บทที่ 121 สามสาวสามารถคุยกันได้ทั้งวัน
1/
บทที่ 121 สามสาวสามารถคุยกันได้ทั้งวัน
รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 121 สามสาวสามารถคุยกันได้ทั้งวัน
บ๗ที่ 121 สามสาวสามารถคุยกันได้ทั้งวัน เธอกังวลและรีบร้อน จังหวะการก้าวเดินของเธอนั้นถี่กระชั้น แต่ความสวยงามมีสง่าของรูปร่างไม่ได้ลดลงเลย หลังจากที่มาถึงก็พยักหน้าให้ทางเย่นจิ่งเหนียน “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อส้งจิ้งเหอ เป็นคู่หมั้นของเฉินหย่วน” เสียงที่ออกมาจากในลำคอนั้นนุ่มนวล เมื่อฟังแล้วทำให้รู้สึกสบายหู ถังซินเคยเห็นผู้หญิงคนนี้แต่ในหนังสือพิมพ์ คิดไม่ถึงว่าตัวจริงจะสวยกว่าในรูป เย่นจิ่งเหนียนแนะนำตนเอง ลู่เหวินซูและวี่เหวินถิงก็แนะนำตัวกับเธอเช่นกัน ส้งจิ้งเหอเหมือนกับยืนไม่ค่อยมั่นคง เท้าเธอจึงพลิกจนแทบจะล้มลงไป เย่นจิ่งเหนียนไม่สะดวกที่จะช่วยพยุง ถังซินที่ยืนอยู่ข้างๆเธอจึงเข้าไปช่วยพยุงไว้ “คุณส้ง คุณเป็นอะไรรึเปล่า” “ไม่ ไม่เป็นไร!” ถังซินพบว่าแขนของส้งจิ้งเหอนั้นสั่นเครือ เหมือนกับเธอกำลังควบคุมอารมณ์และความรู้สึกอยู่ แต่ตัวเธอเองปฏิกิริยาค่อนข้างเร็ว ใช้เวลาเพียงสิบวินาทีก็สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้ ดังนั้นเธอจึงผลักตัวของถังซินออกและยืนขึ้น กำลังเป็นห่วงคุณอามู่อยู่หรอ? ส้งจิ้งเหอเอ่ยถามถังซิน “เฉินหย่วนเป็นยังไงบ้าง?” “ได้รับบาดเจ็บที่ขา ยังไม่ได้สติ” ถังซินเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ส้งจิ้งเหอฟัง ส่งจิ้งเหอคล้ายกับคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวทั้งหมดจะร้ายแรงขนาดนี้ เธอชะงักงันและพูดด้วยเสียงแหบแห้งฟังไม่ชัด “ไม่เป็นไร รอเขาตื่นขึ้นมาค่อยคิดไต่ตรองเรื่องอื่น เขาจะไม่เป็นไรหรอก” “คุณอยากเข้าไปดูเขามั้ย?” ส้งจิ้งเหอส่ายหน้า “ไม่หล่ะ ตอนนี้เขาต้องพักผ่อน ฉันเฝ้าอยู่ข้างนอกก็พอแล้ว” ตอนนี้เช้ามืดแล้ว ทุกคนอยู่ตรงนี้ก็ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ถังซินให้เย่นจิ่งเหนียนกลับไปพักผ่อน เธอจะอยู่ที่นี่เอง แต่ส้งจิ้งเหอกลับให้เธอกลับไปพร้อมเย่นจิ่งเหนียน เพราะว่าเป็นห่วงมู่เฉินหย่วน ดังนั้นสุดท้ายจึงไม่มีใครที่คิดว่าจะกลับไปก่อน “พวกนายจะขวางฉันไว้ทำไม ให้ฉันเข้าไป ฉันอยากเข้าไป” บริเวณทางเดินเสียงดังเอะอ่ะโวยวาย “สายตาพวกนายแม้แต่ฉันก็จำไม่ได้หรอ?” เมื่อได้ยินถังซินก็รู้เลยว่าเป็นจู่ซือซือ “เจ้าหญิงน้อยมาแล้ว” ลู่เหวินซูก็ฟังออกเช่นกันว่าเป็นเสียงของจู่ซือซือ เดินตะโกนออกมาจากทางเดิน ไม่นานเสียงเดินตับตับตับก็ดังออกมา จู่ซือซือสวมชุดกระโปรงกากเพชรสีแดง ช่างสวยสดงดงามมาก “นังหมาป่าน่ารังเกียจ พี่เฉินไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” เมื่อจู่ซือซือมาถึงสายตาของเธอก็จับจ้องไปที่ตัวของถังซิน และยังเอานิ้วมือทิ่มไปที่บนตัวของถังซิน “ถ้าพี่เฉินเป็นอะไรไป ฉันจะถลกหนังหมาจิ้งจอกอย่างเธอออกมา” ถังซินถอนหายใจลึกออกมาหนึ่งครั้ง ตอนนี้ไม่อยากโต้เถียงอะไรเกี่ยวกับชื่อเรียกของเธออีกแล้ว “ประธานมู่ยังหมดสติอยู่ ที่บริเวณขาได้เกิดปัญหาเล็กน้อย” “อะไรนะ พี่เฉินต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตหรอ?” เมื่อได้ยินที่ถังซินพูดออกมา จู่ซือซือก็ร้องออกมาด้วยเสียงแหลม “พี่เฉินทำไมถึงต้องได้นั่งรถเข็น ฉันได้ยินมาว่าเธอก็อยู่บนรถกับพี่เฉินด้วย ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไร” “ เธอเห็นว่าพี่เฉินหมั้นแล้ว ดังนั้นเพราะว่ารักจึงเกิดความเกลียดและตั้งใจลอบฆ่าใช่มั้ย” “คุณจู่ คุณพูดแบบนี้ก็เกินไป” ส้งจิ้งเหอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน “คุณก็ได้เห็นอุบัติเหตุครั้งนี้จากข่าวเช่นกัน มันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณจู่” จู่ซือซือมองไปทางส้งจิ้งเหอที่กำลังพูดอยู่ เมื่อรู้แล้วว่าเธอคือใคร จึงมองบนอย่างดูถูก “ฉันอยากจะพูดอะไรฉันก็จะพูด มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?” “สำหรับพี่เฉินก็ต้องไม่ใช้ให้เธอมาดูแล เธอรีบกลับไปเถอะ! ชีวิตของคนอย่างเธอ เธอคิดว่าพี่เฉินจะสนใจเธอหรอ? เพียงแค่เขาสงสารเธอก็เท่านั้น เธอยังสู้นังหมาจิ้งจอกน่ารังเกียจนี้ไม่ได้เลย!” ส้งจิ้งเหอไม่สนใจคำยั่วยุของจู่ซือซือ เธอเพียงแค่พูดขึ้นว่า “เฉินหย่วนเป็นคู่หมั้นของฉัน เป็นหน้าที่ของฉันที่ควรจะดูแล” “เสเสร้งให้คนเห็นใจ!” เมื่อเห็นทั้งสามสาวมีท่าทีที่จะทะเลาะกัน เย่นจิ่งเหนียนจึงรีบเข้ามาทำให้จบลงด้วยดี “ซือซือ ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ไม่รู้จักพี่สามแล้วหรอ?” เมื่อเห็นเย่นจิ่งเหนียน จู่ซือซือจึงนิ่งไปไม่น้อย และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวานว่า “พี่สาม พี่สี่” “เจ้าหญิงน้อยเชื่อฟังมาก มาให้พี่สี่กอดหน่อย!” ลู่เหวินซูหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วกางแขนออก แต่จู่ซือซือโผเข้ามาที่ตัวของวี่เหวินถิงอย่างฉับพลันโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว ลู่เหวินซูถอนหายใจอย่างใจเย็น จู่ซือซืออายุน้อยที่สุดในบรรดาพวกเขา และยิ่งเป็นลูกผู้หญิง โผเข้าหาพวกเขาจึงไม่เป็นไร ทุกครั้งที่โผเข้าไปในอ้อมอกของวี่เหวินถิง แน่นอนว่าเธอต้องถูกโยนทิ้งออกไป ไอ้หยา ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย หกล้มจนเจ็บก้นมาแล้วกี่ครั้ง ทำไมไม่รู้จักจำให้มันนานๆบ้างนะ “พี่ใหญ่ ไม่ได้เจอพี่นานมากแล้ว” จู่ซือซือเกาะติดอย่างเหนียวหนึบเหมือนกับปลาหมึกอยู่บนตัวของวี่เหวินถิง หัวถูไปมาอยู่บนเสื้อเชิ๊ตอย่างไม่หยุด และพูดด้วยเสียงออดอ้อน “ฉันคิดถึงพี่มากเลย” ตัวของวี่เหวินถิงตึงแน่น ยกแขนขึ้นเหมือนกับจะผลักเอาตัวเธอออกไปจากตัว แต่คล้ายกับเห็นอะไรบางอย่าง ในมือจึงลูบไปที่บนผมของเธอ “อยู่ในประเทศเป็นเด็กดีมั้ย?” สีหน้าของจู่ซือซือแปลกประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ใหญ่สนใจเธอ จึงรู้สึกดีขึ้นมาทันที และกอดเขาให้แน่นจากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “เป็นเด็กดีแน่นอนค่ะ ฉันเชื่อฟังพี่เฉินตลอด!” “ คุณพระช่วย!” ลู่เหวินซูแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หันไปมองทางเย่นจิ่งเหนียน หวังให้เขาอธิบายออกมาหน่อย เย่นจิ่งเหนียนเพียงแค่มองบนใส่เขา “น้องชาย นายมองบนหมายความว่ายังไง?” ถังซินที่กำลังมองดูอยู่นั้น ในใจก็รู้สึกนิ่งๆ เธอคุ้นเคยกับลักษณะท่าทางของจู่ซือซืออยู่แล้ว แต่สำหรับส้งจิ้งเหอ… เธอหันไปมองส้งจิ้งเหอที่อยู่ข้างๆ หลังจากที่ส้งจิ้งเหอมานั้น ถังซินคิดอยู่ตลอดว่าเธอดูผิดปกติ ถึงแม้ว่าเธอจะระงับอารมณ์ได้ดี แต่บางครั้งนิ้วมือหรือแววตาก็เกิดการสั่นเครือ ทำให้ถังซินมองด้วยความอยากรู้ความจริง และเหมือนกับว่าเธอได้สังเกตเห็นสายตาของถังซินที่จับจ้องอยู่ จึงยิ้มออกมาเบาๆแล้วพูดขึ้นว่า “คุณถัง มีอะไรรึเปล่าค่ะ?” “ไม่มีอะไรค่ะ” จากนั้นถังซินจึงละสายตาจากเธอ อาจจะเป็นเพราะว่าจู่ซือซือแนบชิดติดมากเกินไป สุดท้ายวี่เหวินถิงจึงผลักตัวเธอออก ห้านิ้วจิกจับไปที่ต้นคอเหมือนกับจับยกลูกไก่ จู่ซือซือบึนปากอย่างรู้สึกน้อยใจ คนที่มาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เป็นพี่น้องของมู่เฉินหย่วนแต่เป็นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา และคู่หมั้น ทุกคนล้วนแต่เป็นห่วงเขา ต่างคนต่างยืนกรานว่าจะอยู่ดูแลเขา ดังนั้นส้งจิ้งเหอจึงคิดแทนทุกคนและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นว่า “คืนนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ มีคนของคุณวี่เฝ้าเฉินหย่วนอยู่ฉันก็วางใจ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ” วี่เหวินถิงที่มีนิสัยเย็นชามาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวและเดินนำหน้าออกไปก่อน “พี่ใหญ่รอฉันก่อน ขายาวแล้วยังเดินเร็วขนาดนี้!” จู่ซือซือแทบจะวิ่งตามวี่เหวินถิง “พี่และเพื่อนๆหิวกันมั้ย ฉันจะพาพวกพี่ไปกินอาหารมื้อดึก” “ถ้างั้นคุณส้ง คุณถัง พวกเราไปก่อนนะครับ” เย่นจิ่งเหนียนยิ้มไปทางถังซิน และเดินจากไปพร้อมกับลู่เหวินซูอย่างรวดเร็ว ถังซินรู้ว่าตนเองก็ไม่ควรที่จะอยู่ตรงนี้ ยังไงคู่หมั้นของมู่เฉินหย่วนก็อยู่ตรงนี้แล้ว “คุณส้ง ถ้าอย่างนั้นฉัน.....” “ฉันจะพาคุณไปทำแผลบนไหล่” ส้งจิ้งเหอลากตัวถังซินออกไปข้างนอก “รบกวนคุณจริงๆเลย ต้องดูแลมู่เฉินหย่วนทั้งคืน จนไม่ทันได้ดูแลแผลที่อยู่บนตัวตัวเอง” ทำไมเธอถึงอบอุ่นและเอาใจใส่ดีขนาดนี้ ถังซินจึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เมื่อเห็นหลี่ซูเจ๋ทักวีแชทมาถามหาที่อยู่ ถังซินจึงให้เธอรอตนเองอยู่ที่แผนกฉุกเฉินชั้น1 ตรงนั้นวี่เหวินถิงและจู่ซือซือได้ออกจากโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว เหลือแต่ลู่เหวินซูกับเย่นจิ่งเหนียนที่ค่อยๆเดินกอดเคียงกันไปช้าๆ “เฮ่ย ไอ้สาม นายเห็นอะไรผิดปกติมั้ย?” เย่นจิ่งเหนียนที่กำลังจับจ้องอยู่บนมือถือ จึงเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรผิดปกติ” “ท่าทางของพี่ใหญ่อ่ะ!” ลู่เหวินซูลูบไปที่คาง คิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งผิดปกติมากขึ้น พี่ใหญ่ไม่ใช่เกลียดมากที่สุดเวลาที่ผู้หญิงโผหาเข้าหาตัวเขาหรอ เข้ามาหนึ่งก็ถีบออกหนึ่ง เข้ามาสองก็ถีบออกทั้งคู่ แม้แต่ซือซือยังโยนทิ้ง ทำไมเมื่อกี้ซือซือกอดพี่ใหญ่ ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่โยนเธอออกไป? “นายไม่ใช่ผู้ชำนาญที่เลื่องลือในเรื่องความรักของชายหญิงหรอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่นายไม่สามารถจัดการได้ไม่ใช่หรอ?” เย่นจิ่งเหนียนเหลือบมองที่เขา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุขใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ “ทำไมแค่นี้ดูไม่ออก?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 121 สามสาวสามารถคุยกันได้ทั้งวัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A