ตอนที่ 36 เพ็ญ
ตนที่ 36 เพ็ญ
กลางคืนทำให้ทุกอย่างเป็นความฝัน และทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจริง เธอปิดตาลงเพื่อฟังเรื่องไร้สาระในใจของเธอ
ทั้งหมด มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง
ครั้งแรกของเธอ มันได้หายไปแล้ว เป็นเพราะความเมาของเขา
น้ำตาไหลอย่างเงียบงัน ตอนแรก เขาบอกจะไม่แตะต้องเธอถ้าเธอไม่สมยอม แต่ตอนนี้ มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เธอนอนขดตัว ในโลกที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนานั้น เธอไร้หนทางจริงๆ
น้ำตาที่ไหลอย่างห้ามไม่อยู่นั้น เปียกไปทั้งหน้าและใจของเธอ
เธอผิดเอง เธอไม่ได้ขัดขืนเขาเลย
เธอรู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นมากขนาดไหน รู้ว่าไม่ควรมอบใจให้เขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ เธอรักเขาไปแล้วจริงๆ
มือของเธอลูบใบหน้าของผู้ชายที่นอนฝันหวานอยู่ตรงหน้านี้ ในความมืด ใบหน้าของเขาดูอ่อนลง เธอยังจำครั้งแรกที่เจอกับเขาได้ ครั้งก่อนเป็นเธอที่เมา แต่ครั้งนี้เป็นเขาที่เมา
ไม่รู้ว่าในใจนั้นคืออะไรกันแน่
ลูบคิ้วของเขา เหมือนกับต้องการขจัดความกลัดกลุ้มออกจากคิ้วของเขา
ไม่ได้ เธอจะให้เขารู้เรื่องเมื่อคืนไม่ได้
เธอไม่อยากดูต่ำต้อยและทนไม่ได้ในสายตาเขา
สำรวจร่างกายของตัวเอง เธอรู้ว่าบนเตียงต้องมีรอยเลือดแน่ ถ้าไม่อยากให้เขารู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เธอต้อง...
เธอต้องหาเรื่องอื่นมาปิดเรื่องรอยเลือดนี่
เธอเดินออกจากห้องเขาไปอย่างช้าๆ อาการปวดที่ขาทำให้เวลาเดินเธอรู้สึกลำบากมาก กะโผลกกะเผลกมาจนถึงห้องตัวเอง เดินไปเปิดไฟในห้องน้ำ ตัวเธอในกระจกนั้นหน้าแดงมาก เปิดก๊อกน้ำปล่อยให้น้ำอุ่นๆไหลผ่าน ค่อยๆชำละล้างความเจ็บปวดตามร่างกายของเธอ
นั่นคือประสบการณ์ครั้งเดียวของชีวิตผู้หญิง
แต่เธอไม่เสียใจเลยที่มอบให้กับเขา
อย่างน้อยเขาก็ทำเพื่อเธอมามากแล้ว
เรื่องของตระกูลศาสตร์พงษ์และเรื่องของญาณินท์เธอรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก
ล้างขาที่ตอนนี้มีรอยเลือดแห้งอยู่ มองพื้นที่มีรอยแดงอยู่ เธอยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร ที่ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงแล้วจริงๆ
ใส่ชุดนอนแล้วออกจากห้องน้ำมา ในหัวยังคงหาวิธีทางต่างๆ
จะไม่มีทางปล่อยให้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เด็ดขาด
เพ็ญนีติ์เปลี่ยนไปใส่ชุดตอนที่ดื่มเหล้ากัน และแอบกลับมาที่ห้องของปุริมอย่างเงียบๆ ค่อยๆนอนลงข้างๆเขา เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของเขา เธอก็ค่อยๆหลับตาม
แต่ยังไงก็หลับไม่เต็มอิ่ม ในใจเธอยังมีเรื่องให้คิดอยู่ มันยังตามหลอกหลอนอยู่แม้แต่ตอนนอน
ช่วงเช้าตรู่ ข้างกายมีการเคลื่อนไหว ฝ่ายชายพลิกตัว แต่การพลิกตัวนั้นทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา ในลืมตาขึ้น ปุริมดูสับสนเมื่อมองมาที่เธอ “อะ...” เธอตกใจจนเกือบกรีดร้อง
“เพ็ญนีติ์ทำไมคุณถึงมาอยู่นี่” ถามเธออย่างมึนๆงงๆ เหมือนว่าเขาจะจำเรื่องที่เกิดเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ
“คุณ คุณใส่เสื้อผ้าก่อน” เธอเบือนหน้าหนี ใบหน้าเปลี่ยนสีอย่างช่วยไม่ได้ และนั่งมองเสื้อผ้าของตัวเองให้หายใจได้คล่องคอก่อนกล่าว “ปุริม เหล้าของคุณแย่มาก ทำไมคุณถึงลากฉันมานอนที่ห้องของคุณแบบนี้”
“ผม... ผมไม่รู้” เขาทำท่าคิดหนัก แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงตอบอย่างมึนงง
“หวา ประจำเดือนของฉันมาแล้ว ขอโทษจริงๆปุริม ฉันทำเตียงของคุณเลอะเลย ขอเอาไปซักนะ” ขณะที่เขายืนขึ้น เธอรีบดึงผ้าปูเตียงออกก่อนจะเอามาหลบข้างหลังของเธอ ทำเหมือนปกปิดรอยเลือดบนเสื้อผ้าของเธอเอง
แต่ที่จริง บนเสื้อผ้าของเธอนั้นไม่มีรอยเลือดเลย
เขากล่าวเสียงกระซิบ “วางลงเถอะ เดี๋ยวเรียกแม่บ้านมาซัก ผมไปทำข้าวเช้าก่อน จะได้ไปส่งคุณที่โรงเรียน”
“ไม่ต้องฉันซักเอง” เพ็ญนีติ์เดินออกจากห้องไป พร้อมลอบยิ้มกับตัวเอง ผ้าอนามัยที่ซื้อมาเมื่อวานช่วยเธอไว้จริงๆ เขาเลยเชื่อเธอแบบสนิทใจ
ฝ่ามือวางอยู่ที่หน้าท้อง เธอแอบคิดขึ้นมาว่า มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าเธอมีลูก ถึงแม้ว่าจะต้องจากเขาไป เธอก็เต็มใจ
เมื่อรักแล้ว ใจที่เป็นของเราก็จะหายไป
เธอคิดว่า เธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้วจริงๆ
เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จ เขาก็มาส่งเธอที่โรงเรียน ทั้งวันนั้นในใจของเธอรู้สึกสับสนไปหมด ตอนนั้นที่โรงแรมเธอกลัวที่จะถามเขา แต่ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะปิดมันเอาไว้
การเปลี่ยนแปลงของคนนั้นมันยากที่จะเข้าใจ แม้แต่ตัวเธอเองเธอก็อธิบายไม่ได้ แต่ใจของเธอก็เปลี่ยนไปแล้ว
ทุกวันนี้เธอรอคอยเวลาเลิกเรียนอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อที่ตอนเย็นเธอจะได้เจอเขาอีกครั้ง
ทุกวันเขาจะกลับมาทำอาหารเย็น แม้ว่าจะเย็นแล้วเขาก็จะโทรมาแจ้งกับเธอ บางครั้งเธอก็รู้สึกว่านี่คือชีวิตที่เธอถามหา ไม่สนว่าเขาจะรักเธอหรือไม่ แต่ความรู้สึกที่อยู่อพาร์ตเมนต์ในตอนนี้นั้นเหมือนกับเป็นบ้านจริงๆ
เธอชอบความรู้สึกแบบนี้จัง
เวลาผ่านไปแบบนี้มาหนึ่งอาทิตย์ เธอเองก็เริ่มที่จะคุ้นชินกับโลกของเขาแล้ว เพียงแค่เขาไม่ได้สัมผัสเธอเหมือนกับคืนนั้นอีก
เย็นวันนี้ หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็ลากเธอมานั่งที่โซฟาด้วยกัน “เพ็ญนีติ์พรุ่งนี้คุณปู่ของผมก็จะกลับมาแล้ว คุณลาแล้วไปรับเขากับผมเถอะ”
“ได้ค่ะ” เธอตอบตกลงทันที ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เขาช่วยเธอเรื่องตระกูลศาสตร์พงษ์ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เธอจะต้องตอบแทนเขา
“ใส่ชุดกระโปรชีฟองตัวนั้นนะ แล้วใส่คู่กับรองเท้าส้นสูงสีขาว”
“ได้ค่ะ” นั่นคือสิ่งที่เขาเลือก ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“เพ็ญนีติ์...” สายตาของเขาจดจ้องมาที่เธอ “คุณปู่ท่านอยากได้หลานสักคน” เขาพูดอ้อมแอ้มๆ
เธอรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร ในที่คับแคบแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ทำได้เพียงก้มหน้าหลบเท่านั้น ”ฉัน... ฉันยังไม่พร้อมค่ะ” เธอกลัว กลัวว่าตัวเองจะถลำลึกลงไป แบบนั้น ในท้ายที่สุดเธอคงจะออกมาจากโลกของเขาได้ยาก
แค่ครั้งเดียวนั่นก็น่าจะพอแล้ว
“เข้าใจแล้ว ผมเคารพคุณอยู่แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดี” เขายืนขึ้น แล้วก้มลงมาจุ๊บที่หน้าผากของเธออย่างนุ่มนวล แต่ให้ความรู้สึกล้ำลึก จนร่างกายเธอรู้สึกสั่นไหว เขาจึงผละริมฝีปากออกและเดินเข้าห้องของตัวเองไป
เพ็ญนีติ์สูดลมหายใจอยู่ที่โซฟา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป เพียงครู่หนึ่งที่เธอสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวนั้น
“ผู้โดยสารที่เดินมาจากฮาวาย เที่ยวบิน XXXXXXได้เดินทางมาถึงแล้วค่ะ...” เสียงของประชาสัมพันธ์ที่เดินมาตามสายดังขึ้น เพ็ญนีติ์มือสั่น เมื่อถึงเวลา เธอเองก็แอบกลับที่จะได้พบหน้าคุณปู่ของปุริม
มือใหญ่กำมือของเธอ “เพ็ญนีติ์ไปกัน คุณปู่มาถึงแล้ว”
เขาคว้าแก้วกาแฟของเธอไปถือไว้ ปุริมพาเธอมาถึงห้องต้อนรับผู้โดยสารVIPสนามบิน ไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง และเงาของปุริม มือที่สัมผัสกันยิ่งทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกวุ่นวายใจ ไม่รู้ว่าปู่ของเขาจะชอบตัวเธอไหม
ปุริมเงยหน้าขึ้น เพ็ญนีติ์กลับก้มหน้าลง มันเป็นแบบนั้นจริงๆท้ายที่สุดตัวตนของเธอนั้นมันน่าอับอาย ในไม่ช้าเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมปุริมต้องมานั่งหลอกลวงปู่ของเขาด้วย
“เพ็ญนีติ์ถึงแล้ว คุณเห็นไหม นั่นคุณปู่ของผมเอง”
ไม่มีของอะไรมากมาย มีเพียงกระเป๋าหนึ่งใบที่ไม่ใหญ่เท่านั้น ชายชรารีบลากมาหาปุริมอย่างไว ท่าทางก้าวเดินเหมือนคนที่ออกกำลังกายอยู่ตลอด ประกอบกับเสื้อยืดสีดำนั้น ถ้าข้างหลังของเขาไม่มีบอดี้การ์ดมาด้วย เพ็ญนีติ์คงคิดว่าเขาเป็นอาชญากรของเมืองดรัลเป็นแน่
“ปู่ครับ...” ปุริมพาเพ็ญนีติ์มาหยุดที่หน้าชายชรา อีกมือหนึ่งก็ลากกระเป๋าของเขา และแนะนำตัวเธอให้ชายชราของเขา ”ปู่ครับ นี่เพ็ญนีติ์ครับ”
เหมือนถูกคั่นด้วยบรรยากาศที่มาคุ ชายชราสำรวจเพ็ญนีติ์ ก่อนจะถามอย่างไม่รีบร้อน ”แล้วทฤนห์ล่ะ”
“ปู่ครับ ผมกับทฤนห์เลิกกันไปนานแล้วครับ อย่าพูดถึงเขาอีกเลย” เพ็ญนีติ์คิดว่าปุริมจะใช้คำพูดหลีกเลี่ยงมากกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าปุริมจะตอบชายชราออกไปทื่อๆ ว่าเขากับทฤนห์ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันอีกแล้ว