ตอนที่ 282 ความรักที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 282 ความรักที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์
ต๭นที่ 282 ความรักที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์ นิธานพยักหน้า เป็นเหมือนสัญญาณว่าเขานั้นเข้าใจ “เข้าไปข้างในเถอะ” นิธานกับเฉลิมเดินเข้ามาด้วยกัน แต่ในสมองของนิธานยังคงมีแต่เรื่องลุงสี่ของเฉลิมพลวนเวียนอยู่ในหัว เรื่องราวของตระกูลจันทร์พาของเฉลิมพลและนิธานนั้นเหมือนกัน นั่นก็คือตอนนั้นอายุยังเด็กมากๆ แต่สำหรับชยพัทธ์นั้นเขายังพอมีความทรงจำอยู่บ้าง ในตอนนั้นเหมือนเขาเคยไปที่บ้านของ และก็เคยเจอชยพัทธ์ และเคยเห็นภาพๆหนึ่งในห้องนอนข้างชยพัทธ์ มันคือรูปถ่ายของชยพัทธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง เขากำลังคิด ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ารูปภาพใบนั้นมันคุ้นตาเหลือเกิน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน “นิธานคะ คุณกำลังคิดอะไรหรอคะ” ชยานีตักอาหารให้กับนิธาน ก็ได้เห็นท่าทีของนิธานเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงขมวดคิ้วออกมา นิธานส่ายหัว “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ทานข้าวเถอะ” นิธานพูดออกมาพลางตักอาหารให้ชยานีเช่นกัน ทั้งสองคนตักอาหารให้กันไปมา เหมือนกับว่าทั้งสองคนนั้นเป็นตัวละครหลัก และคนอื่นเป็นเพียงตัวประกอบ “แหวะๆ เหมือนมาทำร้ายกันถึงที่เลยนะ” เฉลิมพลใช้มือเคาะโต๊ะเบาๆ “ฉันจะบอกให้นะ พวกนายสองคนเข้าร่วมกับคนอื่นเขาบ้าง ดูสิที่นี่มีอีกตั้งหลายคน พวกนายทำแบบนี้นะ ครั้งหน้าใครจะกล้ามาทานข้าวกับพวกนายสองคน” ชยานีหน้าแดง และจ้องมองไปที่เฉลิมพล นิธานใช้น้ำเสียงอ่อนนุ่ม และตักอาหารให้ชยานีต่อ “ทานข้าวเถอะ” และพูดต่อว่า “ตอนทานข้าวต้องหุบปากนะครับ” เฉลิมพลยักไหล่ “แต่นี่ไม่ใช่ความคิดเห็นของฉันคนเดียวสักหน่อย ถ้าหากนายไม่เชื่อ ก็ลองถามดนพกับนิธูร ลองดูว่าพวกเขาจะคิดอย่างฉันไหม” “ใช่แล้วพี่สาม พี่ทำแบบนี้มันโหดร้ายเกินไปนะ” ดนพก็แสดงท่าทีเหมือนสุนัขตัวน้อยๆที่กำลังอิจฉา อีกนิดหนึ่งก็จะทานอะไรไม่ลง “ถ้าพี่ยังทำแบบนี้อยู่ หลังจากที่กลับไปวันนี้ฉันจะต้องพาแฟนของฉันมาด้วยแล้วล่ะ” “เคร้งงงงง!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง โสวัณณ์มีท่าทีเก้ๆกังๆดึงมุมปากไปมา รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบ คงเป็นเพราะรีบร้อนมากจนเกินไป ยิ่งพยายามจะคีบมากเท่าไหร่ สุดท้ายก็ตกลงไป โสวัณณ์ก้มลงเก็บตะเกียบขึ้นมา นิธูรและชญาภาย่อลงจับมือของโสวัณณ์พร้อมกัน ทั้งสองคนตกตะลึง แต่ก็เป็นชญาภาที่ที่หันตัวกลับมาก่อน และรีบลุกขึ้น “ตะเกียบอันนั้นมันสกปรกแล้ว เรียกพนักงานให้เอาอันใหม่มาให้เถอะ” “ใช่!” นิธูรรีบเก็บสายตา ค่อยๆดึงโสวัณณ์ขึ้นมา และกระซิบเข้าไปที่ด้านข้างหูของเธอ “มีสติหน่อย! ” โสวัณณ์หายใจเข้า ลุกขึ้นและค่อยๆเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ “ฮ่าๆ เอ่อคือ ขอโทษด้วยค่ะ มันมือลื่น ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ทุกคนตกใจค่ะ” โสวัณณ์นั่งลง เพียงเวลาไม่นานพนักงานก็นำตะเกียบอันใหม่มาให้ โสวัณณ์หัวเราะและค่อยๆหยิบตะเกียบมา ค่อยๆใช้ตะเกียบคีบอาหารมา และก้มหน้าก้มตาทาน “วันนี้หิวมากเลยค่ะ พวกพี่ๆไม่หิวกันหรอคะ” ชยานีหรี่ตามอง กำลังจะเปิดปากพูด นิธานกลับดึงมือของชยานีไว้ ส่ายหัวเบาๆ เป็นการแสดงออกมาไม่ให้ชยานีพูดอะไรออกมา ได้แต่ยิ้มตอบไป “หิวก็ทานให้อิ่มนะ เพราะวันนี้ยังไงพี่ชายของเธอเป็นคนเลี้ยง ทานเยอะๆๆ” “ก็ยังคงเป็นพี่สะใภ้ที่ดีกับฉัน” โสวัณณ์พูดออกมา และก้มหน้าก้มตาทานต่อไป นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง “เอ่อใช่ เมื่อกี้ที่พี่ดนพพูดถึงเรื่องแฟน ครั้งหน้าพี่อย่าลืมพามาด้วยกันนะคะ” ถึงแม้ว่าวันนี้ดนพจะรู้สึกว่าโสวัณณ์นั้นมีท่าทีแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาแค่คิดว่าโสวัณณ์เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ก่อนหน้านั้นบ่อยครั้งที่เธอจะเผลอทำเรื่องแบบนี้ออกมา แน่นอนว่าเขามองไม่ค่อยเห็นความปกติของโสวัณณ์สักเท่าไหร่ “นี่....คนๆนั้นยังไม่มีหรอกน่า ก็เมื่อกี้พี่สามจี้จุดในใจ แต่ก็นะ....ใกล้แล้วแหละ ใกล้จะมีแล้ว” เขาหันกลับมาเตรียมตัวที่จะทานต่อ ถ้าพูดตามเหตุผลก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนั้นหรอก โสวัณณ์ได้ยินเช่นนั้นในใจของเธอนอกจากจะไม่รู้สึกโล่งอก กลับรู้สึกเจ็บปวดที่ใจมากกว่าเดิม เธอเติบโตมาขนาดนี้แล้ว คนอื่นนั้นเขามีคนที่ตัวเองชอบหมดแล้ว แต่สำหรับเธอนั้นยังไม่ทันได้แสดงความรู้สึกออกไป ก็ต้องอกหักเสียแล้ว มันเป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นมาเร็วมา จริงๆแล้วเธอยังคงอยากที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับดนพก่อน แต่เมื่อเห็นท่าทีของดนพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเต็มไปด้วยความสุขนั้น ก่อนหน้านั้นพี่สะใภ้ก็เคยพูด เมื่อเราชอบใครสักคนพอได้เห็นเขามีความสุข เราเองก็จะมีความสุขได้ด้วย และเมื่อได้เห็นเขามีความสุขขนาดนี้ เธอเองก็ควรที่จะมีความสุขด้วยสิ และยิ่งเมื่อได้เห็นเขามีความสุขกับคนที่เขารัก เราก็ต้องมีความสุขไปกับเขาเช่นกัน โสวัณณ์กัดที่ริมฝีปากของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงความยินดีด้วยนะคะพี่ดนพ พี่หล่อขนาดนี้ และเก่งเรื่องการแพทย์ขนาดนี้ ไม่มีใครไม่ชอบพี่หรอกค่ะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องชอบพี่แน่นอน” ดนพยิ้มออกมาด้วยความสับสน “จริงหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ขอยืมคำพูดของเธอหน่อยนะ” “ใช่ค่ะคำพูดของฉันนั้นออกมาจากจิตวิญาณเสมอ พี่ดนพต้องไปบอกความรู้สึกกับเขานะคะ ถ้ามัวแต่รีรอ ระวังจะไม่ทันการณ์นะคะ” “นี!” เมื่อชยานีได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่แค่คำพูดแล้ว รู้สึกว่าความรู้สึกของโสวัณณ์นั้นเริ่มไม่ถูกต้อง จึงรีบตัดบทกับความรู้สึกของเธอ “เรื่องความรักของดนพเดี๋ยวเขาก็จัดการกับความรู้สึกของเขาเองแหละ แล้วเธอล่ะ โตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลยนะ รีบๆทานข้าวเถอะ เมื่อกี้ไม่ได้พูดว่าหิวหรอกหรอ” “อื้ม....ค่ะ” โสวัณณ์ก้มหน้า และหลังจากนั้นเธอก็ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาอีกเลย อาหารมื้อนี้สิ้นสุดลง นิธานพาชยานีและโสวัณณ์ออกไปจากที่นี่ ส่วนธนิดาและชญาภาไปด้วยกัน ชยานีก็ส่งต่อให้นิธูรเป็นคนไปส่งแทน นิธูรดันแว่นตาตรงจมูกของตัวเอง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษ ก็ยินยอมไปส่งทั้งสองคนแทน เฉลิมพลและดนพถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง เขาทั้งสองมองตากัน ยักไหล่ขึ้นมา ดนพถอนหายใจออกมายาวๆ ตบเบาๆที่ไหลของเฉลิมพล “พี่เฉลิมพล โดนพี่สะใภ้แผลงฤทธิ์ใส่ล่ะสิ” “เจ้านี่หนิ มีความสุขเป็นความทุกข์ของคนอื่นหรอ” มือของหนึ่งของเฉลิมพลจับที่คอของดนพ กดเขาลงไปที่ฝากระโปรงรถ และให้เขาล้มลงไป ดนพเจ็บ “พี่เฉลิมพล วันนี้ไปกินยาผิดประเภทมาหรอ” เขารู้สึกไม่เขาใจนิดหน่อย “สุดท้ายพี่ก็แค่เล่นๆ ก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร แต่ธนิดาผู้หญิงคนนั้น ผมแนะนำพี่นะ อย่าไปยุ่งกับเธอจะดีที่สุด พี่สามฝั่งนั้นคงไม่ยอมง่ายๆหรอก” ดนพลูบที่กระเป๋าของตัวเองและหยิบบุหรี่ส่งให้กับเฉลิมพลหนึ่งอัน เฉลิมพลมองดนพตาขวาง คิดในใจเจ้านี่ยังไม่ทันรู้ว่าเขานั้นได้พลาดอะไรไปบ้าง ก็ยังมีความสุขบนความทุกข์ของเขาขนาดนี้ ในปากของเขาคาบบุหรี่ไว้ มือหนึ่งกำลังใส่ชุดสูท มืออีกข้างหนึ่งตบลงไปเบาๆที่ไหล่ของดนพ “ขอยืมไฟแช็คหน่อย” ดนพจุดไฟให้กับเฉลิมพล “พูดจริงๆนะ มองๆไปแล้วคุณธนิดาเนี่ย ดูดีมีรสชาติกว่าผู้หญิงที่ผ่านๆมาทั้งหมดเลยนะ” “มีรสชาตินั้นหรอ นี่นายเคยมีผู้หญิงมาก่อนหรือยังไง ถึงจะมารู้เรื่องพวกนี้ดี” เฉลิมพลยกเท้าเพื่อจะเหยียบ แต่ดนพกลับหลบทันด้วยความเร็ว ตีลงไปที่หัวเบาๆ “ถึงฉันจะไม่เคยทานเนื้อหมู แต่ฉันก็เคยเห็นเท้าหมูมาก่อนนะ” “นายหมายถึงใครที่เป็นหมู” เฉลิมพลยังคงตั้งใจยกเท้าขึ้น แต่ดนพกลับเปิดประตูขึ้นรถไปก่อนแล้ว “ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลหน่อย ตอนกลางคืนฉันต้องทำงานต่อ” “ฉันจะบอกให้นะว่าที่นายทำอยู่เขาไม่ได้เรียกว่าทำงาน แต่เขาเรียกว่าหมกมุ่น” เฉลิมพลหักบุหรี่ทิ้ง เปิดประตูรถเข้าไป มือของเขาวางไว้บนพวงมาลัย “นี่นายชอบเตชินิแล้วจริงๆหรอ” ดนพไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ท่าทางแบบนี้ของเขานั้นก็ได้เป็นเหมือนคำตอบให้กับเฉลิมพลแล้ว “ได้ๆ สุดท้ายแล้วนี่มันก็คือเรื่องของนาย แต่ฉันก็เตือนอะไรหน่อยนะ ผู้หญิงแบบเธอถ้าอยากจะเข้าไปในบ้านของ..........มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ” เฉลิมพลขับออกไป เหมือนกำลังดูละครจบแล้ว “เราเป็นพี่น้องเพื่อนมิตรกัน ยังไงฉันก็สนับสนุนนายอยู่แล้ว และยิ่งเตชินิก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดึงดูดเลยคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องภูมิหลังครอบครัว ยังสามารถทำเงินให้กับฉันได้อีกเยอะเลย” “สุดท้ายก็กลับเข้ามาที่ประเด็นหลักของตัวเอง” ดนพพูด “ฉันชอบเขา ไม่ได้เพราะฐานะทางบ้าน หรือสิ่งของอะไรพวกนี้” “แต่นายก็ต้องรู้ไว้ เราเกิดในครอบครัวที่เป็นแบบนี้ หลายๆเรื่องมันไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถควบคุมเองได้ บนตัวของนายแบกรับเรื่องอะไรไว้ตั้งหลายอย่าง ตัวนายเองก็คงรู้! ” และด้วยเพราะเหตุผลนี้เอง ในหลายปีที่ผ่านมาเฉลิมพลถึงได้ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ชอบเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงกับใคร เพราะเขารู้ว่าเมื่อถึงเวลา เขาก็ต้องแต่งงาน และต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คนที่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อที่จะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้กับตระกูลจันทร์พา นี่คือชะตาชีวิตของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน และสุดท้ายจะต้องมาแต่งงานกับใครนั้น สำหรับเขาแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร “โอเคๆ ส่งฉันแค่หน้าประตูโรงพยาบาลก็พอแล้ว” ดนพลงจากรถของเฉลิมพล รีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยความเร็ว จากนั้นเฉลิมพลก็ขับรถจากไป วันนี้ดูเหมือนโสวัณณ์จะอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ทานอาหารตั้งเยอะ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เธอสบายใจได้ ชยานีนั่งที่ด้านหลังของรถ มองท่าทีของโสวัณณ์ ก็รู้สึกเป็นทุกข์ใจแทน แต่เรื่องๆนี้ชยานีไม่สามารถที่จะไปช่วยแก้ไขอะไรได้ และเรื่องของความรู้สึกนั้น มันต้องเป็นความยินยอมของคนทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ว่าดนพจะมีผู้หญิงที่ตัวเองชอบแล้ว นั่นก็เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ “เช็ดหน่อยเถอะ! ” เด็กผู้หญิงคนนี้โดยปกติเป็นคนที่สดใสและร่าเริง แต่ก็เป็นคนที่มีความรู้สึกละเอียดอ่อน ในบางครั้งเธอก็เปราะบางมากเหลือเกิน เธอพิงไปที่ประตูรถ หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้ชยานีเห็นว่าเธอนั้นกำลังร้องไห้ แต่ชยานีกลับได้ยินเสียงร้องไห้อันแผ่วเบาของเธอ ทำให้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “จริงๆแล้วนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลยนะ ก็ดีกว่าที่เราถลำลึกลงไปมากกว่านี้ แล้วมารู้ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้วก็คงจะดึงตัวเองออกมายากกว่าเดิม จริงไหมล่ะ” “พี่สะใภ้คะ ฉันรู้ว่าที่พี่พูดออกมานั้นถูกต้อง พี่วางใจเถอะนะคะ ฉันไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆอย่างแน่นอน ฉันก็แค่ร้องไห้แปบเดียวเท่านั้น” โสวัณณ์พูด ทันใดนั้นบรรยากาศในรถก็เปลี่ยนเป็นความตรึงเครียด ชยานีเม้มปาก พยายามกดความรู้สึกตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา แต่โสวัณณ์ก็ยังคงสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้คะ พี่หัวเราะอะไรหรอคะ” “เปล่าๆๆ” ชยานีรีบปฏิเสธ “พี่ไม่ได้หัวเราะเธอนะ พี่แค่อยากปลอบโยน เธอเป็นเด็กที่รู้เรื่องรู้ราวคนหนึ่งเลยนะ และสามารถมองได้อย่างทะลุเปราะโปล่ง เธอจะต้องได้เจอคนที่เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอเองเหมือนกัน” “ฉันรู้แล้วค่ะพี่สะใภ้ ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย แต่แค่ตอนนี้มันยังรับไม่ได้เฉยๆ ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง เดี๋ยวรอเวลาผ่านไป ฉันก็ดีขึ้นเองค่ะ” “แบบนั้นก็ดีแล้ว หลังจากที่พี่ชายไปส่งเธอกลับบ้าน เธอก็อาบ เดินเล่นในสวน รอให้อาหารย่อน และค่อยไปนอนหลับพักผ่อน เดี๋ยวพอตื่นขึ้นมา เห็นท้องฟ้าสว่าง เธอก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่อะไรขนาดนั้น” “ค่ะ!”
已经是最新一章了
加载中