ตอนที่ 78
ตนที่ 78
สิบวันให้หลัง เฟยเอ๋อให้สี่เอ๋อช่วยนางสางเกษาให้สวยงามเป็นพิเศษ ใช้ชาดทาแก้มเพื่อปกปิดใบหน้าซึ่งยังคงมีความเจ็บป่วยนิดๆ กลบไป สวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนแขนพลิ้วกระโปรงอ่อนช้อย บนกระหม่อมปักปิ่นสองอันที่โหลวเหยนหมิงซื้อให้นางตอนงานวัดยามนั้น ยันกายขึ้นยืนบนพื้นแล้วหมุนตัวสองรอบ หัวเราะพลางมองสี่เอ๋อ “งดงามหรือไม่”
“งดงามเจ้าค่ะ องค์หญิงของพวกเรางดงามที่สุดแล้ว!” สี่เอ๋อหัวเราะคิกคัก และประคองเรือยกานเฟยเอ๋อโดยพลัน “องค์หญิง ท่านเพิ่งจะหายดี ขยับให้น้อยจะดีกว่าเจ้าค่ะ!”
“ได้” ในอกเฟยเอ๋อโปร่งโล่ง ดังนั้นยามนี้สี่เอ๋อพูดอะไรก็ทำตามนั้น นางล้วนเชื่อฟัง “ข้าไปหาเหยนหมิง เขาละอายใจมาพบข้า เช่นนั้นข้าก็จะไปพบเขา! มีเรื่องบางอย่างที่ควรจะอธิบายสักหน่อย!”
พูดพลาง เฟยเอ๋อเองก็ไม่รอให้สี่เอ๋อตอบคำอีก หมุนกายวิ่งไปทางข้างนอกอย่างไม่หันกลับ
“โอ้ องค์หญิง ค่อยๆ วิ่ง ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” สี่เอ๋อร้องเบาๆ ตามหลัง มองเงาของเฟยเอ่ออย่างช่วยไม่ได้
หลายวันมานี้เฟยเอ๋อรักษาตัวอยู่ในหมิงเวนโหลวมาโดยตลอด ทึกทักว่าช่วงนี้โหลวเหยนหมิงไม่ได้กลับเข้าห้อง จะต้องหลับอยู่ส่วนในของห้องอักษรเป็นแน่ ทว่ายามที่เฟยเอ๋อวิ่งไปถึงห้องอักษร กลับไม่พบโหลวเหยนหมิง
“ไปที่ใดแล้ว” เฟยเอ๋อมุ่นขมวดคิ้ว หมุนกายไปมองสาวใช้ที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงข้ามนาง พยักหน้าเบาๆ และหมุนกายวิ่งออกจากหมิงเวนโหลว บางทีเพราะว่านางพักอยู่ที่นี่ เขาจึงวิ่งไปพักที่ตำหนักเยียนเฟยของนางแล้วกระมัง
และต้องตัดผ่านสวนดอกไม้เหมือนทุกยาม ครั้งนี้เฟยเอ๋อ ก็ยังคงมองเห็นโหลวฮ่าวเยว่ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใดเหมือนทุกครั้ง
ฝีเท้าของเฟยเอ๋อชะงักค้าง หมุนกายมองทางเขาโดยพลัน และเดินผ่านไปทีละก้าว
“พี่สะใภ้สบายดี?” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มบางพลางมองยังเฟยเอ๋อที่เดินมายังเบื้องหน้าของตน และไม่หยัดกายให้การต้อนรับ สองมือหมุนจอกเหล้าเล่นอยู่บนโต๊ะหิน และคำว่า “พี่สะใภ้” คำนั้น กลับเป็นครั้งแรกที่เขาพูด ซ้ำยังกัดฟันอย่างสุดฤทธิ์
“อ่า ท่านรู้สึกว่าข้าจะสบายดีหรือ” เฟยเอ๋อกลอกตาขาว และไม่นั่งลง ทำเพียงเดินไปเบื้องหน้าค้ำโต๊ะหินเอาไว้ หรี่ตามองรอยยิ้มบนใบหน้าของโหลวฮ่าวเยว่ “ท่านยังสงบใจอะไรอยู่”
“ท่านอยากถามอะไร” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มบาง
“ภาพแผ่นนั้น ข้างในเดิมทีแล้วก็ไม่ได้มีความลับอันใด ใช่หรือไม่” เฟยเอ๋อเอ่ยถามกัดฟันกรอด
“ใช่” ครั้งนี้ โหลวฮ่าวเยว่พูดความจริงออกมาตรงๆ เงยหน้าที่แววตาเปี่ยมยิ้มขึ้นมองเข้าไปในดวงตาที่ตกตะลึงทั้งคู่ของเฟยเอ๋อ “เพียงแต่คาดไม่ถึง ท่านยังคงมีชีวิตอยู่มาอยู่!”
“ท่านหมายความว่าอะไร” เฟยเอ๋อกัดฟัน นางรู้แล้วว่าโหลวฮ่าวเยว่และคนเหล่านี้เหตุใดจึงเกลียดนางเพียงนี้ เพียงเพราะพวกเขาเข้าใจผิดเหมือนกับโหลวเหยนหมิงว่านางสังหารซีอวิ๋น นางไม่จำเป็นต้องอธิบายแก่พวกเขา แต่ว่าวิธีทำแบบนี้ของโหลวฮ่าวเยว่กลับทำให้ใจด้านชาถึงขีดสุด
ที่แท้ เขาเพียงแต่หลอกลวงนางฉาดใหญ่! โหลวฮ่าวเยว่เขากำลังเล่นสนุกกับนาง!
“ภาพแผ่นนั้น เป็นภาพแผ่นสุดท้ายที่ซีอวิ๋นเหลือทิ้งไว้ให้เขาก่อนตาย และยังเป็นภาพเหมือนของซีอวิ๋นเองเพียงแผ่นเดียวที่โหลวเหยนหมิงมีอยู่ในมือ เจาว่า ภาพแผ่นนั้นสำคัญกับเขาหรือไม่” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มบาง
เฟยเอ๋อมุ่นคิ้วขึ้น มองรอยยิ้มเย็นเยียบบนใบหน้าของโหลวฮ่าวเยว่
“หากว่าเขาพบว่าภาพนั่นถูกท่านทำลาย...” กล่าวถึงตรงนี้ โหลวฮ่าวเยว่พลันมุ่นคิ้วขึ้น มองเข้าไปในดวงตาของเฟยเอ๋อ “สิ่งเดียวที่ข้าคิดไม่ถึงก็คือ เขาไม่ได้สังหารท่าน!”
“เขาไม่อาจสังหารข้าได้!” เฟยเอ๋อกัดฟันแน่วแน่ “ซีอวิ๋นเป็นเพียงอดีตสำหรับเขา ข้าจึงจะเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในตอนนี้ เขาจึงไม่อาจฆ่าข้าได้!”
“จริงหรือ?” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มเย็น มองนางด้วยดวงตาเปี่ยมการเหยียดหยามในบัดดล “เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงบาดเจ็บ”
“ข้า...” เฟยเอ๋ยนิ่งทื่อ นึกถึงคืนวันนั้นที่โหลวเหยนหมิงผลักนางอย่างโหนร้าย นึกถึงไฟโกรธในดวงตาของเขา นึกถึงความไม่ใส่ใจสักนิดที่เขามีต่อตนเอง ทันใดนั้น หัวใจที่เต็มเติมคาดหวังมาสิบวันก็หม่นขรึมลงมาอีกครั้ง มุ่นคิ้วและไตร่ตรองถี่ถ้วน
ใช่สิ หากว่าโหลวเหยนหมิงใส่ใจนางจริง แล้วเหตุใดเพราะว่าภาพเหมือนของหญิงสาวนางหนึ่งที่นับว่าตายไปจากใจเขาแล้ว จึงปิดตายนางอยู่ในห้องอักษรทั้งคืนอย่างไม่แยแส ซ้ำยังทำร้ายจนอีกนิดเดียวก็นางตายไปแล้ว
เช่นนั้นนับว่าใส่ใจหรือ ตัวเฟยเอ๋อเองถามตนเอง แต่กลับไร้คนตอบคำถาม
“หญิงโง่!” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มเย็น “จะบอกท่านให้ ท่านไม่สามารถเข้าไปในใจของโหลวเหยนหมิงตลอดกาล ก็เหมือนก็ที่ท่านไม่อาจสลัดคราบนักโทษที่ท่านเป็นมือสังหารซีอวิ๋นจนตายนั่นแหละ เรื่องที่เป็นสัจธรรม เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก!”
“นั่นก็ไม่แน่!” ฉับพลันเฟยเอ๋อก็ยิ้มเย็น พอเอ่ยถึงการตายของซีอวิ๋น นางก็ก็ยิ่งมีเหตุผลจะเชื่อมั่นว่าคนที่ให้ร้ายนางเหล่านี้ยามได้เห็นซีอวิ๋นที่ยังมีชีวิตอยู่ จะมีท่าทีอย่างไร
แน่นอน เฟยเอ๋อเองก็กำลังขบคิด หากว่ายามที่ตนเองและซีอวิ๋นยืนอยู่ต่อหน้าโหลวเหยนหมิงในเวลาเดียวกัน เขาจะ...เลือกใคร
การไปดูแคลนตนเองเช่นนี้ โง่เง่าเกินไปหรือไม่ ไม่ต่างจากผู้หญิงที่โง่เง่าเหล่านนั้นเลย? เฟยเอ๋อกัดเรียวปาก
โหลวฮ่าวเยว่ไม่ได้ยี่หระต่อคำของเฟยเอ๋อ ทันใดนั้นก็ยิ้มอย่างจงใจ ยันกายขึ้นเดินไปยังเบื้องหน้าของเฟยเอ๋อ เฟยเอ๋อนิ่งงัน นึกอยากก้าวถอยหลัง จะรู้ที่ใดว่าโหลวฮ่าวเยว่จะเอื้อมมือออกมารัดนางไว้ในอ้อมอก และก้มหน้ามาสำรวจเรียวปากของนางอย่างคลุมเครือ ถึงแม้ไม่ได้สัมผัวเรียวปากของนาง ทว่ากลิ่นบนเรือนกายที่แฝงความหอมเกลียงอ่อนจางๆ ของเขานั้นเฟยเอ๋อกลับยังคงสูดดมเข้าไปอย่างจังเข้าให้แล้ว
“ท่านปล่อยข้าเสีย!” เฟยเอ๋อหยัดศีรษะไปข้างหลัง เกรงว่าจะถูกผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอาเล็กผู้นี้ครอบครองเสียราคาไป
“ท่านคิด...หากว่าเขาใส่ใจท่าน หากว่าเขาเห็นข้ากับท่านกอดกันกลม จะโกรธจนถลาเข้ามาหรือไม่” โหลวฮ่าวเยว่ยิ้มจาง
“พูดพล่าม! หากเป็นท่าน ท่านเต็มใจสวมเขาหรือ! ท่านออกไป ปล่อยข้าเสีย!” เฟยเอ๋อกรีดร้อง ยันร่างกายหมายจะหลีกหนีจากอ้อมกอดของโหลวฮ่าวเยว่
คิดไม่ถึงว่าเขาจะผอมบางเพียงนี้ รูปร่างเหมือนคนเจ็บป่วยแต่กลับมีเรี่ยวแรงมากเพียงนี้ เฟยเอ๋อกัดฟันแน่น จ้องเขาอย่างพิโรธ “โหลวฮ่าวเยว่ ข้ารู้ว่าท่านเพียงแต่กำลังล้อเล่น ท่านได้ล้อเล่นจนข้าเกือบตายเข้าให้แล้ว ท่านยังเล่นไม่สะใจอีกใช่หรือไม่ หรือท่านนึกอยากให้ข้าตายไปจริงๆ”
โหลวฮ่าวเยว่คลายมือ เฟยเอ๋อรีบร้อนถอยหลัง จ้องเขาอย่างเดียดฉันท์ “ท่านก็เพียงแค่อยากเห็นเรื่องขบขันของข้ากับโหลวเหยนหมิงก็เท่านั้น! ท่านไม่เพียงแต่เกลียดข้า ซ้ำยังเกลียดเหมนหมิง! แต่ว่าเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน ท่านทำอย่างนั้นไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงมาเล่นตลกกับข้าใช่หรือไม่”
สีหน้าของโหลวฮ่าวเยว่แข็งทื่อ ก่อนหมุนกายไปอย่างกะทันหันและไม่มองเฟยเอ๋ออีกเลย
เฟยเอ๋อแค่ยเสียงเย็นอย่างโกรธเกี้ยว หันหน้าไปมองเสี่ยวฟางจื่อที่เดินเข้ามาในทันใด
“ชายาอ๋อง...” เสี่ยวฟางจื่อย่อกายทำความเคารพ แต่ว่าแววตากลับยังคงกะเมินเฟยเอ๋ออย่างถี่ถ้วน ในดวงตาปกคลุมด้วยกลิ่นอายอันไม่แจ่มแจ้ง
“อืม” เฟยเอ๋อพยักหน้า
“ท่านอ๋องทราบว่าชายาอ๋องออกมาข้างนอกได้แล้ว จึงให้ข้าน้อยมาเรียนเชิญชายาอ๋องไปเสวยโดยเฉพาะ!”
“ดีเชียว ไปไหน” เฟยเอ๋อยิ้มพลางเดินลงจากศาลา นางไม่อยากจะยืนอยู่ด้วยกันกับโหลวฮ่าวเยว่คนนั้นอีกต่อไป
“รั่วอวิ๋นเก๋อ”
สีหน้าเฟยเอ๋อซีดขาว มองแววแน่วแน่ของเสี่ยวฟางจื่ออย่างไม่เข้าใจ รั่วอวิ๋นเก๋อ...รั่วอวิ๋นเก๋อ? ไฉนจึงเป็นที่นั่นได้