ตอนที่ 56 บ้าคลั่งเพื่อนาง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 บ้าคลั่งเพื่อนาง
ต๭นที่ 56 บ้าคลั่งเพื่อนาง “ทำไมต้องฆ่าเจ้าอาวาสวัดฝู๋ติ่งด้วย?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนกลับดูหนักแน่นและมั่นใจ แต่จากคำพูดแล้วเขาไม่ได้ต้องการที่สืบสวน เซี่ยอีอีมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าถามอะไรแปลกๆ ทำไมถึงได้มั่นใจว่าข้าเป็นคนฆ่าเจ้าอาวาส เจ้ามองเห็นหรือ?” ได้ยินนางแก้ตัว เว่ยหมิงก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เขาหยิบกรีซที่นางทิ้งไว้เมื่อคืนออกมาวางที่โต๊ะ ไม่ให้นางได้มีโอกาสโต้แย้ง “ข้าเคยเห็นวี่เอ๋อมีกรีซแบบนี้เหมือนกัน กรีซเล่มนี้ทำได้อย่างละเอียด คิดว่าไม่ใช่ของที่ใครจะมีได้ เจ้าว่าใช่ไหม?” มองไปที่กรีซในมือของเว่ยหมิงครู่ใหญ่ เซี่ยอีอีก็หลบตา นางคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนละเอียดอ่อนขนาดนี้ กรีซเล่มเดียวจะทำให้เขาเห็นช่องโหว่ได้ “ใช่ ข้าเป็นคนฆ่าเขาเอง” “ทำไม?” เว่ยหมิงมาที่นี่ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่านางเป็นคนฆ่า แต่ว่าเป้าหมายของเขา ไม่ใช่แค่ให้นางยอมรับ เงียบไปครู่ใหญ่ เซี่ยอีอีก็เงยหน้าขึ้นมามองเว่ยหมิง “หากข้าบอกว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว เจ้าจะไม่ถามต่อได้ไหม?” เซี่ยอีอีรู้ดีว่า หากเว่ยหมิงตั้งใจมาถามหาความรับผิดชอบจากนาง คงไม่มาคนเดียว ในเมื่อเขามาคนเดียว ก็แสดงว่าไม่ได้จะมาทำอะไรนาง ส่วนที่เขาถามว่า ‘ทำไม’ ก็แค่ถามไปตามที่เขาสงสัยเท่านั้น ถึงแม้เขาไม่รับปากที่จะไม่ถาม แต่นางกลับยินดีที่จะเสี่ยงความเชื่อนี้กับเขา “ได้” คำง่ายๆที่เซี่ยอีอีคิดไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อนางได้ยินคำๆนี้จากปากของเว่ยหมิงเอง ในใจของนางกลับรู้สึกประทับใจและตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะอะไรที่ทำให้เว่ยหมิงยอมนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะอะไรทำไมเขาถึงได้โอนอ่อนผ่อนตามนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นางไม่คิดว่าตัวเองจะมีอะไรดีขนาดนั้น ยิ่งไม่คิดว่าตัวเองมีค่าพอที่จะให้เขาทำแบบนี้ นางขยับตัว คิดจะเก็บมือกลับมา กลับรู้สึกเว่ยหมิงบีบแรงขึ้น เซี่ยอีอีถอนหายใจ แล้วก็ปล่อยให้เขาทำตามใจเขาไป “เจ้ามาวันนี้อย่าบอกนะว่ามาเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว?” เว่ยหมิงเขี่ยมือของนางเล่น เห็นนางไม่ขัดขืน เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ายังอยากรู้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะไม่ยอมบอกอีกด้วยหรือเปล่า” เห็นมือใหญ่ๆที่จับมืออยู่อย่างเบาๆ เซี่ยอีอีกลับรู้สึกว่ามือของเขาอบอุ่นมาก นิ้วเรียวเล็ก ไม่เหมือนมือของคนทำสงครามเลยสักนิด เขาเหมือนจะชอบมือของนางมาก ทุกครั้งไม่จับไม่บีบก็ต้องมองตลอด “เรื่องอะไร? ลองว่ามาซิ” ดวงตาสีดำมองเข้ามาในตาของนาง เหมือนถูกล็อคเอาไว้ เพื่อไม่ให้นางหนีไปแม้แต่วินาทีเดียว เว่ยหมิงยิ้มเบาๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่เสื้อตนเองแล้วพูดว่า “ต้องเปลี่ยนยาแล้ว” มองไปที่แขนของเขา เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว พิษของเขาถอนออกไปหมดแล้ว เหลือแค่แผลทั่วไปหาหมอที่ไหนมาดูแลก็ได้ แต่ตอนนี้เขากลับทำให้มันรุนแรงมากถึงขนาดนี้ นางหลบตา เซี่ยอีอียังคงแข็งกระด้าง ไม่อยากจะสนใจเขา “ข้าไม่ใช่หมอ ทำไมเจ้าไม่ไปให้หมอรักษาล่ะ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เว่ยหมิงก็ยิ้ม แล้วดึงเสื้อลงมาแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่เป็นก็ไม่เป็นไร นอกจากเจ้า ข้าไม่ให้คนอื่นรักษา” “เจ้า ......” เซี่ยอีอีเงยหน้ามองไป อยากจะบีบเขาให้ตายเดี๋ยวนี้เลย ตาบ้านี่ สมองมีปัญหาหรือไง เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นได้ไง โตขนาดนี้แล้วมีลูกแล้วยังไม่รู้ตัวเลย เซี่ยอีอีลุกขึ้นด้วยความโกรธ สะบัดมือของเขาทิ้ง เมื่อเห็นดังนั้น เว่ยหมิงก็เตรียมรับมือกับการถูกไล่ตะเพิดกลับไป แต่ใครจะคิด เซี่ยอีอีกลับเดินไปที่ตู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ค้นอยู่พักใหญ่ เหมือนกำลังหาขวดยาอยู่ จากนั้นนางก็เดินกลับมาข้างๆเว่ยหมิง เซี่ยอีอีหยิบยาออกมาขวดหนึ่งแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างแรง เว่ยหมิงกำลังคิดว่าโต๊ะจะพังหรือเปล่า “ยื่นมือมา” หน้าของเซี่ยอีอีเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เห็นนางโมโห เว่ยหมิงก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ยาที่เซี่ยอีอีทาลงบนมือของเว่ยหมิงเย็นสบาย ยาตัวนี้ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้เขาเจ็บเหมือนคืนวันนั้น แต่เว่ยหมิงกับแน่ใจว่าเรื่องในคืนนั้นมันไม่ใช่ฝัน เขาเหลือบไปมองหน้าที่จริงจังของนาง เว่ยหมิงถอนหายใจ “ในเมื่อมาเยี่ยมข้า ทำไมไม่รอให้ข้าตื่นก่อนล่ะ?” เซี่ยอีอีเงยหน้าขึ้นมามอง สุดท้ายก็ยังคงใส่ยาให้เขาอย่างตั้งใจอยู่ จากนั้นก็บ่นพึมพำ “ทำไมต้องรอเจ้าตื่นด้วย? หลายวันมานี้ข้าก็ไม่ได้หลับดีๆเลย ใครจะรู้ว่าเจ้าจะตื่นมาตอนไหน เกิดเจ้าหลับไปหลายวัน ข้าไม่ต้องง่วงตายเลยหรือไง?” เหตุผลนี่มัน แถข้างๆคูๆชัดๆ! “งั้นทำไมเจ้ามาตอนดึกๆ แถมยังสวมชุดดำมาอีก เดินเข้าจวนอ๋องแบบเปิดเผยไม่ดีกว่าหรือไง?” ได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็เงยหน้าเหลือบไปมองเขา “เจ้ารู้อะไร ข้าทำแบบนี้เพราะข้าไม่ชอบทำให้ใครเห็น ไม่เหมือนเจ้ากับน้องชิงเอ๋อของเจ้าหรอก กลัวใครเขาไม่รู้หรือไงว่าเจ้าจะตายแล้ว” ในเวลาแบบนี้นางกลับพูดถึงจางชิงเอ๋อขึ้นมา เว่ยหมิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยิ้ม “หึง?” มือที่กำลังใส่ยาอยู่ของเซี่ยอีอีทันใดนั้นเองก็ออกแรงหนักขึ้น กดลงไปที่แผลของเว่ยหมิง ถึงแม้จะรู้ว่าความเจ็บแบบนี้จะไม่ได้ทำให้เว่ยหมิงเจ็บเท่าไหร่ แต่นางก็อยากทำ “คนที่หึงคือเจ้าไม่ใช่ข้า อย่าโยนมาให้ข้าสิ” เห็นนางลงมือ เว่ยหมิงก็ยิ้ม “ถูกต้อง ข้าไม่ได้ปฏิเสธ เจ้าเองก็อย่าปฏิเสธเลย” เซี่ยอีอีกัดฟันพันผ้าพันแผลให้เขา จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมขวดยาแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้บาดเจ็บแค่ที่แขน สมองเองก็คงกระทบกระเทือนไม่น้อย เจ้าน่าจะไปหาหมอตรวจให้ละเอียดก็ดีนะ คนที่ชอบคิดไปเองอย่างเจ้า ปกติข้าเรียกว่าคนบ้า” พูดจบ กำลังจะหันตัวกลับไปก็ถูกเว่ยหมิงดึงตัวกลับมา เซี่ยอีอีก็ไม่ได้ขัดขืน นางสะดุด แล้วก็ล้มมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เห็นท่าทางของเซี่ยอีอีที่รู้สึกตกใจ เว่ยหมิงอดหัวเราะไม่ได้ เขาใช้แขนโอบ ทำให้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยดิ้นไม่หลุด “บอกว่าเจ้ามันบ้าเจ้าไม่รังเกียจเลยหรือไง บ้าไปแล้วจริงๆหรอเนี้ย?” เว่ยหมิงขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “บ้าเพราะเจ้าคนเดียวนั่นแหละ” คำพูดแบบนี้เหมือนกำลังประชดเซี่ยอีอี นางรีบพูดว่า “หยุดเลย มีอะไรก็อย่าโยนมาที่ข้าได้ไหม ข้าอยู่เฉยๆของข้าก็ดีอยู่แล้วไม่อยากจะได้ชื่อว่าทำให้ท่านอ๋องเป็นบ้าหรอกนะ” “เอ๋? เจ้าก็กลัวเป็นด้วยหรอ?” เซี่ยอีอีมองกลับไป ยิ้มแล้วพูดว่า “กลัว ต้องกลัวสิ ข้าเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ใครก็ตามที่อยู่ในเมืองหลวงก็สามารถกำจัดข้าได้ทั้งนั้นแหละ ดังนั้นขอท่านอ๋องได้โปรดให้ข้าลุกขึ้นได้ไหม?” ผู้หญิงธรรมดา? เรื่องนี้ก็จริง เว่ยหมิงดึงคนดื้อแบบนี้มาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะให้นางปล่อยไปง่ายๆได้ไง? มือที่โอบนางเอาไว้ไม่ปล่อย แถมยังรัดแน่นกว่าเดิม “ถ้าข้าไม่ปล่อย เจ้าจะทำอะไร?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ไม่ได้โกรธอะไร ยื่นมือไปโอบคอของเขา ยิ้มแล้พูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ปล่อย แล้วข้าจะไปทำอะไรได้? หากเจ้าอยากจะกอดข้า ข้าก็จะให้เจ้ากอด รอเจ้ากอดจนเหนื่อยแล้วเดี๋ยวเจ้าก็ปล่อยเอง” ริมฝีปากของนางอยู่ในระนาบเดียวกับสายตาของเขา เว่ยหมิงตกอยู่ในภวังค์ เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็หัวเราะเบาๆ “ดูท่าท่านอ๋องหยงดูจะชอบข้ามาก แต่ว่าข้าขอเตือนว่าปล่อยข้าซะดีๆ ไม่งั้นเจ้าจะเดือดร้อน” เว่ยหมิงเงยหน้ามามอง แล้วสบตากับนาง ตอนแรกยังไม่เข้าใจนางหมายความว่ายังไง แต่ก็ได้ยินเสียงดังจากนอกประตูกำลังใกล้เข้ามา ภายในจวนตระกูลเซี่ย คนที่รีบร้อนได้ขนาดนี้ เกรงว่าคงมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือพี่ชายแท้ๆของนางเอง แต่ว่าอยู่ห่างขนาดนี้ แม้แต่เขาก็ไม่รู้ นางกลับได้ยินก่อน นางทำให้เขานับถือจริงๆ “ท่านอ๋องหยง? ทำไมเป็นท่าน?” เซี่ยหวินเทียนเดินเข้าไปเห็นเว่ยหมิง เขาได้ยินว่าคนที่มาคือเว่ยเฉินนี่นา ทำไมคนที่นั่งอยู่ในห้องถึงเป็นเว่ยหมิง? บ่าวไพร่พวกนั้นต่อให้โง่ คงไม่โง่ถึงขนาดแยกไม่ออกหรอกมั้ง เซี่ยอีอีลงมาจากเตียง มองไปที่เว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆโต๊ะ “ท่านพี่ รีบร้อนแบบนี้คิดจะทำอะไร? ท่านอ๋องหยงเสด็จมาถึงที่ ท่านกำลังทำให้แขกคนสำคัญตกใจนะ” เซี่ยหวินเทียนมองไปที่เซี่ยอีอีด้วยความสงสัย เห็นเว่ยหมิงอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ลืมว่าตอนที่เซี่ยอีอีแม่ลูกถูกรังแกในวัง เขายืนดูอยู่เฉยๆ “ไม่ทราบท่านอ๋องเสด็จมาถึงจวนมีเรื่องอันใด? ยังไงซะอีอีของเราก็เป็นผู้หญิง ชายหญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองคนเกรงว่าจะไม่เหมาะ หากท่านอ๋องไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็เชิญกลับเถอะ” คำพูดนี้โดนใจเซี่ยอีอีมาก นางหันไปมองเว่ยหมิง ใช้สายตาท้าทาย เห็นเว่ยหมิงยิ้ม แล้วลุกขึ้นว่า “อะไรที่ควรพูดข้าพูดไปหมดแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นอีก ข้าขอตัวกลับก่อน ไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่” พอเว่ยหมิงบอกว่าไว้ค่อยมาหาใหม่ เซี่ยอีอีก็ไม่ได้บอกว่าได้ หรือว่าไม่ได้นางก้มหน้า รู้ว่าเขาจะไปก็ไม่ได้บอกลาหรืออะไรที่บ่งบอกว่าส่งเลย “เขามาทำไม? แถมยังปิดห้องคุยซะมิดชิด ไม่กลัวคนเอาไปพูดหรือไง” เว่ยหมิงเพิ่งออกไปไม่นาน เซี่ยหวินเทียนก็ตำหนิเซี่ยอีอียกใหญ่ แต่ว่าตำหนินางเพื่ออะไร? ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่รู้ที่อยากจะให้พวกเขาได้กัน ตอนนี้ทำไมกลายมาเป็นแบบนี้? เซี่ยอีอีมองเซี่ยหวินเทียน จากนั้นก็พูดว่า “จะพูดอะไรก็พูดไปสิ ตอนนี้ข่าวลือเรื่องข้าน้อยหรอ?” นางไม่คิดเผื่อตัวเองเลย แต่ว่าเซี่ยหวินเทียนไม่ช่วยนางคิดไม่ได้ เขาขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจว่า “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงซะเจ้าก็เป็นผู้หญิง ต่อไปก็ต้องแต่งงาน ข่าวพวกนี้มีน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เลี่ยงได้ก็เลี่ยง” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ตาโต ใช้สายตาแบบเจอผีมองเซี่ยหวินเทียน “อะไรนะ? แต่งงาน? ท่านพี่ ท่านคงไม่ได้คิดจะทำอะไรอีกใช่ไหม?” เซี่ยหวินเทียนยื่นมือไปเคาะที่หัวของนางเบาๆ “ข้าไม่ใช่เจ้า ข้าแค่จะบอกเจ้าว่า คืนนี้เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปพบคนๆหนึ่ง” เซี่ยอีอีนวดหัว แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “พบคนๆหนึ่ง? พบใคร?” “เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าก็รู้” วันถัดมา เดินอยู่นาน ผ่านตลาดผู้คนพลุพร่าน แต่ว่ายิ่งเดินคนยิ่งลดหายไป “ท่านพี่ท่านบอกว่าจะพาข้ามาพบคนๆหนึ่งไม่ใช่หรอ? แต่ว่าที่นี่ ...... ท่านแน่ใจนะว่ามีคน?” เซี่ยอีอียังถือว่าไว้หน้า เห็นข้างๆมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า นางแอบคิดในใจว่า ที่นี่แม้แต่ผีก็น่าจะขี้เกียจมา เซี่ยหวินเทียนแอบยิ้ม แล้วเดินไปเคลียเส้นทางให้นาง “ระวัง ไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว คิดๆดูแล้ว ก็น่าจะแปดปีได้” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว ไม่มีใครมาแล้วแปดปี หรือว่าเขาจะพานางมาไหว้ใคร? เมื่อเดินผ่านป่าไป ก็เห็นกระท่อมหลังหนึ่ง ในนั้นร้างมาก เซี่ยอีอียิ่งไม่เชื่อว่าเซี่ยหวินเทียนจะพานางมาเจอคนเป็น เมื่อเดินเข้ารั้วบ้านมา เซี่ยหวินเทียนก็มองไปรอบๆ “อีอี เจ้าเดินเล่นก่อนนะ ข้าจะไปดูว่าเขาไปไหน” เห็นเซี่ยหวินเทียนเดินหายไป เซี่ยอีอีก็จับหัว แล้วบ่นว่า “จะไปเดินตรงไหนได้ล่ะเนี้ย? มีแต่หญ้า” ภายในบ้านมีต้นไผ่กอหนึ่งขึ้นทับสลับกันเป็นชั้นๆ เซี่ยอีอีเดินเข้าไปดูด้วยความแปลกใจ แล้วหยิบกิ่งมันขึ้นมาดม “ฮว๋าเที่ยอู? ทำไมที่นี่ถึงมีฮว๋าเที่ยอู?” จากนั้นนางก็วางสมุนไพรลง แล้วเดินไปดูที่อื่น นางตกใจแล้วพบว่าสมุนไพรที่นี่เป็นของหายากทั้งนั้น บนภูเขาแสงแดดส่องถึง แต่ว่าสมุนไพรพวกนี้มันจะโตในที่ชื้น บางอย่างโตในอากาศหนาว แต่ว่าทำไมมันถึงมาขึ้นที่นี่ทั้งหมดล่ะ? เซี่ยอีอีหยิบมันขึ้นมาอีก ไม่ต้องใช้แค่ดมก็รู้ว่ามันคืออะไร “หญ้าหยินหยาง เรามีวาสนาต่อกันจริงๆ แต่ว่าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นหยินหรือหยาง” “หยิน” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแก่ๆเสียงหนึ่งดังขึ้น เซี่ยอีอีตกใจ ที่นี่แม้แต่คนยังไม่มี คงไม่ใช่ว่าเจอผีเข้าให้แล้วนะ? นางค่อยๆหันหลังไป เห็นชายแก่คนหนึ่งลูบหนวดยืนอยู่นอกบ้าน ชายแก่ยืนมองเซี่ยอีอีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดชื่นชมว่า “เจ้าอายุยังน้อยแต่กลับรู้เรื่องสมุนไพรมาก ไม่ธรรมดาเลยนะ!” คำชื่นชมเซี่ยอีอีได้ยินมาเยอะแล้วในยุคสมัยเดิมของนาง แต่คำชื่นชมของชายแก่คนนี้ ทำไมนางถึงไม่รู้สึกว่ายินดี คิ้วขมวด แล้วสอบถามกลับไปว่า “เจ้าเป็นใคร?” “ข้ากูสวี เป็นแค่หมอเพเนจร แม่นางเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” ชายแก่ไม่ได้สนใจความไม่มีมารยาทของนาง เพียงแค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้รู้เรื่องสมุนไพรหายากเยอะมาก เซี่ยอีอีเงียบไปครู่ใหญ่ กูสวี? ทำไมคุ้นหูจัง แต่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน ในเมื่อผู้เฒ่าบอกชื่อตัวเองมาแล้ว เซี่ยอีอีก็ไม่อาจจะเสียมารยาทแบบนี้ต่อไปอีก “ข้าน้อยมากับ ......” “ท่านตา!” เสียงตะโกนดังขัดคำพูดของเซี่ยอีอี ชายแก่หันหน้าไปมองคนที่กำลังเดินมา สีหน้าแก่ๆของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เจ้านี่เอง ข้าก็ว่าอยู่ ข้าไม่ได้กลับมาตั้งแปดปี จะมีใครมาที่นี่ได้ยังไง” “ท่านตาไปไหนมา? ข้าตามหาแทบแย่” เซี่ยหวินเทียนยิ้มแล้วถาม กูสวีไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยหวินเทียน เขาหันไปมองเซี่ยอีอี แล้วถามว่า “เจ้าพาเด็กคนนี้มาด้วย? แต่งงานแล้วหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็เบะปาก เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เซี่ยหวินเทียนกลับหลุดหัวเราะออกมา “ท่านตาท่านเลอะเลือนไปแล้วหรอ? ท่านดูให้ดีๆก่อนว่านางเป็นใคร?” คำพูดนี้ทำให้กูสวีรู้สึกมึนงง เขามองไปที่เซี่ยอีอีอีกครั้ง เขามองอย่างละเอียด “เด็กสาวคนหนึ่ง ข้าไม่รู้จัก เทียนเอ๋อ หากไม่ใช่เมียเจ้า หรือว่ายังไม่เข้าพิธีหรอ?” เมื่อได้ยินดงันั้น เซี่ยอีอีลมแทบจับ เซี่ยหวินเทียนเรียกเขาว่าท่านตา งั้นหรือว่าจะเป็นตาของนาง? แต่ว่า ทำไมนางถึงมีตาโง่ขนาดนี้เนี้ย? เซี่ยอีอีโยนสมุนไพรไปด้านหลัง เพราะมันไม่ใช่สมุนไพรที่นางต้องการ แต่กูสวีกลับรู้สึกเจ็บปวดใจ ของนั่นเขาท่องเที่ยวแปดปีกว่าจะได้มาสักต้น จะมาให้นางโยนแบบนี้ได้ยังไง? เซี่ยอีอีเดินไปขวางกูสวีเอาไว้ กูสวีสนใจแค่สมุนไพรของเขา ไม่ได้สนใจนางเลย เซี่ยอีอีมือกอดอก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจนาง ก็ยังพูดว่า “ข้าชื่อเซี่ยอีอี ไม่ใช่ภรรยาของท่านพี่” กูสวีพยักหน้า เหมือนไม่ได้ยินว่านางพูดอะไร จากนั้นก็เดินไปตรวจดูสมุนไพรของตัวเอง กำลังจะก้าวเท้าเดินก็หยุด เขาค่อยๆหันไปมองเซี่ยอีอี มองอยู่นาน เขาถามด้วยความคาดไม่ถึงว่า “เจ้า ...... เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าเป็นใคร?” ในที่สุดเขาก็เหมือนจะคิดขึ้นมาได้ เซี่ยอีอียิ้ม “ข้าชื่อเซี่ยอีอี หากข้าจำไม่ผิด ท่านก็น่าจะเป็นท่านตาของข้า” สีหน้าของกูสวีดูตกใจแบบคาดไม่ถึง เขาหันไปมองเซี่ยหวินเทียน เห็นเซี่ยหวินเทียนยิ้ม แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี เขาไม่ได้เจอหลานสาวของเขามาแปดปีแล้ว แต่ว่าเท่าที่เขาจำได้เจ้าเด็กคนนี้สมองไม่ปกติตั้งแต่เด็ก แต่ว่าสาวน้อยคนนี้ ดูยังไงก็ปกติ ไม่เห็นเหมือนคนสมองไม่ดีเลย? กูสวียื่นมือไปจับชีพจรของนาง เซี่ยอีอีก็ไม่ได้ตื่นเต้นกังวลใดๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง กูสวีค่อยๆผ่อนคลายสีหน้าลง เขาเงยหน้าไปมองเซี่ยอีอี ตกใจแล้วส่ายหน้า “ไม่อยากจะเชื่อเลย เด็กน้อย เจ้าผ่านอะไรมาบ้าง?” 
已经是最新一章了
加载中