ตอนที่ 351 ความเสียใจที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 351 ความเสียใจที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์
ต๭นที่ 351 ความเสียใจที่ต้องเก็บไว้ของโสวัณณ์ “นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว” ดนพยิ้มตาหยีๆพลางพูดออกมา และจับมือของเตชินิ ท่าทางของดนพนั้นช่างดูมีความสุขเหลือเกิน ทั้งตัวของเขาแสดงท่าทางที่เปล่งประกายออกมาดั่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะสายตาของดนพที่มองไปยังเตชินิ มันไม่เหมือนกับเวลาที่เขามองคนอื่นเลยจริงๆ เมื่อได้รู้อย่างนี้แล้วนั้น มันทำให้โสวัณณ์เหมือนถูกกระชากหัวใจและยากที่จะยอมรับมัน ความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญอยู่นั้นมันเหมือนจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว ชยานีนั่งอยู่ที่ด้านข้างของโสวัณณ์ แน่นอนว่าเธอจะต้องสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติของโสวัณณ์ เธอยื่นมือออกไปที่ใต้โต๊ะและลูบมือของโสวัณณ์เบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจโสวัณณ์ โสวัณณ์มองไปที่ชยานีแวบหนึ่ง เม้มปากลง และค่อยๆยิ้มอ่อนๆให้กับชยานี และดึงมือกลับ “พี่ดนพคะ ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ! การที่พี่ได้อยู่กับคุณเตชินินั้นเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่สุดเลยค่ะ” โสวัณณ์ทำหน้าตาทะเล้นและเกลือกตาไปมา ทำท่าทางที่สบายๆออกมา ถ้าหากเป็นปกติทั่วไปก็จะคิดว่าโสวัณณ์นั้นไม่เป็นอะไร แต่ชยานีรู้นะว่าโสวัณณ์นั้นกำลังมีอารมณ์ที่ไม่ปกติ “ใช่แล้ว นีพูดถูก!” ชยานีมองโสวัณณ์แวบหนึ่ง โสวัณณ์เม้มปากลง “ที่ฉันพูดมันก็ต้องถูกอยู่แล้วสิคะ.....เอ่อคือ.....ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” โสวัณณ์ไปเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ ชยานีหรี่ตามองเงาของโสวัณณ์ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ ตอนนี้คนยังมาไม่เยอะเท่าไหร่” “โอเค! ” ดนพกลับไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติอะไร เพราะชยานีออกไปกับโสวัณณ์ ก็เหลือเพียงแค่ดนพ และพวกธนิดาสามคน ในชั่วขณะนั้นธนิดาก็รู้สึกเก้ๆกังๆขึ้นมา ยิ้มให้กับดนพและก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ทางฝั่งของชยานีเมื่อออกมานั้นก็รีบไล่ตามโสวัณณ์ไป เห็นเธอกำลังตาแดงก่ำ ก็รู้ว่ายัยเด็กคนนี้ถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็กลับจริงจังกับความรู้สึกอย่างนั้น “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา จริงไหม” (หมายถึง สิ่งที่ปรารถนาหรือต้องการนั้นไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่ยังมีให้เลือกอีกมากมาย) “พี่สะใภ้คะ จริงๆพี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันก็ไม่ได้นะคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย” โสวัณณ์ส่ายหัวด้วยความดื้อดึงและหันหน้าไปอีกทางเพื่อไม่ให้ชยานีมองเห็น ชยานีทั้งรู้สึกดีและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน “ถ้าเธอเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ อย่างนั้นเรื่องของเธอฉันก็ต้องเข้ามายุ่งด้วยอย่างแน่นอน ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้เธอกล้ำกลืนฝืนทน แต่เรื่องของความรักนั้น มันเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล” “ฉันเข้าใจค่ะพี่สะใภ้ หัวใจของฉันมันก็รู้สึกทุกข์ทรมาน จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น ตอนนี้ฉันลองคิดๆดู เสียคนอย่างฉันไป นั่นมันไม่ใช่การสูญเสียของเขาหรอกหรอ ฉันออกจะดีขนาดนี้ จริงไหมคะ” “ใช่!” ชยานียื่นกระดาษทิชชู่ให้โสวัณณ์เช็ดน้ำตา โอบกอดหัวของโสวัณณ์ไว้ ราวกับว่ากำลังปลอบเด็กน้อย “ เธอพูดถูกแล้วโสวัณณ์ การที่เสียคนอย่างเธอไป! มันคือการสูญเสียของเขา! ไม่ใช่การสูญเสียของเธอ! เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องเศร้าใจไปแล้วนะ” “ต้องมีสักวัน ที่เธอจะได้พบกับผู้ชายที่เห็นคุณค่าของเธอ รักทะนุถนอม ปกป้องเธอ และอยู่เคียงข้างเธอ!” โสวัณณ์ตัวติดอยู่กับร่างของชยานีและร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา แต่โสวัณณ์นั้นเป็นเด็กที่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอร้องได้เพียงแค่ครู่หนึ่ง ก็หยุดร้องและสลัดคราบน้ำตาทิ้ง “ขอบคุณนะคะพี่สะใภ้” “ไม่เป็นไร” ชยานีส่งกระดาษทิชชู่ให้กับโสวัณณ์ “ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม” เงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าหากว่าไม่ไหว เธอก็กลับไปพักก่อนได้นะ หรือไม่ก็ให้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ พี่มองว่าโสวัณณ์คนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่คะ ถ้าเรื่องเล็กๆแค่นี้ยังไม่สามารถที่จะเผชิญกับมัน แล้วในอนาคตฉันจะไปทำอะไรได้คะ” โสวัณณ์ส่ายหัว “พี่สะใภ้คะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” “ร้องพอหรือยัง” ชยานีถาม และหยิบกระจกส่งให้กับชยานี “ถ้าร้องพอแล้วก็ส่องกระจกดูสภาพหน้าของตัวเองในตอนนี้” “ว้าย!” โสวัณณ์ร้องออกมาด้วยความตกใจ จับที่ใบหน้าเล็กๆของตัวเอง มองที่ดวงตาทั้งสองข้างของตัวเองที่เหมือนกับหมีแพนด้า อยู่ในสภาพที่หมดอาลัยตายอยาก “พี่สะใภ้คะ ทำไมเมื่อกี้พี่ถึงไม่เตือนฉันล่ะคะ” มาสคาร่าของโสวัณณ์นั้นเลอะเปื้อนไปหมด เธอยังจำได้ดี ก่อนหน้านั้นที่เธอจะซื้อก็ได้บอกแล้วว่าต้องการมาสคาร่าแบบกันน้ำ ทำไมอยู่ๆแค่โดนน้ำก็ลบออกเสียแล้ว! ช่วยด้วย! “ก็เพราะว่าเมื่อกี้มีบางคนกำลังร้องไห้อย่างตั้งอกตั้งใจล่ะสิ! ” นานๆครั้งที่ชยานีจะพูดหยอกล้อ “พอแล้วๆ รีบเข้าไปจัดการหน้าของตัวเอง และแต่งหน้าแบบง่ายๆสะนะ’ “ค่ะพี่ รอฉันแปบหนึ่งนะคะ” ถึงแม้ว่าความรักของเธอนั้นจะยังไม่ได้เริ่มแต่มันก็ต้องจบลงเสียแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าชีวิตทั้งหมดของเธอจะต้องจบลงไปด้วย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนรักกันกับดนพ แต่ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ และก็ยังเป็นน้องสาวของเขาได้ไม่ใช่หรอ ก็เพราะแบบนี้เธอจึงตัดสินใจทิ้งความรู้สึกทั้งหมดและฝังมันทิ้ง โสวัณณ์ทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เธอได้แต่งหน้าแบบอ่อนๆ ที่ดวงตามีรอบช้ำเล็กน้อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับดูออกมาว่ามีปัญหาอะไร โสวัณณ์มองไปมาที่รอบๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรบกพร่อง จากนั้นก็รีบสิ่งออกมา “พี่สะใภ้คะ รอนานไหมคะ” “ไม่นานหรอก พวกเราเข้าไปกันเถอะ พี่ชายของเธอโทรมาบอกว่าตอนนี้ได้มาถึงแล้ว” “โอเคค่ะ พวกเรารีบเข้าไปตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ อย่าให้พี่ใหญ่รอนาน” เพียงแค่พูดชื่อนิธานออกมา โสวัณณ์ก็ตื่นตระหนก รีบดึงมือชยานีเดินเข้าไปด้วยความรวดเร็ว “เอ๊ะ! พี่ชญาภา! โสวัณณ์เหลือบมองชญาภาที่ทำมาพอดี ก็รีบกวักมือเรื่องชญาภา ชญาภาหรี่ตามอง รู้สึกลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเข้ามา และยิ้มอย่างอ่อนโยน “ปาลี โสวัณณ์!” ชยานีขมวดคิ้ว สายตาเขามองไปที่บนเรือนร่างของชญาภา ดวงตาคู่นั้นไม่ค่อยเปล่งประกายสักเท่าไหร่ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนนี้คือชญาภา แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนที่คุ้นเคยนั้นกลายเป็นคนแปลกหน้า เธอรู้สึกว่าหรือตัวเองเธอเองนั้นที่มีอะไรผิดปกติไป ทำไมบนเรือนร่างของชญาภากับสะท้อนเงาของคนอื่น “พี่สะใภ้.....พี่สะใภ้คะ” โสวัณณ์เรียกชยานีอยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นสติที่หลุดลายของชยานีนั้นได้ลอยกลับมา โสวัณณ์กลับชญาภาก็มองชยานีด้วยความมึนงง “พี่สะใภ้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉันกับพี่ชญาภายืนเรียกพี่อยู่นานสองนาน” “เอ๊ะ...เอ่อ....เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร” ชยานีส่ายหัว และมองไปที่ชญาภาแวบหนึ่ง และบังเอิญที่ชญาภาก็มองมาที่เธอเช่นกัน ชญาภามองมาทางชยานี แต่เหมือนกับว่ากำลังแอบมอง ในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมางั้น ชญาภาก็รีบหลบสายตาทันที ชยานีขมวดคิ้ว “อ่อ ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันคิดอะไรนิดหน่อย ก็เลยเหม่อลอยไปนิดหนึ่ง” ชยานีอธิบาย “หากว่าชญาภามาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็คงจะมาถึงกันหมดแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เป็นอย่างที่คิด เมื่อทั้งสามคนเดินก้าวเข้ามา ทุกๆคนก็ได้มาถึงกันหมดแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีที่นั่งว่างโผล่ขึ้นมา และที่นั่งที่เหลือโดดออกมาคนเดียวนั้นก็คือโสวัณณ์ ในตอนนั้นโสวัณณ์รู้สึกเคอะเขินเป็นอย่างมาก โชคดีที่ชยานีได้จูงมือของเธอมานั่งที่ข้างๆ ดังนั้นด้านซ้ายของนิธานคือชยานี ด้านขวาคือดนพ ด้านข้างของดนพคือเตชินิ และที่ด้านซ้ายของชยานีก็คือโสวัณณ์ ซึ่งห่างจากดนพพอสมควร ตำแหน่งที่เธอนั่งนั้นสามารถมองเห็นดนพได้ แต่หลังจากที่กลับมานั้นเธอก็ไม่มองไปทางดนพอีกเลย และด้านข้างของโสวัณณ์ก็คือธนิดากับเฉลิมพล หลังจากนั้นก็คือนิธูร ที่นั่งที่เหลือหนึ่งเพียงตำแหน่งก็คือระหว่างนิธูรและเตชินิ และบังเอิญอยู่ตรงข้ามกับด้านหน้าของชยานีพอดี ชญาภารู้สึกอะไรบางอย่าง และรู้สึกสงสัยจริงๆ ทุกคนต่างก็นั่งลงหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ชญาภาเท่านั้นที่ยังไม่นั่งลง ทุกสายตาจึงมองไปที่ชญาภา ชยานีมองแล้วมองอีกไปที่ชญาภา “ชญาภา เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่นั่งลงล่ะ” “อ้อ! โอเคๆ” ชญาภาพยักหน้า สายตาของเธอมองตรงไปยังชยานี และด้านข้างของชยานีก็คือนิธาน ในที่สุดก็พยักหน้าออกมา และเดินไปนั่งที่ด้านข้างของนิธูร “สวัสดีค่ะ คุณนิธูร” ชญาภาเอ่ยปากทักทาย เดิมที่จิตใจของนิธูรนั้นกำลังเลื่อนลอยอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงของชญาภา ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้เงยหน้ามองชญาภาในทันที ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นคมชัดขึ้นมาทันที รู้สึกว่าชญาภานั้นไม่เหมือนกับทุกครั้ง แววตาก็ไม่ค่อยเหมือนเดิม ปกติแล้วนิธูรเป็นคนที่มีท่าทีอ่อนโยน แต่เมื่อกี้นั้นเขากลับมืดมนขึ้นมา คนที่อยู่รอบๆนั้นก็สัมผัสได้ทันทีว่านิธูรนั้นเปลี่ยนไป ชญาภาเกิดความสงสัย และเริ่มตื่นตระหนกนิ้วมือของเธอถูไปมาที่กระเป๋า เหงื่อออกและไม่ค่อยกล้าเงยหน้ามองไปทางนิธูร “อ่าหะ ไหนๆทุกคนก็มาถึงกันหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาสั่งอาหารกันเถอะค่ะ ผู้หญิงสั่งก่อนใช่ไหมคะ” ชยานีรีบตัดบทของคนรอบๆ “อ้อ ใช่ค่ะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้ก่อนที่ทุกคนมาถึงนั้น ดนพได้พูดว่าวันนี้คือวันที่เขามีความชื่นชมยินดีจนถึงที่สุด เพราะฉะนั้นอาหารในมือนี้จะไม่ใช่บ้านของนิธานเป็นคนเลี้ยง แต่จะเป็นดนพและเตชินิเป็นคนเลี้ยงพวกเราเองค่ะ” “พี่สะใภ้ พี่ก็พูดเกินไป อาหารมื้อนี้เห็นได้ชัดๆว่ามีแต่คนของบ้านพี่สามทั้งนั้น” เฉลิมพลนำกล่องบุหรี่ในมือมาเขี่ยเล่น นิ้วมืออันเรียวยาวของเขานั้นหมุนกล่องบุหรี่ไปมา และแขนอีกข้างหนึ่งของเขาวางเท้าไว้กับด้านหลังของเก้าอี้ และเก้าอี้ตัวนั้นก็คือเก้าอี้ของธนิดา และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาเปล่งประกายของชยานีจ้องมองไปที่มือข้างนั้น และก็ยิ้มออกมาในทันใด “ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ จะว่าไป วันนี้คือวันชื่นชมยินดีของดนพ มันก็เป็นภาพที่ครึกครื้น ใช่ไหมดนพ” “ใช่แล้วครับ พี่สะใภ้พูดถูกแล้วครับ วันนี้ผมดีใจมากจริงๆ อาหารมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ทุกคนทานได้ตามสบายเลยนะครับ เต็มที่เลย” ดนพดีใจมากจริงๆ ใบหน้าของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขานั้นมีความสุขจนเอ่อล้นออกมา ชยานีเหลือบมองโสวัณณ์ที่อยู่ด้านข้าง ก็พบว่าโสวัณณ์ดูเงียบไปเพียงเล็กน้อย ส่วนอื่นๆนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ก็โล่งอกแบบบอกไม่ถูก แต่นิธานนั้น กลับใช้สายตาของเขาจ้องมองไปมาระหว่างนิธูรกับชญาภา ราวกับจะมีประกายไฟหลุดออกมาจากดวงตา จะว่าไปแล้วทุกคนก็ดูครื้นเครง เพราะมีหลายคนอยู่รวมกัน และแต่ละคนนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ผู้ชายไม่กี่คนนี้ต่างก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ไฟแรง ก็อาจจะมีดนพที่แตกต่างจากคนอื่นเพียงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนในวันนี้ดนพมีงานที่สำคัญจะต้องทำ นั่นก็คือ.......การดูแลเตชินิ ในด้านของการแข่งรถนั้นถึงแม้เตชินิจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แต่นั่นมันก็แค่ในตอนที่อยู่สนามแข่งรถ เพราะในส่วนตัวของเตชินิแล้วนั้น เธอถือว่าเป็นคนหนึ่งที่มีความระมัดระวังรอบคอบ โดยเฉพาะตอนที่เธอนั่งรวมอยู่กับบุคคลสำคัญต่างๆ ถ้าไม่ใช่ประธานบริษัทใหญ่ยักษ์ ก็จะเป็นรองประธานบริษัท หรือไม่ก็เป็นคนดังในวงการบันเทิง และดนพเองก็เป็นถึงผู้บริหารโรงพยาบาล และผู้หญิงไม่กี่คนตรงนี้ ถ้าไม่ใช่ภรรยาของเศรษฐี ก็คือลูกหลานในตระกูลที่ร่ำรวยมีเงินทอง และยังมีดาราที่โด่งดังถึงสองคน เตชินิเมื่ออยู่ในแวดวงนี้แล้วนั้น เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ธรรมดาไปเลยคนหนึ่ง ถึงกระทั่งที่ได้ยินหัวข้อที่คนอื่นพูดคุยกันนั้น หัวข้อที่ผู้ชายเขาพูดคุยกัน เตชินิถึงกับเข้าไม่ถึงและไม่เข้าใจความหมาย และถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงคุยกัน ก็นึกไม่ถึงว่าเธอนั้นก็จะตามไม่ทัน และในช่วงเวลาตอนนั้นมันทำให้เตชินิรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่คนนอก และนั่งมองพวกเขาทุกคนกำลังร่วมเสวนากัน
已经是最新一章了
加载中