ตอนที่ 65 แสร้งทำไม่รู้จัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 65 แสร้งทำไม่รู้จัก
ต๭นที่ 65 แสร้งทำไม่รู้จัก หลังจากนั้นสองวัน เซี่ยอีอีก็ไม่ได้ทำตามนัด พอตกดึก เหว่ยหมิงนอนโกรธอยู่บนเตียง เขารู้อยู่แล้วว่านางต้องหลอกเขา สองวันอะไรกัน คิดว่าน่าจะลืมเขาไปแล้วแน่ๆ หรืออาจจะเป็นเหมือนที่วัดฝูติ่งซื่อก็ได้ ที่นางมีอารมณ์อยากแค่ที่จะเล่นเกมกับเขาเท่านั้น คืนนั้นทั้งคืนเหว่ยหมิงไม่ได้นอนเลยจนถึงเช้า อาหารเช้ายังไม่ทันตกถึงท้องเขาก็ให้คนเตรียมม้าไปที่บ้านตระกูลเซี่ย เมื่อมาถึง ในห้องกับไม่มีใครอยู่ เหว่ยหมิงอยากที่จะพังห้องออกเป็นชิ้นๆ เตียงที่สะอาดดูไม่เหมือนกับว่าเคยมีใครมานอน เมื่อสอบถามมาแล้ว ถึงได้รู้ว่าเซี่ยอีอีอออกจากบ้านไปตอนเช้าเมื่อวานนี้ แล้วไม่ได้กลับมาทั้งคืน ไม่มีใครรู้ว่านางไปไหน เหว่ยหมิงกลับไปที่ม้า เขาหายใจแรงกำหมัดแน่น เขาไม่รู้จะต้องทำยังไงกับนางดี ครั้งที่แล้วก็ตกลงกันไว้แล้ว เหมือนทั้งหมดนี้มันเป็นแค่การผายลม นางไม่เพียงไม่มาตามนัด แม้แต่สิ่งที่เขาพูดนางก็ไม่ได้ฟังเข้าหูเลย มันน่าโมโหจริงๆ ............ นอกเมืองทางเหนือ ตีนเขาอันเงียบสงบ จริงๆเป็นพื้นที่ร้างแต่ไม่รู้ว่ามีบ้านไม่ไผ่มาตั้งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้านหลังใหญ่กว้างขวาง ไม่เหมือนของบ้านของชาวบ้านทั่วไป “เจ้าเนี้ยนะ ไม่มาหาข้าตั้งหลายวัน ไม่กลัวข้าหิวตายหรือไง?” “ข้ากทิ้งท่านอากุ้ยอยู่ดูแลเจ้าแล้วไม่ช่หรือไง?” “ท่านอากุ้ยจะสู้เจ้าได้ยังไง? ข้าว่าเจ้าอย่าเพิ่งไปจัดไอ้สมุนไพรนั่นเลย ของพวกนี้เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน เจ้าไม่คิดถึงข้าบ้างหรอ เจ้าก็ควรจะเห็นแก่ที่ข้าหาคนมาช่วยสร้าบ้านให้เจ้าบ้างสิ!” เมื่อพูดจบ สมุนไพรมัดหนึ่งก็ถูกสบัดมายังตัวของซูซิงเฟิง เสื้อขาวเปื้อน เป็นคราบ ซูซิงเฟิงลุกขึ้นมา แล้วปัดมันออกไป แล้วพูดว่า: “เฮ้ มันสกปรกนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็เงยหน้ามามองเขา หลังจากนั้นก็จัดสมุนไพรต่อ “อยากให้ข้าซาบซึ้งใจที่เจ้าช่วยก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แค่เจ้าช่วยข้าคัดยาพวกนั้นให้หมด เจ้าอยากจะฟังคำขอบคุณจากข้ากี่รอบก็ได้ ยังมีอีก ข้าก็แค่บอกว่าอยากจะสร้างบ้านไผ่สักหลัง เจ้าก็ไปรวบรวมคนในยุทธภพมา เจ้าทำแบบนี้ เกิดหลุดอะไรไป งั้นเหมียวเฉ่าเจียนของข้าคงไม่มีทางได้เปิดอีกแน่ๆ” ซูซิงเฟิงปัดถุงกระสอบสมุนไพรออก คิดจะไม่สนใจนาง แต่เห็นนางจ้อง เขาก็อ่อนลง จากนั้นก็มานั่งยองๆที่ข้างๆเซี่ยอีอี แล้วก็มาจัดสมุนไพรสกปรกๆที่พื้น “เจ้าเองไม่ใช่หรอที่ต้องการเปิดเหมียวเฉ่าเจียน เจ้าไม่ใช่ไม่รู้ว่าข้าไม่ได้ส่งคนมาเมืองหลวง ดังนั้นก็ทำได้แค่ส่งคนมาช่วย เจ้าเห็นฝีมือพวกเขาไหมล่ะ แค่ไม่กี่วันก็สร้างเสร็จแล้ว” เซี่ยอีอีไม่รับไมตรี: “ช่วยไม่ได้ก็อย่ามาทำพัง เจ้าบอกให้พวกเขามาตั้งไกลเพื่อมาสร้างบ้านให้ข้า เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเต็มใจ? หากไม่ใช่เพราะให้เกียรติตำหนักหลินหลางเก๋อ พวกเขาไม่มีทางมาไกลขนาดนี้ หากเรื่องนี้เข้าหูท่านซูกง กลัวว่าเจ้าน่าจะโดนด่าแน่ๆ” เมื่อได้ยินดังนั้น ซูซิงเฟิงแสยะยิ้ม เขาวางของในมือลง แล้วมองไปที่หน้าของคนที่อยากจะมองในทุกๆวัน แล้วพูดว่า: “ที่แท้ก็กลัวข้าถูกด่า ดูท่าในใจของเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่มีข้าอยู่ อย่างน้อยๆเจ้าก็เป็นห่วงแทนข้า” “อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า” เซี่ยอีอีเหลือบไปมองเขา ตาบ้านี่ไม่เคยทำตัวปกติเลยเวลาอยู่ต่อหน้านาง หากไม่พูดจาแทะโลมเล็กๆน้อยๆ เขาไม่มีทางสบายใจ เขาเป็นนายน้อยของตำหนักหลินหลางเก๋อ ต่อให้ทำอะไรเกินไป ผู้อาวุโสก็แค่ต่อว่าเขา ไม่มีทางทำให้เขาต้องลำบากใจ แต่กับนางไม่เหมือนกัน ยังไงซะนางก็ไม่ใช่คนของตำหนักหลินหลางเก๋อ ถึงแม้ท่านจ้าวตำหนักจะเอ็นดูนางแค่ไหน แต่จะให้เสียชื่อเสียงของตำหนักหลินหลางเก๋อเพราะเรื่องเล็กๆอย่างนี้ไม่ได้ นางไม่สบายใจ “ครั้งนี้เจ้าจะมาอยู่นานแค่ไหน?” “ช่วงนี้ที่ตำหนักไม่ค่อยมีเรื่องอะไร น่าจะอยู่ได้นานหน่อย” เห็นซูซิงเฟิงจัดสมุนไพร เซี่ยอีอีก็ส่ายหน้า สมุนไพรถูกเขาเขี่ยจนเละเทะ แต่กลับจัดอะไรไม่ได้เลย เขาช่วยอะไรได้ที่ไหน กำลังก่อกวนมากกว่า เห็นเซี่ยอีอีหยุดแล้วเหม่อ ซูซิงเฟิงก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ เขายิ้มร้ายๆแล้วพูดว่า: “เป็นอะไรไป ไม่อยากให้ข้าไปขึ้นมาแล้วหรอ? หากเจ้าเอ่ยปากบอกไม่ให้ข้าไป ไม่แน่นะข้าอาจจะอยู่ต่ออีกสักหลายวันหน่อย” เซี่ยอีอียิ้มเข็มเงินขึ้นมา แล้วพูดว่า: “เจ้าจะออกไปเองหรือว่าจะให้ข้าทำให้เจ้าหลับดี?” เมื่อเห็นดังนั้น หน้าของซูซิงเฟิงก็สั่น จากนั้นก็รีบถอยหลัง เขายิ้ม แล้วค่อยๆดึงเข็มในมือของนางออก “เหอะๆ หากเจ้ายินดีจะอยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าก็ยินดีที่จะหลับ” “เจ้า ......” เซี่ยอีอีจ้องเขา ทันใดนั้นเองก็ลุกขึ้น “ได้ งั้นข้าก็จะไปเขียนจดหมายให้ท่านซูกงเดี๋ยวนี้เลย ว่าใครเขาส่งคนมาจับตัวเจ้ากลับไป” เซี่ยอีอีเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ซูซิงเฟิงเข้าใจดี เห็นนางกำลังจะไปจริงๆ เขาก็รีบเดินไปขวางนางเอาไว้ “ก็ได้ก็ได้ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่าเจ้าคิดถึงข้าบ้างไหม หลายปีมานี่ ไม่รู้ว่าเจ้าใจแข็งหรืออะไร” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในใจของซูซิงเฟิงก็รู้สึกไม่ค่อยดี ห้าปีแล้ว เขาไม่ค่อยปล่อยวางเรื่องของนางได้เลย แต่ว่านางก็ไม่เคยพูดดีกับเขาเกินสองคำเลย นอกจากไล่เขาก็คือไล่เขา เขาไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาติดค้างอะไรนางไว้หรือเปล่า เซี่ยอีอีไม่เคยเจอซูซิงเฟิงงอแงมาก่อน ตอนนี้นางแค่แปลกใจแล้วก็ลืมปลอบเขา ซูซิงเฟิงถอนหายใจ “อย่าใช้สายตาคนแปลกหน้าแบบนั้นมองข้าได้ไหม รู้สึกเหมือนคนนอกเลย ข้าก็เป็นคนนะ ข้าก็มีความรู้สึกของข้า หากเจ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องมาสนใจ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นางเก็บสายตากลับมา แล้วนั่งเก็บสมุนไพรของนางต่อ เมื่อเห็นดังนั้น ซูซิงเฟิงก็ยีฟัน แล้วพูดว่า: “เจ้าเนี้ยน้า บอกให้เจ้าชอบข้าลำบากแสนเข็น พอบอกอย่าสนใจเชื่อฟังซะอย่างนั้น น่าโมโหจริงๆ” “ข้าง้อคนไม่เป็น” ในชีวิตของนางหลอกชาวบ้านเป็นอย่างเดียว จะรู้จักง้อใครได้ยังไง แต่ว่าต่อหน้าซูซิงเฟิง คำโกหกของนางจะหลอกเขาได้หรอ หากพูดไปแล้วเขาจับได้ ไม่พูดซะดีกว่า ในเมื่อรู้อยู่แล้วต้องเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร “ก็ได้ โกรธกับเจ้าข้าจะเป็นบ้า พูดจริงจังเลยนะ เจ้ามาเปิดเหมียวเฉ่าเจียนที่นี่เพื่ออะไร เจ้าไม่คิดจะกลับเมืองหวินเฉิงแล้วหรอ?” “เมืองหวินเฉิงเป็นแค่ที่พักชั่วคราวเท่านั้น ข้าก็ยังไม่รู้ว่าต้องอยู่เมืองหลวงอีกนานแค่ไหน ข้าเปิดเหมียวเฉ่าเจียนก็เพื่อหาเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” คำพูดนี้ซูซิงเฟิงไม่เชื่อ เหมียวเฉ่าเจียนพอเปิดมาแล้วคนก็จะเริ่มสนใจ แต่ก่อนอยู่ที่เมืองหวินเฉิงส่วนมากก็คนไข้ขาจรยังมากมายขนาดนั้น ตอนนี้อยู่ชานเมืองหลวง นางไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง จะเปิดเหมียวเฉ่าเจียนเพื่ออะไร อีกอย่างจู่ๆนางก็อยากจะทำ เมื่อไหร่ที่นางรีบร้อนทำอะไรขึ้นมาไม่เคยมีเรื่องดี ดูท่านางน่าจะวางแผนอะไรเอาไว้ “เจ้าบอกว่าซื่อเอ๋อกับวี่เอ๋อเข้าวังหลวงไปเรียนหนังสือ? เป็นไปได้ยังไง? พวกเขาสองคนไม่ชอบเรียนหนังสือนี่น่า ทำไมถึงได้เชื่อฟัง” ซูซิงเฟิงตกใจเซี่ยอีอีก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะตอลดเวลาที่ผ่านมา เซี่ยอีอีเองก็ไม่เข้าใจสองแสบเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าการเข้าวังไปจะเป็นเจตนาของฮ่องเฮา แต่นางคิดว่าพวกเขาก็แค่ยอมไม่กี่วัน ต่อมาก็คงหนีเรียนเหมือนเดิม ใครจะคิด นานขนาดนี้แล้วพวกเขาไม่เคยบอกกับนางว่าจะเลิกเรียน แม้แต่เรื่องหนีเรียนนางก็ไม่เคยได้ยินฮ่องเฮาตรัสถึงเลยสักครั้งเดียว “ใครจะไปรู้เจ้าสองแสบคิดอะไรกันอยู่ สรุปแล้วข้าก็ไม่เข้าใจ” “แม่อย่างเจ้านี่สบายเนอะ เด็กน้อยสองคน เจ้าวางใจหรอ? วังหลวงเป็นที่ร้อนระอุ เจ้าให้พวกเขาเข้าวังไปไม่กลัวเกิดเรื่องหรือไง? แต่ว่าคิดอีกที เด็กสองคนนั้นก็ไม่ธรรมดาอยู่ เพราะข้าสอนมากับมือ” เห็นเขาคุยโต เซี่ยอีอีก็หยุดยิ้ม แล้วก็พูดแบบไม่เกรงใจว่า: “ขอร้องล่ะ ท่านซูกงเป็นคนสอนเถอะ” “ข้าก็มีสอนอยู่ ไม่เชื่อก็ไปถามพวกเขาดู ว่าอาจารย์ของพวกเขาเป็นใครกัน” เซี่ยอีอีขมวดคิ้ว ขี้เกียจไปเถียงกับเขา “เจ้าว่าทำไมอยู่ดีๆฮ่องเฮาถึงได้ให้ซื่อเอ๋อวี่เอ๋อเข้าวังล่ะ? นางไม่ได้เป็นญาติไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เจ้าไม่แปลกใจบ้างหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็ยิ้ม แล้วพูดว่า: “แปลกหรอ มีแปลกกว่านั้นอีก ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นแค่คุณหนูบ้านตระกูลเซี่ยนะ ฮ่องเฮาทรงแต่งตั้งให้ข้าเป็นท่านหญิงหยงเห๋อด้วยตัวเองอีกด้วย อยู่ดีๆข้าก็เป็นท่านหญิงซะงั้น พวกเขาสองคนแค่เข้าวังเรียนหนังสือ เจ้าคิดว่าไม่ยิ่งแปลกหรอ?” “เจ้าว่าไงนะ? ท่านหญิง?” คำพูดพวกนี้ทำให้ซูซิงเฟิงตกใจจริงๆ เขาไม่รู้เลยว่าภายในไม่กี่เดือน จากคนที่ไม่เคยมีใครรักและเอ็นดู ตอนนี้พริบตาเดียวกลายมาเป็นท่านหญิงฐานะสูงศักดิ์ เซี่ยอีอีวางมือกำลังจะเก็บสมุนไพร เห็นเขาพยักหน้าเบาๆ “ตำหนักหลินหลางเก๋อไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก แต่ว่าคราวนี้ คงต้องละเมิดกฎเพราะข้าแล้วล่ะ” ซูซิงเฟิงไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไร เรื่องพวกนี้มากะทันหัน ฐานะของนางทำให้ตำหนักหลินหลางเก๋อต้องลำบากจริงๆ ทันใดนั้นเอง! “กงจื่อซู ------” เสียงแหลมๆเล็กดังมา เห็นเงาเล็กๆสองเงากำลังเดินมา ซูซิงเฟิงสีหน้าดีใจมาก เขาลุกขึ้นไปเดินไปรับ “เด็กน้อย ตั้งหลายวัน ทำไมเจ้าเพิ่งมา?” เซี่ยวี่ซื่อยิ้ม นางบอกไม่ได้หรอกว่านางมาไม่ได้เพราะจางหายไม่ปล่อยพวกเขา เหว่ยหมิงส่งคนแอบตามพวกเขา ครั้งนี้พวกเขาก็ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่หลุดออกมา ซูซิงเฟิงโอบเซี่ยวี่ซื่อ เซี่ยเฉินวี่ตามเข้ามาทีหลัง สีหน้าเข้มๆนิ่งๆของเขาก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เขาวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของซูซิงเฟิง เหมือนไม่มีความหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น “ท่านจะอยู่ที่นี่นานไหม หรือว่าต้องรีบกลับไป?” เซี่ยเฉินวี่พูดอย่างเรียบเฉย แต่ในสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง เมื่อเห็นดังนั้น ซูซิงเฟิงก็ยิ้มเบาๆ ยื่นมือไปลูบหัวเขา “ก็ต้องดูว่าพวกเจ้าอยากให้ข้าอยู่หรือว่าอยากให้ข้าไป แต่ว่าแม่ของเจ้าออกคำสั่งไล่ข้าไว้แล้ว หากพวกเจ้าไม่ช่วยข้า งั้นพรุ่งนี้ข้าคงต้องกลับไป” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซี่ยวี่ซื่อเหมือนจะไม่ยอม นางใช้มือเล็กๆของนางโอบไปที่คอของซูซิงเฟิงกอดเขาเอาไว้แน่น นางหันไปมองเซี่ยอีอีที่กำลังจัดสมุนไพรอยู่: “ท่านแม่ทำไมถึงไล่กงจื่อซูไปล่ะ? เขาเพิ่งมาได้กี่วันเอง ซื่อเอ๋อไม่อยากให้เขาไป” “เจ้าก็อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ต่อให้ข้าไล่เขาไปตอนนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะไปไหม?” “ไม่ได้ เดี๋ยวเขาเกิดไปจริงๆขึ้นมาจะทำยังไง ท่านแม่ห้ามไล่เขาไป ซื่อเอ๋ออยากให้เขาอยู่ที่นี่ตลอดไป” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีเงยหน้ามองไปที่พวกเขา เห็นทั้งสามคนหัวเราะมีความสุข นางบ่นด้วยความรำคาญว่า: “นกสองหัว” “นกสองหัวอะไร?” ซูซิงเฟิงถามด้วยความแปลกใจ “ไม่มีอะไรไม่มีอะไร” มือเล็กๆของเซี่ยวี่ซื่อจับไปที่หน้าของซูซิงเฟิง แล้วหันหน้าเขากลับมาตรงหน้าของนาง แล้วเน้นย้ำ ในใจนางรู้สึกหวาดผวา ตอนที่พวกเขาออกมาจากเมืองหวินเฉิง เซี่ยวี่ซื่อรับปากซูซิงเฟิงว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ของนาง แต่ว่าการมาเจอพ่อแท้ๆของนางเป็นเรื่องสุดวิสัย พ่อแท้ๆของนางก็ไม่ถือว่าเป็นผู้ชายคนอื่นหรอกมั้ง! อีกอย่างในหลายเดือนมานี่ซูซิงเฟิงก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ นางเองก็ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้ไปแล้ว อีกอย่างท่านอาหน้ายักษ์อย่างพ่อแท้ๆของนางก็หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังปกป้องพวกเขาด้วย นางไม่มีทางละสายตาไปจากเขาได้เลย แต่ว่าเมื่อซูซิงเฟิงโผล่มา ตัวนางก็รู้สึกลำบากใจ คำพูดของเด็กน้อยซูซิงเฟิงเชื่อแบบไม่สงสัยเลย เขากอดเด็กน้อยสองคนเอาไว้ แล้วหันไปหาเซี่ยอีอี: “นกสองหัวอะไรกัน ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ามาว่าซื่อเอ๋อของเรานะ นางก็แค่คิดถึงข้าเท่านั้นเอง ใครจะไปเหมือนเจ้า ความจริงสักคำก็ไม่ยอมพูด” ถึงแม้ซูซิงเฟิงจะพูดปกป้อง แต่เด็กสองคนนั้นคิดถึงเขานั้นคือเรื่องจริง เซี่ยอีอียิ้มหันไปหาเด็กสองคนแล้วถามว่า: “พวกเจ้าสองคนมาที่นี่ไม่มีใครเห็นใช่ไหม?” “ไม่มีใครเห็น ท่านแม่วางใจได้” เซี่ยเฉินวี่พูดอย่างมั่นใจ ด้วยนิสัยของเหว่ยหมิงการส่งคนตามติดพวกเขาเป็นสิ่งที่เดาได้อยู่แล้ว แต่ว่าเขาแค่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เด็กสองคนนี้ถนัดที่สุดคือหลอกให้หลง ตอนนี้เขาคงโกรธมากแน่ๆ นางไม่เพียงไม่มาตามนัด ตอนนี้ยังคลาดกับเด็กสองคนนี้อีก คิดๆดูแล้วเขาก็น่าสงสารนะ เซี่ยอีอีปัดฝุ่นบนเสื้อ มองไปที่ซูซิงเฟิงแล้วพูดว่า: “เจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ข้าไม่สน แต่ว่าเจ้าต้องรับปากข้า ห้ามไปหาข้าที่บ้านตระกูลเซี่ยเด็ดขาด อีกทั้งห้ามปรากฏตัวพร้อมกับเด็กสองคนนี้ด้วย เด็กสองคนนี้ตอนนี้เป็นคนดังของเมืองหลวง ข้าไม่อยากเดือดร้อน ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าจะไปเที่ยวเล่นเมืองหลวง พรุ่งนี้ข้าจะไปเป็นเพื่อน แต่ว่าข้าจะไม่ไปในฐานะเซี่ยอีอี” ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนกับเด็กๆมันน่าเสียดายอยู่ แต่ซูซิงเฟิงรู้ว่าเซี่ยอีอีทำอะไรนางก็มีเหตุผลของนางอยู่ แม้กระทั่งการไปกับเขาโดยไม่ใช้ฐานะเซี่ยอีอี งั้นก็ต้องไปในฐานะของเหมียนตู๋เซียน ไม่ว่าจะในฐานะไหนเขาก็ได้ทั้งนั้น อีกอย่างตอนนี้นางก็เป็นถึงท่านหญิง ฐานนะสูงศักดิ์ หากให้เห็นว่ามาเดินกับชายแปลกหน้า คนจะว่ากันได้ เขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาจับจ้องอะไรขนาดนั้น ดังนั้นคำขอที่นางบอกเขาเลยไม่ปฏิเสธ “ได้ ข้ารู้จักแค่เจ้าไม่สนฐานะ ขอแค่เจ้าไปเป็นเพื่อนข้า ต่อให้เจ้ากลายเป็นยายแก่ข้าก็ไม่รังเกียจ” เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยอีอีก็จ้องไปที่เขา “หากเจ้าพูดมากอีกคำ พรุ่งนี้เจ้าก็ไปคนเดียว” 
已经是最新一章了
加载中