ตอนที่92
ตนที่92
ฮ่องเต้จ้องเขม่ง:“ได้ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆและก็ขอโทษเฟยเอ๋อด่วยเหมือนกันแล้วเจ้ารักเฟยเอ๋อหรือไม่?ซีอวิ๋นเป็นผู้หญิงของข้าตั้งแต่แรกแล้วเจ้าอยากจะได้ผู้หญิงของข้าหรืออยากจะได้เฟยเอ๋อที่เป็นของเจ้า?”
นี่มันคือการเปรียบเทียบอะไรกัน?เฟยเอ๋อหันไปมองฮ่องเต้อย่างอึ้งที่ตัวเองได้ถูกกำหนดให้เป็นการยัดเยียดการหาคู่อย่างงั้นหรอ?เมื่อกี้ที่โหลวเหยนหมิงบอกว่าเขาถูกยัดเยียดให้แต่งงานกับข้าแล้วตอนนี้ฮ่องเต้ยังจะเอาข้ามาเปรียบอีกทำไม?
โหลวเหยนหมิงไม่พูดอะไรได้แต่จ้องไปที่ฮ่องเต้และซีอวิ๋น
เฟยเอ๋อกัดปากแน่นมองเห็นแววตาที่กำลังสับสนของเขานางก็อยากจะร้องไห้ออกมาทำไมข้าต้องมาเจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ด้วย?มองเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักกำลังทรมานเพราะผู้หญิงคนอื่นเห็นในสิ่งที่เขาจะต้องเลือกแล้วเฟยเอ๋อทนไม่ไหวทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ออกมา
นางทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้จนทั้งสามคนต้องหันมามองนาง
เฟยเอ๋อหันไปมองโหลวเหยนหมิงด้วยแววตาที่น้ำตากำลังเอ่อล้นแล้วยิ้มออกมาอย่างทรมานตอนนี้ในใจของนางช่างเจ็บปวดยิ่งนัก.....
โหลวเหยนหมิงขมวดคิ้วแน่นแล้วหันไปมองซีอวิ๋นที่ยืนพิงฮ่องเต้อย่างสั่นกลัวจึงดึงเฟยเอ๋อเข้าไปกอดไว้เฟยเอ๋ออึ้งไปแล้วน้ำตาก็หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา
เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรแต่ดึงแขนของเฟยเอ๋อแล้วก้เดินออกไปทันที
“เหยนหมิง....เฟยเอ๋อ......”ซีอวิ๋นมองตามพวกเขาอย่างกังวล
“เรื่องของพวกเขาที่จริงเราก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายตั้งแต่แรกแล้ว....”ฮ่องเต้รั้งซีอวิ๋นที่กำลังจะเดินตามไปเอาไว้แล้วดึงนางเข้ามากอด:“ถึงแม้ว่าตอนนี้เรื่องทั้งหมดจะกระจ่างแล้วแต่ต่อไปต้องปล่อยให้พวกเขาไปจัดการกันเองแล้วละ....”
“ที่จริงแล้วเป็นข้าที่ต้องขอโทษพวกเขา....”ซีอวิ๋นกัดปากแน่น
โหลวโม่ชูขมวดคิ้วแล้วโอบซีอวิ๋นพร้อมทั้งลูบหลังนางเบาๆ
เฟยเอ๋อถูกโหลวเหยนหมิงลากออกมาจากเขตหวงห้ามอย่างไม่ยินยอมโดยที่เขาพยายามดึงนางออกมาจากจนถึงหน้าประตูจนนางรู้สึกเหนื่อยตามเขาไม่ทันจึงพยายามใช้แรงที่มีอยู่สะบัดออกจากมือของเขา
“ปล่อยข้า....”
โหลวเหยนหมิงไม่ได้สนใจแล้วเดินไปข้างหน้าผลักนางเข้าไปในรถม้าทันทีเฟยเอ๋อล้มลงไปในเบาะนั่งที่แข็งๆแต่แขนของนางกลับไปชนเข้ากับไม้ด้านหลังจนนางร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
โหลวเหยนหมิงมุดเข้ามาในรถม้าแล้วออกคำสั่งให้เคลื่อนรถม้าได้พอรถม้าเริ่มขยับเขาก็หันมามองเฟยเอ๋อที่พยายามลุกขึ้น
“โครตเจ็บ...”เฟยเอ๋อลูบแขนตัวเองด้วยความเจ็บใจและหันไปมองโหลวเหยนหมิงด้วยความเย็นชา
“เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นแผนที่พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกันใช่มั้ย?”โหลวเหยนหมิงจ้องเขม่ง
“ข้า...”เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงที่จริงเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลยนางก็แค่มีความทรงจำของเฟยเอ๋อคนก่อนก็แค่นั้น
“เอานางไปซ่อนไว้แล้วให้เจ้ามาแต่งงานกับข้าเจ้ายอมที่ต้องตกเป็นคนที่โดนกล่าวหาว่าฆ่าคนตายเพื่อที่จะได้แต่งงานกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
เฟยเอ๋อเม้มปากแน่นเพราะยังไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไง
“ฉูเฟยเอ๋อเจ้าไม่คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวและไม่มีจริยธรรมบ้างหรอ?”โหลวเหยนหมิงกัดฟันพูด:“เจ้ายอมหลอกข้าเพื่อมาอยู่ใกล้ๆข้าแล้วลับหลังก็หัวเราะเยาะข้าแบบรี้หรอ?”
“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น!”อันนี้ต้องแก้ตัวนางจึงเงยหน้าขึ้นมาพูด
“ดูแล้วเจ้าไม่ได้อิจฉาริษยาซีอวิ๋นแต่ที่เจ้าเอาของชิ้นเดียวที่นางเหลือไว้ให้ข้าไปเผาทิ้งก็เพราะว่าเจ้าวางแผนไว้เพื่อจะได้เป็นพระชายาอย่างสบายใจแล้วนางก็จะได้อยู่กับฮ่องเต้อย่างมึความสุขสินะ!”
“ไม่ใช่แบบนั้นภาพนั้น....”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรต่อแล้ว!”โหลวเหยนหมิงขมวดคิ้วแน่นตอนนี้ในใจของเขากำลังสับสนอย่างมากพอรู้ว่าซีอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่พอรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่เรื่องที่สร้างขึ้นมา!ตอนนี้เขาก้ไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะฆ่าคนหรือหัวเราะออกมาให้กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“เหยนหมิง....”เฟยเอ๋ออึดอัดใจจนพูดขึ้นมา:“เมื่อวานข้าถามท่านถ้าหากว่าซีอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ท่านจะเลือกนางหรือว่าข้าตอนนี้ท่านก็ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดแล้วยิ่งไปกว่านั้นท่านก็ยิ่งไม่สามารถที่จะเลือกนางได้....แต่ข้าก็ยังอยากจะรู้ในใจของท่านแบ่งให้ข้ากับแบ่งให้ซีอวิ๋น...ที่จริงแล้วท่านให้ความสำคัญกับใครมากกว่ากัน?”
โหลวเหยนหมิงนิ่งแล้วหันมามองนางอย่างเย็นชา
“แล้วที่ท่านบอกว่าโดนยัดเยียดให้แต่งงานกับข้า....ความหมายคือท่านไม่มีทางเลือกเลยต้องรับกรแต่งงานครั้งนี้เอาไว้อย่างนั้นหรือ?”เฟยเอ๋อกัดปากแน่น
ดวงตาของโหลวเหยนหมิงเต็มไปด้วยความสับสนแล้วหันมามองเฟยเอ๋อที่ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแล้วจึงหาเราะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งแสยะแล้วหันกลับไป
เฟยเอ๋อถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจในใจของนางก็เจ็บปวดยิ่งนักทันใดนั้นนางก็คุกเข่าลงไปด้วยความจำใจแล้วยื่นมือไปจับแขนของโหลวเหยนหมิง:“เหยนหมิง....เรื่องทั้งหมดทีเกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด...ที่จริงแล้วข้า....”
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก!”โหลวเหยนหมิงจ้องนางเขม่ง
“แต่ท่านกำลังเข้าใจข้าผิดนะ!”เฟยเอ๋อยอมละทิ้งความหยิ่งยโสของตัวเองขอเพียงสามารถรักษาความรู้สึกที่โหลวเหยนหมิงมีต่อนางไว้ได้ผู้หญิงน่าโง่ผู้หญิงซื่อบื่อตอนนี้นางยอมที่จะเป็นคนโง่เพื่อไม่ให้โหลวเหยนหมิงไม่เข้าใจนางผิดอีก
“หึเข้าใจผิดหรอ?”โหลวเหยนหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เหยนหมิงท่านเข้าใจข้าผิดจริงๆเรื่องทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลยสักนิด....ข้าแค่เป็น....”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้างั้นหรือ?”โหลวเหยนหมิงหันกลับมามองนางอย่างดุดันทันที:“เจ้าทไมถึงหลอกข้าว่าซีอวิ๋นตายไปแล้วมั้ย?เจ้าทำไมตั้งหน้าตั้งตาที่จะแต่งเข้ามาในตำหนักของข้า?ทำไมเจ้าถึงปิดบังเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้?แล้วทำไมเจ้าถึงต้องเผารูปของนางเพื่อให้ข้าตัดใจจากนางแล้วมาอยู่กับเจ้าอย่างที่เจ้าหวังไว้ใช่หรือไม่?”
“มาอยู่กับข้าด้วยความเต็มใจอย่างงั้นรึ?”เฟยเอ๋อชะงักไป
“ชิ!”โหลวเหยนหมิงสะบัดมือนางออกทันทีเป็นจังหวะที่รถม้าก็จอดพอดีเขาไม่รอให้เฟยเอ๋อได้สัมผัสเขาอีกแล้วรีบรุดออกไปจากรถม้าทันที
“เหยนหมิง!!!”เฟยเอ๋อตะโกนออกมาอย่างดังแต่เขากลับไม่ได้สนใจใยดีเลยสักนิด
เฟยเอ๋อร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจแล้วก็ลูบแขนที่เจ็บของตัวเองลงมาจากรถม้าเดินเข้าไปในตำหนักทหารที่เฝ้าอยู่รอบด้านล้วนจับจ้องมาที่นางที่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้จะเอายังไงต่อแล้วก็พลันก้มหน้าลงไป
เฟยเอ๋อเม้มปากแน่นแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของโหลวเหยนหมิงเลยสักนิด
“ท่านไม่เชื่อข้าขนาดนี้เลยหรือ......?”เฟยเอ๋อมองเข้าไปในตำหนักที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเขาแล้วเดินโซเซไปที่ตำหนักเหยียนเฟย
“องค์หญิง....”สีเอ๋อรีบเดินเข้ามาพยุงร่างกายที่อิดโรยของนางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของนางและสีหน้าที่ซีดเซียวอย่างมากของนาง
“ท่านไม่เชื่อใจข้าขนาดนั้นเชียวรึ....”นางก็เป็นแค่วิญญาณเร่ร่อนที่ได้มาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้นทำไมต้องมาแบกรับเรื่องราวอะไรแบบนี้ด้วย?ทำไมความสุขถึงได้เปราะบางอย่างกับพื้นน้ำแข็งแบบนี้ที่ไม่สามารถรักษาความสุขเอาไว้ได้เลย?
“องค์หญิง....อย่าร้องเพคะร้องไปแล้วทำให้ร่างกายไม่สบายจะทำยังไงเพคะ?”เฟยเอ๋อมองนางอย่างทรมาน
เฟยเอ๋อร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น
จนเดินใกล้จะถึงตำหนักเหยนเฟยแล้วอยู่ดีดีก็รู้สึกวินเวียนแล้วสายตาก็เริ่มมืดลง
“องค์หญิง!!!!”สี่เอ๋อร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจแล้วพยายามประคองร่างของเฟยเอ๋อที่กำลังจะล้มลงไป