ตอนที่ 89
ตนที่ 89
เพิ่งเดินเข้าวังต้องห้าม แว่วเสียงพิณอันไพเราะก็ลอยเข้ามากระทบโสตหูดุจธารไหล
ทุกคนต่างรู้ว่าซีอวิ๋นคือหญิงผู้มีพรสววรค์ได้รับการยอมรับของราชวงศ์โหลงโฉง อีกทั้งบังเป็ยหญิงที่มีความสามารถคนเดียวที่ไร้คนเปรียบเทียบใต้หล้าในราชวงศ์โหลงโฉง ทั้งงดงาม และมากด้วยพรสวรรค์ความสามารถ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นนางในฝันของบุรุษทุกคนแล้ว ก็แม้แต่ท่านอ๋องทั้งสองและองค์จักรพรรดิล้วนไม่รอดพ้นจากมนต์เสน่ห์ของนาง เห็นได้ชัดว่าซีอวิ๋นดีเพียงใด
“พี่ซีอวิ๋นอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวลำพัง แต่ยังสามารถดีดเพลงพิณอันไพเราะเสนาะเสียงออกมาได้ดีเพียงนี้ เฟยเอ๋ออิจฉาจริงๆ ยิ่งนัก!” เฟยเอ๋อยิ้มพลางเดินเข้าไปในห้องด้านในห้องหนึ่ง
ตามน้ำเสียงที่เพิ่งสิ้นสุดลงของเฟยเอ๋อ เสียงพิณเองก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ซีอวิ๋นในอาภรณ์ธารกล้วยไม้ก็เหลือบสายตาใสขึ้น มองไปทางเฟยเอ๋ออย่างตระหนก
“น้องเยียนเฟย?”
“พี่ซีอวิ๋นยังจำน้องได้ด้วยหรือ” เฟยเอ๋อยิ้มพลาง ก้าวไปด้านหน้า
“ได้ยินว่าน้องมีเชื้อไขของเหยนหมิงแล้ว ไม่บำรุงร่างกายอยู่ในจวนอ๋อง ไฉนจึงเข้าวังมาแล้วเล่า” เดิมทีซีอวิ๋นชื่นชอบองค์หญิงเฟยเอ๋อคนนี้ แม้ว่าฉูเฟยเอ๋อคนก่อนจะไร้สามารถและไร้พรสวรรค์ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่จิตใจมั่นคงและอ่อนน้อมจนทำให้บุคคลใดๆ ก็ล้วนเคารพคนหนึ่ง
“คิดถึงพี่สาวแล้ว ย่อมมาเยี่ยมสักหน่อยสิ!” เฟยเอ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายของซีอวิ๋น มองไปยังพิณโบราณเบื้องหน้าของนาง “สวรรค์ เสด็จพี่ของข้าช่างทำให้สายเลือดผู้นี้ตะลึงได้จริงๆ ก็แม้แต่พิณตัวนี้ยังเอาไม้ทั้งหมดด้านล่างทำเป็นทองคำทั้งแพเชียว!”
ซีอวิ๋นทำเพียงยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ยันกายลุกขึ้นเดินไปยังเบื้องหน้าของเฟยเอ๋อ กล่าวพลางยิ้มบาง “น้องรัก เจ้าก็รู้ว่าสิ่งที่พี่สนใจไม่ใช้ของพวกนี้”
“ใช่ ข้ารู้!” เฟยเอ๋อแย้มปากยิ้ม “หากว่าข้าไม่รู้ แล้วไฉนจึงจะปกป้องความรักระหว่างท่านกับเสด็จพี่ ซ้ำยังเกือบทำลายความรักของข้าเองได้อย่างไรเล่า”
“น้องรัก พี่ล้วนละอายใจต่อเจ้าเสมอมา แต่ว่าเจ้าดูเถิด ยามนี้ไม่ใช่ว่าเหยนหมิงดีกับเจ้ามากแล้วหรือ อีกทั้งฝ่าบาทยังตรัสว่า ยามนี้บนหน้าของเจ้าล้วนมีรอยยิ้มเป็นสุขในทุกๆ วัน รวมทั้งเหยนหมิงยังให้เจ้าตั้งครรภ์เลือดเนื้อของเขาแล้ว เห็นได้ว่าตอนนี้เขาดีกับเจ้ามากมายจริงๆ!”
“ก็ใช่กระมัง...” เฟยเอ๋อเม้มปากขึ้น ก้มหน้ามองยังหน้าท้องที่ยังคงราบเรียบ “เด็กเพิ่งจะได้เดือนเศษเท่านนั้น แต่งเข้าจวนอ๋องเหยนหมิงสองเดือนแล้ว ท่านนึกถึงน้องสาวว่าเดือนแรกข้าใช้ชีวิตอย่างไร?”
“นี่...” บนหน้าของซีอวิ๋นแฝงแววขอโทษ “เยียนเฟย...”
“เอาเถิดเอาเถิด!” เฟยเอ๋อย่นจมูก “ข้าแค่หยอกท่านเล่นนะ! วันนี้ข้ามาเพราะอยากถามท่านบางอย่าง!”
“อืม ถามเถิด” ซีอวิ๋นแย้มใบหน้ายิ้มอันนุ่มนวล หันกายไปรินจอกชาวางไว้บนโต๊ะข้างกายของเฟยเอ๋อ
“ข้าอยากถาม ภาพแผ่นนั้นที่ท่านหลงเหลือให้โหลวเหยนหมิงเป็นสิ่งสุดท้าย ข้างในมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่จริงหรือไม่”
“ภาพหรอ?” ซีอวิ๋นมองนางอย่างตกใจ “เจ้าหมายถึงภาพแผ่นนั้นของข้าหรือ ภาพแผ่นที่อยู่ด้านในห้องอักษรของเหยนหมิงนั่น?”
“อื้อ” เฟยเอ๋อพยักหน้า แต่ในอกกลับผุดความผิดพลาดขึ้น โอว ซีอวิ๋นรู้แม้กระทั่งว่าโหลวเหยนหมิงเอามันไปวางไว้ตรงไหน!
“มีความลับอะไรที่ใดกันเล่า เพียงแต่ตอนนั้นข้าป่วย ฝ่าบาทไร้หนทางรับข้าเข้าวัง ยามที่ข้าสะดวกพักอยู่ในจวนอ๋องเหยนหมิง ก่อนจะจากไปก็ตอบความนัยของเหยนหมิง จึงวาดภาพภาพนั้นเหลือไว้ให้เขา ไม่ได้มีความหมายแฝงอื่นใดเลย!”
“เช่นนั้นก็ใช่แล้ว!” เฟยเอ๋อพยักหน้า อันที่จริงวันนั้นโหลวฮ่าวเยว่ก็ได้อธิบายไปแล้ว แต่ว่านางกลับเริ่มไม่เชื่อในคำยืนยันใดๆ จากโหลวฮ่าวเยว่อีก ดังนั้นนางจึงแจ้นมาขอคำยืนยันจากซีอวิ๋น
“เจ้าถามภาพนั่นไปทำอะไร หรือว่าหึง?” ซีอวิ๋นพลันยิ้ม
“มีที่ไหน!” เฟยเอ๋อเม้มปาก “แต่ว่าพี่สาว มีคนโกหกข้าว่าในภาพนั้นมีความลับ ข้าอยากไปดูสักหน่อย จากนั้นไม่ทัยได้ระมัดระวัง ก็เผาไปแล้ว...”
“ไม่เป็นไร” ซีอวิ๋นยิ้มบาง “ขอเพียงเหยนหมิงไม่ว่าอะไรเจ้าก็พอแล้ว! ดูท่าแล้วเขาได้หลงรักเจ้าเด็กน้อยคนนี้เข้าใก้แล้วจริงๆ ความทนทรมานใจของเจ้าตั้งหลายปีก็ไม่ได้สูญเปล่าแล้วนะ!”
แต่เฟยเอ๋อแลบลิ้น นางรู้ที่ไหน นางฉูเฟยเอ๋อเส้นชะตาชีวิตน้อยๆ ครั้งที่สองนี้ เพราะภาพแผ่นนั้นของนางจึงเกือบจะลอยสู่ขุมนรกไปพบยมบาลอีกครั้งแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางหนังเหนียว ยังจะมีชีวิตวิ่งมาพูดคุยสภาพดินฟ้าอากาศกับนางเสียที่ใดกัน
“น้องสาวตอนนี้มีเสน่ห์มากกว่าแต่ก่อนเยอะ ไม่รู้ว่ากำลังจะเป็นแม่คนเลยก่อเกิดความรู้สึกอันแสนหอมหวานประเภทนั้นหรือไม่ ไม่สู้ให้พี่วาดภาพแก่เจ้าสักแผ่น เอากลับไป เก็บความรู้สึกอันสวยงามชนิดพิเศษของเจ้าในตอนนี้ดีหรือไม่” ซีอวิ๋นขยับปากในพลัน ยันกายขึ้นเตรียมจะไปหยิบกระดาษและพู่กัน
“แต่ว่าเขาสามารถดูลายเส้นของท่านออกกระมัง” เฟยเอ๋อมองซีอวิ๋นอย่างกังวลใจ
“ไม่หรอก ครั้งก่อนฝ่าบาททดลองให้เขาดูภาพทิวทัศน์ที่ข้าวาดเองกับมือไปเรื่อย เหยนหมิงล้วนดูไม่ออกว่าข้าเป็นคนวาด ครั้งนี้คาดว่าก็น่าจะจำไม่ได้!” ซีอวิ๋นยิ้มบาง หมุนกายไปยืนอยู่หลังโต๊ะ เหลือบมองสีหน้าอบอุ่นมีเสน่ห์ของเฟยเอ๋ออย่างถี่ถ้วยหลายแวบ ก้มหน้าลงเริ่มต้นวาดอย่างประณีต
เฟยเอ๋อมองท่าทางเอาจริงเอาจังวาดภาพของซีอวิ๋นอย่างหลงใหลใคร่นิทราเล็กน้อย จนกระทั่งท้องนภาด้านนอกวังต้องห้ามค่อยๆ มืดสนิทลง สี่เอ๋อเองก็ยืนอยู่ข้างนอกบอกคนให้มาเรียกนาง ซีอวิ๋นจึงวางพู้กันลง เอาภาพไปผึ่งแห้ง ยิ้มพลางวางในมือของเฟยเอ๋อ
“โอ้ สวยงามนัก!” เฟยเอ๋อมองภาพในมืออย่างตะลึง ทั้งมวลก็คือจิตรกรรมต้องมนต์
“หากว่าชอบ ครั้งหน้าก็เปลี่ยนอาภรณ์และมาที่นี่อีกครั้ง พี่จะวาดให้เจ้า อย่างไรเสียทุกวันข้าอยู่ที่นี่ก็ช่างว่างเหลือเกิน มีน้องสาวมาอยู่เป็นเพื่อนข้าบ่อยครั้ง ข้ายังจะมีเรื่องให้ทำบ้าง” ซีอวิ๋นยิ้มบาง
“ดีเลยดีเลย!” เฟยเอ๋อยิ้มตาหยี พยักหน้าพลางหัวเราะร่า แต่ไรมานางไม่เคยมีภาพ นี่เป็นแผ่นแรก ฮ่าๆ ที่แท้นางในภาพวาดก็มีลักษณะเช่นนี้นี่เอง!
“องค์หญิง...” สี่เอ๋อถูกคนนำทางเข้ามา ยืนรออยู่นอกวังเนิ่นนานแล้วก็ยังไม่เห็นเฟยเอ๋อออกมา ดังนั้นจึงขอร้องคนอื่นในวังต้องห้ามนำนางเข้าไป
“อ่า ข้าต้องกลับไปแล้ว!” เฟยเอ๋อมองทางสี่เอ๋อ คราวนี้จึงนึกขึ้นได้ว่าผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
“กลับเถิด” ซีอวิ๋นยิ้มอ่อนโยน แต่กลับมองเฟยเอ๋ออย่างทำใจไม่ได้เล็กน้อย “วันพรุ่งยังจะมาหรือไม่ พี่สาวตัวคนเดียวช่างน่าเบื่อจริงๆ!”
“เอ่อ...พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าจะมาเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนพี่สาว!” เฟยเอ๋อยิ้มหยี ยามที่มองเห็นซีอวิ๋นพยักหน้ายิ้มบาง จึงค่อยเดินออกไปพร้อมสี่เอ๋อ
“เยียนเฟย ต้องมีความสุขนะ...” ซีอวิ๋นมองยังเงาร่างของเฟยเอ๋อ อวยพรพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหมุนกาย มองไปยังโต๊ะที่เพิ่งไปวาดภาพเมื่อครู่ พลันก็นิ่งงัน นึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน ภาพวาดทิวทัศน์แผ่นนั้นที่วาดลวกๆ ให้จักรพรรดิครั้งก่อน ตอนที่เพียงเพื่อทดสอบโหลวเหยนหมิง นางลืมเพิ่มลายพู่กันตอนหลังที่นางมักจะวาดหลังจากที่นางภาพวาดเสร็จทุกครั้ง แต่ว่า...ตอนที่นางเพิ่งวาดให้เฟยเอ๋อนั้น ตอนสุดท้ายนางกลับวาดลาดพู่กันอันนั้นลงไปแล้วด้วยความเคยชิน!
ซีอวิ๋นพลันหมุนกาย มองไปยังเฟยเอ๋อที่ไม่มีร่องรอยอยู่แล้ว ในอกพลันระส่ำขึ้นมา ภาพนั่น อย่าให้โหลวเหยนหมิงได้เห็นเป็นอันขาดเชียว! หากว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างเพียงเพราะปลายพู่กันแห่งความเคยชินในภาพวาดของนางอันนั้น เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็จะไร้ประโยชน์อย่างมหาศาลจริงๆ แล้ว!