ตอนที่ 266 ชามาคุณเอาศพของนีไปไว้ที่ไหน    1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 266 ชามาคุณเอาศพของนีไปไว้ที่ไหน 
“่ริยาเป็นป้าแท้ๆของจริม นายคิดว่าถ้าในอนาคตปวีณได้เป็นผู้นำตระกูลกองแก้ว จริยาจะสามารถกลับตระกูลกองแก้วได้หรือไม่” นิธานมองมาที่ตีรณอย่างใคร่ครวญ  ตีรณนึกขึ้นมาได้ทันที “กระผมเข้าใจแล้ว น้องสะใภ้กับคุณปวีณเป็นพี่น้องกัน การที่ปวีณไม่เคยเห็นหน้าพี่น้องที่ตายไปของน้องสะใภ้นั้นเป็นเรื่องดี ถ้ารู้ว่าแม่ของน้องสะใภ้ก็คือป้าแท้ๆของเขา เขาต้องยอมรับแม่แท้ๆของน้องสะใภ้แน่นอน และความสัมพันธ์ระหว่างปวีณกับน้องสะใภ้ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี หลังจากที่น้องสะใภ้ตายไปถ้าหากมีภูมิหลังว่าเคยช่วยเหลือเธอไว้ ในตอนที่คุณรับสืบทอดผู้นำตระกูลภูลพิพัฒน์ในอนาคต แล้วน้องสะใภ้เป็นแม่ใหญ่ ก็จะไม่ถูกคนอื่นประณาม” แม้ว่านิธานจะไม่ได้คิดว่าสถานะของชยานีในตอนนี้ไม่ดีก็ตาม  ตีรณพูดจามากมายก่ายกองขนาดนี้ ทำเอานิธานถึงกับมองมาที่เขาแวบหนึ่ง “ที่พูดมาครึ่งหนึ่งก็ถูก แต่ยังขาดอยู่อีกเยอะ” เงียบไปครู่หนึ่ง “ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลกองแก้ว ถ้าหากให้คนในตระกูลกองแก้วออกหน้า เมื่อถึงเวลาที่มีปัญหา แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องของตระกูลกองแก้วกับตระกูลคำล้อมแล้วหล่ะ”  “คุณชายฉลาดจริงๆ”  เรื่องประจบประแจงสำหรับตีรณถือว่าต้องยอมรับ ถ้าจะให้พูดว่าทำไมนิธานถึงสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งแบบนี้จนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะว่ารูปแบบการคิดของนิธานกับจุดยืนของเขาไม่เหมือนกับพวกเขา นี่ก็ยืนยันได้ว่านิธานเป็นผู้บังคับบัญชาการ ส่วนพวกเขาเป็นได้เพียงผู้ปฏิบัติการ  ทางด้านของปวีณตัดสินใจอยู่ครึ่งวันแล้วตอบตกลงกับนิธาน “ผมรับข้อตกลงของคุณ”  “ดี” นิธานยิ้มตื้นๆ ราวกับว่าการตอบรับของปวีณไม่ได้ทำให้แปลกใจอะไร “ถ้าอย่างนั้นเตรียมรอข่าวดีได้เลย”  นิธานวางสาย ถอนหายใจยาวเหยียด  วันถัดมาปวีณมาหาชามาที่ของนอนอีกครั้ง จิตใจของชามายังดูไม่ค่อยดีนัก สับสนในจิตใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ถึงกับจำใครไม่ได้ เมื่อเห็นปวีณมาหา ชามารีบเร่งเร้าลุกขึ้น “พี่ใหญ่ พี่ปล่อยฉันที พวกพี่รีบปล่อยฉัน”  “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” ชามาเอาแต่บ้าคลั่ง สองสามวันมานี้จิตใจของเธอมีท่าทีไม่ค่อยดี ราวกับว่าเธอเห็นบางอย่างที่มองไม่เห็น จิตใจล่องลอย มีบางครั้งช่วงกลางดึกก็เห็น……  ชามาหวาดกลัวจริงๆ ในตอนกลางคืนเธอต้องทรมานอย่างทุกข์ทน ในตอนกลางวันยังถูกคนของตระกูลกองแก้วมาเยี่ยมเยียน เธออยากจะออกไปแต่ก็ทำไม่ได้  ชามาในตอนนี้เมื่อเห็นปวีณก็ราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะยื้อเธอเอาไว้  ปวีณเห็นว่าจิตใจของชามาราวกับจะแย่กว่าเมื่อวาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “มา เธออยากจะออกไปจริงๆใช่ไหม”  ชามารีบพยักหน้า “ใช่แล้วพี่ใหญ่ ช่วยฉันที พี่ไปบอกกับพ่อที ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ฉันเป็นปกติดี ฉันอยากออกไป”  เธออยากออกไป ระยะเวลาจากตอนที่ให้พบกับทัตติก็ผ่านมานานมากแล้ว  ในตอนนี้เพียงแค่คิดถึงศพของ “ชยานี” ที่ยังไม่ได้ฝัง อีกทั้งยังถูกทัตติเก็บรักษาไว้อย่างดี ชามาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายไปทั้งตัว ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่ไม่สบาย ภายในใจก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นเช่นกัน  สองสามวันมานี้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่รอบๆตัวเธอ ราวกับเป็นฝันร้ายที่ก่อกวนทำให้ไม่สบายใจ  “มา พี่ถามหมอแล้วนะ ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ……”  “ถ้าอย่างนั้นพี่จะรออะไร รีบปล่อยฉันสิ” ชามารีบพูด  “มา เธออย่างเพิ่งรีบร้อน พี่พูดว่าเธอไม่มีปัญหา ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีปัญหาจริงๆ เธอเข้าใจไหม” ปวีณเดินเข้ามาหา ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างๆชามา “ช่วงนี้จิตใจของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งคุณหมอยังบอกว่าเธอมักจะคุ้มคลั่งในตอนกลางวัน ในตอนกลางคืนจิตใจของเธอก็มีท่าทีว่าจะไม่ค่อยดี เธอมักจะฝันร้ายบ่อยๆใช่ไหม”  “ที่ตอนนี้คุณลุงขังเธอเอาไว้ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักเธอ ที่สำคัญก็คือช่วงนี้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จนทำร้ายคนอื่น เธอในตอนนี้ไม่มีทางเลือกต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ เข้าใจไหม” ปวีณมองชามาที่มีท่าทางแบบนั้น แทบจะไม่อยากอยู่ในนี้เลย แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่รับปากนิธานเอาไว้ แล้วนึกถึงศพที่อยู่ที่บ้านพักตากอากาศอีกครั้ง ปวีณก็ชะงักไป  เขามองมาที่ชามาอย่างอดทน “มา พี่ใหญ่จะช่วยเธอ เมื่อเห็นสภาพเธอในตอนนี้ พี่ใหญ่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ”  “พี่ใหญ่ ถ้า……ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำอย่างไร”  “สองสามวันนี้ให้เธออยู่อย่างเงียบๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น และอย่าทำร้ายคนอื่น เข้าใจไหม” ปวีณมองมาที่หน้าของชามา “ถ้าเธออดทนผ่านสองสามวันนี้ไปได้ ถึงเวลานั้นพี่ใหญ่กับคุณลุงเห็นว่าจิตใจของเธอสงบลง การจะออกไปก็เป็นเรื่องง่าย หืม”  “แล้วต้องกี่วัน” ชามาไม่อาจรออยู่ในนี้ได้แม้วันเดียว “พี่ใหญ่ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”  “พี่ใหญ่เข้าใจ แต่ว่าเพราะการกระทำของเธอก่อนหน้านี้ พี่ใหญ่ไม่กล้าปล่อยเธอออกไป คุณหมอก็พูดแล้ว ว่าช่วงนี้เธอเครียดและกระวนกระวายง่ายมาก ถ้าจะให้พูดตามวิธีการแล้วตอนนี้เธอต้องถูงพาเข้าโรงพยาบาลทำการรักษา แต่คุณลุงทนไม่ได้ ดังนั้นจึงให้เธออยู่ที่บ้าน มา เธอฟังหน่อยนะ ถ้าสองสามวันนี้เธอสงบลง คุณลุงต้องปล่อยเธอออกมาแน่นอน”  “แบบนั้นก็ได้”  ปวีณอธิบายเรื่องราวให้ชามา หลังจากที่ออกมาเขาถอนหายใจอย่างแรง  พรยศเห็นว่าสองสามวันมานี้ชามาสงบลง รู้สึกปลาบปลื้มอยู่ในใจ เรียกหาปวีณ ถึงกับชมปวีณยกใหญ่ “ฉันกะแล้วว่านายมีวิธี เฮ้อ ลูกสาวของฉันคนนี้ ฉันไม่มีวิธีรับมือเลยจริงๆ นายว่าทัตติมีดีตรงไหน ที่ทำให้เธอมีสภาพอย่างตอนนี้ได้”  แม้ว่าก่อนหน้านี้พรยศก็คาดหวังให้ชามากับทัตติอยู่ด้วยกัน แบบนี้อย่างน้อยตระกูลคำล้อมกับตระกูลกองแก้วก็จะมีโซ่เชื่อมผลประโยชน์แก่กัน การพัฒนาของเมืองเมฆาต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  แต่เมื่อเห็นสภาพของชามาในตอนนี้ พรยศไม่ได้คาดหวังให้ลูกสาวของตระกูลตนไปเกี่ยวข้องอะไรกับทัตติอีกแล้ว “เจ้าเด็กทัตติ ใจคอเยือกเย็น ถ้าชามาได้อยู่กับเขา วันหลังต้องเสียเปรียบแน่นอน”  ปวีณหรี่ตาลง “คุณลุง ในตอนนี้ยังต้องพยายามประคับประคองจิตใจของมา ตอนนี้เพิ่งจะสงบลง คุณไม่ควรไปกระตุ้นเธอ”  “อันนั้นฉันรู้” พรยศเองก็กลัวขึ้นมา “เฮ้อ ถ้าจะให้พูดแต่ก่อนฉันก็ตามใจเธอเกินไป ปวีณ นายเป็นพี่ชายที่ดี เรื่องของชามายังต้องพึ่งนายอีก”  “คุณลงวางใจ ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ว่าก่อนหน้านี้ผมรับปากกับมาไว้ ว่ารอให้เธอดีขึ้นแล้วจะปล่อยเธอออกมา ดังนั้น……”  “เรื่องนี้ต้องแน่นอนอยู่แล้ว” พรยศเองก็ปวดใจกับชามา ไม่ได้อยากจะขังชามาเอาไว้ แต่ก่อนหน้านี้จิตใจของชามาไม่ปกติ เธอเคยทำร้ายคนใช้ไปหลายคน พรยศไม่อาจทนส่งชามาเข้าโรงพยาบาลได้ ไม่มีทางเลือกคิดได้เพียงวิธีนี้เท่านั้น ในเมื่อชามาดีขึ้นแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องปล่อยชามาออกมา “แต่ว่าคราวก่อนคุณหมอไม่ได้พูดว่าจิตใจของชามาไม่ปกติหรอกหรือ แถมยังบอกอีกว่าบางครั้งก็กระวนกระวาย บางครั้งก็เครียดไม่ใช่หรือ”  ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สำหรับพรยศแล้วล้วนเป็นผลกระทบอย่างรุนแรง  “คุณหมออาจจะพูดแบบนั้น อาการเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นแล้ว ขอเพียงพวกเราควบคุมอย่างเหมาะสม อาการเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”  ผ่านไปหลายวัน ทางด้านชามาโดยพื้นฐานก็เป็นปกติ สองสามวันมานี้ชามาไม่ได้โกรธเกรี้ยวอะไร แถมยังกินข้าวเข้านอนอย่างตรงเวลา จิตใจดูเหมือนจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก  พรยศรักษาคำพูดที่รับปากไว้ว่าจะปล่อยชามาออกมา หลังจากที่ชามาได้ออกมาในวันแรกเธอไม่ได้ไปไหนในตระกูลเลย ดูแล้วไม่ต่างจากเดิม แต่ว่าตั้งแต่วันที่สองเป็นต้นมา ชามาก็ออกจากบ้านตามปกติ  พรยศกลัวว่าชามาจะเป็นอะไรไป จึงหาคนคอยติดตามชามา ดูไปแล้วชามาก็ปกติดี แค่เพียงไปพบคนไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ได้ผิดปกติอะไร  ครึ้งเดือนหลังจากนั้น ชามากำลังดื่มชาอยู่กับเพื่อนสนิท ก็ได้รับโทรศัพท์ทัตติอย่างกระทันหัน “ชามา คุณเอาศพของนีไปไว้ที่ไหน”  ชามาค่อยๆกำโทรศัพท์แน่นขึ้นที่ละนิด บนใบหน้ากลับมีสีหน้าตกตะลึงปรากฎอยู่ “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”  “คุณรู้ คุณรู้ว่าผมพูดอะไร ชามา คุณเอาศพของชยานีไปไว้ที่ไหนกันแน่”  ทัตติมองห้องนอนที่ว่างเปล่าอย่างลนลาน เดิมทีในห้องนอนนี้ควรมีศพของชยานี แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรอยู่เลย  ใบหน้าของทัตติจับตัวราวน้ำแข็ง กระทั่งเย็นกว่าเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนนี้เสียอีก  มือทั้งสองของเขากำเป็นกำปั้น “ผมเตือนคุณแล้วใช่ไหม ว่าคุณอย่ามายุ่งกับศพของชยานี ชามา คุณทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของผมเหรอ”  “ทัตติ คุณบ้าไปแล้วหรืออย่างไร” ชามาเองก็ตอบอย่างกลัดกลุ้มใจ “ใช่ ฉันอิจฉาที่คุณทำดีกับชยานี แต่ว่าชยานีตายไปแล้ว ฉันจะทำอะไรชยานีได้ ฉันบอกแล้ว ว่าฉันไม่ได้ยุ่งกับศพของชยานี ฉันไม่ได้ทำ”  “เรื่องที่ศพของนีอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ นอกจากผมก็มีแต่คุณที่รู้ แล้วตอนนี้คุณบอกผมว่าคุณไม่รู้อย่างนั้นเหรอ” ทัตติไม่เชื่อข้ออ้างของชามาเลยสักนิด “คุณอิจฉานี อิจฉาที่ผมทำดีกับนี คำพูดที่ผมพูดกับคุณวันนั้น ตอนนี้คุณจะเอาคืนผมใช่ไหม”  “ทัตติ คุณมันบ้า ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว กระทั่งศพของชยานี ฉันก็ไม่รู้ คุณอย่ามาใส่ร้ายฉัน” ชามาวางสายอย่างลนลาน สีหน้าซีดเซียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน  เธอกำมือแน่น ทุบลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง  “เธอเป็นอะไรไป” เพื่อนสนิทของชามาคว้ามือของเธอไว้ รู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย “เธอทำอะไรหน่ะ ไม่เจ็บหรือ”  ชามากลับส่ายหัว “ไม่เจ็บ” ความเจ็บเหล่านี้ไม่อาจเทียบกับที่ทัตติทำกับเธอได้  เดิมทีเธอคิดว่าทัตติจะไม่สงสัยในตัวเธอได้เร็วอย่างนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าทัตติจะมาหาเธอรวดเร็วขนาดนี้ ในเมื่อ…….เธอเพิ่งจะให้คนเอาศพของชยานีไป เธอยังคิดอีกว่าเธอทำอย่างไร้ข้อผิดพลาด ไม่น่าจะทิ้งร่องรอยอะไรไว้  ใช่แล้ว คนของเธอทำอย่างแนบเนียน ทัตติไม่มีทางรู้แน่นอน  ยิ่งไปกว่านั้นก็คือสุดท้ายทัตติก็รู้อยู่ดีว่าเธอเป็นคนทำ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ในทางกลับกันศพของชยานี……แล้ว  “ใช่ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ” ชามาพูดพึมพรำ   “มา เธอพูดอะไรกันแน่” เพื่อนสนิทของชามาเห็นเธอกำลังพึมพำ ก็ไม่รู้ว่าในปากกำลังพึมพรำอะไร จึงอดเป็นห่วงไม่ได้  ชามายกมุมปากบางๆแล้วส่ายหัว “เปล่า ฉันไม่เป็นไร” เธอต้องการสงบสติอารมณ์ ต้องการทำให้สงบลงจริงๆ “พวกเราดื่มชาเถอะ ใช่แล้ว ฉันรู้มาว่ารสชาติชามัชชะของร้านนี้ดีมาก อยากจะชิมดูไหม”  แม้ว่าเพื่อนสนิทของชามาจะเป็นห่วงเธอนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าชามาไม่ได้ผิดปกติอะไร ก็พยักหน้า “ก็ดี”  ชามาถอนหายใจ หลุบตาจ้องมาที่นิ้วมืออยู่พักหนึ่งจิตใจจึงสงบลง  เธอในตอนนี้ต้องการสงบสติอารมณ์ ต้องการความสุขุมเยือกเย็น ไม่อยากให้สถานการณ์ของตัวเองยุ่งเหยิงเลยจริงๆ 
已经是最新一章了
加载中