ตอนที่ 90
ตนที่ 90
เฟยเอ๋อกลับมายังจวนอ๋องเหยนหมิง เพิ่งเดินเข้ามาในตำหนักเยียนเฟยก็หันหน้ามองบนกำแพงภายในห้อง เห็นว่าพื้นที่ว่างด้านหลังโต๊ะค่อนข้างกว้าง ก็วิ่งไปข้างหน้าคลี่ภาพวาดในมือออก และยังพึมพำคำชมเชยสองสามประโยคออกมา จึงเอาภาพวาดแขวนขึ้นไป จากนั้นก็ยิ้มตาหยีมองตนเองผู้มีรอยยิ้มร่าเริงข้างบนนั้น
“ช่างสวยงามจริงๆ เลย...” ก็ไม่รู้ว่านางกำลังชมเชยภาพ หรือว่าชมตัวนางเองว่าสวยกันแน่
“ท่านอ๋อง...”
สี่เอ๋อเอ่ยเรียกอย่างนอบน้อมจากด้านนอกประตูในฉับพลัน เฟยเอ๋อนิ่งงัน หันหน้าไปมองทางโหลวเหยนหมิงที่ผิดประตูเดินเข้ามา
“เหตุใดจึงกลับมาช้าเพียงนี้” มองเฟยเอ๋อพลางขมวดคิ้วมุ่น ฟ้ามืดแล้วเพิ่งจะกลับมา เขาเกือบจะเรียกองครักษ์ในจวนอ๋องเข้าวังไปรับนางกลับมาเสียแล้ว
“เฮอๆ เล่นสนุกในวังเข้าให้แล้ว!” เฟยเอ๋อหัวเราะร่า เดินเข้าไปข้างหน้าและฟุบกายเข้าในอ้อมอกของโหลวเหยนหมิงฉับพลัน “สามี คนอื่นช่างคิดถึงท่านนัก!”
โหลวเหยนหมิงนิ่งทื่อไปทั้งร่าง คำว่า “สามี” ทำให้เขาเหมือนกับถูกจิ้มเบ้าตาก็ไม่ปาน ก้มหน้ามองเฟยเอ๋อที่เอากระหม่อมแนบเข้าอกของเขา โหลวเหยนหมิงมองนางอย่างไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ก็ถ้าหากไม่อยากเรียกว่าท่านอ๋อง ก็เรียกว่าท่านพี่หรือว่าสวามีก็ยังได้ คำพูดประหลาดนั่นของเจ้า...คืออะไร”
“อ่า สวามี ข้าช่างคิดถึงท่านนัก!” เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นอย่างซุกซน สนทนากับซีอวิ๋นเนิ่นนาน ซีอวิ๋นพูดตลอดเวลาว่าโหลวเหยนหมิงจะต้องดีกับนางอย่างมากแน่ ทำเอาทั้งวันนี้นางเอาแต่คิดถึงสามีอันเป็นที่รักในบ้านตลอด
“เฟยเอ๋อโง่!” โหลวเหยนหมิงยิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของนาง ประคองนางให้ลุกขึ้นยืนให้มั่น “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนี้ออกเถิด เจ้าไม่รู้สึกว่าหนัก ข้าดูเฉยๆ ยังรู้สึกว่าทับคนเลย!”
“โอ้!” เฟยเอ๋อแลบลิ้น หันหน้าไปเรียกสี่เอ๋อ ให้นางช่วยนางล้างหน้า และถอดอาภรณ์คับแน่นถึงขีดสุดชุดนี้ออกไปด้วย
มองทางเฟยเอ๋อที่มีท่าทางกระวนกระวายอยู่ในห้อง วิ่งไปทางหน้าประตู ยังหมุนจากประตูมายังข้างโต๊ะเครื่องแป้ง โหลวเหยนหมิงหัวเราะอย่างอึมครึม หันหน้าไปมองมุกเรืองแสงในห้องนี้ของนาง เขาเคยชินกับการวางมุกเรืองแสงเอาไว้ในห้องนอนของตนเอง และก็วางไว้ในตำหนักเยียนเฟยจำนวนมากโขอยู่ เพียงเพราะเหตุนี้ยามนอนหลับทำให้คนยังสามารถได้กลิ่นของเทียนอันนั้น
ฉับพลัน รูปที่แขวนบนกำแพงนั้นก็ดึงดูดสายตาของโหลวเหยนหมิงเอาไว้ เขาเหลือบหน้าด้านข้างไปมองแวบหนึ่ง เห็นว่าเป็นภาพของเฟยเอ๋อ เดิมทีคิดว่านางวิ่งเข้าวังไปเรียกให้จิตรกรวาดภาพนี้แก่นาง พลันมองเห็นจุดเล็กๆ ตรงบริเวณนั้นที่ตวัดเก็บขึ้นจากลายเส้น จุดๆ นั้น...
โหลวเหยนหมิงพลันรู้สึกว่าราวกับถูกสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน หมุนกายเดินไปข้างหน้าสองก้าวลายเส้นอันคุ้นเคยนั้นอย่างถี่ถ้วน ต่อให้ข้างบนไม่มีตราประทับตัวอักษรของบุคคลใดๆ ทว่าของเพียงเป็นลายเส้นแบบนี้ เขาก็มองออกว่าเป็นลายมือของใคร
“เหยนหมิง!” เฟยเอ๋อเปลี่ยนเป็นอาภรณ์โปร่งบาง และดึงเอาเครื่องประดับบนผมลงมา สยายเรือนผมพลางเดินมายังด้านหลังของเขา “ภาพแผ่นนี้งดงามหรือไม่ ช่างเหมือนข้าจริงๆ ใช่หรือไม่ ฮ่าๆ...”
โหลวเหยนหมิงเก็บแววกังขาเอาไว้ พลันหันหน้ามองทางเฟยเอ๋อ
เฟยเอ๋อเสียขวัญยกใหญ่ ถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่เข้าใจว่าแววตาแปลกประหลาดฉับพลันในดวงตาของเขานั่นคือเพราะสาเหตุอะไร ซีอวิ๋ยเองก็พูดไปแล้วว่าเขาจำภาพที่นางวาดไม่ได้ เช่นนั้นในเมื่อเขาจำไม่ได้ ยามนี้มองนางเช่นนั้นทำไม
“หลังจากเจ้าเข้าวังแล้วไปพบใครบ้าง” โหลวเหยนหมิงมุ่นคิ้วขึ้น
“เอ่อ...” เฟยเอ๋อแน่นิ่ง ชั่วขณะในอกพลันสับสนขึ้นมา “ข้า...”
“ข้าจำไม่ได้ว่าจิตรกรในวังมือลายฝีมือเช่นนี้” โหลวเหยนหมิงเก็บแววอันตรายเล็กน้อยบนใบหน้าเอาไว้ ฉับพลันก็ทอดถอนใจเบาๆ “หรือว่าในวังมีจิตรกรคนใหม่อีกแล้ว?”
“ใช่สิใช่สิ” เฟยเอ๋อพลันพยักหน้าดุจตำสาก
“ใช่หรือ” โหลวเหยนหมิงซ่อนมือที่กำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ ฉับพลันก็ข้องใจเรื่องราวภายในวังขึ้นมา และยิ่งสงสัยการตายของซีอวิ๋นขึ้นมา
“เฟยเอ๋อ เจ้าเองก็มีเรื่องปิดบังข้าอยู่เหมือนกันใช่หรือไม่” โหลวเหยนหมิงหรี่ตาลง ก้าวไปข้างหน้าไปโอบเอวของเฟยเอ๋อเอาไว้ รวบนางเข้าสู่อ้อมอก
“ข้าไม่ได้มีนะ!” เฟยเอ๋อเม้มปาก เหตุใดนางจึงลืมว่าตนเองเป็นนักแสดงคนหนึ่งเป็นเสียแล้ว แสร้งทำสีหน้าเป็นว่าไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้เพิ่งรู้ดึงออกมาใช้
เห็นความไร้เดียงสาบนใบหน้าของนาง โหลวเหยนหมิงก็มุ่นคิ้วขึ้น ข้อสงสัยในอกก็ลดระดับลงบ้างแล้ว ก้มหน้ามองแววในดวงตาของเฟยเอ๋ออย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น พลันยิ้มบางกะทันหัน “ทานอาหารเย็นในวังแล้วหรือยัง”
“เฮ้อ...” เฟยเอ๋อทอดถอนใจยาว ยกมือขึ้นชกที่บริเวณอกของเขาอย่างฉับพลัน “น่ารังเกียจ! ทำให้คนอื่นตกใจแย่แล้ว!”
โหลวเหยนหมิงยิ้มบาง ผละปล่อยเอวบางของนาง ก้มหน้ามองนาง “ยังไม่ทันกินอะไรใช่หรือไม่”
“อื้อ!” เฟยเอ๋อเม้มปาก
“เช่นนั้นก็เรียกสี่เอ๋อไปทำอาหารที่ห้องครัวให้เจ้าสักหน่อยเถิด!”
“โอ้” เฟยเอ๋อพยักหน้า หันหน้าไปมองทางสี่เอ๋อข้างกาย
โหลวเหยนหมิงหันหน้าอย่างกะทันหันอีกครั้ง มองไปทางภาพแผ่นนั้นของเฟยเอ๋อ ในดวงตาค่อยๆ เย็นเยียบ ยังมีความรู้สึกอยู่บ้างใช่หรือไม่ เป็นจริงอย่างนั้นที่เฟยเอ๋อเคยพูด สิ่งที่เห็นด้วยตาได้ยินกับหู ไม่เหมือนกัน...
วันถัดมา เฟยเอ๋อกลัวว่าโหลวเหยนหมิงจะผุดของกังในใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกไปว่าเช้าตรู่ก็จะเข้าวังอีก
ทว่าได้ยินเสี่ยวฟางจื่อบอกว่าท่านอ๋องออกไปเจรจาธุระกับท่านอ๋องฮ่าวเยว่อย่างกะทันหัน พอเช้าก็ออกไปแล้ว เฟยเอ๋อจึงค่อยวางหินก้อนโตในอกลงเสีย แววประกายในดวงตาของโหลวเหยนหมิงเมื่อคืนวานนี้นางไม่ได้ลืม เขาจะต้องข้องใจขึ้นมาแล้วแน่ ในเมื่อวันนี้เขาเองก็ไม่อยากจะถามสาวความต่อ เฟยเอ๋อจึงทอดถอนใจเฮือกยาวใหญ่ ต้องการให้สี่เอ๋อช่วยนางทรงเครื่อง ไม่สวมอาภรณ์หนักอึ้งเหล่านั้นอีกต่อไป สวมเพื่อชุดกระโปรงโปร่งบางสีขาวหิมะ และม้วนผมขึ้นไปตามใจ เฟยเอ๋อเอารัดเกล้าทองที่โหลวเหยนหมิงมอบให้นางเก็บไว้อย่างดี สี่เอ๋อกลับหยิบปิ่นขาวหยกในกล่องเครื่องทรงหนึ่งอันออกมาปักลงบนผมของเฟยเอ๋อ
เฟยเอ๋อมองตัวเองในกระจก และยิ้มอย่างพึงใจออกมา นึกอยากจะให้ซีอวิ๋นวาดภาพนางเช่นนี้ออกมาอีกแผ่น จากนั้นก็ซ่อนเอาไว้อย่างดิบดี จะไม่ให้โหลวเหยนหมิงค้นพบอีกแล้วเป็นอันขาด
“ท่านอ๋องยังไม่ทันกลับมาใช่หรือไม่” เฟยเอ๋อยันกายขึ้น มองทางด้านนอกของตำหนักเยียนเฟยอย่างระแวดระวัง
“อื้อ ไม่ใช่เสี่ยวฟางจื่อบอกว่าท่านอ๋องไม่กลับมาในชั่วยามครึ่งนี่หรอกหรือ บางทีอาจจะดื่มสุรากับท่านอ๋องฮ่าวเยว่ที่นั่นก็ได้” สี่เอ๋อยืนอยู่ด้านหลังของเฟยเอ๋อ
“เช่นนั้นก็ดี พวกเรารีบเข้าวังกันเถิด” กล่าวพลาง เฟยเอ๋อสาวเท้าวิ่งเหยาะๆ ออกจากตำหนักเยียนเฟย
สี่เอ๋อถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฟยเอ๋อจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องรับรู้ว่านางเข้าวังอีกครั้งอย่างลึกลับเพียงนี้ แต่ก็ไม่กล้าถามมากความ รีบสาวเท้าตามหลังของเฟยเอ๋อไป ตามนางเดินไปทางด้านนอกพร้อมกัน