บทที่ 80 เธอคนนี้ช่างเสียงดังเอะอะโวยวาย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 80 เธอคนนี้ช่างเสียงดังเอะอะโวยวาย
บ๗ที่ 80 เธอคนนี้ช่างเสียงดังเอะอะโวยวาย ผู้ช่วยจางรู้สึกลังเลใจ จึงเอ่ยออกมาว่า “ประธานมู่?” “ผมเห็นว่าคุณค่อนข้างตื่นเต้น” ประธานมู่เอ่ยปากออกมาด้วยเสียงเบาๆ “ทำไม มีแผนอะไรรึเปล่า?” “ไม่ ไม่ ผมแค่แสดงความคิดเห็นออกมา” ผู้ช่วยจางรีบพูดขึ้น บนใบหน้าเริ่มมีเหงื่อไหลมากผิดปกติ “ผมไม่ค่อยได้พูดคุยกับคุณถัง จึงไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย” เขานำเอกสารที่อยู่ในมือส่งให้มู่เฉินหยวน และถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องคุย “ประธานมู่ นี่คือเลขาที่แผนกเลขาประกาศรับเข้ามา ชื่อกาวเหม่ยซี จบจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คณะกฎหมาย” นักเรียนเกียรตินิยมของคณะกฎหมายจะมาเป็นเลขา? มู่เฉินหย่วนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาพลิกดูเอกสารไปมา ในรูปภาพดูเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหน้าตาดี “คนญี่ปุ่นหรอ?” ผู้ช่วยจางขานรับ “ใช่ครับ ผมได้ตรวจสอบประวัติของเธอแล้ว บิดามารดาเป็นคนประเทศZ ครอบครัวฐานะไม่ได้ร่ำรวยมาก ก่อนหน้านี้ทำงานที่นิวยอร์ก บริษัทที่เธอทำงานอยู่ก่อนหน้านี้ได้แนะนำให้เธอมาที่บริษัทมู่ซื่อ” “ ผมได้เห็นข้อมูลการทำงานของเธอในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้แล้ว เธอทำได้สมบูรณ์แบบมาก ที่สำคัญคือสามารถทำได้ดีกว่าบางคนในแผนกเลขาซะอีก ถ้าประธานมู่เห็นชอบ ผมจะเอาสัญญาให้เธอเซ็นต์” สายตาของมู่เฉินหย่วนจับจ้องอยู่บนเอกสารตลอดเวลา เมื่อผ่านไปสักพักเขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาให้เธอเซ็นต์ แต่ให้เธอรับผิดชอบแค่งานในประเทศ เรื่องงานในนิวยอร์กหรือเรื่องอื่นที่สำคัญให้นายเป็นคนรับผิดชอบ” ผู้ช่วยจางตอบรับคำสั่ง เขาตรวจสอบแล้วหลายครั้ง หลังจากที่ดูแน่ชัดแล้วว่าไม่มีอะไรตกหล่นเค้าจึงรายงานข้อมูลให้กับมู่เฉินหย่วน การที่ประธานมู่ดูอย่างละเอียดรอบคอบนั้นเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว เพราะยังไงเธอก็เปลี่ยนสายมาจากคณะกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นคนประเทศญี่ปุ่น ถังซินหลับตา ในหัวมีแต่ภาพของมู่เฉินหย่วนที่พึ่งแสดงออกมาเมื่อสักครู่ จึงทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเธอมักจะคิดถึงแต่เรื่องพวกนี้? เมื่อเธอนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงได้สักพักเธอจึงนอนหลับไป หลังจากนั้นไม่นานผู้ช่วยจางก็เดินมาเคาะประตู “คุณถังได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ คุณเก็บข้าวของก่อน” ถังซินไม่รอช้าเก็บข้าวของจนเสร็จและลงไปข้างล่างกับผู้ช่วยจาง ด้านนอกโรงแรมมีรถออฟโรดจอดอยู่สองคัน ด้านข้างรถจะมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ แต่ละคนสูงประมาณ190ซ.ม รูปร่างสูงใหญ่และบึกบึน แววตาเฉียบแหลม เหมือนดั่งคนที่ผุดขึ้นมาจากบ่อเลือด มองแค่แวบเดียวถังซินก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ก่อนหน้านี้เธอเคยสนิทสนมกับเฉินคาง รู้ว่าเขาคือบอดี้การ์ด แต่นิสัยค่อนข้างเป็นกันเอง แต่สองคนที่อยู่ข้างหน้าดูหน้าตาท่าทางดุร้าย คาดเดาว่าน่าจะทำอาชีพเดียวกับเฉินคาง ถังซินกระซิบถามผู้ช่วยจางเบาๆว่า “เสือดาวและหมาป่าไปด้วยมั้ย” “คืนนี้หมาป่าต้องดูแลคุณซือซือ เสือดาวเฝ้ายาม” ผู้ช่วยจางเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้หลังจากที่รอคนมาแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางไปอีกเส้นหนึ่งเพื่อไปเจอกับคุณและประธานมู่” นึกถึงความหยิ่งผยองและเอาแต่ใจของจู่ซือซือ ถังซินถึงกับส่ายหัว “เดาว่าบอดี้การ์ดของเธอคงจะมีฝีมือไม่น้อย” “คนนี้คือบอดี้การ์ดคนที่สามสิบสามของจู่ซือซือ” ผู้ช่วยจางเล่าความจริงออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ “ได้ยินมาว่าหมาป่าทำกับข้าวอร่อย คุณจู่ซือซือจึงให้เขาติดตามเธอตลอด” “บอดี้การ์ดคนนั้นน่าสงสารจริงๆ ยังต้องทำกับข้าวให้จู่ซือซือกิน” ถังซินยิ้มหัวเราะ หลังจากที่คุยเรื่อยเปื่อยกันไปไม่กี่ประโยค เธอก็ล้วงคลำกระดาษและปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าและเมื่อเขียนเสร็จแล้วก็ยื่นกระดาษให้กับผู้ช่วยจาง “คุณช่วยฉันซื้อของพวกนี้และให้พวกเขาเอาไปให้ฉันพรุ่งนี้” ผู้ช่วยจางอ่านดูและนำกระดาษเก็บไว้ “ได้ครับ ประธานมู่รอนานแล้ว คุณถังขึ้นรถเถอะครับ” “ก็ได้ค่ะ ยังไงไหว้วานคุณหน่อยนะคะ” ถังซินเดินลงบันได ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถรีบดึงเปิดประตูให้เธอทันที หลังจากที่เธอขอบคุณเสร็จก็ออกแรงจับที่จับขึ้นไปนั่งบนรถออฟโรด โดยมีมู่เฉินหย่วนนั่งอยู่ข้างๆ มู่เฉินหย่วนสวมเสื้อกันลมสีดำบางๆไว้ข้างนอก นั่งไขว่ห้าง ดูมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อถังซินขึ้นมาบนรถ เขาเพียงแต่เพ่งเล็งมองมาและพูดขึ้นว่า “คุยเสร็จแล้วหรอ?” “อืม” ถังซินเอ่ยตอบ “แค่วานผู้ช่วยจางช่วยซื้อของมาให้ฉัน” มู่เฉินหย่วนไม่ได้พูดอะไรและบอกให้คนขับรถออกรถได้ รถออฟโรดสองคันขับตามกันไปออกจากหน้าโรงแรม และเดินรถไปตามถนนใหญ่ นอกจากเสียงยางล้อรถที่บดไปกับพื้นแล้ว ในรถไม่มีเสียงอย่างอื่นดังขึ้นเลย ถังซินรู้สึกเบื่อ เปิดมือถือดูคลิปวิดีโอที่ได้ดาวน์โหลดไว้ เมื่อดูไปถึงครึ่งหนึ่ง รถเหมือนกับเปลี่ยนเส้นทางเป็นทางขรุขระ ทำให้รถออฟโรดโยกเยกไปมา ทำให้ถังซินอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจนหลับไป ถังซินนั่งสัปหงกอยู่นาน สุดท้ายตาเธอก็ปิดหลับจนสนิท มือถือที่อยู่บนตัวก็ไหลตกลงไป เมื่อรถออฟโรดสั่นโคลงเคลง ตัวของเธอก็เอียงไปทางมู่เฉินหย่วน มู่เฉินหย่วนพึ่งจะจัดการกับเอกสารไปหนึ่งฉบับ เขาสังเกตได้ว่าที่ไหล่มีความรู้สึกหนักๆ ถังซินได้ล้มตัวลงมาซบที่เขา เขาเม้มปาก แล้วเอามือดันหัวของถังซินขึ้นจากบนไหล่เขา ประคองไปไว้ที่เบาะพนักเก้านี้ เมื่อรถโยก ตัวของเธอก็เอียงเข้ามาอีก แต่ในครั้งนี้เธอได้ล้มลงมานอนที่บนขาของเขา …… ถังซินที่นอนหลับฝันอยู่นั้นก็ได้ขยับยกหัวเพื่อหามุมสบายอย่างไม่รู้ตัวและนอนหลับต่อ มู่เฉินหย่วนจ้องมองดูท่าทางที่นอนหลับอ้าปากของเธอ โดยที่เธอไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว กลับทำให้ความไม่เป็นสุขที่อยู่ในใจของเขาหมดสิ้นไปในชั่วพริบตาเดียว จิตใจรู้สึกสงบเป็นอย่างมาก เขาดึงผ้าห่มสักหลาดขึ้นมาห่มให้กับถังซินอย่างเบาๆ นิ้วมือสัมผัสลงบนหน้าของเธอ ผู้หญิงคนนี้ช่างซื่อบื้อเหลือเกิน เมื่อถังซินตื่นขึ้นมา รถยังส่ายไปมาเล็กน้อย มองดูจากมุมของเธอจะสามารถมองเห็นคางของเขา และจากปลายจมูกก็หอมกลิ่นเปปเปอร์มินต์จางๆ เธอรีบลุกขึ้นอย่างฉุกละหุก และเขยิบออกให้ไกลจากเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคราบน้ำจางๆ บนกางเกงของเขา ทำให้เธอรู้สึกอายจนหน้าแดง พูดออกมาอย่างติดอ่าง “มู่ ประธานมู่ทำไมคุณไม่ผลักฉันออกมา?” “ผลักแล้ว แต่เธอก็ยังโผลเข้ามา” มู่เฉินหย่วนตอบอย่างเย็นชาและนำกระดาษมาเช็ดคราบน้ำที่อยู่บนกางเกงของเขา ถังซินรู้สึกเก้อเขินจนแม้แต่ใบหูก็ยังแดงขึ้นมา โผเข้ามา คำนี้ฟังดูแล้วทำให้รู้สึกน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง ถังซินหยิบของจากถุงอาหารมากินรองท้องและดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างรถ เหมือนกับว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองแล้ว เธอจึงเอ่ยถามมู่เฉินหย่วนไปสองประโยคและก็ได้รู้ว่าพวกเขาได้ออกจากเขตเมืองมาตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงก่อน หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป รถออฟโรดทั้งสองคนก็ได้หยุดลงที่ปากทางเส้นหนึ่ง อยู่ในแอร์มานานทำให้ถังซินรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวจึงลงจากรถเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เธอมองดูไปรอบๆพบว่าทั้งสองข้างทางมีแต่พื้นดินแห้งๆ ไม่มีพืชสีเขียวๆแม้แต่นิดเดียว มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาจะสามารถมองเห็นภูเขาใหญ่สูงตระหง่าน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เข้ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพื้นถนนที่อยู่ใต้เท้ากำลังสั่นสะเทือน เมื่อหันไปดู ตรงถนนนั้นก็มีฝุ่นลอยตลบอบอวลขึ้นมาอย่างหนัก จากนั้นรถออฟโรดก็ขับออกมาจากในกลุ่มฝุ่นควันคันติดคัน ทั้งหมดมีหกคัน แต่รถทั้งหกคันนั้นมีลักษณะแตกต่างจากรถออฟโรดที่พวกเขานั่งมา ที่ด้านนอกรถจะมีตัวครอบป้องกันสีเงินเชื่อมติดอยู่อีกชั้น ปิดแน่นทึบไปทั้งคัน แม้แต่กระสุนปืนก็เจาะไม่เข้า ประตูรถออฟโรดตรงคนขับของคันหน้าสุดได้เปิดออก เฉินคางกระโดดออกมาจากข้างในรถ “ คุณถัง” หลังจากที่เดินเข้ามาเฉินคางก็นำเอากล่องที่ทำด้วยอลูมิเนียมยื่นให้ถังซิน ก่อนมาผู้ช่วยจางเอากล่องนี้ให้ผม และให้ผมเอามาให้คุณ “ขอบคุณค่ะ” ถังซินรับกล่องมา และถือโอกาสกวาดตามองไปที่ข้างหลังเขา “ทำไมนายมาคนเดียว หมาป่าไม่มาแล้วหรอ?” เฉินคางเอามือเท้าสะเอว “พี่ใหญ่ของพวกเรามาไม่ได้ชั่วคราว จู่ซือซือเธอนอนตื่นสายเลยทำให้ตกเครื่องในตอนเช้า และจองใหม่ในช่วงบ่าย เธอจึงบังคับให้พี่ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนเธอ” ถังซินยิ้มมุมปากด้วยความเอือมอะรา เห็นแก่ตัวและใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทั้งหมดนี้ช่างสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของจู่ซือซือโดยแท้จริง “คุณถัง คุณคิดอะไรกับพี่ใหญ่ของพวกเราใช่มั้ย?” เฉินคางเอ่ยถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเลศนัย “ไม่ใช่แน่นอน” ถังซินเก้เก้กังกังจนทำอะไรไม่ถูก “ก่อนหน้านี้นายบอกว่าฝีมือการยิงปืนของเขาดีไม่ใช่หรอ? ฉันจึงแปลกใจ อยากดูว่าเขาหน้าตาเป็นยังไงก็เท่านั้น” “คุณถังอย่าพึ่งผิดหวังไป พรุ่งนี้พี่ใหญ่ของผมยังคงต้องมาแน่นอน รับรองว่าคุณต้องได้เห็น” “จริงหรอ?” มู่เฉินหย่วนที่นั่งอยู่ในรถตลอดเวลา ได้ยินสองคนข้างนอกคุยกันเสียงดังเอะอะโวยวาย โดยเฉพาะคำพูดที่เฉินคางพูดขึ้นมานั้น ทำให้คิ้วของเขาขมวดแน่นและเขาจึงยื่นหัวออกไปข้างนอกรถเพื่อสืบหาความจริง
已经是最新一章了
加载中