ตอนที่ 64 จับนางกลับมา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 64 จับนางกลับมา
ต๭นที่ 64 จับนางกลับมา กลางดึกของคืนที่มีพระจันทร์เสี้ยว บรรยากาศทำให้คนรู้สึกเงียบเหงา ปกติเหว่ยหมิงเป็นคนตื่นง่าย บวกกับเซี่ยอีอีนอนไม่ตื่นมาหลายวันแล้ว จู่ๆก็มีเสียงอะไรบางอย่างทำให้เขาตื่น แสงเทียนสลัว เหว่ยหมิงลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่คนที่นอนอยู่สี่วันแล้วไม่ยอมตื่น “ตื่นแล้วหรอ?” เขาใช้มือใหญ่ๆของเขาลูบไปที่ผมของนาง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนางบ่นพึมพำว่า: “อย่ามากวนได้ไหม ซูซิงเฟิง” เพิ่งจะฉีกยิ้มก็หุบหน้าแข็ง สายตาสุ่มไปด้วยกองเพลิง นางเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นตอนที่ฝันอยู่ ถึงแม้จะได้ยินไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่จะต้องเป็นเขาแน่ๆ “เขามาแล้วจริงหรอเนี้ย” เหว่ยหมิงจับคางของนางเอาไว้ แล้วกัดฟันแน่นเหมือยเขาผุดออกมาจากนรก ความเจ็บของคางทำให้ให้เซี่ยอีอีค่อยลืมตาขึ้นมา หน้าของคนๆนั้นค่อยๆชัดขึ้น ตอนที่นางเห็นคนๆนั้นคือเหว่ยหมิง นางก็ตกใจ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เจ้า ...... ทำไมถึงเป็นเจ้า?” เหว่ยหมิงไม่ได้สนใจกับความตกใจของนาง ยิ่งไม่ได้ไปตอบคำถามอะไรของนางด้วย ตามหานางตั้งหลายวันเฝ้านางก็หลายคืน พอนางรู้สึกตัวกลับเรียกชื่อของชายคนอื่น ความโกรธมันเพิ่มพูนขึ้น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจ้องไปที่นาง “เจ้าหายไปหลายวันเพราะเขาหรอ?” “บ้าหรือเปล่า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร” เซี่ยอีอีคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ตัวเองตื่นขึ้นมาจะเจอเขาเป็นคนแรก แล้วคำพูดแปลกๆของเขาทำให้นางมึน ด้วยความโกรธ เขามองว่าคำพูดของนางมันคือคำกแก้ตัว จูบอันร้อนแรงก็ประกบลงไปที่ปากของนางเพื่อเป็นการลงโทษ เซี่ยอีอีอึ้งไป รู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก นางไม่ได้ขัดขืน ถึงแม้การกระทำของเขานางจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ในใจของเซี่ยอีอีเองก็รู้สึกอุ่นใจและสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ว่าสายตาที่เจ็บปวด มันยังคงค้างคาอยู่ในใจของนาง มืออ่อนๆของนางโอบไปบนคอของเหว่ยหมิง การตอบรับของนางทำให้เขาลืมความโกรธไปจนหมด แล้วดื่มด่ำกับความสุขที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือหลอก ลมหายใจที่แรงขึ้น ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ครุมเครือนี้จู่ๆก็มีเสียงเล็กๆพูดออกมาว่า “อย่า ......” เดิมเซี่ยอีอีใส่แค่เสื้อตัวในเท่านั้น แต่ตอนนี้นางไม่ได้ใส่อะไรเลย มีแค่ผ้าแพร่หนึ่งผืนกั้นอยู่แต่ในตอนนี้มีมือใหญ่ๆมือหนึ่งยื่นเข้ามาด้านใน สายตาดูวิงวอนอ้อนวอนมากๆ ความโกรธของเหว่ยหมิงหายไปตอนไหนไม่รู้ ตอนนี้เห็นนางไม่ได้มีความไม่พอใจอะไร มือใหญ่ๆของเขาก็โอบไปที่เอวของนาง แล้วมองไปที่สายตาคู่นั้นที่ไม่ได้เห็นมานาน เขาหลุดยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ข้าคิดถึงเจ้า” คำสั้นๆง่ายๆแต่เหมือนเข็มแหลมที่ทิ่มแทงเข้าไปที่ใจของนาง มันทลายกำแพงในใจของนางให้เขาได้เดินข้ามา “ข้าก็คิดถึงเจ้า” นางยอมแพ้แล้ว นางยอมรับว่าได้พ่ายแพ้ให้กับชายคนนี้ นางไม่รู้เหมือนกันว่าใจของนางมีเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลายวันมานี้นางเองก็คิดถึงเขาอยู่หลายครั้ง นางไม่เข้าใจทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ แต่นางก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้ก้าวข้ามอุปสรรคในใจของนางได้จนหมด โดยไม่ต้องรอให้นางอนุญาต เหว่ยหมิงไม่เคยคาดหวังว่านางจะพูดอะไรแบบนี้ แต่วันนี้กลับได้ยิน ทำให้เขาตกใจมาก “เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็อดขำไม่ได้ “ข้าบอกว่าข้าคิดถึงเจ้า” หากบอกว่าเหว่ยหมิงไม่โกรธแล้ว แต่ในตอนนี้คำพูดของนางทำให้เขารู้สึกว่าการรอคอยของเขาหลายวันนั้นมันคุ้มค่า นางคิดถึงเขา ในที่สุดนางก็ยอมรับใจเขาแล้ว ค่ำคืนที่ยาวนาน คนสองคนที่นอนอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้หลับ เซี่ยอีอีซบอยู่บนหน้าอกของเหว่ยหมิง สายตามองไปมองมา แล้วเหมือนเพิ่งจะคิดได้ว่าที่นี่คือที่ไหน “ข้าอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เหว่ยหมิงดึงมือของนางออกมา เมื่อได้ยินนางเอ่ยปาก เขาก็ยิ้ม “อุ้มมา” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา แล้วพูดว่า: “สงสัยข้าคงต้องบอกท่านพี่ให้หายอดฝีมือมาเฝ้าที่เรือนซะแล้ว ไม่งั้นเกิดมีคนใคร ฉวยโอกาสที่ข้าหลับแอบไปอุ้มข้ามาอีกจะทำยังไง?” คำพูดนี้ทำให้เหว่ยหมิงหลุดยิ้ม เขาหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆแล้วพูดว่า: “ทำไมต้องวุ่นวายแบบนั้นด้วย ในจวนของข้าก็มียอดฝีมือมากมาย ทำไมเจ้าไม่คิดจะย้ายมาดูบ้างล่ะ?” ย้ายมา? งั้นก็โดนเขากินหัวน่ะสิ? เซี่ยอีอียิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร นางขยับหัว หาที่ที่รู้สึกสบายแล้วซบไป นี่มันคือการปฏิเสธอย่างไม่ต้องสงสัยเหว่ยหมิงดูออก ส่วนเขาก็ไม่ได้คาดหวังมากอยู่แล้ว “หลายวันมานี่เจ้าไปไหนมา?” “ออกไปนอกเมืองมา” “ออกนอกเมือง? ออกนอกมเมืองไปทำอะไร?” เหว่ยหมิงไม่คิดว่านางจะออกนอกเมือง เพราะเด็กๆยังอยู่ในเมือง เขาจะไปคิดได้ไงว่านางจะวางใจ มิน่าเขาแอบส่งคนไปสืบข่าวของนางยังไงก็ไม่เจอ ดูท่าแล้วเขาคงยังไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงคนนี้ เซี่ยอีอีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาว่า: “เจ้าคิดจะสืบความเคลื่อนไหวของข้าหรืออยากจะควบคุมข้า? เหว่ยหมิง ข้าขอบอกเจ้าเลยนะ เจ้าจะชอบข้าก็ได้ แต่เจ้าจะมาบังคับให้ข้าบอกทุกอย่างกับเจ้าไม่ได้ ข้ามีเรื่องที่ข้าต้องทำ ข้อนี้เจ้าห้ามข้าไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีเจ้าจะต้องคุ้นเคยกับการหายตัวไปของข้า” นางยินดีที่จะพูดออกมาตรงๆข้อนี้เขาดีใจมาก แต่ว่าให้เขาคุ้นเคยกับการหายตัวไปของนาง ข้อนี้เขาทำไม่ได้ เขางอข้อศอก เหว่ยหมิงโอบตัวนางมาไว้ในอ้อมกอด “ข้ายอมให้เจ้าทำเรื่องของเจ้าได้ เจ้าไม่ยอมบอกข้าก็ไม่บังคับ แต่มีข้อหนึ่ง เจ้าห้ามหายไป เจ้าบอกข้าได้ว่าเจ้าจะออกไปข้านอก แต่ห้ามหายไปไหนเงียบๆ ข้าจะเป็นห่วงข้าจะร้อนใจ เจ้าเข้าใจไหม?” เซี่ยอีอีพยักหน้า นางไม่สามารถรับปากได้ว่าจะทำได้ แต่ในตอนนี้นางกลับยินดีที่จะรับปากเพื่อปลอบขวัญเขา เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นห่วงแล้วก็ร้อนใจมันทำให้นางเองก็ไม่สบายใจ “เราไปขอพระราชทานการแต่งงานกับเสด็จแม่กันเถอะนะ!” เมื่อได้ยินเหว่ยหมิงพูดเรื่องเดิมซ้ำขึ้นมาอีก เซี่ยอีอีก็นิ่งไป นางยอมรับใจตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ไม่กังวลเรื่องที่ตัวเองเคยกังวลเอาไว้ อุดมการณ์ของนางยังคงอยู่ นางไม่คิดจะทิ้งอิสระของเพียงแค่เพราะหวั่นไหว “ให้เวลาข้าอีกหน่อยได้ไหม ขอข้าคิดดูก่อน” เสียงเบาๆ แต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองคนที่รออยู่ นางไม่อยากโกหกเขา แต่นางยิ่งไม่อยากหลอกตัวเอง นอกเหนือจะขอผ่านไปก่อนคงไม่มีทางเลือก น้ำเสียงที่ดูไม่แตกตื่นของเซี่ยอีอีไม่ได้ทำให้เหว่ยหมิเอะใจอะไร นางเปลี่ยนจากการปฏิเสธมาเป็นขอคิดก็ไม่ง่ายแล้ว เขาไม่บังคับให้นางต้องเปลี่ยนอะไรอีก เขายินดีที่จะรอนางค่อยๆเปลี่ยน จนกว่าจะถึงวันนั้น เซี่ยอีอีลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เหว่ยหมิงก็กลับมาจากการประชุมเช้าแล้ว นางมองไปที่เสื้อผ้าที่อยู่ริมเตียงที่เตรียมเอาไว้แล้ว ก็ขมวดคิ้วเบาๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะใส่มัน “เป็นอะไรไป?” เห็นนางไม่ขยับ เหว่ยหมิงก็ถามอย่างแปลกใจ เห็นชุดสีเขียว เซี่ยอีอีก็นึกถึงจางชิงเอ๋อเป็นคนแรก ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวเบาๆ นางมองไปที่เสื้อผ้าชุดนั้นแบบรังเกียจแล้วพูดว่า: “ข้าไม่ชอบเสื้อผ้าชุดนี้” เขามองไปที่เสื้อผ้าชุดนั้น เหว่ยหมิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก “ตงหมิง ให้คนไปซื้อเสื้อผ้ามาใหม่ซิ เอาสีขาวนะ” “พะยะค่ะ” ที่นอกประตู ตงหมิงรู้สึกแปลกใจ เสื้อผ้าชุดนั้นเขาเพิ่งจะซื้อมันกลับมา ทำไมถึงให้ไปซื้อใหม่ล่ะ? เซี่ยอีอีเองก็ไม่ได้อยากจะทรมานเขา ใครบอกให้เขาไม่เอาเสื้อผ้าของนางมาด้วยตอนที่อุ้มนางมา ต่อให้เขามีเงินมากพอที่จะซื้อ แต่เขาไม่ได้สังเกตเลยหรอว่านางใส่ชุดสีขาวตลอด แต่ก็ยังเอาสีเขียวมา น่าแปลกจริงๆ “ข้าจะสั่งคนเตรียมอาหารให้เจ้า เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะอย่าไปไหน” กับผู้หญิงแล้ว เหว่ยหมิงไม่ถนัดจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเซี่ยอีอีไม่พอใจเขา และก็เพราว่าเขาไม่รู้ ดังนั้นก็เลยเปิดโอกาสให้เซี่ยอีอีออกลายได้ อาศัยช่วงที่เหว่ยหมิงออกไป เซี่ยอีอีใช้ผ้าคลุมที่เหว่ยหมิงใช้ “อุ้ม” นางมาคลุมแล้วเดินออกไป ...... เมื่อมาถึงสวนไผ่นางไม่เห็นใครเลย เซี่ยอีอีมองไปรอบๆ เห็นถ้วยชุดชายังตั้งอยู่ ก็รู้ว่าคนๆนั้นน่าจะอยู่ไม่ไกล “ในที่สุดก็ตื่นสักที” เสียงอันอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เซี่ยอีอีหันไปมอง เห็นหงอียืนอยู่ กำลังยกกระถางต้นไผ่ต้นหนึ่งเดินมาจากด้านนอก เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้มทักทาย: “เจ้าใช้ชีวิตสบายใจดีนะ วันๆก็เป่าขลุ่ยปลูกต้นไม้ มีความสุขดีจริงๆ” หงอียิ้ม เหลือบไปมองนางด้วยความตัดพ้อ “มีความสุขคงเทียบเจ้าไม่ได้หรอก หลายวันมานี่คนทั่วทั้งจวนหยงอ๋องต้องตื่นตูมเพราะเจ้าคนเดียวเลย แต่เจ้ากลับนอนหลับสบายใจเต็มๆสามวัน ท่านหยงอ๋องหน้านิ่ง คนทั้งจวนก็หายใจไม่ทั่วท้องเลย เมื่อวานนี้ยังไปเชิญท่านหมอมาตรวจเจ้า ข้ากำลังคิดอยู่ว่า หากเจ้ายังไม่ตื่นอีก ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องวุ่นวายแน่นอน” ถึงแม้เซี่ยอีอีจะรู้สึกจนปัญญากับการกระทำของเหว่ยหมิง แต่ว่าในใจลึกๆก็รู้สึกดีใจ เห็นหน้าของนางเหมือนจะเขินอาย หงอีก้มหน้าไปมอง “ดูไปแล้ว เจ้าคงเลือกแล้วซินะ?” ย้อนกลับไปครั้งแรกที่พวกเขาพูดถึงเหว่ยหมิงกัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ามันแทบปิดไม่อยู่ หงอีวางไม้ไผ่วางลง เช็ดๆมือ แล้วก็นั่งลงตรงข้ามกับเซี่ยอีอี เขารินชา ยังไม่ทันได้หยิบยื่นให้เซี่ยอีอีนางก็ดึงเอาไปแล้ว หงอีมองไปที่น้ำชา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เซี่ยอีอียกถ้วยชาขึ้นมาดม แล้วพูดว่า: “ข้าเคยพูดไปแล้ว ข้าไม่เคยต้องเลือกอะไร” เมื่อได้ยินดังนั้น หงอีก็แค่ยิ้ม จากนั้นก็ยกชามาดื่ม “ดูท่า นายน้อยของเราจะต้องผิดหวังซะแล้ว” เมื่อพูดถึงซูซิงเฟิง เซี่ยอีอีก็วาถ้วยชาลง: “เห้อ จริงสิ เรื่องที่ข้าอยู่ที่จวนหยงอ๋อง ซูซิงเฟิงรู้หรือเปล่า?” หงอีส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าจะกล้าบอกเขาได้ยังไง? เกิดเขาทนไม่ได้บุกเข้ามา เจ้าบอกข้าทีว่าข้าควรจะช่วยเขาไหม?” ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เซี่ยอีอีก็วางใจ เห็นดังนั้น หงอีก็ขมวดคิ้วแล้วเตือนสตินางว่า: “ถอนหายใจเพราะเบาใจนี่เร็วไปหน่อยไหใ เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า เรื่องนี้ปิดไม่ได้นาน วันหนึ่งกงจื่อซูก็ต้องรู้” คำพูดนี้เหมือนเซี่ยอีอีจะไม่ได้ให้ความสำคัญ นางยกถ้วยชาขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เขารู้แล้วยังไง? ข้าก็ไม่ได้กลัวเขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาคนนั้นนิสัยน่ารำคาญ ข้าไม่อยากให้เขาวุ่นวายก็เท่านั้น” “วุ่นวาย?” หงอีรู้สึกว่าการปิดบังเอาไว้จะทำให้ไม่วุ่นวาย ไม่แน่อาจจะแย่ยิ่งกว่า แต่ว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของนาง เขาเป็นคนนอกก็พูดอะไรไม่ได้มาก อีกอย่างนางก็ไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว เขาพูดก็เหมือนไม่ได้พูด “เซี่ยอีอี ------” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทั้งสองตกใจ เซี่ยอีอีลุกขึ้น ไม่ระวังทำให้น้ำชาหกออกมา เหว่ยหมิงเดินเข้ามา สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจ เขาดึงเซี่ยอีอีมา แล้วเอามือวางที่หน้าผาก เมื่อเห็นนางไม่มีไข้ก็เบาใจ “เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เมื่อได้ยินดังนั้น เหว่ยหมิงก็จ้องไป “ข้าควรจะถามเจ้ามากกว่า อากาศเย็นขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่อยู่ที่ห้อง ออกมาทำอะไร?” ประเด็นคือออกมาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่กลับตั้งใจออกมาเจอผู้ชาย ถึงแม้หงอีจะเคยบอกว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับนาง แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาต้องระวัง “ในห้องมันอุดอู้ ก็เลยออกมาสูดอากาศ” เห็นสองคนนี้เป็นแบบนี้ หงอีก็ยิ้ม เรื่องวุ่นวายบทจะมาก็มา จงอางหวงไข่อย่างท่านหยงอ๋อง หากให้เขารู้ว่าบนโลกนี้ยังมีกงจื่อซูอีกคนที่ชอบเซี่ยอีอีมาหลายปี เขาทนได้ก็แปลกแล้ว “ไปเถอะ เจ้านอนมาตั้งหลายวันไม่หิวหรือไง?” เซี่ยอีอีพยักหน้า นางก็หิวจริงๆแหละ กำลังคิดจะหันหลังไปลาหงอี แต่คนๆนั้นกลับไม่ให้โอกาสนางเลย เขาใช้มือของเขาดึงมือนางไปเลย หลังกินข้าว เซี่ยอีอีสวมชุดใหม่ออกมาจากห้อง เดินจัดชุดมาตลอดทางแบบไม่มั่นใจ: “ซื้อเสื้อผ้าอะไรมา ชุดที่ข้าใส่ตอนท้องเด็กสองคนนั้นยังไม่ใหญ่เท่านี้เลย” “ไม่ไปไม่ได้หรอ?” เหว่ยหมิงไม่ค่อยสบอารมณ์มองไปที่คนที่กำลังจะไป ในใจรู้สึกไม่อยากให้เขาไปเลย “ข้าอยู่นี่มาสามวันแล้ว หากไม่กลับไป คนอื่นจะว่าเอาได้” เซี่ยอีอีก็ไม่ใช่คนไม่รู้จักแก้ตัว แต่ว่านางไม่อยากให้เขามีความเคยชินเรื่องการแยกจาก “งั้นก็อยู่อีกสักวัน ได้ไหม?” นางอยู่ที่นี่สามวันแล้วจริงๆ แต่ในสามวันนี้นางนอนอย่างเดียว พวกเขาเพิ่งได้คุยกันเมื่อคืนนี้เอง “ครั้งที่แล้วเจ้าไปแล้วก็ไม่มาอีกเลย ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็คิด ครั้งที่แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว นางลืมไปแล้ว แต่เขากลับยังจำได้ เป็นผู้ชายใจแคบจริงๆ แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้ เซี่ยอีอีจะไปแบบนี้ก็คงไม่เหมาะ นางยิ้มแล้วพูดว่า: “ต่อให้ข้าไม่มา เจ้าก็ไปหาข้าได้นี่นา เจ้าเองก็ชอบมาโดยที่ไม่ชวนอยู่แล้วนี่!” ไม่ชวนมาเอง? นางไม่อยากเจอเขาขนาดนั้นเลยหรอ? สีหน้าของเหว่ยหมิงเหมือนไม่ได้รับความอบอุ่น สีหน้าของเขากลับกังวลมากขึ้น เซี่ยอีอีใช้ท่าไม้ตาย เดินขึ้นหน้าจับไปที่สายคาดเอวของเขาแกว่งไปแกว่งมา “อย่าเป็นแบบนี้สิ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะมาหาเจ้า แบบนี้พอใจหรือยัง?” “เมื่อไหร่?” นางยอมพูดแบบนี้ออกมา เหว่ยหมิงจริงๆก็ยอมแล้ว แต่คนแบบเขา เมื่อได้ลอง ก็อยากจะได้มันมากขึ้น ไม่มีความรู้สึกว่าพอ คำถามนี้ทำให้เซี่ยอีอีอึ้งไป ครั้งนี้นางยังไม่ทันได้ไปไหน เขาก็ถามแล้วว่านางเมื่อไหร่จะมาอีก นางจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่จะมาอีก! “เอ่อ อาจจะ ประมาณ เป็นไปได้ว่า น่าจะสองวัน ...” ปากของเขาประทับลงที่ริมฝีปากของนาง เขากอดคนตรงหน้ามาใกล้ๆ แล้วพูดด้วยความอ่อนโยนว่า: “ข้ารอนานไม่ไหว สองวันก็มากเกินพอแล้ว หากเจ้าไม่มาตามนัด ข้าก็จะทำเรื่องที่เกินเลยมากกว่านี้อีก”
已经是最新一章了
加载中