ตอนที่ 80
ตนที่ 80
โหลวเหยนหมิงมุ่นคิ้ว มองเฟยเอ๋อที่มีสีหน้าไม่ยอมบำราบ นางดูเหมือนว่าไม่แยแสเช่นนี้ แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดเล็กๆ
หญิงนางนี้...จะสงบนิ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ?
“หากว่าอยากจะย่อโมโหข้าล่ะก็ ฉูเฟยเอ๋อ เจ้าทำสำเร็จแล้ว!” โหลวเหยนหมิงกำหมัดแน่น มองเฟยเอ๋ออย่างเย็นเยียบ
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า!” เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาตวาดลั่น “ก็ท่านจะสังหารฆ่า หรือว่าผลักไสข้าไปที่ใดอีก ให้ข้ากระแทกจนตายไปเลย!”
“เจ้า!” โหลวเหยนหมิงกัดฟัน หญิงนางนี้จะไม่ยอมกำราบลงมาสักหน่อยเลยหรือ จะต้องหักหน้าท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์อย่างเขาให้ได้ จะต้องกลับไปด้วยสีหน้าแห่งชัยชนะของตัวนางเองให้จงได้เชียว?
“ช่างเถิด!” โหลวเหยนหมิงพลันรู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำลงไปในคืนนี้ ในมุมมองของตนเองแล้ว ทั้งเด็กเล็กและน่าขันในบัดดล และยังเอาหัวใจของตัวเองมาบึ้งตึงเล่นโดยใช่เหตุ หญิงนางนี้ ฉูเฟยเอ๋อผู้นี้ ยามนี้เดิมทีเขาสามาถไม่ใยดีนาง และปิดตายนางไว้ในตำหนักเยียนเฟยไม่ไปหานางอีกต่อไป
ทว่าขอเพียงแค่นางปรากฏกาย เขาก็ไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกทับทวีจนกระทั่งถอนไม่ออกในอกเอาไว้ได้เลย
“เสี่ยวฟางจื่อ ส่งชายาอ๋องกลับตำหนักเยียนเฟย!” โหลวเหยนหมิงยกมือขึ้นนวดกลางคิ้ว
“ท่านสามารถฉีกหน้าข้าเพราะภาพแผ่นเดียวได้จริงๆ...” เฟยเอ๋อหมุนกายกลับไป และเอ่ยปากเสียงแผ่วอย่างกะทันหัน “ภาพแผ่นเดียวเท่านั้นเอง...ในเมื่อให้น้ำหนักขนาดนั้น และไฉนจึงยังพูดว่ารักข้าอีก?”
น้ำเสียงยิ่งไกลไปเรื่อยๆ โหลวเหยนหมิงมุ่นคิ้วมองไปยังทิศทางของเฟยเอ๋อและเสี่ยวฟางจื่อที่หายลับไปด้วยกัน หัวใจราวกับถูกของบางอย่างกดทับเอาไว้ จะอย่างไรก็ไม่สามารถชะล้างสิ่งกีดขวางนั้นได้เลย
“ท่านอ๋อง...” มือบางอันไร้เรี่ยวแรงของรั่วอวิ๋นลูบไล้บริเวณหน้าอกของโหลวเหยนหมิงในบัดดล “ท่านอ๋อง ในเมื่อชายาอ๋องออกไปแล้ว นางไม่หิว เช่นนั้นพวกเราทานด้วยกันเถิด!”
นางอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนกว่าเต็มๆ ไม่ได้ออกไปข้างนอก คิดไม่ถึงว่าโหลวเหยนหมิงจะมาหาจากที่ปล่อยให้นางรอจริงๆ อีกทั้งการมาครั้งนี้ยังลากนางขึ้นบนเตียง จากนั้นก็ทั้งกอดทั้งหอมนางตลอด ในเมื่อโอกาสมาแล้ว ไยนางจะไม่คว้าโอกาสเอาไว้กันเล่า?
“ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากินเองเสีย!” โหลวเหยนหมิงหมุนกายและผลักมือของรั่วอวิ๋นออกเบาๆ พร้อมสาวเท้าตึงตังเดินจากไป
“ท่านอ๋อง!” รั่วอวิ๋นยันกายขึ้น มองเงาร่างของโหลวเหยนหมิงอย่างไม่สบอารมณ์ ในอกก็ผุดความโศกเศร้าอันหนักหน่วงอย่างฉับพลัน ที่แท้ หัวใจของเขา ได้ถูกฉูเฟยเอ๋อคนนั้นฉกชิงไปแล้วจริงๆ เชียวหรือ หญิงผู้นั้น ควรจะเป็นหญิงสาวที่เขาเกลียดมากที่สุดสิ!
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูตำหนักเยียนเฟย เฟยเอ๋อก็หมุนกายจ้องเสี่ยวฟางจื่อเขม็ง “เจ้ากลับไปได้แล้ว!”
“เอ่อ ชายาอ๋อง” เสี่ยวฟางจื่อมุ่นคิ้วในบัดดล “ท่านอ๋องยังสั่งมาว่าต่อจากนี้ไปชายาอ๋องไอย่าได้ออกจากตำหนักเยียนเฟยโดยพลการอีก เลี่ยงการทำเรื่องวุ่นอีก..”
“กักบริเวณข้า?” เฟยเอ๋อย่นคิ้ว มองเสี่ยวฟางจื่อเย็นเยียบ
“ไม่ ไม่ใช่ ชายาอ๋อง ท่านอ๋องเพียงบอกว่าให้ท่านออกมาน้อยครั้ง พยายามบำรุงร่างกายอยู่ข้างใน หากว่าอยากออกมาก็ย่อมได้ แต่ว่าจะต้องมีคนติดตาม!”
“มีคนติดตาม?” เฟยเอ๋อเลิกคิ้ว “ใครติดตาม เจ้าติดตามหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่...ข้าน้อยขอตัวก่อน!” เสี่ยวฟางจื่อยิ้มอย่างอึดอัดใจ ย่อกายลงอย่างเร่งรีบ วิ่งออกไปราวกับกระโดดหนี
“เชอะ!” เฟยเอ๋อกลอกตามองบนแก่เงาร่างของเสี่ยวฟางจื่อ ก่อนหมุนกายเดินเข้าไปในตำหนักเยียนเฟยของตนเอง
“อ่า องค์หญิง ท่านกลับมาแล้ว! พบท่านอ่ฮงแล้วหรือไม่” สี่เอ๋อรีบก้าวมาต้อนรับอย่างว่องไว แต่เฟยเอ๋อกลับไม่เอ่ยคำ ไม่ได้มองสี่เอ๋อสักแวบเดียว สีหน้าง้ำงอดบนใบหน้าที่จิกกัดเยวฟางจื่อเช่นนั้นหายไปตั้งนานแล้ว เหลือไว้เพียงความเงียบ
เฟยเอ๋อเดินกลับเข้าในห้อง ปิดประตูแน่นก่อนที่สี่เอ๋อจะเข้ามา จากนั้นก็เอนหลังพิงประตูห้องแนบแน่น ให้หยาดน้ำตาที่กลั้นมานานเนิ่นไหลรินลงมา
“องค์หญิง! องค์หญิงท่านเป็นอะไรไป องค์หญิง?” สี่เอ๋อเคาะประตูด้านนอกอย่างค่อนข้างเป็นกังวลใจ
“ฮ่า...” เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าหัวเราะหรือร้องไห้ เรือนร่างครูดไหลลงช้าๆ ตามแนวประตู ท้ายที่สุดก็นั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้น้ำตาร่วงรินลงข้างล่างหยดแล้วหยดเล่า
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงทำกับนางเช่นนี้ เฟยเอ๋อน้ำตาหลั่งริน ความสุขที่นางทึกทักเหตุใดจึงแสนสั้นเพีงนี้ ยามนี้นางมีบุตรที่อายุหนึ่งเดือนแล้ว เขากลับยังทำกับนางเช่นนี้อีก เพียงเพราะภาพแผ่นเดียวนั้นหรือ หรือว่าเป็นสาเหตุอื่นที่นางไม่รู้
“โหลวเหยนหมิง...ท่านเหี้ยมนัก...ชั่วช้านัก...” เฟยเอ๋อกัดฟัน นึกอยากระเบิดหัวเราะ ทั้งนึกอยากร้องไห้โฮ ทว่ากลับร้องไห้ไม่ออก หัวเราะก็ไม่ได้ ท้ายที่สุดแสดงท่าทีน่าเกลียดออกมา บีบกลั้นใบหน้าที่ร้องไห้สะอื้น
“องค์หญิง! องค์หญิง! เกิดเรื่องอะไรกับท่านแล้ว สี่เอ๋ออยู่ตรงนี้ พูดกับสี่เอ๋อสิเจ้าคะ! องค์หญิง ท่านร้องไห้หรือ องค์หญิง...”
โหลวเหยนหมิงเดินเข้ามาอย่างกะทันหัน ดึงมือของสี่เอ๋อออก ส่งเสี่ยงต่ำให้นางออกไปก่อน
สี่เอ๋อนิ่งงัน มองโหลวเหยนหมิงอย่างวิตกเล็กน้อยหลายแวบ ซ้ำมองไปยังประตูที่ถูกเฟยเอ๋อปิดสนิทแวบหนึ่ง ก่อนทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ และหมุนกายสาวเท้าจากไปอย่างเนิบนาบ
โหลวเหยนหมิงมองไปยังประตูห้องที่ถูกเฟยเอ๋อปิดแน่น เอื้อมมือไปสัมผัสบานประตู รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนเล็กน้อยบนประตู ก็นึกได้ว่ายามนี้เฟยเอ่อน่าจะนั่งร้องไห้อยู่ตรงประตู
ในเมื่ออยากร้อง แล้วเหตุใดไม่ร้องไห้อยู่ต่อหน้าเขา ผู้หญิงไม่ใช่ว่าล้วนใช้น้ำตาอย่างฉลาดมาเรียกร้องความเห็นใจหรอกหรือ เหตุใดนางจึงโม่เพียงนี้ที่มักจะซ่อนเก็บน้ำตาเอาไว้ ไปร้องไห้คนเดียว
เขาลองผลักประตู รู้สึกเพียงว่าประตูนี้ถูกเฟยเอ๋อพิงเอาไว้จากด้านใน โหลวเหยนหมิงมุ่นคิ้ว เหวี่ยงมือสุดกำลัง ผลักเปิดประตูห้องออก
เฟยเอ๋อที่พิงหน้าประตูร้องไห้ตลอดพลันฟุบอยู่ด้านข้างอย่างซวนเซ แต่กลับร้องไห้อย่างไร้กำลังปีนป่ายขึ้นมาแล้ว หันหน้าซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตามองยังคนที่ผลักเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้องอย่างกะทันหัน ในบัดดลก็นิ่งงันชะงัก
“ท่าน...” เฟยเอ๋อนิ่งงัน รีบยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตาเป็นพัลวัน แข็งกายพยายามปีนขึ้นมา อย่างไรก็ตามนางพลันค้นพบว่าเพิ่งจะนั่งลงเช่นนั้น ข้อเท้าก็เกร็งแพลงแล้ว
เห็นท่าทีแปลกๆ ของนาง โหลวเหยนหมิงก็ทอดถอนใจก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดนางขึ้น เฟยเอ๋อนึกอยากขัดขืน แต่กลับยังคงถูกเขากดทับเอาไว้ กอดนางมานั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ก้มหน้าไปช่วยนางนวดข้อเท้า
“หญิงโง่!” โหลวเหยนหมิงยันกายขึ้น มองหญิงที่นั่งตัวกระเพื่อมบนเก้าอี้ ราวกับว่าการร้องไห้ครั้งนั้นยังไม่ทันจะผ่านพ้นไป
เฟยเอ๋อสูดจมูก หันหน้าไปเช็ดพวงแก้ม ก็เพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่าตนเองร้องไห้เพราะเขาจริงๆ! เชอะ! เขาเป็นผู้ใดกัน บุรุษหลายใจคนหนึ่ง นางไม่ใช่ผู้หญิงที่เต็มใจจะร้องไห้อ้อนวอนน้ำตาไหลต่อหน้าผู้ชายเสียหน่อย!
“ตอนนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าอธิบาย! ให้เวลาเจ้าเพียงแค่สิบห้านาที!” โหลวเหยนหมิงมองดวงตาแดงก่ำของนางอย่างเย็นเยียบ พลันรู้สึกว่านางยังร้องไห้ไม่พอกลับยังมีท่าทีพยายามปรับสีหน้าให้เป็นธรรมชาติทั้งที่กลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ ช่างน่ารักอย่างแปลกตา