ตอนที่ 83
ตนที่ 83
“องค์หญิง...หลายวันมานี้ท่านอ๋องไม่รู้ว่าไปรับผู้หญิงตั้งมากมายมาจากที่ไหนเข้าสู่จวน ทั้งยังเอาอาคารที่ตั้งชื่อว่าตำหนักว่านฟางในสวนด้านในนั่นข้างหลังตำหนักเยียนเฟย ให้ผู้หญิงพวกนั้นเข้าไปพัก หลายคืนติดกันมานี้ท่านอ๋องล้วนไปพักที่นั่น...”
“บอกข้าเรื่องพวกนี้ทำไมกัน” เฟยเอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าบานหน้าต่าง ไม่ได้หันกายไปมองสี่เอ๋อที่มารายงานเรื่องพวกนี้แก่นางอย่างกะทันหัน
“องค์หญิง ท่านไม่แยแสหรือ” สี่เอ๋อมองนางอย่างกังวลใจ
“มีอะไรที่ข้าต้องแยแสด้วย! คนที่เขารักก็ไม่ใช่ข้า!” เฟยเอ๋อกัดฟัน ผู้ชายที่นึกอยากให้ผุ้หญิงของตนเองมีชีวิตท่ามกลางความหลอกลวง ยังจะพูดเรื่องความรักทำไม? ดังนั้น นั่นไม่ใช่ความรัก! แม้ว่าหัวใจนางเจ็บปวด แต่นางก็ยังอยากพุด นั่นไม่ใช่ความรักแน่นอน!
“องค์หญิง...” สี่เอ่ฮเดินมาข้างหน้า กระตุกดึงแขนเสื้อของเฟยเอ๋ออย่างเบามือ “แต่ว่าแม่นางรั่วอวิ๋นก็เริ่มมีอาการนั่งไม่ติดแล้ว ทุกวันล้วนไปร่ำไห้กับท่านอ๋อง ท่านอ๋องปวดใจนัก จึงให้นางเองเข้าไปตำหนักว่านฟางแล้ว ทุกวันก็เพิ่มพูนความโปรดปรานต่อแม่นางเหล่านั้น ดูว่าจะรับพวกนางทั้งหมดเข้ามาในจวนอ๋อง ว่ามีทั้งสนมรอง มีทั้งอนุ...”
เฟยเอ๋อนิ่งทื่อ จิกเล็บแน่นฝังในฝ่ามือ และยิ้มเยียบเย็น “นี่ก็คือสิ่งที่เจาอยากให้ข้าเห็น? อยากให้ข้ารับรู้ถึงความเสียใจภายหลังทั้งหมด?”
โหลวเหยนหมิง ท่านเองก็ช่างนำแม่นางเหล่านั้นมาจริงจังแล้ว! ไม่เสียดายที่จะนำชื่อเสียงของตัวเองมาฉาวโฉ่ เขาเป็นเช่นนี้จึงเป็นวิธีที่โง่เขลาที่สุด แต่กลับทำให้เฟยเอ๋อนับวันจะยิ่งฉลาดแหลมขึ้นเรื่อยๆ นับวันจะยิ่งให้แววตาเย็นชามองดูทุกอย่าง
“สี่เอ๋อ ตำหนักว่านฟางอยู่ที่ใด” เฟยเอ๋อหมุนกายกะทันหัน
“เอ่อ องค์หญิงท่านเองก็จะไปหรือ” สี่เอ๋อมองดูรอยยิ้มบางบนใบหน้าของเฟยเอ๋ออย่างตื่นตระหนก
“ข้าเพียงแค่อยากไปดูสักหน่อยว่าเข้ารับสมัครสินค้าเหล่าใดเข้ามาในจวนอ๋อง!”เฟยเอ๋อยิ้มบาง นางมีแววตาชมเชยโหลวเหยนหมิงแวบหนึ่ง ซีอวิ๋นก็คนหนึ่ง รั่วอวิ๋นก็อีกคน ก็เพียงพอจะสามารถพิสูจน์แล้วว่าโหลวเหยนหมิงเป็นบุรุษที่ดึงดูดสาวงามได้จริงๆ นางนึกอยากดูว่ากลุ่มสตรีในครั้งนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร บางครั้งอุดอู้อย่างทรมานอยู่แต่ในห้อง ไม่สู้ออกไปทำเรื่องตื่นตาตะลึงใจสักหน่อย
“องค์หญิง เช่นนั้นสี่เอ๋อจะไปด้วยกันกับท่าน อยู่ด้านหลังตำหนักเยียนเฟยของพวกเราท่านั้นเอง!” สี่เอ๋อก้าวมาข้างหน้า ยืนอยู่ข้างกายเฟยเอ๋อ
“ด้านหลัง?” ดูท่าที่แท้ก็อยากให้นางรับรู้ เฟยเอ๋อยิ้มเย็น “ไป สี่เอ๋อ ไปดูสาวงามด้วยกัน!”
ตัดผ่านสวนของตำหนักเยียนเฟย เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็สามารถมองเห็นคฤหาสน์ที่ดูเหมือนว่าจะซ่อมแซมใหม่หนึ่งหลัง เฟยเอ๋อมองไปยังตัวอักษรขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวที่เขียนบนใต้คานอาคารด้านในของสวย---ตำหนักว่านฟาง
โหลวเหยนหมิงน่าจะไม่อาจสร้างสถานเริงรมย์ปรนเปรอความจรรโลงแก่เขาในจวนอ๋องเหยนหมิงกระมัง? ตำหนักว่านฟาง? ชื่อเช่นนี้ต่างจากหอนางโลมหรือ? เฟยเอ๋อแสยะปากอย่างเหยียดหยาม เดินเข้าไปด้านใน สี่เอ๋อรีบตามหลังเข้าไป
“ย้า! ฮ่าๆ พี่รั่วอวิ๋นท่านแพ้แล้ว!”
“มีที่ใด ข้าไม่ได้แพ้นะ เจ้าดูสิ หมากตัวนี้เดินอยู่ตรงนี้แท้ๆ เจ้ากระโดดตรงดิ่งมาตั้งหลายก้าว หมู่ตันช่างเหลี่ยมจัดนัก!”
“ข้าไม่ได้เหลี่ยมจัดนะ ท่านดูเถิด!” ผู้หญิงที่ชื่อหมู่ตันยกนิ้วมือซึ่งเคลือบด้วยสีทาเล็บชี้ไปบนกระดานหมากล้อม “ท่านดู ท่านดูตรงนี้”
เฟยเอ๋อเดินเข้าไป เห็นในศาลาของด้านในสวนนี้มีผู้หญิงยืนอยู่ในเวลาเดียวกันสองสามนาง และบนโต๊ะหินยังมีหญิงสองนางนั่งอยู่ คนหนึ่งคือรั่วอวิ๋น อีกคนหนึ่งน่าจะเป็นหมู่ตันที่เอ่ยวาจาเสนาะหูผู้นั้นแล้ว
“โอ้! นั่นคือใครกัน” ผู้หญิงอาภรณ์เหลืองทั้งร่างที่ยืนอยู่ด้านข้างหมุนกายมามองเฟยเอ๋อ เห็นว่านางสวมอาภรณ์ม่วงเรียบง่าย มองดูนางด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “หรือว่าท่านอ๋องเห็นว่าพวกเรี่น้องไม่กี่คนยังไม่พอปรนนิบัติรับใช้ท่าน จึงรับมาอีกคน?”
เฟยเอ๋อมุ่นคิ้ว เห็นว่าผู้หญิงเหล่านั้นมีรูปลักษณ์ไม่ได้เลิศเลอนัก แต่นับว่าเป็นระดับสูงก็เท่านั้น เทียบกับซีอวิ๋นและรั่วอวิ๋น ก็นับว่ายังธรรมดาสามัญมากโขจริงๆ ไม้ที่โหลวเหยนหมิงนึกอยากเล่นตลกกับนาง ที่แท้ก็ยังตามอำเภอใจเพียงนี้ ช่างทำลายอารมณ์ที่นางนึกอยากมาชมสาวงามลงอย่างใหญ่หลวงแท้
นางแสยะปาก เฟยเอ๋อทำเพียงยิ้มเย็นส่งให้หญิงอาภรณ์เหลืองนางนั้นอย่างเสียสดสี และหมุนกายเดินจากไป
“นั่นเป็นแม่นางที่ท่านอ๋องหามาใหม่เสียที่ใด นั่นเป็นถึงชายาอ๋องถูกต้องตามธรรมเนียมของจวนอ๋องเหยนหมิงของพวกเราเชียวนะ!” รั่วอวิ๋นพลันยันกายลุกขึ้น มองเฟยเอ๋อที่ดูเห็นว่ายังไม่ได้พบเจอท่านอ๋องมาหลายวันแล้วด้วยสายตาถากถางรอยยิ้มเสียดแทง
“หา? เป็นชายาอ๋องหรือ”
“โอว เหตุใดสิ่งที่ชายาอ๋องสวมจึงเรียบง่ายเพียงนี้ มาทำอะไร ดูแคลนพวกเราพี่น้อง จงใจมาให้พวกเราดูว่าชายาอ๋องท่านนี้มีความมัธยัสถ์มากเพียงใดใช่หรือไม่”
“ชู่ เบาเสียงหน่อย นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์โหลงโฉงของพวกเราเชียวนะ! อย่าทำให้นางขุ่นเคือง ไม่เช่นนั้นชะตาชีวิตน้อยๆ ก็ยากจะรักษาแล้ว!”
“ยังเป็นถึงองค์หญิงเชียว? เหตุใดจึงมองแล้วไม่เหมือนเลย”
“อัยยะ กลัวอะไรเล่า องค์หญิงองค์หนึ่งแล้วจะอย่างไร ไม่รู้ระบบของราชวงศ์พวกเราหรือ ต่อให้เป็นองค์หญิง แต่เมื่อหลังจากออกเรือนแล้ว ก่อนหน้านี้มีสถานะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงพึ่งผู้ชายในการใช้ชีวิต ตอนนี้หนอ ดูแล้วนางเป็นเพียงแค่ชายาอ๋องตกกระป๋องคนหนึ่งก็เท่านั้น!”
“...”
เฟยเอ๋อหยุดกายทันควัน หมุนกายหันไปมองยังผู้หญิงที่ยืนรวมกลุ่มกันไม่กี่นางอย่างดุดัน คนที่ยืนอยู่ตรงกลางสุด ก็คือรั่วอวิ๋นคนนั้น เห็นเพียงว่ายามนี้นางสวมอาภรณ์หลวมโคร่งกว่ายามปกติ ไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายข้างกายเลย
ที่แท้ก็เป็นคนที่ออกมาจากหอนางโลม พบปะกับพี่น้องร่วมชะตา ก็สามารถเปลี่ยนสีตามกันไปแล้ว แม้กระทั่งกลิ่นอายอ่อนโยนที่ทำให้นางชมเชยมาโดยตลอดนั้นก็มองไม่เห็นเสียแล้ว
“ย้า! ดูสิ นางหมุนกายกลับมาแล้ว! จะบันดาลโทสะหรือไม่นะ?” หมู่ตันยืนอยู่ด้านข้างรั่วอวิ๋น ถามอย่างระวัง
รั่วอวิ๋นทำเพียงยิ้มเย็นชา มองเฟยเอ๋อด้วยสายตายัวยุ “พี่ชายาอ๋อง พักนี้ดีหรือไม่”
เฟยเอ๋อดึงสี่เอ๋อที่อยากก้าวไปข้างหน้าด่าทอนางเอาไว้ หันหน้าไปจ้องสี่เอ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปมองรั่วอวิ๋นและหญิงกลุ่มนั้น พลางยิ้มบางเบา “พูดตามจริง ข้าไม่ค่อยดีนัก!”
“โอว! ชายาอ๋องท่านนี้ช่างน่าสนใจนัก สามารถพูดความได้!” ผู้หญิงด้านข้างฝืนปากยิ้มบาง รั่วอวิ๋นเองก็มองนางอย่างภาคภูมิใจ
“ลองขบคิดดูให้ดี หญิงนางหนึ่งที่ตั้งครรภ์เดือนเศษๆ จะสบายได้อย่างไรกันเล่า ทุกวันก็เอาแต่อาเจียน ก็อาเจียนจนทรมานแล้ว!” เฟยเอ๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้ม กลับตาลปัตรไปหมด
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของเฟยเอ๋อแข็งทื่อลงมา ผู้หญิงด้านข้างเองก็นิ่งทื่อ
เฟยเอ๋อกระตุกเรียวปาก มองรั่วอวิ๋นด้วยแววตาเปี่ยมถากถาง ผู้หญิง ก็ไม่ต่างจากนี้ มักจะคิดใช้คำพูดเชือดเฉือนไปทำร้ายคนอื่น แต่กลับลืมเลือนไปว่าคนที่ถูกทำร้ายก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน ไม่อาจยืนอย่างโง่งมซ้ำยังไม่ย้อนหอกกลับ
เฟยเอ๋อยังพยักหน้ายิ้มบางให้แก่พวกนางเล็กน้อย หมุนกายเดินออกไปข้างนอกสวนอย่างนวยนาด เฮ้อ เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นสาวงามล่มแคว้นล่มเมือง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแป้งผงระดับกลาง
“ชายาอ๋องที่แท้ก็อยู่ที่นี่ด้วย?” ทันใดนั้น โหลวเหยนหมิงไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใด ยืนอยู่เบื้องหน้าของเฟยเอ๋อ บนใบหน้าเปื้อยรอยยิ้มเบาบางเอ่ไว้