ตอนที่112 ตกใจและประหลาดใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่112 ตกใจและประหลาดใจ
ต๭นที่112 ตกใจและประหลาดใจ “เอาหุ้นของพ่อไปยี่สิบเปอร์เซ็นแล้วแอบทำร้ายลูกชายแท้ของตัวเองอยู่ลับหลัง คุณ ไม่เหมาะที่จะมาเป็นแม่ผม” พูดจบ สองแขนเขาอุ้มอ้อยกับส้มขึ้นมา แล้วเดินไปหาเพ็ญนีติ์ “ไป” เขาเดินอย่างมั่งคง แต่ ท่าทางนั้นดูหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะอุ้มเด็กสองคนไว้ด้วยกัน แต่ก็ยังทำให้เพ็ญนีติ์เศร้าใจ เมื่อกี้ที่ปุริมพูดเพ็ญนีติ์ได้ยินทุกคำ คิดมาตลอดว่าปุริมมีแม่ที่รักใคร่กัน แต่ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าเขามีแต่แม่ที่เป็นศัตรูกับเขา กับสิ่งที่เขาพูดเพ็ญนีติ์รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “ปุริม ลูกเข้าใจแม่ผิดแล้ว ยังไงลูกก็เป็นลูกแท้ๆของแม่นะ แม่จะทำร้ายลูกลับหลังได้ยังไง ไว้วันไหน เรามานัดคุยกัน อธิบายเรื่องที่เข้าใจผิดดีไหม?” “ไม่จำเป็น” ยิ่งเดินยิ่งเร็ว ปุริมเดินไปจนไกลทิ้งเมนิลาไว้ด้านหลัง เมื่อขึ้นรถแล้ว มองดูลูกๆและเพ็ญนีติ์นั่งอยู่ ปุริมจึงสตาร์ทรถ ไม่พูดอะไรอีกแม้คำเดียว ดูแล้ว การปรากฎตัวของเมนิลาทำให้จิตใจเขาวุ่นวายแล้วจริงๆ เรื่องราวของกระกูลพลสังข์เพ็ญนีติ์รู้ไม่มาก เธอก็ไม่เคยคิดที่จะไปถามไถ่ แต่ก็ไม่อยากที่จะตกใจและประหลาดใจทุกครั้งที่ได้รับรู้ …… วันนั้น ปุริมพาเพ็ญนีติ์ อ้อยกับส้มมาส่งที่คฤหาสน์แล้วก็จากไป และในคืนนั้นก็ไม่ได้กลับมา วันที่สอง ก็ไม่ได้กลับมา วันที่สามก็เช่นกัน ดีที่คนใช้ในคฤหาสน์กลับมากันหมดแล้ว ไม่งั้น เพ็ญนีติ์ไม่รู้จริงๆว่าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จะจากไป ปุริมก็เคยบอกไว้ว่า ภายในครึ่งปีนี้เธอจะออกจากคฤหาสน์โดยภาระการไม่ได้ แต่ถ้าไม่ไป ปุริมไม่อยู่ ที่นี่นอกจากจะเงียบเหงาแล้วก็เงียบเหงา ยังสู้ที่เธอไปเช่าบ้านอยู่เองยังจะรู้สึกอบอุ่นกว่านี้ “คุณแม่คะ คุณพ่อไม่ได้กลับมาหลายวันแล้วนะคะ หนูกับอ้อยอยากไปโรงเรียนอนุบาลแล้วค่ะ” เมื่อรุ่งเช้า ส้มเปิดประตูห้องเธอเข้ามาเขย่าแขนเธออย่างขอร้อง เพ็ญนีติ์รู้ว่า ถึงแม้ในคฤหาสน์จะเพรียบพร้อมทุกอย่าง ของกินของเล่นมีไม่ขาด แต่ที่นี่คนน้อย เมื่อเวลาผ่านไปนานอย่าว่าแต่เด็กเลย เธอเองที่เป็นผู้ใหญ่แล้วยังทนไม่ได้ ใช่สิ ปุริมไม่ได้กลับมาหลายวันแล้วจริงๆ แม้แต่โทรก็ไม่โทรมา มองดูมือถือแอบเปิ้ลสีแดงบนเตียง เธอวางไว้ข้างหมอนก่อนนอนทุกคืน รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้จะมีรังสีส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เธอก็ยังวางอยู่ตลอด บางที เธอยังหวังลึกๆว่าเขาจะโทรมา “คุณแม่ ไม่งั้นคุณแม่พาเราไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลดีไหมคะ?” อ้อยก็เข้ามาเขย่าแขนร่วมด้วยอีกคน เขย่าเธออยู่คนละข้างเบาๆ จนเธอสงสารจับใจ “ได้ วันนี้แม่ส่งพวกหนูไปโรงเรียนอนุบาลกัน” ไม่สนแล้ว ปุริมมีสิทธิ์อะไรไม่ให้เธอกับลูกออกจากคฤหาสน์ ที่นี่ทั้งเงียบทั้งเหงา พวกเธอไม่ใช่สัตว์เลี้ยง พวกเธอมีความรู้สึกที่จะเสพความสุข เมื่อเห็นเธอกับลูกสวมชุดอย่างเรียบร้อยเดินเข้ามาในห้องอาหาร ป้าเหมียวก็เข้ามาทักว่า “คุณผู้หญิง นี่จะ......” “ส่งเด็กๆไปโรงเรียนอนุบาล” “คุณผู้หญิงคะ หลายวันมานี้ข้างนอกไม่ค่อยปลอดภัย ดังนั้นคุณผู้ชายสั่งไว้ว่าให้คุณผู้หญิงกับเด็กๆอยู่บ้าน เพื่อ.....” “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”ฟังดูที่ป้าเหมียวพูดแล้วไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ แต่หลายวันมานี้ข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวโทรทัศน์เธอก็ไม่เจอข่าวอะไรที่ผิดปกตินี่ และคิดไม่ถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้น “คือ.....”ป้าเหมียวอ้ำอึ้ง “พูดมาเถอะ ถ้าไม่พูดก็อย่ามาห้ามฉัน เด็กๆจะอุดอู้อยู่แต่ในคฤหาสน์แบบนี้ไม่ได้ พวกเขาต้องการที่ออกไปข้างนอกบ้าง” ป้าเหมียวคิดแล้วคิดอีก จึงตัดสินใจพูดว่า “คุณผู้ชายได้รับบาดเจ็บค่ะ” “อะไรนะ เกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอไม่รู้เรื่องเลย “วันนั้นหลังจากที่คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกลับจากสุสาน แล้วท่านกำลังจะไปบริษัท ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ค่ะ” เพ็ญนีติ์อึ้ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้สักนิด เมื่อรู้แบบนี้แล้วเธออยากที่จะเขกหัวตัวเองแรงๆ มิน่าปุริมหายไปตั้งหลายวัน ที่แท้ เขาบาดเจ็บ “อาการหนักไหม?” ถามขึ้นด้วยความห่วงใย “อันนี้ ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ คุณผู้ชายแค่ให้นรวรโทรมาสั่งไม่ให้คุณผู้หญิงกับเด็กๆออกจากบ้านค่ะ” “เพราะอะไร?” เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ใช่หรอ? งั้นก็น่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย “เป็นคำสั่งของคุณผู้ชายค่ะ” “ฉันเข้าใจล่ะ ฉันจะโทรถามนรวรเพื่อความแน่ใจ” เพ็ญนีติ์พูดเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมา “คุณผู้หญิงคะ อย่าบอกว่าดิฉันเป็นคนบอกได้ไหมคะ?”ป้าเหมียวมองเธออย่างขอร้อง ดูแล้ว นี่ก็คงเป็นคำสั่งของปุริมจริงๆ ไม่ให้พูดก็คือไม่ให้พูด แต่ตอนนี้เธอพูดแล้ว ถือว่าละเมิดคำสั่งของปุริม เธออาจจะตกงานได้ “ได้ ฉันจะไม่บอกว่าเป็นป้า ป้าวางใจเถอะ อ้อย ส้ม ลูกๆได้ยินอะไรไหม?” “ไม่ได้ยินค่ะคุณแม่ พวกเราไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ” เด็กสองคนตอบพร้อมกัน ความโกรธที่มีต่อปุริมแต่แรกตอนนี้หายไปแล้วกว่าครึ่ง เปลี่ยนเป็นความห่วงใยอย่างที่สุด เพื่อให้ป้าเหมียวสบายใจ เด็กสองคนก็ตอบเพ็ญนีติ์อย่างฉลาดหลักแหลม “นรวร ฉันกับอ้อยและส้มจะออกไปข้างนอก ปุริมล่ะ? ทำไมไม่เห็นกลับมาตั้งหลายวัน” “คือ ท่านประธานไปดูงานครับ ท่านบอกว่าส่งข้อความบอกคุณผู้หญิงแล้ว ทำไม คุณผู้หญิงไม่ได้รับหรือครับ?” “ไม่มี ไม่ได้รับข้อความอะไรเลย” “ทำไมเป็นแบบนี้ครับ งั้นคงเป็นเพราะผมสะเพร่าเองครับ น่าจะโทรแจ้งคุณผู้หญิง อีกหลายวันกว่าท่านประธานจะกลับมา คุณผู้หญิงจะออกไปไหนครับ” “อ้อยกับส้มจะไปโรงเรียนอนุบาล ฉันอยากไปส่งพวกเธอ” “อันนี้....อันนี้....”นรวรดูเหมือนลังเล เหมือนป้าเหมียวในตอนแรก คงเป็นเพราะปุริมสั่งไม่ให้บอกเรื่องที่เขาบาดเจ็บ “มีอะไรต้องมาอ้ำๆอึ้งๆ แค่ไปโรงเรียนอนุบาลเอง ใช่ว่าเมื่อก่อนจะไม่เคยไป ฉันเรียกรถแท็กซี่ไปส่งเองก็ได้” “อย่าครับ อย่าเลยนะครับ ให้คนขับรถพาไปส่งเถอะนะครับ ผมจะติดต่อคนขับรถให้ไปรับตอนนี้เลยครับ” เพ็ญนีติ์ครุ่นคิด บางที อาจจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างที่เธอไม่รู้แน่ๆ เพื่อให้นรวรวางใจ เธอจึงตอบว่า “ได้ งั้นพวกเราจะไปรอที่หน้าประตู” “รถไปถึงไม่ไวขนาดนั้นครับ คนขับรถยังอยู่ด้านนอกครับ ยังไงก็ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึงคฤหาสน์ครับ คุณเพ็ญนีติ์ พาเด็กๆเล่นก่อนนะครับ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่อยออกมาก็ได้ครับ” “ได้” เธอไม่อยากสร้างความลำบากใจให้นรวร แต่ เธอจะต้องรู้ให้ได้เรื่องที่ปุริมบาดเจ็บ เรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับปิดบังเธอคนเดียวทำไม? เธอไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่มีกระจิตกระใจไปเล่น จึงพาลูกๆมานั่งบนลานหญ้าหน้าบ้าน “คุณแม่คะ คุณพ่อบาดเจ็บหรอคะ?” เธอก็อยากรู้ว่าเป็นยังไง จับมือลูกไว้เบาๆแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร น่าจะอาการไม่หนัก ไม่แน่คืนนี้คุณพ่อก็อาจจะกลับมาหาพวกหนูแล้วก็ได้” “ค่ะ คุณพ่อจะต้องไม่เป็นไรแน่ๆค่ะ” แต่ เมื่อตนพูดคุยเรื่องนี้อยู่กับลูก ในใจกลับกระวนกระวาย ถ้าไม่เป็นอะไรมากจริงๆ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่โทรมาเลยหรือ ครั้งก่อนเขาโดนจิณณะทำร้าย ครั้งนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ น่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา บางที อาจจะเป็นฝีมือใครสักคน เมื่อเป็นดังนี้แล้ว เธอก็เข้าใจปุริมขึ้นมาทันที ไม่อยากให้เธอกับลูกๆออกไปเพราะไม่อยากให้พวกเธอเดือดร้อน น่าจะเป็นแบบนี้แน่ “คุณแม่คะ พูดอะไรบ้างสิ หนูกลัว” เธอจึงลูบหัวส้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรจริงๆ คุณพ่อตัวโตขนาดนั้น เขาดูแลตัวเองได้ค่ะ” “เมื่อยิ่งพูด ในใจเธอก็ยิ่งกระวนกระวาย” ผ่านไปไม่นาน คนขับรถก็มาถึง เมื่อขึ้นรถแล้ว คนขับรถก็ไม่พูดอะไร ขับรถออกไป แต่ทิศทางกลับไม่ใช่ทางไปโรงเรียนอนุบาลที่อ้อยกับส้มเคยไป “นี่จะไปไหนกัน?” “ออ ลืมบอกคุณผู้หญิงว่า ท่านประธานได้ย้ายโรงเรียนอนุบาลให้เด็กทั้งสองแล้วครับ” “เย้ คุณแม่ หนูชอบโรงเรียนอนุบาลที่นี่ค่ะ” “ตอนนี้วูลฟจะเรียกเราว่าเด็กกำพร้าไม่ได้แล้ว อาของเขาเป็นพ่อของเราแล้ว คุณแม่ หนูคิดถึงวูลฟแล้วค่ะ” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้โกรธขนาดนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เด็กน้อยพวกนี้ก็ยังรู้จักคิดถึงวูลฟ “เอาล่ะ จะส่งพวกหนูไปตอนนี้เลย แต่เมื่อถึงโรงเรียนอนุบาลแล้วจะอวดเรื่องคุณพ่อต่อหน้าเพื่อนๆที่เคยรู้จักไม่ได้นะคะ” กลัวพวกเธอจะเอาปุริมไปโอ้อวด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตั้งแต่รู้ว่าปุริมบาดเจ็บ ในใจเพ็ญนีติ์ก็รู้สึกไม่สงบ “ค่ะ พวกหนูทราบแล้วค่ะ แต่คุณแม่คะ คุณพ่อไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหมคะ” พวกเธอยังรู้สึกเป็นห่วง เพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นพ่อของพวกเธอนี่ “ไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแม่จะบอกพวกเราเองนะคะ” “คุณแม่ดีที่สุดเลยค่ะ” เมื่อลงรถแล้ว อ้อยกับส้มค่อยๆวิ่งไปยังโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาลที่เก่าแก่นี้ ไม่มีใครคุ้นเคยไปกว่าพวกเธอแล้ว “คุณผู้หญิงครับ คุณผู้ชายสั่งไว้ว่า คุณหนูอ้อยกับคุณหนูส้มยังเรียนอยู่ห้องเดิมครับ” เพ็ญนีติ์กำลังจะก้าวข้ามประตูใหญ่ ทันในนั้นผู้อำนวยการก็ยิ้มหน้าบานมาต้อนรับ “ยินดีต้อนรับอ้อยกับส้มกลับมายังโรงเรียนอนุบาลดวงดาวครับ” “ขอบคุณค่ะ” คิดไม่ถึงว่าปุริมที่ยังบาดเจ็บอยู่จะยังจัดการเรื่องโรงเรียนอนุบาลของอ้อยกับส้มได้เป็นอย่างดี ความปลอดภัยของโรงเรียนอนุบาลนี้ยอดเยี่ยมมาก การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกก็เป็นที่หนึ่ง เป็นเหตุผลที่เมื่อก่อนเธอยืนยันที่จะพาลูกๆมาเรียนที่นี่ เธอจึงวางใจขึ้นมาก “คุณผู้หญิงจะกลับคฤหาสน์เลยไหมครับ?” เพิ่งออกมาจากโรงเรียนอนุบาล คนขับรถเปิดประตูรถแล้วถามขึ้น “ฉันยังอยากเดินเล่น นายกลับไปก่อนเลย” “คุณผู้หญิงครับ ให้ผมไปส่งเถอะครับ” คนขับยืนกราน ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งของปุริมอีกแล้ว บางที เขาอาจจะกลัวเเธอเดือดร้อน เหมือนที่เขาเกิดอุบัติเหตุ คิดๆดูแล้ว เธอจึงโดดขึ้นรถแล้วพูดว่า “ไปร้านกาแฟข้างหน้า ฉันอยากไปนั่งๆเล่น” “ได้ครับ” คนขับขับรถมาจอดหน้าร้านกาแฟ ใกล้มากใช้เวลาเพียงสองสามนาที เพ็ญนีติ์เดินลงรถแล้วหันมาสั่งคนขับว่า “ฉันจะนั่งที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่า อีกชั่วโมงนายค่อยมารับฉันที่นี่นะ” “ครับผม คุณผู้หญิง” คนขับมองดูร้านกาแฟนี้ เป็นร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงในเมืองดรัล ดังนั้นเขาจึงพยักหัวแล้วจากไป 
已经是最新一章了
加载中