ตอนที่ 55 สอบถามความลอบรัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 55 สอบถามความลอบรัก
ต๭นที่ 55 สอบถามความลอบรัก เสียงฝีเท้าเดินเบาๆเดินเข้าไปยังห้องขัง ผมที่ถูกมัดสูงพาดอยู่ด้านหลัง หน้าปิดด้วยผ้าสีดำเอาไว้เหลือไว้แต่ตา ดูไปแล้วทั้งเหย่อหยิ่งทั้งไร้ความรู้สึก ที่ที่นางเดินผ่าน จะต้องหลงเหลือกลิ่นหอมเอาไว้ มองไปที่คนที่นอนสลบในห้องขัง นางก็รู้สึกอารมณ์ดี กุญแจในมือแกว่งไปแกว่งมาเกิดเสียงไม่อั้น รองเท้าสีดำคู่นั้นไปหยุดอยู่ที่ห้องขังห้องหนึ่ง ด้านในมีนักโทษที่ตัวมีแต่รอยแผลเป็น สายตาอันเย็นชาไม่มีคำว่าสงสารเลย นางเปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็หยิบเอาขวดเหล้าที่อยู่ที่เอวออกมา ดึงจุกปิดออก แล้วนำเหล้าสาดไปที่แผลของคนที่สลบอยู่ เสียงร้องโอยครวญดังขึ้น คนที่สลบอยู่เหมือนจะฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เขาค่อยๆมองขึ้นไปที่คนชุดดำ เห็นนางแกว่งเหล้าในมือของนาง ก็ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใคร?” เสียงหัวเราะแห้งๆลอยออกมาจากผ้าปิดหน้า นิ้วเรียวๆสวยๆ ดึงผ้าปิดหน้าลงมา สีหน้าแอบร้ายของนางปรากฎตรงหน้าเขา “ความจำของท่านเจ้าอาวาสไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่นานเท่าไหร่ก็ลืมข้าซะแล้ว” “เจ้าเองหรอ?” เห็นเขาสีหน้าตกใจ เซี่ยอีอีก็ยิ้ม แล้วยังยืนมองเขาอยู่ “ก็ข้าน่ะสิ แสดงว่าท่านยังไม่ได้ลืมข้า แต่ก็จริงนะ ท่านเจ้าอาวาสรับคำสั่งให้มาสังหารข้า หากจะลืมข้าเร็วขนาดนี้ มันก็จะเป็นการไม่รับผิดชอบเกินไป ในเมื่อข้ายังมีชีวิตอยู่จริงไหม?” คำพูดของเซี่ยอีอีทำให้เจ้าอาวาสตกใจ เขาอยากลุกขึ้นแต่ก้ทำให้บาดแผลเจ็บ ความเจ็บปวดมันทำให้เขาถึงกลับพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีกยิ้ม แล้วพูดขึ้นมาอีกว่า “ชิ อ๋องหยงนี่นิสัยไม่ดีเอาซะเลย ทำกับท่านเจ้าอาวาสอย่างนี้ได้ยังไง จริงสิ ข้าว่าในห้องขังเนี้ยเหมือนจะมีหลวงจีนน้อยหายไปรูปหนึ่งนะ ท่านเจ้าอาวาสรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?” เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย “อาตมาไม่รู้ว่าโยมหมายถึงอะไร วัดฝู๋ติ่งมีหลวงจีนทั้งหมดสองร้อยสิบหกคนอยู่ที่นี่ทั้งหมด ไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียว คิดว่าแม่นางคงจำผิดคนแล้ว ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา” การปรากฏตัวของเซี่ยอีอี เจ้าอาวาสนอกจากจะตกใจยังสงสัยด้วย บุกเดี่ยวเข้ามาในห้องขัง นางทำมีความสามารถขนาดไหนกันแน่? นางไม่ได้เป็นแค่เด็กที่หยิ่งยโสหรอ นางทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน? เซี่ยอีอีเลิกคิ้ว หน้าเล็กของนางก็ปรากฏสีหน้าอันลึกซึ้งออกมา “ท่านเจ้าอาวาสกำลังดูถูกข้าใช่ไหม? ข้าไม่ได้มีความสามารถอะไรอย่างอื่น แต่มีเรื่องเดียวที่ข้าเก่งนักนั่นก็คือมองผ่านครั้งเดียวก็จำได้ คนที่ข้าเคยเห็นไม่มีทางจำผิดแน่นอน อีกอย่างหลวงจีนน้อยคนนั้นข้าเห็นเขาหลายครั้ง ข้าจะจำเขาไม่ได้ได้ยังไง? แต่ว่าหากท่านไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ข้าก็ไม่ได้มาหาเขา” ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นางพูดจริงหรือเปล่า เจ้าอาวาสกำหมัดที่เต็มไปด้วยเหงื่อแน่น “โยมมาหาอาตมากลางดึกแบบนี้ แสดงว่ามีเรื่องจะถามอาตมาใช่ไหม?” เซี่ยอีอียืดมือไปด้านหลัง แล้วพูดว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่อยากจะมาถามท่านว่าใครเป็นคนซื้อตัวท่านให้มาเอาชีวิตข้าก็เท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าอาวาสก็อึ้งไป เขามองไปที่คนที่ท่าทางไม่สนใจแล้วอธิบายว่า “โยมพูดแบบนี้กำลังใส่ร้ายอาตมาอยู่นะ อาตมาไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น” นางรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางยอมรับ เซี่ยอีอีก็ไม่ได้คิดจะตื้อเรื่องนี้ต่อไป นางหยุดเดิน แล้วหันไปมองเขา “ดี ในเมื่อท่านไม่อยากพูด ข้าก็ไม่บังคับ แต่ท่านจะให้ข้ามาเสียเที่ยวไม่ได้นะจริงไหม?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซี่ยอีอีหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็ควักเอากรีซกับยาขวดหนึ่งออกมา แล้วหันตัวไป แล้วนางก็นั่งยองๆไปตรงหน้าของเจ้าอาวาส นางหยิบเอาของสองอย่างนี้ออกมาวางไว้หน้าเขา จากนั้นก็ยิ้มร้ายๆ เมื่อเห็นของสองสิ่งนี้ เจ้าอาวาสก็ตะลึงไป ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องกรีซก่อนว่านางต้องการจะทำอะไร แต่แค่ยาขวดนั้น ....... เป็นไปได้ยังไงกัน? นางรู้ได้ยังไงว่ามียาพิษหนอนพิษได้ไง? “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” เซี่ยอีอีเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าเขารู้จักของพวกนี้แน่นอน นางยิ้มแล้วบิดขี้เกียจ “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากรู้เรื่องที่ข้าจำเป็นต้องรู้ หากท่านไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร งั้นท่านก็เลือกของสองอย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่เหลือ ......” นางพูดแค่ครึ่งเดียว เซี่ยอีอียิ้มอย่างไม่มีพิษภัย “ที่เหลือข้าจะเก็บไว้ให้ลูกชายเจ้า ตายคนหนึ่ง กลายเป็นซอมบี้คนหนึ่ง น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ?” เจ้าอาวาสตะลึงไป เขาไม่อยากจะเชื่อเลย “เจ้าเป็นใครกันแน่?” เซี่ยอีอีหยิบกรีซขึ้นมา ดึงเอาฝักออก แล้วใช้นิ้วลูบไปที่คมดาบเบาๆ “ข้าเป็นใครท่านก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ หากท่านยังลีลาอยู่แบบนี้ งั้นข้าบอกท่านตรงนี้เลยว่า มันไม่มีประโยชน์ ในเมื่อข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว งั้นก็ไม่มีใครสามารถช่วยท่านได้แน่ ดังนั้น ท่านทำได้แค่ตอบคำถามของข้า ไม่มีทางเลือกอื่น” “เจ้าอยากรู้อะไร?” เซี่ยอีอียิ้มอย่างพึงพอใจ “ข้าอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้ากับแม่เลี้ยงข้าอย่างละเอียด” “เจ้ากำลังพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ” เจ้าอาวาสเอียงหัวหลบ เห็นเขายังคงปากแข็ง เซี่ยอีอีก็ยิ้ม “ในเมื่อท่านฟังไม่เข้าใจ งั้นข้าจะเตือนสติท่านให้เอง ฮูหยินรองของตระกูลเซี่ยแอบมีอะไรกับท่านจนคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่งแล้วแอบเลี้ยงที่ข้างนอก ข้าเคยบอกแล้ว คนที่ข้าเคยเจอข้าจำไม่ลืม หากข้าต้องการตามหาเขา เจ้าว่ายากไหม?” เจ้าอาวาสอึ้ง “เจ้า ...... ทำไมถึงได้? เจ้าเป็นใครกันแน่?” “เหอะเหอะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้ม “ท่านเจ้าอาวาสลืมไปแล้วหรอ ท่านเพิ่งถามคำถามนี้ไปเองนะ ตอนนี้ข้ากำลัง ถามคำถามกับท่าน ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะมาย้อนถามข้า ท่านต้องประเมินสถานการณ์ให้เป็นนะ!” เงียบไปครู่หนึ่ง เจ้าอาวาสก็ถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว แล้วจะมาถามข้าอีกทำไม?” “ข้าก็บอกไปแล้วไง ข้าต้องการรู้ทั้งหมด” “หากข้าบอกไปแล้ว เจ้าจะฆ่านางไหม?” เจ้าอาวาสรู้แล้วว่าตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่น แต่เพราะนางเป็นผู้หญิงที่เขารักมาทั้งชีวิต เขาก็ไม่อยากเห็นนางต้องตาย “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องกังวล ตอนนี้ที่ท่านต้องกังวลคือตัวของท่านเอง” เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าอาวาสก็มองไปที่เซี่ยอีอีอยู่นาน จากนั้นจะหลุดหัวเราะออกมา “ตอนแรกคิดว่าหนีจากทางโลกแล้วจะ สามารถหนีได้ทุกสิ่ง ใครจะคิดว่าสวรรค์ไม่ยินยอม สุดท้ายแล้วก็ยังต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ......” เรื่องเล่าของเขายาวมาก แถมยังเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากด้วย จะพูดไปแล้วเขาก็เป็นผู้ชายน่าสงสารคนหนึ่ง นางเฉินซื่อเลือก ความสุขสบายทิ้งคู่รักที่โตมาด้วยกันอย่างเขา แต่ว่าเขาจะยินดีที่จะครองโสดตลอดชีวิต ขอแค่นางอยู่รอดปลอดภัย แต่ว่า เรื่องที่ทำให้ประทับคนอื่นกลับไม่สามารถทำให้เซี่ยอีอีประทับใจด้วยได้ ถึงนางจะไม่ใช่คนใจหินขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีความเห็นใจต่อคนที่คิดจะทำร้ายนาง “นางละโมบโลภมาก ทิ้งเจ้ากับลูกชายของเจ้า ตามหลักแล้วท่านควรจะเกลียดนางถึงจะถูกซิ แต่ว่าท่านกลับยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อนาง ท่านใช้สถานบรรพชิตปิดบังความชั่วของตัวเอง ท่านคิดว่าชาตินี้จะไม่มีใครรู้เห็นเลยหรือไง?” เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าอาวาสไม่พูดอะไร เขาก้มหน้า ท่าทางอ่อนลง เซี่ยอีอีเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา จากนั้นก็ได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังขึ้น หันหลังไปดู เห็นเจ้าอาวาสลุกขึ้นมา แล้วหยิบกรีซพุ่งเข้ามาที่นาง เซี่ยอีอีสะบัดมือ แล้วซัดเข็มเงินออกไปจากชายเสื้อสีดำ นางใช้มือหลบกรีซในมือของเขา คมมีดมันเชือดคอของเขาไป จากนั้นเขาก็ค่อยๆล้มลง เซี่ยอีอีจ้องไปด้วยความโหดเหี้ยม “ตายแล้วก็ยังไม่รู้จักแก้อีก” เห็นกรีซในมือยังมีเลือดหยดอยู่ นางโยนไปที่พื้นแรงๆ จากนั้นนางก็จากไป ณ จวนตระกูลเซี่ย ตงวี่ผลักประตูเข้ามา เห็นคนที่กำลังเอนหลังอยู่ข้างๆ ก็เรียกนางเบาๆ “คุณหนู องค์ชายสี่เสด็จมา” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีแค่ขยับตาแต่ไม่ลืมตา นางบิดขี้เกียจ “อืม เขาอยู่ที่ไหน?” “กำลังเดินมาที่เรือนของเรา” เงียบอยู่นาน เซี่ยอีอีก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “รู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ” ตงวี่ออกไปได้ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เห็นนางเอนตัวอยู่ เว่ยเฉินก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วถามว่า “อีอีเจ้าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วพูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไร” เว่ยเฉินค่อยๆพยุงนางขึ้นมา เห็นนางน้ำตาอาบใบหน้า ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด “ร้องซะขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก อีอีเจ้าอย่าปิดข้า มีอะไรพูดกับข้าตรงๆ หากมีใครรังแกเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด” น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดราวกับสายน้ำ นางก้มหน้าลง แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่เฉิน อีอีคิดดูแล้ว ที่จริงที่พระสนมซูเฟยตรัสก็มีเหตุผล อย่างแรกอีอีไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ อย่างที่สองข้าก็เป็นน้องสาวแท้ๆของท่านพี่ ทั้งสถานการณ์ทั้งเหตุผล ข้าไม่ควรแต่งงานกับท่านอีก ดังนั้น เรื่องนี้ก็จบแค่นี้เถอะนะ!” เมื่อพูดจบ เซี่ยอีอีก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนัก เห็นอย่างนั้นแล้วเว่ยเฉินก็เจ็บปวดใจมาก แต่ว่าเขาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ยังดีๆอยู่เลยทำไมจู่ๆนางถึงได้พูดแบบนี้ “มันเรื่องอะไรกัน? มีคนทำให้เจ้าลำบากใจใช่ไหม?” เห็นเซี่ยอีอีไม่พูดไม่จา เว่ยเฉินจับมือของนางแล้วดึงนางเข้ามาโอบ แล้วปลอบนางว่า “อีอีถ้าเจ้ามีอะไรไม่สบายใจเจ้าบอกข้าได้นะ เจ้าเสียใจขนาดนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม? ไม่ต้องร้องนะ เจ้าร้องไห้แบบนี้แล้ว ข้าจะทนได้ยังไง? เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ข้าจะช่วยแก้ปัญหาให้เจ้าเอง” สีหน้าเปื้อนน้ำตาที่ขนอยู่ที่หน้าอกของเว่ยเฉินตอนนี้กลายเป็นหน้าแบบร้ายๆ ดวงตาอันสงสารตอนนี้มีแต่ความโหดร้าย นางตอบกลับมาแบบง่ายว่า “พี่เฉินพูดจริงใช่ไหม? ท่านยอมทำทุกอย่างจริงหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้มมุมปากแบบร้ายๆ น้ำเสียงของนางตอนนี้ดูน้อยอกน้อยใจมาก “ถ้าข้าอยากให้ท่านหย่ากับท่านพี่ล่ะ?” รู้สึกได้ว่าตัวของเว่ยเฉินแข็งไป เซี่ยอีอีก้มหน้าลง “ทำไมพี่เฉินไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” เว่ยเฉินพยุงนางออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วมองตาของนาง เหมือนยืนยันอีกครั้งว่านางจริงจัง “เจ้าพูดจริงหรือเปล่า?” ขนตาที่เรียวยาวของนางเปียกชื้นไปหมด หน้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา “ท่านพี่เกลียดข้าเข้ากระดูกดำ พี่เฉินเองก็ใช่ว่าไม่รู้ เดิมข้าคิดว่าน่าจะคืนดีสามัคคีกับท่านพี่ได้ แต่ว่าเมื่อวานท่านแม่เรียกข้าไปตำหนิ บอกว่าต่อให้ข้าเข้าจวนองค์ชายสี่ได้ก็จะไม่มีความสุข พี่เฉิน ตำแหน่งพระชายาจริงๆแล้วมันควรเป็นของข้า ตอนนี้ข้าก็แค่อยากจะได้มันคืน มันผิดตรงไหนงั้นหรอ?” เซี่ยอีอีก็ไม่ใช่คนชอบตื้อ อะไรก็ตามที่ติดค้างนางเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน นางก็คิดบัญชีจบไปแล้วตั้งแต่เซี่ยวี่เสวียนแท้งลูก แต่ตอนนี้นางกลับเพิ่งพบว่า ความมีเมตตาของนางกลับแลกความสงบมาไม่ได้ แถมได้คืบจะเอาศอกอีก ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ งั้นก็อย่ามาโทษว่านางใจร้าย เว่ยเฉินนิ่งไปไม่รู้ควรตอบยังไง คำพูดของนางไม่ผิด ตำแหน่งพระชายาจริงๆแล้วมันควรเป็นของนาง แต่ว่าเซี่ยวี่เสวียนแต่งเข้าจวนมาตั้งห้าปีแล้ว เขาจู่ๆจะไปหย่าแบบนี้ได้ยังไงกัน? เห็นเขาลังเล เซี่ยอีอีก็ก้มหน้าร้องไห้อีก “เมื่อกี้พี่เฉินยังรับปากจะทำทุกอย่าง ตอนนี้กลับไม่อยากแล้วซะงั้น ข้าไม่ได้บอกให้ท่านหย่ากับคนทั้งจวนซะหน่อย ข้าแค่อยากได้ในสิ่งที่ข้าควรได้คืน มันทำให้ท่านลำบากใจขนาดนี้เลยหรอ? หากว่าคำพูดของข้ามันทำให้ท่านต้องลำบากใจขนาดนี้ ก็ช่างเถอะ ต่อไปเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องพบกันอีก” คำพูดง่ายๆกลับปลุกให้เว่ยเฉินที่กำลังลังเลตื่นขึ้น ต่อไปจะไม่ได้พบกันอีก เขาจะทนได้ยังไงกัน? แค่ไม่ได้เจอหน้าไม่กี่วัน เขาก็คิดถึงจนแทบบ้า หากต่อไปไม่ได้เจอกันอีก เขาไม่ต้องตายไปเลยหรอ! “อีอีเจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป เรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกทีได้ไหม? เซี่ยวี่เสวียนเอาตำแหน่งของเจ้าไป แต่ว่าในห้าปีมานี้นางก็ไม่ได้ทำอะไรผิดในฐานะนั้น หากจู่ๆไปหย่า ข้าจนปัญญาให้เหตุผลกับไต้เท้าเซี่ยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ขยับตัว แล้วสบัดมือออกแล้วพูดว่า “องค์ชายสี่ค่อยๆคิดดูก็ได้ ข้าไม่บังคับท่าน แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านคิดได้แล้วเราค่อยมาพบหน้ากัน ท่านกลับไปซะ!” “อีอี ......” เว่ยเฉินกำลังคิดอ้าปาก เซี่ยอีอีกลับไม่มองหน้าเขาอีก “เชิญองค์ชายสี่ อีอีไม่ส่งนะ” เว่ยเฉินไม่เคยเห็นนางใช้อารมณ์แบบนี้เลย ไม่ว่าจะเมื่อห้าปีที่แล้วหรือตอนนี้ นางรั้นแบบนี้ ทำให้เขาไม่รู้จริงๆว่าต้องรับมือยังไง “ก็ได้ ข้ากลับก่อน อีอีเจ้าสงบสติอารมณ์ก่อนนะ เรื่องนี้ข้าจะลองคิดหาวิธีดู เจ้ารอข่าวจากข้านะ” เห็นเว่ยเฉินจากไปแล้ว เซี่ยอีอีก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เปิดตา ดวงตากลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง กำลังคิดจะลุกขึ้น ก็เห็นมีคนเปิดประตูห้องอีก คิดว่าเว่ยเฉินเดินกลับมา นางกำลังปั้นหน้าน่าสงสารออกมา แต่นางกลับเห็นเป็นชายชุดดำเดินเข้ามา ด้วยความตกใจจึงลืมทำหน้ากลับ เว่ยหมิงเดินเข้ามาแล้วหยุด เห็นสีหน้าของนางน้อยอกน้อยใจ ก็รู้สึกเจ็บใจ “ร้องไห้หรอ?” “เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน แต่กลับไม่มีใครยอมตอบคำถามของอีกฝ่ายเลย ครู่หนึ่ง เซี่ยอีอีก็ลุกขึ้น แล้วเช็ดน้ำตา “เจ้ามาทำอะไร?” เขามาทำไม? ประโยคแบบนี้เหมือนจะเป็นการทักทายระหว่าเขากับนางไปแล้ว เว่ยหมิงขี้เกียจตอบคำถามแบบนี้ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้ ใช้มือยกคางของนางขึ้นมา มองไปที่ตาแดงๆของนางแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เว่ยเฉินเพิ่งกลับไป เจ้าก็ร้องไห้ บอกข้ามาซิว่าทำไม?” กับคนที่บ้าไร้มารยาทอย่างเขา ทำไมเซี่ยอีอีถึงยังทนไม่ใช้เข็มพิษจิ้มเขาให้ตายๆไปซะได้นะ นางเอี้ยวหัวหลบมือของเขา แล้วจ้องไปที่เขา “ก็แค่แสดงละคร ตกใจอะไรนักหนา ถามเจ้าอยู่นะ วันนี้ลมอะไรพัดเจ้ามาที่นี่ ได้ยินว่าเจ้าป่วย แต่ดูแล้ววเจ้าก็สบายดีนิ สงสัยยมทูตคงยังไม่อยากได้ตัวเจ้าไป” แสดงละคร? ถึงแม้เว่ยหมิงจะไม่รู้ว่านางแสดงละครอะไรอยู่ แต่ว่าการอธิบายแบบนี้เขารับได้ “รู้ว่าข้าป่วย ทำไมถึงไม่มาเยี่ยมข้าบ้าง?” เซี่ยอีอีอึ้งไป แล้วสูดลมหายใจเข้า พูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “ไปเยี่ยมเจ้าทำไม เจ้าก็ยังไม่ตายนิ หากทุกคนที่ป่วยข้าต้องไปเยี่ยมหมด ข้าคงยุ่งตายกันพอดี?” เห็นเว่ยเฉินไม่พูดไม่จา เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไงกัน?” เสียงหัวเราะเบา ความเบื่อหลายวันมานี้หายไปตอนที่ได้เจอนาง “หัวเราะอะไร” เซี่ยอีอีเบะปาก แล้วก็หันไปนั่งที่เก้าอี้ ท่าทางไม่สนใจใยดีอะไรเขา เว่ยหมิงหุบยิ้มแล้วไปนั่งข้างๆนาง เขายื่นมือออกไปแตะนาง แต่นางกลับสลัดทิ้ง “อย่าแตะต้องข้า สกปรก” มือที่ยื่นออกไปแข็งทื่อ เซี่ยอีอีเงยหน้ามองเขา “ไม่ได้หมายถึงเจ้า ข้าหมายถึงมือข้าสกปรก” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนางถึงได้พูดแบบนี้ แต่เว่ยหมิงดีใจมากที่นางอธิบาย เขาไม่ยอมให้นางหลบ ยังคงยื่นมือไปจับมือน้อยๆ ของนางเอาไว้ “มือคู่นี้ ไม่ว่าจะไปโดนอะไรมาก็ไม่สกปรกเลย” “บ้า” คำพูดดีๆแบบนี้ แต่เซี่ยอีอีกลับไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น คิดแล้วก็เก็บมือกลับไป แต่ว่าเว่ยหมิงก็ไม่ได้ปล่อยให้นางทำตามใจ “ทำไมต้องฆ่าเจ้าอาวาสวัดฝู๋ติ่งด้วย?” 
已经是最新一章了
加载中