บทที่123 คำว่าเกิดใหม่หมายถึงเธอหรือบริษัทมู่ซื่อ

บ๗ที่123 คำว่าเกิดใหม่หมายถึงเธอหรือบริษัทมู่ซื่อ ไม่ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของมู่เฉินหย่วนจะเป็นอย่างที่คิดไว้หรือเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ถึงยังไงก็เป็นการที่มู่เฉินหย่วนโผเข้ามาเพื่อปกป้องเธอ จึงทำให้สองขาถูกทับไว้ เธอต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน เมื่อเห็นถังซินมีท่าทางที่แน่วแน่ หลี่ซูเจ๋เริ่มรู้สึกไม่ดีจึงพูดขึ้นว่า “ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย เธอก็บอกนะ! ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นแค่นักวางแผน แต่สมองฉันก็ฉลาดมากนะ” ถังซินอดขำไม่ได้ “ได้” แท้ที่จริงแล้ว หลี่ซูเจ๋นั้นหัวไวและฉลาดมาก ครั้งที่แล้วที่วาดแผนที่ให้ก็ช่วยมู่เฉินหย่วนไว้มาก เมื่อทั้งสองคนถึงคอนโด เวลาก็ล่วงเลยมาถึงตีห้าแล้ว ท้องฟ้าแทบจะสว่างแล้ว หลี่ซูเจ๋นั้นรู้สึกง่วงมาก จึงบอกว่าจะกลับห้องไปนอนสักสองชั่วโมง แต่ถังซินทำยังไงก็ไม่รู้สึกง่วง เพราะเพียงแค่หลับตา เธอก็คิดถึงแต่ตอนที่คุยกับมู่เฉินหย่วนบนรถ และรถเก๋งที่ย้อนศรพุ่งเข้ามาชน และจากนั้นมู่เฉินหยวนก็พุ่งเข้ามาบนตัวเธอ “ถังซิน ฉันรู้ว่าเธอฉลาด ฉันเชื่อเธอ” “ถ้าฉันมีปัญหาอะไร บริษัทมู่ซื่อคงต้องรบกวนเธอแล้วแหละ” … คำพูดของเขา รูปร่างและลักษณะหน้าตาของเขายังฝังอยู่หัวของเธอตลอด ใจนั้นสั่นเครือ เธอพบว่าความรู้สึกของมู่เฉินหย่วนที่แสดงออกมานั้นค่อยๆหนักแน่นขึ้น ไม่มีความลุกลี้ลุกลนและความกลัวแม้แต่นิดเดียว ต่อให้พูดว่ารบกวนเธอดูแลบริษัทมู่ซื่อ น้ำเสียงก็ยังไม่มีความแปรปรวน มีความมั่นใจว่าเธอจะทำทุกอย่างได้ดี ในสมองของถังซินมีความคิดที่รู้สึกกลัวผ่านเข้ามา แต่ไม่นานเธอก็ได้กำจัดมันความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว ปกติคุณอามู่เป็นคนนิ่งๆใจเย็น เมื่อเผชิญกับช่วงเวลาที่คับขันก็จะไม่แตกตื่นและจิตใจว้าวุ่น คือเธอตื่นตระหนกมากไปเองก็เท่านั้น ถังซินนอนคิดอยู่นานที่บนเตียง จับจ้องไปที่ป้อมเพชรนั้นตลอดเวลา คิดว่าพรุ่งนี้เช้าข่าวจะพาดหัวยังไง และบริษัทมู่ซื่อจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง หลังจากที่รอให้ฟ้าสว่าง ถังซินก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ใส่ยาที่แผล และสวมเสื้อสูท หลังจากไปที่ห้องครัวและเตรียมอาหารช้าเสร็จ หลี่ซูเจ๋ก็ตื่นนอนแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นถังซินแต่งตัวอย่างดีขนาดนี้ หลี่ซูเจ๋จึงชะงักงง “ว้าว พลังเธอฟื้นตัวเร็วอะไรขนาดนี้” ถังซินเพียงแค่พูดว่า “รีบกินเร็วเถอะ วันนี้ยังต้องทำอะไรอีกเยอะ” เมื่อขับรถมาถึงบริษัทมู่ซื่อ ถังซินพึ่งจะพบว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เธอคิด สื่อมวลชนห้อมล้อมแน่นหนาอยู่รอบประตูทางออก และยังมีคนแบกกล้องถ่ายทอดสด ถังซินขับรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถใต้ดิน หลี่ซูเจ๋ได้เลือกข่าวในเวยโป๋และข่าวใหญ่ที่โพสต์บนอินเตอร์เน็ตที่ได้เห็นมาบอกกับถังซิน พาดหัวข่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของมู่เฉินหย่วน “แย่แล้ว ตั้งแต่เมื่อวานหุ้นของบริษัทมู่ซื่อนั้นตกลงไปมาก ตอนนี้ตกลงไปจนถึงแปดหยวนแล้ว” หลี่ซูเจ๋เอารูปกราฟให้ถังซินดู แล้วพูดอย่างกังวลใจ “ซินซิน เธอจะทำได้หรอ?” “ไม่ได้ก็ต้องได้” ถังซินส่องกระจกในลิฟต์และจัดเนกไทด์ เธอไม่ชอบใส่สูทมาแต่ไหนแต่ไร มันค่อนข้างแน่นอึดอัด แต่ตอนนี้กลับพบว่าเสื้อสูทสามารถเพิ่มแรงกระตุ้นให้กับคนทางอ้อม หลังจากที่ถึงแผนกวางแผน หลี่ซูเจ๋ก็แยกตัวออกไป และกำชับให้ถังซินระวังหน่อย จากนั้นถังซินก็กดลิฟต์ขึ้นไป และในสุดท้ายก็มาถึงชั้นบน เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูทั้งสองด้านก็เปิดออก “ผู้จัดการถัง สวัสดีค่ะ” ด้านนอกมีกาวเหม่ยซีที่รออยู่นานแล้ว เมื่อถังซินเดินออกจากลิฟต์ก็มีกาวเหม่ยซีที่คอยเดินตามเธอเข้าไปที่ห้องทำงาน เธอพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ประธานมู่ได้พูดแล้วว่า เรื่องต่างๆเกี่ยวกับการบริหารบริษัทมู่ซื่อให้รายงานมาที่คุณ ตอนนี้ประธานมู่ก็ไม่ได้อยู่ทำงาน” ถังซินทำเสียงตอบรับและเดินก้าวเท้าไม่หยุด แผนกบริหารมีกี่คน และมีกี่คนที่ลาหยุดแล้วยังไม่กลับมา ทุกคนต่างรู้มาก่อนแล้วเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของประธานมู่ เมื่อถังซินเดินเข้ามาพวกเขาจึงลุกขึ้นยืน คล้ายกับว่าอยากจะถามว่าในตอนนี้เธอจะทำอย่างไร ถังซินเพียงแค่โบกมือไปทางพวกเขา และเดินเข้าไปในห้องผู้จัดการพร้อมกับกาวเหม่ยซี “ผู้จัดการถัง นี่คือเอกสารและสิ่งของอื่นๆที่เอาออกมาจากในรถ” กาวเหม่ยซีเอาเอกสารที่ยับยู่ยี่ และกล่องของขวัญวางไว้ที่บนโต๊ะ แผ่นกระดาษเอกสารยับซ้อนกันแต่ไม่เปียกชื้นเพราะน้ำฝน “นอกจากนั้นแล้ว ตำรวจยังทำการดูกล้องวงจรปิด และจับคนขับที่ย้อนศรได้แล้ว คนขับเมาแล้วขับ ชนคนแล้วหลบหนีไป ตอนนี้ถูกกักตัวเอาไว้ ยังไม่พิจารณาตัดสิน” กาวเหม่ยซี ได้บอกเรื่องต่างอย่างเป็นระเบียบ ไม่สับสน ถังซินชื่นชมความใจเย็นของเธอ และหยิบเอากล่องของขวัญมา แกะเปิดฝากล่องออกมาเบาๆ และภาษาฝรั่งเศสคำว่าNéonatal ก็ปรากฏเข้ามาข้างในสายตา การเกิดใหม่นี้หมายถึงเธอหรือบริษัทมู่ซื่อ ? ถังซินเอานิ้วมือลูบคลำไปที่บนป้ายเพชร ต่อมาก็เอาของที่อยู่ในกล่องของขวัญออกมา แล้วเอาขึ้นมาใส่ไว้ที่คอ เธอไม่รีบที่จะดูเอกสารพวกนั้น และพูดกับกาวเหม่ยซูขึ้นว่า “คนขับคนนั้นไม่ใช่ชนคนแล้วหนี แต่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจตนาฆ่า และยังฆ่าceoของบริษัทมู่ซื่อ” “ เธอติดต่อเป็นการส่วนตัวกับสื่อมวลชนบางสำนักมาหน่อย ให้พวกเขาเอาเรื่องนี้ตีแผ่ออกไปในอินเตอร์เนตให้โจ่งแจ้ง” “ติดต่อกลุ่มทนายความของบริษัทมู่ซื่อ และคอยจับตามองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในศาล” “อีกสักครู่ฉันจะไปติดต่อค่ะ” กาวเหม่ยซีก้มลงแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อเช้าฉันได้รับข้อมูล บริษัทในกลุ่มอาหารที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัทมู่ซื่อ ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุดิบอาหารที่หมดอายุแล้ว และยังจัดทำออกมาในจำนวนมากอีกด้วย อีกทั้งสินค้ายังถูกจัดส่งแล้ว โรงงานผลิตอาหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ถูกตรวจสอบเพื่อที่จะอายัดของไว้เรียบร้อยแล้ว” สื่อมวลชนหลายแห่งรับรู้เรื่องนี้ คาดว่าน่าจะปิดไว้ไม่มิด ทำไมเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารถึงไม่บอกให้รู้ช้าหรือเร็วกว่านี้ ทำไมจะต้องเกิดขึ้นเฉพาะในเวลานี้หรอ? ถังซินไม่เชื่อว่าเหตุสุดวิสัยมากมายพวกนี้จะเกิดขึ้นประจวบเหมาะพร้อมกัน ในใจยิ้มหัวเราะเยาะ และสั่งให้กาวเหม่ยซียังไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ให้จัดการเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อน หลังจากที่กาวเหม่ยซีเดินจากไป ถังซินก็ออกไปประชุมกับฝ่ายบริหาร ให้พวกเขาตรวจสอบเอกสารของทุกๆแผนกอย่างรอบคอบ และเรียกเพื่อนร่วมงานที่ลาพักร้อนกลับมา ตอนนี้คนทำงานไม่พอ CEOของบริษัทมู่ซื่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ทุกคนในบริษัทมู่ซื่อมีใจตื่นกลัวไม่เป็นสุข ไม่เพียงแต่แผนกของถังซินที่งานยุ่ง แผนกประชาสัมพันธ์ก็งานยุ่งเช่นกัน ได้เรียกประชุมนักข่าว พยายามอย่างเต็มที่ในการอธิบายให้สื่อมวลชนเข้าใจว่ามู่เฉินหย่วนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพียงเล็กน้อย ไม่กี่วันก็จะกลับมาแล้ว ภายในกลุ่มนักข่าวมีบางคนเจตนาที่จะก่อความวุ่นวาย เขาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยินมาว่ามู่เฉินหย่วนยังสลบไม่ได้สติ หลังจากนี้จะลุกขึ้นมาหรือไม่ยังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ พวกเขาได้ซักถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทมู่ซื่อด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนว่าทำไมต้องโกหกผู้อื่น แม้ว่าฝ่ายประชาสัมพันธ์จะเก่งแค่ไหน แต่ก็ต้านทานความก่อกวนนั้นไม่ไหว ถูกนักข่าวถามคำถามอย่างดุเดือดจนทำอะไรไม่ถูก และข่าวการสัมภาษณ์ได้ถูกโพสต์ลงในเวปไซต์ข่าวชื่อดัง เพียงแค่ช่วงบ่าย หุ้นของบริษัทมู่ซื่อตกลงมาเกือบสิบห้าหยวนซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่าสามพันล้านหยวน ไม่นาน คุณมู่ซื่อก็มาที่บริษัทมู่ซื่อ คุณมู่ซื่อไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทมู่ซื่อ การมาปรากฏตัวที่นี่นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถังซินวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วออกไปต้อนรับ เมื่อลงไปก็มองเห็นมู่จิ่นหลิงกำลังคุยอะไรกับคุณมู่ซื่ออยู่ไกลไกล เมื่อมู่จิ่นหลิงถูกเลือกให้มาเป็นผู้จัดการฝ่ายวางแผนของบริษัทมู่ซื่อ ดูแล้วเย่อหยิ่งแต่เป็นคนเงียบๆ ซึ่งนี่คือความเย่อหยิ่งอย่างแท้จริง ความทะเยอทะยานนั้นเห็นได้จากใบหน้าของเธอ ถังซินกล่าวต้อนรับ “คุณมู่ซื่อ” มู่เจิ้งหย่าอ่อนโยนเป็นกันเอง แต่กลับเหมือนกับว่ามองไม่เห็นเธอ พูดคุยและขึ้นลิฟต์ไปกับมู่จิ่นหลิงผู้เป็นหลานสาว มือถือของถังซินมีข้อความเข้า ซึ่งกาวเหม่ยซีส่งข้อความว่าผู้ถือหุ้นได้มาครึ่งหนึ่งแล้ว การเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ได้อนุญาตให้ผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูงเข้าร่วมประชุมด้วย ถังซินขึ้นลิฟต์อีกตัวขึ้นไปที่ห้องประชุมระดับสูง ผู้ถือหุ้นของบริษัทมู่ซื่อส่วนใหญ่ลงทุนแบบปันผลกำไร เพียงแค่มีชื่อในบริษัทมู่ซื่อเท่านั้นแต่ตอนนี้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่และยังอนุญาตให้ผู้ดำรงตำแหน่งในระดับสูงเข้าร่วมด้วย มีเพียงแค่ceoเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยนคน ยังไงประธานก็ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดจึงอยู่ผู้ถือหุ้น หลังจากที่ถังซินรูดบัตรเข้าห้องประชุมระดับสูง ในห้องประชุมอันใหญ่โตกว้างขวางเต็มไปด้วยคน มีผู้ถือหุ้นหลายคนที่ถังซินไม่เคยเจอมาก่อน รองประธานซูนและรองประธานกาวก็ได้อยู่ตรงนี้ด้วย