ตอนที่ 63 เพื่อหัวใจของลูก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 63 เพื่อหัวใจของลูก
ต๭นที่ 63 เพื่อหัวใจของลูก “โทษทีค่ะ แม่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันเคยตกลงกับเขาจะอยู่เมืองดรัลกับเขา แบบนี้แล้วเราจะได้ต่างดูแลกัน และญาณินท์ ตอนนี้ไม่ใช่ฉันมายุ่งกับจำรูญ แต่เป็นเธอและจำรูญที่มายุ่งกับฉัน” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริง ทำไมญาณินท์มักจะโทษเธออยู่ได้? ทั้งๆที่เป็นความผิดของจำรูญ ทั้งๆที่เธอไม่มีปัญญาเฝ้าผู้ชายตัวเองให้อยู่ “เพ็ญนีติ์ เธออย่าได้ใจมาก ถ้าฉันสามารถคลอดลูกได้ จำรูญเขาไม่มองเธอแม่แต่หางตาเดียวหรแก” ญาณินท์บ้าไปแล้ว ทั้งสมองเธอมีแต่ลูก ใช่สิ ชีวิตก็เป็นแบบนี้ตอนที่ไม่มีลูกก็เอาแต่คิดถ้ามีคหนึ่งก็คงดร แต่พอมีแล้วถ้าเป็นลูกสาวก็ยังจะคิดว่าหากมีลูกชายคนหนึ่งก็คงดี แต่ถ้ามีลูกชายก็จะคิดว่ามีลูกสาวคนหนึ่ง ที่แท้หัวใจคน้ราไม่มีวันพอใจได้หรอก ก็เหมือนดั่งเธอ ตอนที่ส้มและอ้อยตามถามเธอว่าแด๊ดดี๊คือใครนั้น เธอก็อยากบอกพวกเขามากว่าเป็นปุริม แต่ถ้าพูดไปแล้ว เธอก็ให้ความสุขกับพวกเขาไม่ได้ เพราะว่าแด๊ดดี๊พวกเขาไม่ได้รักเธอเลย ที่แท้เธอก็หวังอยากมีความสุขที่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน เพียงแค่ความสุขได้เริ่มค่อยๆห่างเหินเธอไป วุ่นวายไปทั้งคืนเธอเลยปลอบเด็กให้นอนก่อน เพ็ยนีติ์ถึงเริ่มจัดขอ วางของแต่ละชิ้นเรียงให้ดี เมื่อทุกอย่างจัดเสร็จแล้วเด็กๆก็ตื่นพอดี น้าฝนทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว แต่เธอไม่มีความอยากเลย เพียงแค่กินไปสองคำ นั่นเป็นเพราะเธอกลัวลูกจะเป็นห่วงเลยฝืนกินไปสองคำด้วยแหล่ะ แต่เมื่อเธอวางชามลง เด็กๆก็ต่อต้าน บอกว่าไม่ไว้ใจเธอเลย “หม่ามี๊ ทำไมกินน้อยเดียวค้า?เป็นเพราะอ้อยทำให้หม่ามี๊ไม่ดีใจหรือเปล่า?”อ้อยเริ่มลังเลใจ เมือคืนเธอและส้มรุมหัวกันถามว่าแด๊ดดี๊คือใคร เลยคิดว่าหม่ามี๊ต้องหงุดหงิดเรื่องนี้ เพ็ญรีติ์ลูบหัวอ้อย“ไม่ใช่นะ หม่ามี๊ไม่หิว จะไปนอนก่อนนะ หนูและพี่กินเยอะๆ” “ก็ได้ค่ะ ตาหม่ามี๊แดงแล้ว รีบไปนอนเถอะ”อ้อยนึกว่าจริง เพราะว่าเมื่อคืนเพ็ญนีติ์ไม่ได้นอนเลย พอนอนที่เตียงแล้ว เธอพลิกตัวไปมายังไงก็นอนไม่ดี ในใจนั้นไม่สามารถสงบเหมือนไม่สบายใจ เพียงแค่หลับตาไม่สักพักก็ดีแล้ว เธอตื่นมาอาบน้ำแล้วไปหางาน ทั้งหนังสือพิมพ์ และเดินดูที่ทุกที่ ที่ที่สามารถไปหางานได้เธอเดินจนทั่วแล้ว เธอส่งประวัติเรซูเม่ให้เขาก่อน เพียงแค่เขารับดูเธอก็ส่งให้ทุกที่ เธอเพียงอยากหาเข็มในท้องทะเล หางานที่เธอสามารถทำได้ เธอช่างรู้สึกมีใจมาก ถึงแม้จะเป็นงานแรกของเธอ แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองจ้องทำได้ จบจากมหาลัยดรัล และเธอก็ได้รับเกียรตินิยม นี่ไม่ใช่สิ่งที่โม้นะ พียงแต่เธอมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือไม่มีประสบการณ์ นอกจากการบริหารร้านเล็กๆเธอแล้ว เธอไม่เคยทำอะไรมาก่อนเลย “คุณเพ็ญนีติ์ค้า คุณเรียนคณะไหนเอ่ย?” บริษัทหนึ่งที่แลดูไม่แย่มองเรซูเม่เธอแล้วถามขึ้น “ประเภทบริหารค่ะ” “ดีครับ แต่ประสบการณ์คุณว่างเปล่าเลยนะ?คุณจบมาแล้วหกปีไม่ใช่หรือครับ?” “อ้อ ฉันเปิดร้านเสื้อผ้าเล็กๆร้านหนึ่งมาตลอดค่ะ ตอนนี้ร้านถูกเอากลับไปแล้ว เลยออกมาหางานค่ะ” “อ้อ แบบนี้เอง งั้นก็คือไม่มีประสบการณ์สิครับ?” “อืม...” “งั้นฉันเอาเรซูเม่เธอให้ผู้จัดการก่อน ถ้ามีข่าวอะไร ฉันค่อยแจ้งเธออีกทีละกันนะ” “ค่ะ ขอบคุณนะคะ”แต่ตอนพูดว่าขอบคุณ เธอกลับรู้รู้ว่าคำตอบคือก็คือไม่ได้รับข่าวแจ้งกลับมาเลย และเป็นอีกบริษัทหนึ่ง“คุฯเพ็ญนีติ์คะ ทำไมคุณมีลูกสองคนแล้วหรือไงค้า?” “ใช่ค่ะ ”ลูกเป็นทุกอย่างของเธอ เธอไม่อยากปิดบังความจริง มีส้มและอ้อยนั้นเป็นความภูมิใจเธอมาก “งั้นคงไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ของบริษัทเรานะค้า ตำแหน่งนี้ต้องทำโอค่ะ คุณเพ็ญนีติ์พิจารณาก่อน ถ้าทุกวันต้องทำโอถึงสี่ทุ่มกว่า คุณรับได้ไหม และไม่ไม่สามารถลางานมากด้วย ” เธอส่ายหัว ถ้าทำโอถึงสี่ทุ่มทุกวัน พอกลับถึงบ้านลูกๆก็หลังแล้ว งั้นเธอก็ไม่ได้เจอหน้าลูกเลยสิ ไม่ได้ ลูกเป็นสิ่งที่สำคัญสุดของเธอ เป็นการต่อชีวิตของเธอให้ไปต่อ ทุกอย่างที่เธอทำนี้ ก็เพื่ออ้อยและส้ม ใจของผู้เป็นแม่นั้นลูกต้องมาก่อนอยู่แล้ว พอหาไปได้หนึ่งเดือนเพ็ญนีติ์ช่างผิดหวังมาก เธอไม่ได้อะไรเลย เด็กๆได้เปลี่ยรโรงเรียนที่ค่อนข้างเล็ก เทียบกับโรงเรียนเก่าแล้วช่างห่างกันมาก แต่เธอก็พยายามสุดแล้ว ไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงเลยสักนิด เธอเพียงอยากหาที่ที่สงบแล้วนั่งดูแก้วหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไม ความเครียดในใจนั้นทำให้เธออยากดื่มเหล้าขึ้นมา ถนนทั้งสองข้างเป็นไฟแดง เธอถึงรู้ว่าจุดยืนตัวเองตอนนี้ช่างใกล้คลับอาโน่มาก เพียงเดินแคสิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว นี่ก็คงเป็นฟ้าลิขิต เมื่อคิดๆแล้วเธอเหมือนโดนดึงดุด ทำให้เธอไปถึงคลับนั้นยังไม่รู้ตัว เพียงแต่เธอที่สวมชุดทำงานแบบนี้เข้าไปแล้วไม่ค่อยจะเข้าพวก และเหมือนดั่งหกปีก่อน คืนนั้นเธอเจอปุริมที่นี่ และเป็นคืนนั้นที่ปุริมให้เธอเป็นภรรยาเขา ถึงแม้ไม่ได้จดทะเบียนกัน แต่ทางโซเลี่ยล นักข่าวต่างๆก็มีคนรู้ไปทั่ว และตอนนั้นเธอกับเขาก็ทำเพื่อปู่ แต่ตอนนี้ เขาอยากให้เธออยู่ข้างเขาอีกเพราะความสิ่งบริสุทธ์ของร่างกายเขาแค่นั้น เธอเดินเข้าไปในนั้นด้วยชุดทางการมากทำเอาคนต้องจับมอง ทุกอย่างยังคงคุ้นเคยเหมือนเดิม เช๊คเกอร์ตรงหน้าที่หล่อและสาวสวยเด็กดริ้ง แดนซ์เซอร์ที่กวาดตามาตัวเธอ เธอใจเต้นแรงทีหนึ่ง หลายปีก่อนเธอเพื่อเงินเลยมาทำงานที่นี่ แล้วทำไมหลายปีผ่านไปแล้วเธอจะมาไม่ได้ ถ้ายังหางานไม่ได้อีก ทั้งบ้านเธอก็จะอดกันแล้ว เพ็ญนีติ์เริ่มหาเงาของเจ๊แม่สื่อ จนเธอหาเขาเจอที่เดินออกมาจากหลังกองทำงาน เพียงแต่ว่า เจ๊นั้นออกมากับเด็กดริ้งคนหนึ่ง อาจจะเป็นเด็กใหม่สิ เจ๊นั้นกำลังคุยกับเธออย่างได้ใจ เหมือนว่ากำลังสอนวิธีการเชียร์เบียร์ เพ็ญนีติ์ยืนที่ขอบประตู แล้วมองไปที่เจ๊ เธอพูดขึ้นมาเบาๆ“เจ๊” “เพ็ญนีติ์ เป็นเธอได้ยังไง? ไม่ได้ข่าวเธอมานานมากแล้ว” เธอรู้สึกตื้นตันใจบ้าง เพราะไม่คิดว่าเจ๊ยังจำตัวเองได้ “อ้อ เลี้ยงลูกมาตลอด เลยออกมาไม่บ่อย” “ได้ยินมานานแล้วว่าเธอแต่งงานไปแล้วนิแต่หลังๆเหมือนว่าเธอกับเขา...อ้อ ไม่ง่ายกว่าจะได้เจอกัน ไม่พูดพวกนี้แล้ว นั่งกันเถอะ”เจ๊เป็นคนยังไง ทำงานที่คลับนี้มานานหลายไปแล้ว คนแบบไหนและสังคมแบบไหนที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน ถึงเธอให้รีบนั่งลง“เวสกีสองแก้ว ไหวไหม?” “ได้สิ”เธออยากดื่มแล้วจริงๆ ไม่อย่านั้นเธอช่างเคร่งเครียดจะตายแล้ว “ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว?” “ห้าขวบแล้ว”เธอพูดเบาๆ ไม่รู้สึกว่านี่เป็นอะไรที่แปลก เจ๊ตบไหล่เธออย่างได้ใจ“เพ็ญนีติ์ เธอสุดยอดเลย ไม่เจอกันมาไม่กี่ปีเอง เจออีกทีก็มีลูกอายุได้ห้าขวบแล้ว” จึงได้เริ่มคุยถึงเรื่องผู้หญิงขึ้นมา เจ๊รู้ว่าเธอมีลูกแฝด “เจ๊ ฉันอยากกลับมางานที่อาโน่ ไม่รู้ว่ายังได้ไหม?”เธอถามต่ำๆ และรู้สึกเกรง เพราะเธอเป็นแม่สองคนแล้ว และคนที่ทำงานที่เป็นสาวที่สวยยังไม่แต่งงานกันทั้งนั้น เจ๊จูบบุหรี่ขึ้นมา แล้วสูบขึ้นอย่างดูเท่ แล้วค่อยๆพูดขึ้น“ช่วงนี้คุณปุริมมาที่นี่บ่อยมาก ถ้าเธอไม่กลัวเกรงที่จะเจอเขา ฉันก็ไม่มีปัญหา” เพ็ญนีติ์ใจเต้นแรง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเธอไปถึงที่ไหนก็จะมีเงาปุริมคนนี้อยู่ไม่จาง แต่เจ๊นั้นก็ช่างตรง แต่เพ็ญนีติ์รอไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้เธอจ่ายค่ามัดจำและค่าเช่าสามเดือน และต้องซื้ออุปกรณ์บ้าน ถ้ายังไม่ได้งานอีก ค่าเทอมหน้าเธอคงจ่ายไม่ไหวแล้ว เธอกัดฟันแล้วไม่สนใจว่าปุริมจะมาบ่อยอีก“เขามาของเขา ฉันทำของฉัน เราไม่ได้มีเยื่อใยอะไรแล้ว” “ดี งั้นยินดีมาทำงานได้ตลอด” “วันไหนก็ไม่เท่าทำวันนี้ งั้นก็เริ่มวันนี้เลยนะ”เธออยากหาเงินก่อน โลกที่ไม่มีเงินนั้นข่างเดินไม่นิ่ง พูดได้ทำได้ เมื่อเซ็นสัญญาแล้ว เธอพลางไปเปลี่ยนกระโปรงขาว เธอฝากน้าฝนดูแลลูกแล้ว เพ็ญนีติ์ก็เริ่มงานเชียร์เบียร์อีกครั้ง ระหว่างที่เดินผ่านผู้คน พลางได้ยินเสียงหญิงคนหนึ่งดังขึ้น“ดุสอแก คุณปุริมมาแล้ว หล่อจังเลย” “อุ้ย ทำไมวันนี้ได้พาคู่ควงมา เราไม่มีโอกาสแล้วหล่ะ” “ไปเถอะไปเถอะ ก็รู้ว่าแก่ฝันกลางวัน อย่าคิดจะทำอะไรเขา ผู้หญิงที่สามารถให้เขาติดใจชอบมีเพียงไม่กี่คนในโลกหรอก” เพ็ญนีติ์ใจเต้นแรง มีไม่กี่คนจริงเหรอ? งั้นเธอก็ถือเป็นคนหนึ่งที่พิเศษสิ? เธอเดินไปมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ เธอไม่อยากเจอปุริมอย่างต่อหน้าแบบนี้จริงๆ เพียงแค่หวังให้เขาเข้าห้องวีไอพี แบบนั้นแล้วเธอจะได้ไม่ต้องเจอเขาแล้วเกรงเลย “ใช่สิ แกดูกุหลาบคลับเราสิ หญิงที่เพอเฟคขนาดไหนกัน ชายที่จีบเขาเยงแถวได้แล้ว แต่เขาก็ตมจีบคุณปุริมเขาไปสามปีแล้ว คุณปุริมไม่แม้แต่จะมองเขาแม้แต่หางตาเดียว” “เฮ้ย คุณปุริมมาแล้ว” “อ๊าก..”เพ็ญนีติ์ร้องเบาๆแล้วเลยหน้าขึ้นกลับสบตาที่ลึกมืดมนของปุริมตอนนี้สายตาหนุ่มคนนี้ได้จ้องเธอตั้งแต่แต่หัวจรวดเท้าแล้ว ทำเธอรู้สึกเกรงจนเหมือนตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้า จากนั้นเม้มปากแล้วใช้นิ้วดิดทีหนึ่ง“ไวแดงว์ปีแปดห้ามาสองแก้ว” ยังคงซาตาน อาแต่ใจเหมือนตอนนั้น เพ็ญนีติ์อึ้งอยู่ที่นั่นแล้ว ช่างเร็วเกินไป เธอเพียงคิดว่าเจ๊พูดเล่นๆ แต่ตอนนี้เธอได้เจอปุริมแล้ว นี่มันทางแคบให้คู่แค้นจริงๆ “เพ็ญนีติ์รีบไป รีบไปเอามา เธอรู้ว่ามี” “อ้อ”เมื่อถูกเจ๊เตือนไป เธอถึงตกใจดึงสติกลับได้ ภาพตอนนี้ช่างเหมือนภาพหลายปีก่อน เพียงแต่ว่าเธอยังเป็นเชียร์เหมือนเดิมแต่เขานั้นมีหญิงอยู่ข้างๆคืนหนึ่งไปแล้ว 
已经是最新一章了
加载中