บทที่ 28 ความคิดที่ยากจะคาดเดาของเขา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 28 ความคิดที่ยากจะคาดเดาของเขา
บ๗ที่ 28 ความคิดที่ยากจะคาดเดาของเขา พอพูดจบ เธอก็หอบกล่องกระดาษเดินออกจากลิฟต์ไป มู่เฉินหย่วนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ๆก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนที่เหมือนจะตามน้ำไปเรื่อยๆไม่ขัดใจใคร ก็ปากดีไม่แพ้ใคร ถังซิงหอบกล่องกระดาษกลับถึงห้อง ห้องรับแขกไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่ เพราะพื้นเต็มไปด้วยกล่องกระดาษ เขาได้จัดของให้เข้าที่สักครู่แล้วก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก่อนจะมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียง “ หึ้ม? ” ถังซินที่ดื่มน้ำอยู่ชะงักไป ถึงจะมีหญ้าเขียวที่กั้นอยู่ แต่เธอก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีรถสีดำจอดอยู่ที่บนถนนฝั่งตรงข้าม กระจกประตูหลังลดลงครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นชายสวมชุดสูทที่หรูหรา มองขึ้นด้านบนมองเห็นใบหน้าที่สง่างามและดูมีการศึกษา เขาคือหลินเฉิงจี๋! เป็นเพราะถังซินตกใจจนเกือบช็อก ทำให้ขวดน้ำที่ถืออยู่แทบร่วง ผู้ชายที่อยู่ในรถเหมือนว่ากำลังรอใครอยู่ ผ่านไปไม่นานนัก หอพักทางด้านนั้นก็มีหญิงสาวที่ใส่ชุดเหมือนพร้อมรบเดินออกมา หลินเฉิงจี๋เปิดประตูรถทางด้านหลังอย่างระมัดระวัง พอหญิงสาวขึ้นรถได้ก็เริ่มขับออกไป... ถังซินยืนอยู่ที่ระเบียงอยู่นาน เธอคิดไม่ถึงว่าเธออยู่ใกล้กับหลินเฉิงจี๋ขนาดนี้ และยังมีแฟนสาวของเขา แต่หากว่าเขามีแฟนอยู่แล้วทำไม่ยังส่งดอกชาภูเขาให้เธออีก? ที่เขามาที่ประเทศ Z ก็เพราะผู้หญิงคนนี้หรอ? ถังซินคิดว่าหลินเฉิงจี๋จะหยุดเพียงแค่นี้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังพักงานแล้วกลับไปที่บริษัทบนโต๊ะที่ห้องทำงานของเธอยังคงมีดอกชาภูเขาวางไว้อยู่เหมือนเดิม ตามที่ได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดมา ช่วงที่เธอพักงานไปนั้น ก็ยังคงมีดอกมาส่งอยู่ตลอด เธอเดาไม่ออกจริงๆว่าหลินเฉิงจี๋คิดอะไรอยู่กันแน่ “ ถังซินเธอช่วงนี้ได้มีเรื่องขัดใจกับเฉียวมั่นหลัวไหม ” ในขณะถังซินถือดอกชาภูเขาพลางนึกๆไม่ทันได้มีสติอยู่ เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างถังซินหมุนเก้าอี้มาแล้วถามถังซิน “ เป็นอะไรไป? ” เพื่อนร่วมงานทำหน้าลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แล้วบอกให้เธอเข้าระบบภายในของบริษัทดู ถังซินเปิดระบบดูก็เจอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ เฉียวมั่นหลัววันนี้ตอนช่วงเก้าโมงเช้าได้ส่งอีเมลฉบับหนึ่ง ว่ามีเพื่อนร่วมงานรายงานว่าถังซินกับคณะประธานบริษัทไปคุยเรื่องธุรกิจกันนั้นแอบรับเงินจากลูกค้าไว้ เธอเลยต้องการที่จะไล่ถังซินออก ด้านข้างเอกสารมีรูปภาพอยู่สองสามใบ มีอยู่ใบหนึ่งเป็นรูปของถังซินรับซองจดหมายจากผู้ชายคนหนึ่งโดยทั้งสองฝ่ายมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกับว่าคุยเรื่องอะไรสักอย่างอยู่และสำเร็จลุล่วงด้วยดี ไม่ว่าจะพนักงานระดับสูงหรือต่ำโดยส่วนใหญ่ก็ได้อ่านอีเมลนี้หมดแล้ว ลงมือแล้วหรอ? ถังซินไม่มีความกังวลอะไร บนริมฝีปากยังเผยให้เห็นรอยยิ้ม เธอส่งข้อความหนึ่งไปให้นักข่าวหลังจากนั้นก็เดินออกจากแผนกตัวเองอย่างใจเย็น แล้วตรงแผนการการจัดการ เมื่อเธอถึงแผนการจัดการแล้ว ก็เห็นเฉียวมั่นหลัวเรียกพนักงานในแผนกนั้นมารวมตัวกันเพื่อจะแนะนำพนักงานใหม่ชื่อว่าหลี่ซูเจ๋ด้วยใบหน้าอันสวยสง่าป่นกับรอยยิ้มเลยน้อย ท่ามกลางพนักงานแผนการจัดการมากมาย แต่ถังซินกลับมองไม่เห็นมู่หยางซิว ถังซินที่สวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้าไป ตัวยังไม่ถึงเสียงก็ดังขึ้นก่อน “ผู้จัดการเฉียว” ในตอนนั้น พนักงานแผนการจัดการทุกคนและเฉียวมั่นหลัวได้มองมาทางถังฉิน เฉียวมั่นหลัวเห็นถังซินที่ดูสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เผยให้เห็นสายตาที่เกลียดชังออกมาพักหนึ่ง ไม่นานถังซินก็จะยิ้มไม่ออก! เฉียวมั่นหลัวถาม “ ถังซิน เธอมาที่แผนการจัดการมีธุระอะไรรึป่าว? ” “ เรื่องเกี่ยวกับอีเมลฉบับนั้นไง ” ถังซินตอบ “ ผู้จัดการเฉียว ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นช่างถ่ายรูปเท่านั้น ครั้งก่อนเขาฉันและประธานหลิวได้ออกไปถ่ายรูปด้วยกัน ก็แค่ยื่นรูปถ่ายให้ฉันไม่ใช่เงินสินบนอะไร ” เฉียวมั่นหลัวแสยะยิ้ม “ ในเวลานั้นเธออยู่กับเขาแค่สองคน เธอว่าเขาคือช่างถ่ายรูปเขาก็ใช่อย่างนั้นหรอ? แต่คนอื่นเค้าไม่ได้บอด ซองนั้นมันไม่ได้เหมือนซองรูปถ่ายเลยสักนิด ” “ ฉันสามารถบอกให้ช่างถ่ายรูปมาอธิบายได้ ” “ถ้าหากเป็นอย่างที่เธอพูดแล้วจะยังไงหละ? ”เฉียวมั่นหลัวเอามือขึ้นกอดอกยิ้มและมองด้วยสายตาเกลียดชัง “ ฉันไม่ชอบท่าทีในการทำงานของเธอ ฉันก็เลยอยากจะไล่เธอออก! ” “ ผู้จัดการเฉียว ถ้าคุณไม่ชอบฉัน ไปคุยกับหัวหน้าแผนกฉันก็ได้นี่ ” ถังซินหรี่ตาลง “ ฉันได้ยินว่า ทางบริษัทไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของแผนกอื่น ” “ฉันคุยกับผู้จัดการแผนกเธอไว้แล้ว ว่าเวลาที่เขาทำงานนอกสถานที่เขาให้ฉันเป็นคนจัดการ ”เฉียวมั่นหลัวพูดเสียดให้ถังซินหมดความอดทน “ เธอรีบไปเก็บของได้แล้วไป! ” ถังซินยิ้มเยาะในใจ เฉียวมั่นหลัวนี้ร้ายจริงๆ ไม่เพียงแต่ก้าวก่ายแผนกอื่นซ้ำยังพูดโกหกอีก เธอรู้จักนิสัยเข้าข้างพวกตัวเองของหัวหน้าดีจะตายไป ถ้าเฉียวมั่นหลัวกล้าทำเรื่องแบบนี้ หัวหน้าแผนกจะต้องผิดใจกับฝ่ายการจัดการแน่ๆ ในเวลาแบบนี้ พนักงานใหม่ที่เข้ามาในแผนการจัดการอดไม่ได้ที่จะพูด “ผู้จัดการ จริงแล้วมันเป็นความผิดของคุณมากกว่านะ ” “หลี่ซูเจ๋เธอรู้รึป่าว ว่ากำลังพูดอะไรอยู่! ”เฉียวมั่นหลัวคิดไม่ถึงว่าเด็กมาใหม่จะกล้าพูดออกหน้าแทนถังซิน เลยมองไปด้วยสายตาที่คมดังมีด “ ไม่ใช่เรื่องของเธอ เธออย่ามายุ่ง! ” สำหรับการที่โดนเฉียวมั่นหลัวตำหนิแล้ว หลี่ซูเจ๋ไม่กลัวเลยสักนิด ซ้ำยังพูดขึ้นอย่างช้าช้าว่า “ถ้าหากเป็นแผนกเราก็พูดง่ายหน่อย แต่นี้เขาเป็นแผนการแปล ฉันถึงแม้เป็นเด็กใหม่ก็รู้ว่าบริษัทแต่ละแผนกไม่สามารถข้ามเส้นกันได้ ” “ ในเมื่อท่าทีในการทำงานของเธอไม่ดี สามารถรอผู้จัดการของเธอกลับมาและค่อยลงโทษก็ได้ ไม่งั้นก็ให้เป็นฝ่ายจัดการบุคลากรมาจัดการ ผู้จัดการคะ การที่คุณมาจัดการแบบนี้เหมือนกับว่าคุณมีปัญหากับเธอ และคอยจ้องจะหาโอกาสแก้แค้นยังไงอย่างงั้นเลยนะคะ ” เฉียวมั่นหลัวยิ้มแข็งๆ “ ฉันจะไปมีปัญหาอะไรกับเขาได้ยังไง ? ” “ งั้นทำไมคุณถึงต้องไล่เขาออก? ” หลี่ซูจู๋เอามือขึ้นขยับแว่นกลมด้วยความไม่สบายใจ “ อีกทั้งการก้าวก่ายข้ามแผนกแบบนี้ ถ้าไม่ได้อธิบายให้รองประธานเข้าใจละก็ ...เรื่องคงร้ายแรงน่าดู ” “ พอได้แล้ว! ” เฉียวมั่นหลัวมีสีหน้าดูไม่ได้ พนักงานใหม่คนนี้ช่างทำให้เธอเสียหน้าซะจริงๆ “แผนกของฉันไม่รับคนอย่างเธอ ออกไปพร้อมกับมันเลยไป! ” “เฉียวผู้จัดการ” ถังซินเม้มปากก่อนจะพูดขึ้น ถึงแม้ว่าพนักงานใหม่คนนี้จะช่วยเธอพูด เธอก็รู้สึกขอบคุณมาก แต่เธอก็ไม่อยากให้เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาตกงาน มู่ซื่อโด่งดังในเรื่องที่ว่าไม่รับพนักงานเข้ามาง่ายๆ และอีกอย่างฉากเด็ดมันอยู่ตอนท้าย แค่กำลังจะอ้าปากพูด หลี่ซูจู๋ได้เพียงใช้สายตาบอกกับเธอว่า “ไม่ต้องกังวล” ราวกับว่ามีแผนโต้ตอบอะไรสักอย่าง ถังซินก็เลยไม่ได้พูดอะไร ได้แค่มองเขาเดินไปเก็บของ หลี่ซูจู๋ถือกระถางหัวหอมและพูดกับเฉียวมั่นหลัวอย่างจริงจังว่า “ผู้จัดการ นี้คือคุณบอกให้ฉันออกนะ ไม่ใช่ฉันต้องการออกเอง งั่นฉันไปหละ” เฉียวมั่นหลัวหน้าถึงกับหน้าซีด เดินออกจากแผนการจัดการแล้วถังซินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “เขาบอกให้คุณออก คุณก็ออกหรอ? ” “ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะยังไงฉันก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเขาอยู่แล้ว ” หลี่ซูจู๋เปะปากแสดงความไม่พอใจ “ เขาเป็นอย่างนั้นเธอก็เห็นอยู่ เป็นลูกน้องของเขาคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขหรอก และอีกอย่าง……” เธอพูดลากเสียง แล้วมองถังซินดูลับลมคมในแล้วยิ้ม “ คุณอย่าลืมสิ ว่ามู่ซื่อเป็นฝ่ายเชิญฉันเข้าทำงาน ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่มู่ซื่อ ก็ต้องมีคนโทรมาถามแน่นอน พอถึงเวลานั้น เธอคิดว่าใครกันละที่โชคร้าย? ” ถังซินชะงักไป ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในตอนที่ถังซินกลับใบเก็บของ เพื่อนร่วมงานเข้ามาล้อมและถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น? และมีบางคนบอกให้เธอควรไปก้มหัวขอโทษเฉียวมั่นหลัว แต่เธอกลับไม่ทำอะไรนอกจากยิ้ม มีต้องรีบ ฉากเด็ดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ขณะกดที่ลิฟต์ลง ถังซินและหลี่ซูจู๋ได้ทำความรู้จักกันโดยประมาณ ถังซินรู้ว่าหลี่ซูจู๋ถูกมู่ซื่อเรียกตัวมาเข้าทำงานเป็นกรณีพิเศษ ถึงได้มาที่หนานเฉิง ถังซินก็เลยบอกว่าถ้ามีเวลาจะพาเธอเที่ยวชมหนานเฉิง หลี่ซูจู๋ก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นสองมีพนักงานชายสองคนคุยคุยยิ้มยิ้มเดินเข้ามา ดูเหมือนกำลังพูดซุบซิบนินทากันอยู่ “ผู้จัดการมู่นี่ น่าสงสารจริงๆ ” “ใช่ใช่ ยังดีที่ยังมีขาอยู่เลยไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไร” “......” ถังซินพบว่าพวกเขาพูดถึงผู้จัดการมู่ คิดขึ้นมาได้ว่าผู้จัดการทั้งบริษัทนามสกุลมู่มีแค่คนเดียวคือมู่หยางซิว เธอขวมดคิ้วแล้วถามขึ้น “ ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าผู้จัดการมู่เป็นอะไรหรอคะ? ” “ อ้าว ถังซินนี่เอง! ” เป็นเพราะแผนการแปล ขึ้นๆลงๆตึกบ่อยๆ เลยมีพนักงานไม่น้อยเลยที่รู้จักถังซิน และหนึ่งในผู้ชายสองคนนี้ก็เหมือนจะรู้จักถังซิน เขาพูดขึ้นอย่างเขินว่า " ได้ยินมาว่าผู้จัดการมู่ตอนเช้าได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล และยังเกือบเสียขาทั้งสองไปด้วย " 
已经是最新一章了
加载中