ตอนที่ 3 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา
ต๭นที่ 3 ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา นิธานเยาะเย้ยอย่างเย็นชา“ทางที่ดีไม่ต้องทำอะไรเลยจะดีที่สุด เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม ฉันก็เห็นเธอเป็นแค่ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกาก็เท่านั้น” (ตัวตลกที่เต้นแร้งเต้นกา หมายถึง คนที่ไม่มีความสำคัญอะไรแล้วเที่ยวเต้นแร้งเต้นกาอาละวาดไปทั่ว) แม้ว่าเธอจะไม่รักเขา แต่ชยานีก็นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินนิธานพูดแบบนี้ ใจของชยานีก็ยังอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด ชยานีเอามือกุมหน้าอก ดวงตาปรากฏความเหงาหงอยฉายขึ้นมา จากนั้นเธอก็จ้องเขม็งไปที่นิธาน“นิธาน คุณคิดว่าตัวเองถูกอย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน”เธอไม่ใช่ปาลี ดังนั้น จึงไม่รู้สึกเสียใจกับคำพูดของนิธาน “เธอว่าไงนะ” ดูเหมือนว่านิธานจะไม่คาดคิดว่าชยานีจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา เมื่อก่อนไม่ว่าเขาจะพูดอะไรแรง ๆ แบบนี้ออกไป ปาลีก็ยังหน้าด้านหน้าทนมาเอาอกเอาใจเขาอยู่ดี การกระทำนี้เองเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมนิธานถึงได้มองปาลีอย่างรังเกียจ แต่วันนี้ดูจากท่าทางของเธอแล้ว ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ท่าทีแสดงออกมาล้วนมีแต่ควางเหินห่างและเย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธอกล้าต่อปากต่อคำกับเขา “ปาลี เธอก็รู้ดีนี่ ไม่ต้องมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าฉันหรอก” “พอได้แล้วมั้งคุณ คุณ...” ทันใดนั้นประตูห้องคนไข้ก็ถูกเปิดออก ขัดจังหวะการพูดของชยานีพอดี นวตาพอหมอเข้ามาด้วย หมอคนนั้นมองดูชยานีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด นัยน์ตาฉายแววแห่งความประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสดใส มุมปากยกยิ้มขึ้น หากแต่ว่ากลับเหมือนไม่ได้ยิ้ม “โย่ พี่สะใภ้เล็ก นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าพี่จะแข็งแรงดีมีชีวิตชีวาขนาดนี้” ชยานีขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปยังร่างของหมอที่อยู่ตรงหน้า ภายในดวงตาเย้ายวนคู่นั้นมีรอยยิ้มติดอยู่ มุมปากเหยียดยิ้มแบบร้ายนิด ๆ บนร่างสวมเสื้อกาวน์ตัวยาวสีขาวแบบธรรมดาทั่วไป แต่พอเขาสวมใส่กลับดูดีมีเสน่ห์ ‘ปีศาจ!’ นี่คือคำที่แวบเข้ามาในหัวของชยานี เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น จ้องมองคนที่เข้ามาอย่างค่อนข้างเย็นชา“ใครเป็นพี่สะใภ้ของคุณกัน อย่ามาเรียกมั่ว ๆ นะ!”ชยานีพูดอย่างหงุดหงิด ดวงตาอันเย้ายวนมีเสน่ห์เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองนิธาน “ผมว่านะพี่สาม ถ้าพวกพี่ยังมาอุดหนุนใช้บริการโรงพยาบาลของผมติด ๆ กันแบบนี้ ไม่สู้อาศัยอยู่ที่นี่ไปเลยล่ะ” ดวงตาเย็นเยือกของนิธานกวาดไปมองชายคนนั้น“ได้ข่าวว่าช่วงนี้พ่อนายกำลังเตรียมตัวหาคู่ให้นายอยู่ไม่ใช่เหรอ” ชายเจ้าชู้คนนั้นตัวสั่นขึ้นมาทันที“พี่สาม ใจร้ายจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มเดินมาข้าง ๆ ชยานีแล้วตรวจอาการ พอเข้ามาใกล้ ๆ แล้ว ชยานีถึงได้เริ่มรู้สึกคุ้นตากับชายคนนี้ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงช่วงที่ตนกำลังล่องลอยอยู่ตรงเตียงผ่าตัด เป็นชายหนุ่มคนนี้นี่เองที่กำลังผ่าตัดอยู่ “ร่างกายของพี่สะใภ้เล็กไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรง แต่ก่อนหน้าที่จะจมน้ำครั้งนี้ปอดก็ติดเชื้อมาก่อน ผมเป็นห่วงว่าต่อไปจะมีไข้ขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น ผมแนะนำให้อยู่พักอีกสักสองสามวันครับ” “หมอเก๊!”ชยานีอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมา“ฉันดูแล้วคุณอยากจะให้ฉันอยู่พักเพิ่มอีก เพราะจะเอาเงินค่าห้องป่วยล่ะสิ” “อ่า ผมว่าแล้วว่าพี่สะใภ้เล็กต้องรู้จักผม พี่สามเขามีเงินน่า ผมว่านะพี่สะใภ้เล็กไปจมน้ำกับกระโดดตึกอีกหลาย ๆ ครั้งก็น่าจะดีนะว่าไหม หรือจะเอายาของโรงพยาบาลผมไหม พี่กินไปแล้วค่อยกลับมานอนโรงพยาบาลผมอีก เดี๋ยวผมลดให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย” “คุณนี่เห็นอะไรก็เป็นเงินไปหมดหรือยังไง หน้าเลือด!”ชยานีผลักชายหนุ่มออก“อย่าให้ฉันเจอนายอีกนะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้นิธานอยู่สองสามที ส่วนนิธานทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“ดนพ ให้คนไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้เธอเดี๋ยวนี้เลยนะ” “พี่แน่ใจนะ”ชายหนุ่มเจ้าชู้ผู้ชื่อดนพรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ“พี่สาม พี่ระวังคุณปู่พี่จะมาคิดบัญชีกับพี่นะ” ส่วนนิธานแค่นเสียงอย่างติดจะหงุดหงิด“ยังไม่รีบไปอีก” “ได้ งั้นพวกพี่ก็อยู่ต่อเถอะ ผมไปก่อนล่ะ”จากนั้น ดนพก็หันไปขยิบตาให้ชยานี“พี่สะใภ้เล็ก ข้อเสนอเมื่อกี้นี้พี่ลองไปคิดดูนะ ผมลดให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ” “ไปได้แล้ว!”ส่วนชยานีหยิบหมอนมาขว้างใส่ดนพ หลังจากได้ยินเสียงปิดประตูของดนพ ชยานีถึงได้รู้สึกบรรยากาศที่ราวกับเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พอหันไปก็ปะทะเข้ากับสายตานิ่งลึกและสำรวจตรวจสอบของนิธานจนเธออดที่จะสั่นไม่ได้ ชยานีกลับไปคฤหาสน์ภูลพิพัฒน์พร้อมกับนิธาน ขณะที่เดินทางกลับชยานีไม่กล้าเอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว สาเหตุหลักก็คือนิธานคนนี้มีรัศมีที่แข็งแกร่งมากเกินไป บวกกับเธอไม่ใช่ปาลี ดังนั้นจึงกลัวว่าจะเผยพิรุธอะไรออกไปต่อหน้านิธาน ขณะที่ชยานีกำลังคิดว่าควรจะหาวิธีหย่ากับนิธาน จะออกไปจากตระกูลภูลพิพัฒน์อย่างไรดี เพราะความจริงแล้วเธอไม่ใช่ปาลี และไม่คิดจะเกี่ยวข้องใด ๆ กับนิธานด้วย ขณะเดียวกันก็เงยหน้ามองพิจารณานิธานราวกับว่าจะมีลูกไม้อะไรบางอย่างออกมาจากตัวนิธาน นิธานหันขวับมามอง ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจับจ้องมาโดยไร้สัญญาณเตือนล่วงหน้า ชยานีใจสั่นขึ้นมาทันที ดวงตาคู่นั้นของนิธานราวกับสามารถเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะยามที่เขากำลังจ้องมองเธอ ชยานีรู้สึกว่าตัวเธอเองอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ส่วนนิธานเองก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน บรรยากาศในช่วงเวลานั้นมีแต่ความอึดอัด ชยานีสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ยิ้มแห้งออกมา “เอ่อ...คุณสามีคะ” เสียง“เอี๊ยด”ดังขึ้น เมื่อคนขับรถที่อยู่ด้านหน้าได้ยินคำพูดของชยานีก็เหยียบเบรกกะทันหันทันที จิตใต้สำนึกสั่งให้หันไปมองนิธาน เขาก็เห็นว่านิธานมีสีหน้าหน้าดำคร่ำเครียดราวกับมีคนติดหนี้เขาสองล้านห้าแสนแปดหมื่นบาท นิธานเงยหน้าขึ้นมาแล้วกวาดตามองคนขับอย่างดุดัน ส่วนคนขับก็ไม่ชำเลืองมอง จากนั้นก็เหยียบคันเร่งทันที ชยานีที่เพิ่งตกใจกับการเบรกรถอย่างกะทันหัน พอได้สติขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งความเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งพุ่งเข้าสู่ร่างทันที ชยานีเม้มปาก จากนั้นนัยน์ตากลมทั้งสองก็กรอกไปมองร่างของนิธาน นิธานมองชยานีอย่างเย็นชา ภายในดวงตาคู่นั้นสะท้อนใบหน้าอันงดงามของชยานี เขาไม่ได้เปิดปากเอ่ยอะไร เพียงเอาแต่มองพฤติกรรมที่แปลกไปในวันนี้ของชยานีและดูว่าสุดท้ายแล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ชยานีที่ถูกนิธานจับจ้องอยู่รู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็ม เธอรู้สึกแบบนี้ตลอดทางจนกระทั่งเดินทางถึงคฤหาสน์ภูลพิพัฒน์ หลังจากที่คนขับรถลงมาเปิดประตูก็หันไปเห็นชายแก่คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน“คุณชาย คุณนายน้อย ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” นิธานลงจากรถและไม่ได้สนใจชยานีแต่อย่างใด ขาของร่างสูงสาวเท้าก้าวตรงเข้าไปในตัวคฤหาสน์ก่อนทันที ส่วนชยานีอดไม่ได้ที่จะมองแผ่นหลังของเขาแล้วแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกกำปั้นขึ้น แต่พอหันไปเห็นชายชราคนนั้นมองตนอย่างเย็นชาก็รู้สึกหนาวเหน็บก็ไล่ขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้าทันที ชยานีอดไม่ได้ที่จะลูบแขน ต่อมาก็เห็นนวตาถือสัมภาระเดินเข้ามา“สวัสดีค่ะพ่อบ้านชนัต” พ่อบ้านชนัตกวาดตามองนวตาอยู่สักพัก“ยังไม่รีบพาคุณนายน้อยกลับห้องอีก” “ค่ะ ๆ คุณนายน้อยคะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” ชยานีเดินตามนวตาตาเข้าไป นับตั้งแต่เดินเข้ามาจากประตูใหญ่ก็อุทานไม่หยุด คฤหาสน์ภูลพิพัฒน์เหมือนที่คนเขาล่ำลือกันจริง ๆ ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโบราณจริง ๆ หากจะว่าไปแล้วตระกูลคำล้อมที่อยู่เมืองเมฆาก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน แต่พอเทียบกับตระกูลภูลพิพัฒน์แล้ว ดูเหมือนจะเทียบไม่ติดเลยจริง ๆ ตั้งแต่เล็กมาชยานีก็ถูกมาให้เป็นสะใภ้ที่คอยอยู่ข้าง ๆ กายทัตติมาตลอด ข้าวของเสื้อผ้าเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็น คุณหนูใหญ่ตระกูลคำล้อมก็เป็นคนจัดการทั้งหมด ความมั่งคั่งนี้เทียบไม่ติดกับตระภูลพิพัฒน์เลย ชยานีเดินตามนวตาขึ้นไปชั้นบน หลังจากที่เดินเข้าไปในห้องชยานีก็ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกไม่ชอบมาพากล มันเป็นความรูกสึกแปลกประหลาดเหมือนกับไม่ใช่อารมณ์ของตนเอง “คุณนายน้อยคะ คุณเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ร่างกายยังไม่หายดี คุณนายน้อยพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรเรียกฉันได้เลยนะคะ” หลังจากที่นวตาออกไป ชยานีก็มองสำรวจห้องนอนอยู่สักพัก ช่างเป็นห้องที่อึมครึมเสียจริง แค่มองดูก็รู้ว่าเจ้าของห้องนี้มีนิสัยค่อนข้างเย็นชา ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าในห้องโถงดังขึ้นมา ตามมาด้วยประตูห้องที่ถูกเปิดออก แผ่นหลังของชยานีพลันเย็นเยือกทันที พอหันไปมองก็เห็นนิธานใช้มือหนึ่งจับประตูไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือกระดาษอยู่สองสามแผ่น จิตใต้สำนึกของชยานีสั่งให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาจับจ้องอยู่ที่นิธาน นิธานทำท่าทางยิ้มกว้างหากแต่ดูเหมือนไม่ได้ยิ้มราวกับว่าเป็นการเยาะเย้ย เขาเตะประตูด้วยเท้าเดียวจนได้ยินเสียงดังปัง ชยานีรู้สึกใจสั่น กระดาษในมือของนิธานตบลงบนหน้าของชยานีเบา ๆ “เซ็นซะ!”
已经是最新一章了
加载中