บทที่124 ท่านมู่มาแล้ว   1/    
已经是第一章了
บทที่124 ท่านมู่มาแล้ว
บ๗ที่124 ท่านมู่มาแล้ว คุณมู่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่มู่เฉินหย่วนเคยนั่ง ข้างๆมีมู่จิ่นหลิงนั่งดู ดูแล้วไม่ต้องพูดก็เข้าใจในความหมาย เมื่อเห็นถังซินเข้ามาในห้องประชุมผู้มีตำแหน่งระดับสูง มู่จิ่นหลิงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ถังซิน แผนกของเธอ อดีตประธานมู่ก่อตั้งขึ้นมาเองและก็ไม่ได้ประกาศให้คนอื่นรู้ ต่อให้เธอเป็นผู้จัดการก็ไม่ควรที่จะอยู่ในห้องนี้” ถังซินได้ยินมู่จิ่งหลิงพูดแบบนี้ เหมือนกับเมื่อก่อนที่มาที่นี่ครั้งแรก ซึ่งแตกต่างจากที่เจียงจิ้งพูดกับเธอไว้มาก และ “อดีตประธานมู่” พวกเขาเตะมู่เฉินหย่วนออกไปเร็วขนาดนี้เลยหรอ? ถังซินยิ้มอย่างเอือมระอา “แผนกที่ฉันอยู่คือแผนกที่ประธานมู่ก่อตั้งขึ้นมาเองลำพัง แต่ก็อยู่ภายใต้การจัดการของคณะกรรมการบริหาร ไม่ทราบว่าที่ผู้จัดการมู่พูดว่าไม่ได้ประกาศให้คนอื่นรู้นั้นหมายความว่ายังไง คือไม่ได้ประกาศให้ผู้ถือหุ้นทราบหรือไม่ได้ประกาศให้รองประธานบางท่านทราบ” นอกจากจะเปลี่ยนceo ไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้มีตำแหน่งสูงคณะผู้ถือหุ้นจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ และหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของรองประธานบางท่านคือช่วยเหลือประธานบริหารงานของบริษัท เคารพการตัดสินใจของประธาน สีหน้าของมู่จิ่นหลิงที่ถูกถังซินโต้แย้งก็ได้เปลี่ยนไป และยิ้มอยากเย็นชา “ฝีปากดีจริงๆ!” “พอแล้ว จะโต้เถียงกับคนรุ่นหลังทำไม” คุณมู่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มู่จิ่นหลิงจึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก สำหรับคณะผู้ถือหุ้นแล้ว ถึงแม้ว่าถังซินจะเป็นคนของมู่เฉินหย่วน แต่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่กุ้งฝอยเธอยังเทียบไม่ได้ นอกจากมู่จิ่งหลินแล้ว คนอื่นไม่มีใครมองเห็นและให้ความสนใจเธอ ไม่นานการประชุมก็ได้เริ่มต้นขึ้น และก็เป็นอย่างที่ถังซินได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มู่เฉินหย่วนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มู่เจิ้งหย่าได้เอ่ยขึ้นว่า “เฉินหย่วนเป็นหลานชายฉัน ฉันเห็นแล้วว่าเค้าทุ่มเทให้กับบริษัทมู่ซื่อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเกิดเหตุสุดวิสัยเช่นนี้ ไม่สามารถที่จะรักษาขาไว้ได้ และเขาก็ยังคงสลบไม่ได้สติ” และรองประธานซูนก็ได้พูดขึ้นว่า “เฉินหยวนสามารถอยู่โรงพยาบาลรักษาตัว แต่ว่าบริษัทมู่ซื่อไม่สามารถที่จะรอได้ แค่วันนี้บริษัทมู่ซื่อก็มีรายได้หายไปแล้วสองพันล้านหยวน บริษัทมู่ซื่อต้องการผู้นำซักคน นี่คือสิ่งที่ผู้ถือหุ้นไม่อยากจะเห็น หุ้นของบริษัทมู่ซื่อตกลงทำให้พวกเขาสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ในระยะเวลาอันสั้นนี้มู่เฉินหย่วนไม่สามารถดูแลบริษัทมู่ซื่อได้ เช่นนั้นจึงต้องหาคนคนหนึ่งมาบริหารจัดการบริษัทมู่ซื่อ มาควบคุมหุ้นที่ตกลง คุณมู่ซื่อที่ดูอ่อนโยน เธอสงบเยือกเย็นโดยระงับอารมณ์และคำพูด แต่ตำแหน่งที่เธอนั่งก็สามารถอธิบายถึงวัตถุประสงค์ในการมาของเธอครั้งนี้ รองประธานซูนและรองประธานกาว อยากจะได้ตำแหน่งนี้มานาน แน่นอนว่าพวกเขาไม่เต็มใจ จนกระทั่งรองประธานซูนพูดขึ้นว่า “คุณมู่ซื่อ ผมรู้ว่าคุณอยากพยายามเต็มที่ให้กับบริษัทมู่ซื่อ แต่ท่านมู่ก็พูดไว้แล้วว่า บริษัทมู่ซื่อสามารถมีคนของตระกูลมู่ได้เพียงแค่สองคน” “กฎเกณฑ์ของพี่ฉัน ฉันไม่เกินเลยแน่นอน” มู่เจิ้งเฉิงพูดขึ้น “หลานชายของฉันยังสลบไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสามารถฟื้นมาได้ ตอนนี้มีแต่จิ่นหลิงที่อยู่บริษัทมู่ซื่อเท่านั้น” ถังซินนั่งอยู่ท้ายโต๊ะประชุม นั่งดูการแสดงที่น่าชมนี้อย่างตั้งใจ เธอก็พึ่งรู้ว่าในฐานะของผลประโยชน์ บางคนได้แสดงสีหน้าท่าทางที่อัปลักษณ์ชั่วร้ายมากกว่าที่เธอคิด ในกลุ่มผู้ถือหุ้นบางคนได้ถูกมู่เจิ้งหย่าติดต่อเป็นการส่วนตัวมาก่อนแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาตกลงกัน ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ฝ่ายมู่เจิ้งหย่าไปโดยธรรมชาติ และพูดแทนเธอ และยังมีหุ้นส่วนบางคนไม่ได้มาเพราะอยู่ต่างถิ่น รองประธานซูนและรองประธานกาวไม่ต่อต้านมู่เจิ้งหย่าแน่นอน แทบจะแน่นอนแล้วว่ามู่เจิ้งหย่าเป็นผู้ดูแลบริษัทมู่ซื่อ ถังซินรู้ว่าเมื่อตนเองอ้าปากพูด จะสร้างศัตรูขึ้นอีกหลายคน แต่เธอจำเป็นที่จะต้องพูดขึ้นมา “คุณมู่ซื่อ คุณกับผู้จัดการมู่ และรวมกับประธานมู่ที่อยู่โรงพยาบาลอีก บริษัทมู่ซื่อก็จะกลายมีสามคนแล้ว” มู่เจิ้งหย่าคิดไม่ถึงว่าถังซินจะเอาจุดนี้แทรกพูดขึ้นมา แววตาแสดงออกถึงความไม่สบายใจ แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงอ่อนโยน “ฉันไม่ได้บอกแล้วหรอว่าตอนนี้เฉินหยวนกำลังสลบไม่ได้สติจึงไม่มีความสามารถพร้อมที่จะบริหารจัดการบริษัทมู่ซื่อ” “ประธานมู่ไม่มีความพร้อม แต่เขาก็ไม่ได้ถูกปลดออกจากบริษัทมู่ซื่อ ยังเป็นคนของบริษัทมู่ซื่อ” ถังซินพูดอย่างนิ่งๆ “ดังนั้นถ้าคุณรับตำแหน่งนี้ไปแล้ว ก็เท่ากับว่าทำลายกฎเกณฑ์ของบริษัทมู่ซื่อ ทำลายชื่อเสียงของตระกูลมู่” “ถังซิน!” มู่จิ่นหลิงที่อยู่ข้างๆเธอแทบจะตบโต๊ะ และพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง “ในนี้มีแต่ผู้ถือหุ้นและรองประธาน เธอเป็นแค่ผู้จัดการไม่มีสิทธิที่จะพูด” แต่ถังซินก็ไม่โกรธ เพียงแต่เอ่ยถามผู้ถือหุ้นขึ้นว่า “พวกคุณเชิญพวกเราที่ตำแหน่งสูงมา แต่กลับไม่ให้สิทธิพวกเราพูดอย่างนั้นหรือ แล้วจะให้พวกเราเข้ามาทำไม” “ที่ผู้จัดการถังพูดก็ไม่ผิด ประธานมู่สลบไม่ได้สติแต่ก็ยังเป็นคนของบริษัทมู่ซื่อ รองประธานซูนฉวยโอกาสพูดขึ้น ถ้าคุณมู่เข้ามาร่วมอีกก็จะขัดต่อกฎเกณฑ์ของท่านมู่” ผู้ถือหุ้นทั้งหลายต่างรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก คนที่สนับสนุนมู่เจิ้งหย่าก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ท่านมู่ได้เอาตำแหน่งยกให้กับมู่เฉินหย่วนแล้ว ในมือยังคงมีสิทธิของผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ สิทธิของผู้ถือหุ้นในมือเขาและที่อยู่ในมือของมู่เฉินหย่วนถ้ารวมกันก็จะมากกว่าผู้ถือหุ้นทั้งหมด และท่านมู่พูดจาคำไหนคำนั้น การประกาศใช้คำสั่งดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ถ้าพวกเขาทำลายกฎเกณฑ์นี้จริงๆก็จะถูกเตะออกไปได้อย่างง่ายดาย บริษัทมู่ซื่อเป็นเหมือนเนื้อชิ้นใหญ่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะโยนทิ้ง มู่เจิ้งหย่ามองจ้องเขม่นมาที่ถังซิน เมื่อวานที่โรงพยาบาลพึ่งได้เจอกับถังซินในห้องโถงใหญ่ จากที่เธอไม่เคยมองอย่างจริงจัง ตอนนี้ก็ได้เห็นเป็นครั้งแรก เธอรู้ว่าแผนกเลขาได้มีคนของรองประธานซูนและรองประธานกาวแทรกซึมเข้าไป แม้กระทั่งทั้งบริษัทก็ยังมีคนของที่สองคนนี้อยู่ไม่น้อย ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉินหย่วนนั้นมีน้อยมากจนน่าสงสาร คิดไม่ถึงว่ามู่เฉินหย่วนจะมีผู้หญิงที่มีนิสัยเฉียบขาดเช่นนี้อยู่ข้างกาย เป็นเพียงผู้จัดการตัวเล็กๆ ยังกล้าที่จะท้าทายกับเธอ ทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ “ผู้จัดการถังท่านนี้ คุณพูดถูก” มู่เจิ้งหย่ายิ้มเบาๆ “เฉินหย่วนยังเป็นคนของบริษัทมู่ซื่อ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถรับตำแหน่งceoได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของบริษัทมู่ซื่อได้” เธอลุกยืนขึ้น อายุไม่ได้ทำให้เธอหัวขาว แต่กลับเพิ่มความน่าเกรงขามให้กับเธอ “แต่ว่าเธอมีความกระด้างกระเดื่อง ในการเข้าร่วมการตัดสินใจของคณะผู้ถือหุ้น ฉันไล่เธอออก!” ถังซินเดาได้ว่ามู่เจิ้งหย่าคงจะอับอายแค้นใจจึงเกิดโทสะ แต่ไม่คิดว่าเธอจะพูดเช่นนี้ จึงพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแค่เพียงว่า “คุณมู่ซื่อคุณไม่ใช่คนของบริษัทมู่ซื่อ ไม่มีสิทธิที่จะไล่ฉันออก” มู่เจิ้งหย่าส่งสายตาไปที่รองธานซูนและพูดขึ้นว่า “รองประธานซูน คนที่ข้ามกฎเกณฑ์เช่นนี้ คุณแน่ใจนะว่าจะเก็บเอาไว้?” สีหน้าของถังซินแน่วแน่ แผนกนี้ของเธอถึงแม้ว่ามู่เฉินหย่วนจะเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้มู่เฉินหย่วนอยู่โรงพยาบาล หลังจากที่มู่เจิ้งหย่าถอนตัวออกไป ผู้ที่สามารถรับตำแหน่งceoได้ก็คือรองประธานซูนและรองประธานกาว เลือกมาหนึ่งคนจากสองคนให้เป็นceo ไล่เธอออกนั้นได้ผล รองประธานซูนคงจะไม่พลาดโอกาสที่จะคอยซ้ำเติมเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่กลับยังต้องแสร้งทำเป็นรู้สึกลำบากใจ “ผู้จัดการถังมีความสามารถในการทำงานมาก ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง แต่การกระด้างกระเดือกที่ทำไปนั้นเป็นข้อห้าม” มู่เจิ้งหย่ามองมาที่ถังซิน ในแววตาที่อ่อนโยนกลับแสดงให้เห็นความเฉียบแหลมเล็กน้อย และยังมีความดูถูกเหยียดหยาม เหมือนกับกำลังเตือนถังซินอยู่ว่า เธอไม่มีสิทธิที่จะมาต่อสู้กับตนเอง และเธอก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ถังซินหายใจอย่างว้าวุ่น เธอแอบใช้นิ้วหยิกไปที่กลางมือเพื่อให้อารมณ์สงบ ในสมองก็รีบค้นหาแผนรับมือ เมื่อคิดพิจารณาอยู่ประมาณสิบวินาที เหงื่อที่ก็ไหลหยดลงมา เมื่อถังซินจะขยับปาก หายใจผ่อนคลายลง เตรียมที่จะพูดอีกครั้ง ประตูห้องประชุมก็ถูกคนเปิดออก ส้งจิ้งเหอประคองผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเข้ามา “ประชุมอะไรกัน ทำไมคึกคักอย่างนี้” ถังซินได้ยินเสียงแล้วค่อนข้างคุ้นหูจึงหันหน้าไปมอง แล้วพบว่าคนที่ส้งจิ้งเหอกำลังประคองมาเป็นท่านที่เคยช่วยเธอกู้หน้าจากการถูกกลั่นแกล้งที่ตู้โชว์ซื้อเสื้อผ้า และยังไปกินชาบูกับเธอ ให้คำแนะนำกับเธอ คณะผู้ถือหุ้นที่อยู่ตรงโต๊ะประชุมต่างพากันยืนขึ้น และทักทายท่าน “ท่านมู่” ขนาดมู่เจิ้งหย่ายังต้องเดินเข้าไป แล้วบอกให้ส้งจิ้งเหอหลบออกไปก่อนตนเองจะพยุงท่านมู่ไปที่ที่นั่งเอง “พี่รองร่างกายพี่ยังไม่ฟื้นดี ทำไมถึงออกมาข้างนอกแล้วหล่ะ” “คุณหมอให้ฉันออกมาเดินบ้าง เพื่อไม่ให้ร่างกายแข็งทื่อ” ท่านมู่เอาไม้เท้าวางไว้ข้างๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันได้ยินมาว่าหุ้นของบริษัทมู่ซื่อตกลงมาก จึงมาดูสถานการณ์หน่อย” 
已经是最新一章了
加载中