกิน “ท่านอ๋อง” เสียงเรียกเบาๆของบ่าวจากนอกประตูทำให้เว่ยหมิงได้สติกลับมา ตงหมิงมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วพูดอย่างไม่พอใจ"บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านอ๋องกำลังป่วยอยู่อย่าให้คนมารบกวน เจ้าไม่เข้าใจหรือไง ?" บ่าวที่ยืนอยู่หน้าประตูมองตงหมิงอย่างลำบากใจ"บ่าวรู้ว่าท่านอ๋องไม่สบาย แต่คนที่มาคือคนของจวนตระกุลเซี่ย เขามาบอกว่าคุณหนูสีอยากจะเชิญหงอีกงจื่อออกไปพบ บ่าวไม่กล้าตัดสินใจเองเลยเข้ามาถามท่านอ๋องว่าจะให้หงอีกงจื่อออกไปหรือไม่" ได้ฟังดังนี้ตงมิงยิ่งโกรธกว่าเดิม ที่คนของจวนตระกุลเซี่ยมาไม่ใช่มาสนใจอาการป่วยของท่านอ๋อง แต่กลับเป็นให้ชายขายบริการนั้นออกไปพบ ในใจตงหมิงเต็มไปด้วยอาราณ์โกรธ แต่เขาก็ไม่กล้าตัดสินใจแทนเจ้านาย เขามองกลับไปที่เว่ยหมิง ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงที่อ่อนเพลียสั่งว่า: "ให้เขาไป" "ท่านอ๋อง ทำไมท่านตามใจนางขนาดนี้ นางไม่สนใจความเป็นความตายของท่าน ทั้งๆที่นางรู้ว่าท่านกำลังป่วยอยู่ แม้ถามไถ่สักคำก็ไม่มี พอเอ่ยปากก็คือจะเอาชายขายบริการนั้น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่คู่ควรกับความดีที่ท่านอ๋องมีให้นางเลย"ตงหมิงพูดไปตรงๆและแสดงอารมณ์ที่โกรธเครืองออกมา ถ้าคนของจวนตระกุลเซี่ยมาถามถึงท่านอ๋องสักคำ เขาก็ไม่ได้โกรธเช่นนี้หรอก "พอแล้ว เรื่องนี้เปิ่นหวังมีความติดสินของตนเอง เจ้าปล่อยให้หงอีไปก็พอ” แม้ตงหมิงก็โกรธถึงเพียงนี้ เว่ยหมิงจะไม่มีความโศกเศร้าในใจได้ไง เพียงแต่นางนั้นจิตใจเย็นชาจนไม่เคยมาเยี่ยมเขาจริงๆหรือ แล้วเงาดำคืนนั้นเป็นแค่ความฝันจริง ๆ หรือ ? ณ โรงเตี้ยม "อีอี ทำไมเจ้าดูละเหี่ยมากกว่าเดิมแล้ว หรือเจ้าคิดถึงใครบางคนมากเกินไปเลยนอนไม่หลับ " เซี่ยอีอีและหยางเฉียนหลิงนั่งอยู่ชั้นสองที่ที่เห็นได้ชัด หงอียังไม่มา เซี่ยอีอีใช้มือรองรับหัวอย่างขี้เกียจดูไม่ค่อยมีพลังงาน นางยกสายตามองไปที่หยางเฉียนหลิงและตอบว่า"คิดถึงมากเกินไปอะไร อย่าพูดเหลวไหลเลย ข้าแค่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเพราะสองวันนี้นอนเยอะเกินไป" หลายปีที่ผ่านมาเซียอีอีไม่เคยนอนได้เหนื่อยอย่างนี้มาก่อน นางนอนไปสามวันสามคืน ในความฝันล้วนเป็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเว่ยหมิง มีหลายครั้งที่นางตื่นจากในฝัน นางเกือบอดไม่ได้อยากจะวิ่งเข้าไปตำหนักอ๋องหยงดูว่าเขาตายแล้วหรือไม่ กล้ามารบกวนนางแม้แต่ในฝันทำให้นางตอนนี้ปวดหัวจะแย่ตาย เห็นเซี่ยอีอีนวดหน้าผากอย่างอ่อนเพลีย หยางเฉียนหลิงยิ้มเบาๆ พูดติดตลกว่า: "ปกติเห็นเจ้านอนเยอะเช่นนี้ก็ไม่ได้ปวดหัวนี่ ทำไมตอนนี้อยู่ดีๆก็ปวดหัวขึ้นมา ถ้าหากเจ้าไม่ได้คิดถึงใครบางคน มีใครหรือจะเชื่อของเจ้า " เซี่ยอีอีกำลังกังวลอยู่จะโต้ตอบยังไง ก็เห็นหงอีเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง ทั้งร่างคลุมด้วยเสื้อสีแดงดูทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ เขายิ้มอย่างนุ่มนวลและถามว่า: "คิดถึงใคร? แม่นางคิดถึงข้าอยู่หรือ" คนที่อ่อนโยนนั้นนั่งลง เซี่ยอีอีไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ "ใช่ ข้าไม่ได้เห็นเจ้าสองสามวัน คิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน คนสวย วันนี้เราไม่เมาไม่เลิก จะได้หายความคิดถึงจนปวดใจของข้าไป " ถ้าคำพูดนี้ออกจากปากผู้อื่น ก็คงคิดว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่ออกจากปากของนาง หงอีแค่ยิ้มเบาๆ เขาถือแก้วสุราที่อยู่ตรงหน้าของเซี่ยอีอีไปและเปลี่ยนเป็นถ้วยชา“เมื่อกี้ยังบอกว่าปวดหัวอยู่ ตอนนี้ก็เริ่มดื่มสุราไปแล้ว ถ้าเจ้าดื่มหนักจนล้มป่วยไป ถึงแม้ข้าจะมีหลายชีวิตก็ไม่สามารถทดแทนชีวิตของเจ้าได้” ทั้งสามคนต่างก็รู้ว่าคำนี้หมายความว่าอย่างไร เซี่ยอีอีส่งสายตาอันเย็นชาออกมาและถือถ้วยชาขึ้นมาด้วยความรังเกียจ“ช่างเบื่อเหลือเกิน” ในเมืองหลวงแห่งนี้ เซี่ยอีอีรู้สึกเบื่อจริงๆ เมื่อก่อนอยู่เมืองอวี๋น นางยังสามารถออกไปรักษาโรคฆ่าเวลาได้ แต่ตอนนี้นางมีแต่สองคนนี้มาแก้เบื่อ แต่สองคนนี้คำหนึ่งก็คนนั้น สองคำก็คนนั้น ตั้งใจจะแกล้งนางชัดๆ ไม่นาน ขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนาอย่างร่าเริง การปรากฏของจางหายก็ขัดจังหวะที่ร่าเริงนี้ไป เขามองไปที่เซี่ยอีอีแล้วก็มองไปที่หงอี สุดท้ายก็หยุดที่หยางเฉียนหลิง “ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่พร้อมกันได้ ” หยางเฉียนหลิงหันหลังนั่งต่อจางหาย เมื่อได้ยินเสียง นางตะลึงเล็กน้อยแล้วหันกลับไป“หมิงหยวนซื่อจื่อ” จางหายมองไปที่แก้วสุราที่อยู่เบื้องหน้าหยางเฉียนหลิง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “เท้าที่เจ็บของเจ้าดีขึ้นหรือยัง ? สามารถดื่มสุราได้แล้วหรือ ” คำพูดนี้ฟังดูเหมือนมีความเป็นห่วงในนั้น เซี่ยอีอีเลิกคิ้วแล้วมองไปที่หงอีและพวกเขาทั้งสองคนก็ยิ้มให้กันและกัน ไม่มีใครไปขัดจังหวะสองคนนั้น หยางเฉียนหลิงนิ่งไปสักครู่แล้วหันหัวไปกลับเห็นเซี่ยอีอีกำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย หยางเฉียนหลิงหน้าแดงทันที นางลุกขึ้นและมองไปที่จางหายอย่างลำบากใจ “ขอบใจซื่อจื่อที่เป็นห่วง เท้าของข้าดีขึ้นแล้ว และตอนนี้พวกเรามาดื่มชาไม่ใช่สุรา” ได้ยินนางพูดอย่างนั้น จางห้วยพยักหน้าเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่หงอี มองดูใบหน้าที่งดงามของเขา ในใจเขากลับมีความอิจฉาเล็กน้อยขึ้นมา“เดี๋ยวเจ้ามีธุระหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ตามข้าไปที่หนึ่ง ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า” หยางเฉียนหลิงก็สามารถเดาได้ว่าจางหายอยากพูดอะไรกับนาง ยังไงตอนนั้นคนที่รับปากว่าจะช่วยเขาเป็นนางเอง แต่ว่าคนนี้เป็นบ้าหรือไง ทำไมถึงกล้าที่จะชวนนางออกไปต่อหน้าเซี่ยอีอีด้วย หยางเฉียนหลิงมีความรู้สึกหักหลังเซี่ยอีอีขึ้นมา นางกำลังอยากจะปฏิเสธ แต่ใครจะรู้เซี่ยอีอีกลับพูดขึ้นว่า “ไปเถอะๆ ตรงนี้เราก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ซื่อจื่ออยากจะพาเฉียนหลิงไปก็ต้องดูแลนางให้ดีๆ หลังเสร็จเรื่องก็ต้องพานางกลับบ้านดีๆด้วย” เมื่อได้ยินอย่างนั้น หยางเฉียนหลิงก็รู้ว่าพวกเขาต้องเข้าใจผิดแล้ว ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงใบหู “อีอี เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่.....” นางกำลังอยาก0ะอธิบาย แต่จางหายกลับไม่ให้โอกาสให้นาง ยังไงก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากนางอีกตั้งเยอะ ไม่ช้าหรือเร็วความเข้าใจผิดแบบนี้ต้องมีแน่นอน มือใหญ่ๆโอบที่เอวของหยางเฉินหลิง ทำให้นางตกใจจนไม่กล้าขยับ จางหายยิ้มให้กับเซี่ยอีอี “ท่านหญิงวางใจเถอะ เดี๋ยวข้าจะส่งนางกลับไปจวนหยางแน่นอน ถ้าหากว่านางขาดแม้แต่ปลายผม เจ้าสามารถมาหาเรื่องข้าได้” เซี่ยอีอีพยักหน้าและยิ้มอย่างแปลกๆ หยางเฉียนหลิงยิ่งดูผิดปกตินางก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม จนถึงพวกสองคนจากไป นางจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเป็นเสียงออกมา เห็นดังนั้น หงอีก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกัน“ซื่อจื่อมีใจให้แม่นางหยางหรือ” เซี่ยอีอียกไหล่ รอยยิ้มบนหน้าไม่ได้ลดลง“คงมั้ง ได้ยินซื่อเอ๋อบอกว่า ช่วงเวลาหลายวันที่อยู่บนภูเขา สองคนนี้อยู่ติดกันตลอด บางที่อาจจะมีข่าวดีแล้วก็ไม่แน่” เห็นนางยิ้มแบบนี้ หงอีเก็บรอยยิ้มไปเล็กน้อยและถามว่า“เจ้าไม่ปวดหัวแล้วหรือ” ได้ยินเช่นนั้น เซี่ยอีอีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“หิหิ ข้าเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ปวดไวและหายไว” คำเหลวไหลแบบนี้ถ้าหงอีเชื่อก็คงโง่ไปแล้ว แต่ในเมื่อนางไม่อยากพูด เขาก็ไม่อยากบังคับให้นางพูด นิ้วมือที่เรียวยาวยกถ้วยชาขึ้นมาเบาๆวางไปที่ปากและดื่มคำเดียว“ได้ข่าวว่าช่วงนี้อ๋องหยงปวดหนัก ไม่ได้ออกจากตำหนักไปหลายวัน เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่” เซี่ยอีอีเหลือบไปมองที่หงอี สายตาอันเหม่อลอยของนางไม่ได้ถูกหงอีที่กำลังก้มหน้าอยู่จับได้ "เขาป่วยทำไมข้าต้องรู้ หรือเขาจะป่าวประกาศให้คนทั่วทิศรับรู้ " ได้ยินดังนั้น หงอีแค่ยิ้มเบา ๆ "ไม่มีการป่าวประกาศ เพียงแต่ตัวข้าเองรู้สึกแปลก นิดๆ ไม่รู้ว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไรร้ายแรงจนไม่สามารถออกมาได้สองสามวันแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขา เจ้าไม่อยากไปดูหรือ " เซี่ยอีอีเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด "ความสัมพันธ์ ?ข้ากับเขาดูเหมือนมีความสัมพันธ์อะไรกันหรือ” หงอีลืมตาขึ้น ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูด แต่คำตอบของเขาทั้งหมดก็อยู่ในสายตาของเขาไปแล้ว เห็นดังนั้น เซี่ยอีอีเบะปากอย่างรังเกียจ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังถามข้าว่าระหว่างเว่ยหมิงกับซูซิงเฟิง ข้าจะเลือกใคร ทำไมเวลาแค่ผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าก็ดึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับข้าให้เรียบร้อยแล้ว " ได้ยินดังนั้น หงอีพยักหน้าเบา ๆ"ข้าเคยถาม แต่ตอนนั้นเจ้าเป็นคนบอกว่าเจ้าจะเลือกตามหัวใจของเจ้าเอง เท่าที่ข้ารู้ คราวนี้ขึ้นไปภูเขา อ๋องหยงอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดเวลา อยู่ด้วยกันมาหลายวัน พวกเจ้าไม่ได้มีมิตรภาพกันสักนิดหรือ" มิตรภาพ? หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น อยู่กับนางตลอดเวลาแถมยังช่วยนางไปสองครั้งนางอาจจะสร้างมิตรภาพกับคนนั้นได้ แต่คนคนนี้คือเว่ยหมิง นางเลยเลือกไม่สนใจเขา แต่การที่นางแบ่งแยกอย่างชัดเจนแบบนี้มันหมายความว่ายังไง แล้วทำไมนางเพียงแต่ไม่สนใจเขาเท่านั้น ทำไมนางปฏิบัติกับเขาแตกต่างจากคนอื่น? เซี่ยอีอียกถ้วยชาขึ้นดื่มไปคำเดียว น้ำชาที่จืดๆทำให้นางรู้สึกในปากไม่มีรสชาติ เทน้ำชาที่จืดไปแล้วเปลี่ยนเป็นสุราหนึ่งถ้วย ยกขึ้นมาดื่มลงไปหมดทันที รสชาติที่ทั้งขมทั้งแสบบุกเข้าสมองทันที จึงทำให้นางมีสติขึ้นมา วางถ้วยในมือลง เซียอีอีขยับริมฝีปากเบา ๆ “มิตรภาพไม่ใช่มีให้ทุกคน บางคนถึงแม้ว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต อาจจะไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพเลยก็ได้ ” ณ จวนติ้งหยวน "ซื่อจื่อ เจ้าพาข้ามาจวนของเจ้าทำไม" หยางเฉียนหลิงลงจากรถม้า มองไปที่ประตูใหญ่ของจวนติ้งหยวน นางรุ้สึกสับสน "พาเจ้ามาก็ต้องมีธุระ ข้างนอกมีคนเยอะ เผื่อคนอื่นจะได้ยิน " “แต่ว่า.....” เห็นนางลังเล จางหายก็เอื้อมมือออกไปลากนาง "แต่ว่าอะไร ข้าไม่กินเจ้าหรอก นี่คือบ้านของข้า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็จะไม่มีคนมารบกวน " ได้ยินดังนั้นหยางเฉียนหลิงนิ่งไป ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็จะไม่มีคนมารบกวน ทำไมคำนี้ฟังดูน่าอึดอัดใจจัง ระหว่างเดิน ใบหน้าของหยางเฉียนหลิงบิดเบี้ยวตลอดทาง เมื่อมองพวกบ่าวที่เดินผ่านไปมาส่งสายตามายังนาง นางก็รู้สึกอึดอัด แล้วมองดูมือของจางหายที่จับบนข้อมือของนางอยู่ หยางเฉียนหลิวขยับแขนของตนเอง อยากจะดึงมือออกมา “ หายเอ๋อ!” เสียงเรียกเบาๆ ทำให้จางหายและหยางเฉียนหลิงหยุดก้าวเท้าลงพร้อมกัน เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นหญิงวัยกลางคนหนึ่งสวมใส่ชุดซู่จินสีฟ้าและมองดูนางด้วยความประหลาดใจ "ท่านแม่มีอะไรหรือ" จางหายดูเหมือนจะไม่พบสายตาแปลกๆของจางฮูหยิน จางฮูหยินเดินมาอย่างช้าๆ สายตาสำรวจไปที่หยางเฉียนหลิง"ผู้หญิงคนนี้ลูกเต้าเหล่าใคร หายเอ๋อ เจ้าพาผู้หญิงกลับมาที่บ้านทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยิ่งโตยิ่งไม่มีกฎระเบียบ " คำพูดของจางฮูหยินทำให้หยางเฉียนหลิงรู้สึกไม่สบายใจ การที่เข้าบ้านฝ่ายชายอย่างลำลองไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงที่ดีควรทำออกมา นางทนความอึดอัดในใจและอธิบายว่า: "ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับซื่อจื่อเป็นแค่เพื่อนกัน วันนี้ที่ข้ามารบกวนที่จวนเพราะมีธุระ เราไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ฮูหยินคิด " เห็นนางรีบอธิบายแบบนี้ จางฮูหยินกลับยิ้มออกมา นางใช้มือปกปากและพูดกับจางหาย“ที่แท้โลกนี้ยังมีผู้หญิงที่หายเอ๋อจับไม่ได้เหมือนกัน ทั้งๆที่พาคนกลับมาที่จวนแล้วยังไม่ยอมรับมีความสัมพันธิ์พิเศษกับเจ้าอีก” ได้ยินดังนั้น จางหายดึงมุมปากแล้วตอบกลับด้วยความโมโห“จางฮูหยิน แล้วมีท่านแม่ที่ไหนเหมือนท่านมาแกล้งลูกชายตนเอง ลูกชายของท่านไม่มีคนชอบ ท่านดีใจนักหรือ ถ้าทีหลังข้าแต่งภรรยาไม่ได้ ท่านอย่าร้อนใจละกัน” คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถขู่จางอูหยินได้แม้แต่น้อย นิสัยของลูกชายตนเองเป็นอย่างไรนางเป็นถึงแม่ก็รู้ชัดอยู่ดีแล้ว เขาจะแต่งภรรยาไม่ได้ได้ยังไง นอกจากผู้หญิงในโลกนี้ตายไปหมดแล้ว ไม่งั้นยังไงเขาก็อยู่คนเดียวตลอกชีวิตไม่ได้หรอก จางฮูหยินไม่สนใจจางหายอีก นางหันไปมองที่หยางเฉียนหลิงและถามว่า“เจ้าคือลูกสาวของบ้านใคร อายุเท่าไหร ได้หมั้นหมายกับใครหรือยัง” คำถามนี้เหมือนจะช่วยหมั้นหมายให้ หยางเฉียนหลิงมองไปที่จางหายอย่างลำบากใจ“เอ๋อ ข้าชื่อหยางเฉียนหลิง พ่อ......” “หยางเฉียนหลิง?เจ้าคือหญิงผู้มีความสามารถของบ้านไต้เท้าหยางหยางเฮยหรือ” หยางเฉียนหลิงชื่อนี้เหมือนจะด่งดังกว่าชื่อของพ่อนางอีก พอได้ยิน จางฮูหยินรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที หยางเฉียนหลิงรู้สึกเขินอาย พยักหน้าและพูดว่า“คนที่ฮูหยินพูดถึงคือข้า แต่ฉายาของข้าก็แค่เป็นคำชมของผู้คนเท่านั้น ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น” ได้ยินดังนั้น จางฮูหยินยิ้มแล้วลากมือของนางมา ตบเบาๆและพูดว่า“เจ้าคู่ควรได้ฉายานี้ ได้ข่าวว่าครั้งที่แล้วเจ้าเข้าวัง ฝ่าบาทยังชมเจ้าไม่อั้นเลยนะ เจ้าสมเป็นหญิงมีความสามารถอันดับหนึ่งอยู่แล้ว” หยางเฉียนหลิงรู้สึกเขินอายยิ่งขึ้น เลยก้มหน้าลง ไม่รู้จะตอบยังไง “เจ้าหรือ ใครให้เจ้าเข้ามาบ้านของข้า” เสียงที่ดังๆขัดจังหวะที่ปรองดองของที่นี่ไป มองดูจางชิงเอ๋อที่เดินเข้ามา หยางเฉียนหลิงเก็บความเขินอายไปเล็กน้อย “ชิงเอ๋อ เจ้าเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร เข้ามาก็เป็นแขก เจ้านี่ก็ยิ้งโตยิ่งไม่มีกฏระเบียบ”เห็นจางชิงเอ๋อพูดไม่มีมารยาท จางฮูหยินก็ด่านางด้วยความไม่พอใจ ได้ยินดังนั้น ใบหน้าจางชิงเอ๋อยังคงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส นางเขม็งไปที่หยางเฉียนหลิง ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา“หึ แขกหรือ พวกเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน ใครจะรู้นางจะเหมือนเซี่ยวอีอีหรือไม่” “เจ้า....” “จางชิงเอ๋อ ถ้าเจ้าพูดดีๆไม่เป็นก็หุบปากไป ถ้าเจ้ายังพูดเหลวไหลอีก ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกไปเลยตอนนี้” หยางเฉียนหลิงยังไม่ได้พูด เสี่ยงดุตาลของจางหายก็ตัดบทนางไป “ท่านแม่ ท่านดูสิ เขามักจะช่วยคนนอกเสมอ ข้าเพิ่งกลับมาไม่กี่วันเขาก็คิดจะไล่ข้าออกไปแล้ว ”จางชิงเอ๋อไม่กล้าโต้แย้งกับจางหาย เลยย้อนไปหาจางฮูหยิน จางฮูหยินเขม็งจางชิงเอ๋ออย่างจนใจ ลูกสาวคนนี้นิสัยเสียมาก ปกติอยู่บ้านก็ช่างนางไป แต่วันนี้มีแขกอยู่ เพื่อความไม่รู้เรื่องของนางแล้วไล่แขกไปมันไม่ดี “เด็กนี่ วันๆไม่รู้ไปทำอะไร กลับมาหลายวันแล้วไม่เห็นมีวันไหนอยู่บ้านดีๆเลย มัวแต่ออกไปเที่ยวทั้งวัน ไม่มีการเป็นผู้หญิงที่ดีสักนิด” แม้แม่ของตนเองก็ไม่เข้าข้างนาง จางชิงเอ๋อตอกเท้าไปที่พื้นอย่างแรงๆ“ท่านแม่ ทำไมท่านมาด่าข้าเหมือนกับจางหายอะ แม้ข้าจะไม่อยู่บ้านดีๆ แต่ก็ไม่ได้ตามผู้ชายกลับบ้านอย่างลำลอง แถมยังไม่ได้พาลูกกลับมาอีกด้วย เทียบกับคนแบบนี้แล้วท่านแม่ยังมีอะไรไม่พอใจอีก” คำพูดของจางชิงเอ๋อเต็มไปด้วยความเสียดสี หยางเฉียนหลิงก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีนิสัย มือที่อยู่ในแขนสื้อกำแน่นๆ นางอดแรงกระตุ้นที่อยากตบหน้าจางชิงเอ๋อไปและพูดอย่างเย็นชา“ขอโทษที่รบกวน จางฮูหยิน วันนี้ข้าไม่ควรมา ข้าขอตัวก่อน” นางหันหลังจะจากไป แขนกลับถูกคนข้างๆลากไว้“ไหนๆก็มาแล้ว จะกลับด้วยสภาพแบบนี้หรือ” ฟังออกความจนใจในคำพูดของจางหาย หยางเฉียนหลิงรู้สึกน้อยใจขึ้นมา นางไม่ได้หันกลับมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่ใช้แรงสบัดมือของเขาออกไป แต่จางหายจับแน่มากจนนางไม่สามารถสบัดออก ที่เขาพานางมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อให้นางต้องอาบอายขายหน้า แต่ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าเขาไม่โน้มน้าวนางให้ดี เกรงว่าต่อไปนางจะไม่สนใจเขาอีก “จางชิงเอ๋อ เข้ามาขอโทษเฉียนหลิง” คำพูดของจางหายทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆตะลึงไป หยางเฉียนหลิงเงยหน้าขึ้น น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็หลุดไหลลงมา นัยน์ตาที่ชุ่มชื้นเบลอไปนิดๆ แต่ก็ยังมองเห็นใบหน้าที่โมโหของจางหายอย่างชัดเจน “จางหาย เจ้าบ้าแล้วหรือ เจ้าให้ข้าไปขอโทษผู้หญิงนี้เนี่ยนะ”จางชิงเอ๋อเบิกตาโตๆ ยื่นมือชี้ไปยังหยางเฉียนหลิงและตะโกนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ใช้ ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษเฉียนหลิง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมากล่าวหานาง ข้าขอเตือนนะ คำพูอของเจ้าเมื่อกี้อย่าพูดขึ้นมาอีก ถ้าโดนเว่ยหมิงได้ยิน ข้ารับรองว่าชาตินี้เขาไม่มีวันสนใจเจ้าอีก” เว่ยหมิงเป็นสิ่งที่สองที่สามารกระตุ้นนางได้ นางโกรธถึงที่สุด สบัดมือและพูดว่า“เจ้าเข้าข้างคนนอก เจ้าไม่ใช่พี่ชายข้า ข้าไม่มีพี่ชายแบบนี้อย่างเจ้า” จางชิงเอ๋อเดินจากไปแล้ว จางฮูหยินก็จากไปอย่างเงียบ ตอนนี้มีแต่จางหายและหยางเฉียนหลิงยืนเงียบอยู่ พักใหญ่ หยางเฉียนหลิงจึงก้มหน้าและพูดเบาๆ“ขอโทษ ข้าอยากกลับไปก่อน” “ไหนๆก็มาแล้ว ไปเรื่อนข้านั่งพักสักครั้งสิ ข้ายังมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า” ตอนแรกจางหายแค่อยากจะโน้มน้าวนาง แต่กลับไม่รู้จะพูดยังไง เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาแล้วเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่มันก็พูดออกไปแล้วเขาก็ไม่คิดจะไปแก้ไขอีก ได้ยินดังนั้น หยางเฉียนหลิงขมวดคิ้ม แล้วเงยหน้ามองไปยังเขา ใช่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางก็แค่เพื่อดำเนินความร่วมมือที่นางเคยรับปากกับเขา เมื่อกี้ที่เขาช่วยนางพูดก็แค่อยากให้นางอยู่ต่อ ความอัปยศทั้งหมดที่นางได้รับเมื่อกี้ในสายตาของเขาคงไม่ถือเป็นอะไรหรอก สิ่งที่เขาต้องการก็แค่เป็นความช่วยเหลือของนางเท่านั้น 
已经是最新一章了
加载中