ตอนที่ 32 เกลียดฉันไหม?   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 32 เกลียดฉันไหม?
ต๭นที่ 32 เกลียดฉันไหม? กลับมาถึงห้องหอ กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาคนอยู่ในห้อง เห็นเพียงผ้าห่มผืนใหญ่และเตียงนอน ยัยสมองทึ่มหนีไปแล้ว ภายในความคิดของธัชชัยก็ปรากฏที่อยู่ของบ้านตระกูลเดิมขุนทดขึ้นมา สายตาพลันฉายแววชั่วร้าย แล้วรีบลงบันใดไป ป้าอ้อยเห็นธัชชัยกำลังลงมา เดิมทีคิดอยากจะถามเขาว่าเย็นนี้จะรับประทานอะไร ใครจะรู้ล่ะว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี อยู่ใกล้แล้วก็อดที่จะหนาวขึ้นมาไม่ได้ ทำให้คนไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายธัชชัยก็ไปฝ่ายเอ่ยปากก่อน “ป้าอ้อย เห็นคุณผู้หญิงบ้างมั้ย?” ประโยคนี้มันช่างฟังดูแข็งกระด้างมาก ป้าอ้อยรู้สึกตะลึง ที่อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้เป็นเพราะหาคุณผู้หญิงไม่เจอเหรอ? เธอแอบหัวเราะเบาๆ รีบรายงานที่อยู่ของวัจสาทันที “วันนี้คุณผู้หญิงไม่ได้ออกไปไหนค่ะ เธออยู่ที่ห้องพักแขกค่ะ” ธัชชัยได้ยินว่าวัจสาอยู่ที่ห้องรับแขก ก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย ดีมาก ในที่สุดก็ไม่หนีไปไหน แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรที่ห้องพักแขก? หรือว่าคิดจะหลบหน้าเขาเหรอ? มันช่างเจ็บปวดใจนัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นเนื้อมือของเขาอยู่แล้ว ธัชชัยมุมปากยกยิ้มสูง พร้อมกับก้าวเท้าเร่งรีบ ไปยังห้องพักแขก มองจากไกลๆ เห็นหน้าต่างประตูในห้องพักแขกปิดสนิท ธัชชัยผลักประตูเข้าไปเบาๆ ประตูก็เปิดออกแล้ว เห็นเงาร่างหญิงสาวอ้อนแอ้นอรชรนอนคว่ำอยู่บนเตียงนอน เพราะว่าผิวหนังที่บวมแดงอยู่ด้วยหลัง ดังนั้นเวลานี้เธอจึงสวมชุดนอนผ้าไหมสายเดี่ยว ในมือถือหนังสือวิธีการรักษาหยินหยางจากการบาดเจ็บจากไฟลวก วัจสาคิดว่าเธอสามารถที่จะนำอาหารไปให้วรพลได้ แต่ในเมื่อเธอตอนนี้ยังรักษาตัวเองไม่หายขาด และก็ไม่สามารถไปดูแลวรพลที่ห้องรักษาตัวได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขานี่แหละทำอาหารไปให้วรพลคงจะไม่มีปัญหาอะไร อาหารประเภทไหนผลไม้ชนิดใดที่สามารถช่วยให้แผลจากไฟลวกให้ดีขึ้น ตอนนี้เธอเริ่มมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อยแล้ว เหลือแค่ลงมือทำเท่านั้น ได้ยินเสียงผลักประตูเข้ามา วัจสาก็หันไปมอง ใครจะไปรู้ว่าเป็นธัชชัย หน้าที่หล่อเหลาของเขามันช่างเย็นชาไร้สีสัน แต่สายตาของเขากลับลุกเป็นไฟ เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเรือนร่างของเธอทันที โดยไม่คิดว่ามันจะกระทบกระเทือนกับบาดแผลที่อยู่ด้านหลังหรือไม่ เธอพลันส่งเสียง “ซี๊ด” ขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด ธัชชัยขมวดคิ้วถามไปว่า “เธอปัญญาอ่อนหรือไง? ทำไมถึงต้องกลัวฉันขนาดนี้ด้วย?” พูดจบเขาก็อยากจะเดินเข้าไปดูอาการของเธอสักหน่อย วัจสารีบห้ามของเอาไว้ทันที “คุณอย่าเข้ามานะ ใครจะรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร ฉันไม่เป็นอะไรมาก” ผู้ชายคนนี้มารยาทสักนิดก็ไม่มี เดินเข้ามาก็ไม่รู้จักเคาะประตู แต่เธอไม่อยากจะจินตนาการกับท่าทางที่ราวกับสัตว์ดุร้ายอย่างนี้ ธัชชัยยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ใบหน้าที่หล่อเหลาล้วนเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ไม่รู้ทำไม วัจสารู้สึกว่าเขาไม่สบายใจ แต่ว่าคงไม่ใช่เพราะคำพูดของตัวเธอเองที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เธอเองก็ไม่กล้าที่จะตำหนิเขาที่เข้ามาโดยไม่เคาะประตู ใครจะไปรู้ว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาหรือเปล่า ธัชชัยเดินเข้าไปอุ้มเรือนร่างที่บอบบางของเธอ อุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านซ้าย โยนวัจสาลงบนที่นอน ส่วนเขาเองก็นอนลงไปข้างกายของวัจสา วัจสาตกใจตั้งแต่วินาทีแรก อยากจะรีบลุกออกไปจากที่นอน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอยากจะทำอะไร! เสียงที่เย็นยะเยือกจนเข้ากระดูกก็ดังมาจากด้านซ้าย “ถ้าหากเธอคิดอยากจะหนีแล้วล่ะก็ ฉันก็จะปั้มเธอ ” คำพูดที่ตรงไปตรงมาของวัชชัย วัจสาได้ยินคำว่า “ปั้ม” ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อทันทีแม้แต่ขยับตัวยังไม่กล้า สมองเมล็ดแตงโมของเธอก็เริ่มคิดไปเรื่อย ถ้าหากตัวเธอวิ่งหนีออกไปจากห้องพักแขกนี่ แล้วยังผ่านห้องรับแขกอีก และยังต้องวิ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อขอความช่วยเหลือจากวรพลอีก อีกอย่างถ้าไปแล้วก็ใช่ว่าเขาจะช่วยอะไรเธอได้ เวลาผ่านไปนานเธอไม่ปริปากพูดสักคำ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกผู้ชายคนนี้ทำอะไรมิดีมิได้ก็ได้ แต่ว่าเราจะนั่งรอความตายอยู่อย่างนี้เหรอ? วัจสาตัวแข็งทื่อ เพียงแค่ธัชชัยพลิกตัวก็สามารถทำให้เธอใจหายใจคว่ำได้แล้ว วัจสาก็พลันรู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า อยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้องนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ เขาคงไม่ได้คิดจะปั้มเธอจริงหรอกนะ? วัจสารู้สึกได้ว่าข้างๆ มีการเคลื่อนไหว เธอเกือบจะร้องตะโกนออกมาว่า “ฉัน...” ยังไม่หายดีนะ.... ประโยคสุดท้ายดันพูดไม่ออก พูดได้เพียงคำเดียว ธัชชัยลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดว่า “จะรังเกียจมั้ยถ้าฉันจะขอสูบบุหรี่สักมวน?” เสียของเขาดูแปลกๆ ไป แหบแห้งไปมาก ราวกับว่าเก็บเอาไว้ในใจมานาน เหมือนกับว่าถามเองตอบเองซะอย่างนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้รอคำตอบจากวัจสาเลย ตัวเองก็หยิบเอากล่องบุหรี่สีฟ้าที่ดูราวกับหยก แล้วเอาออกมาสูบมวนหนึ่ง วัจสาลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบๆ ควันบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วห้อง ใบหน้าที่หล่อเหลาของธัชชัยเต็มไปด้วยความระทมทุกข์ พ่นควันบุหรี่ออกมากควันลอยอบอวลไปทั่ว ธัจชัยรู้สึกได้ว่าภายในใจของเขาเริ่มสบายใจขึ้นหน่อยแล้ว ในเวลานี้วัจสาก็แอบลงจากเตียงอย่างเงียบๆ กำลังจะเดินออกไป “หยุดนะ!” ธัชชัยตวาดเสียงดัง นี่จะเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ยังก้าวอีกแม้แต่ก้าวเดียว เขาก็จะลงมือกับเธอทันที วัจสาก็หยุดชะงักฝีเท้าลง จริงๆ แล้วเสียงที่ดุดันของธัชชัยนั้นไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่ด่าว่าเธอสักประโยค แต่ว่านิสัยป่าเถื่อนของธัชชัยกลับทำให้เธอกลัวยิ่งกว่า เพราะว่าท่าทางของเขาแบบนั้นมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ “ฉันจะไปหยิบที่รองขี้บุหรี่ให้คุณน่ะ” ไม่รู้ทำไมความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันกลับทำให้เธอมีความทุกข์ได้ วัจสาตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่ามันจะหยุดอารมณ์โทสะของเขาได้บ้าง แต่ว่าธัชชัยก็เงียบลงไปได้จริงๆ จนกระทั่งวัจสาออกไปหยิบเอาที่รองขี้บุหรี่มาจากห้องรับแขกกลับมา สีหน้าของเขาก็ดูอารมณ์ดีขึ้น แววตาที่เย็นชาก็เริ่มคลายลงไม่น้อย วัจสาวางที่รองขี้บุหรี่เอาไว้บนโต๊ะขวามือของธัชชัย กำลังจะถอยหลังออกไป คิดไม่ถึงว่าจะถูกธัชชัยจับแขนเอาไว้ แรงของเขามันไม่ง่ายเลยที่จะขัดขืน “วัจสาเธอเกียจฉันมั้ย?” เส้นเสียงแหบแห้งที่ราวกับปีศาจร้ายในเวลานี้ รู้สึกได้ว่ามันยากเกินจะเยียวยา “ใช่หรือไม่ เกลียดฉันมากใช่มั้ย?” วัจสาตกใจมาก อยู่ดีๆ ธัชชัยก็พูดประโยคนี้ออกมา หรือว่ากำลังพิจารณาตัวเองอยู่เหรอ? แล้วก็ถามใจตัวเองว่า ตัวเองนั้นเกลียดเขาหรือไม่? แน่นอนว่าต้องเกลียดมาก ที่เขาทำเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ต่อเธอโดยไม่สนใจความถูกตัอง เธอย่อมต้องเกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำแล้ว “ถ้าหากว่าเธอไม่มีมารยาทต่อฉันที่เป็นพี่สะใภ้ของเธอ แน่นอนว่าฉันไม่เกลียด” เสียงที่อ่อนหวานของวัจสาไม่เหมือนแกล้งทำออกมา มันแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ตำหนินิดหน่อย พอธัชชัยได้ฟังแล้วก็ทำให้รู้สึกไพเราะที่สุดเลย “เหอะ จริงเหรอ?” ธัชชัยยิ้มแย้มจนทำให้ขนลุก ประเดี๋ยวเดียวก็ปล่อยมือของวัจสา เปลี่ยนเป็นชี้ไปที่เส้นผมที่เย็นเยียบ เส้นผมของหญิงสาวหนาและเป็นสีดำสนิท ไม่เคยผ่านการเสริมแต่งใดๆ ดูสุขภาพดีมาก “ทำไมถึงต้องเน้นคำว่าพี่สะใภ้ของฉันเสมอเลยล่ะ?” ทำไมถึงชอบแสดงตนว่าเป็นผู้หญิงของพี่ชายนักล่ะ? วัจสาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรธัชชัยพูดประโยคนี้ด้วยความปวดร้าวเป็นทุกข์นัก หรือเป็นเพราะว่าผ้าพันแผลที่อยู่ตรงนิ้วมือ เธอไม่อยากถกเถียงกับปัญหานี้ อีกอย่างปัญหานี้ก็ไม่ควรเอาออกมาพูด “แต่ไหนแต่ไรมาฉันก็เป็นภรรยาของพล มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าจะเน้นคำนี้” วัจสาพูดเรียบๆ ออกมาหนึ่งประโยค คิดไม่ถึงว่าผู้ชายจะไม่มีเหตุผลมาหักล้างได้ ทำได้เพียงจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกรอบ วัจสาคิ้วขมวดยังไม่คลาย แล้วยื่นมือออกไปทันที คิดอยากจะหยิบเอาบุหรี่มวนนั้นในมือของธัชชัย ในตอนที่มือของวัจสายื่นไปถึงก็ต้องตกใจกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสามารถหยิบบุหรี่ในมือของธัชชัยได้ ที่ทำอยู่นี่เหมือนกับกระตุกหนวดเสืออะไรอย่างนั้นเลย จริงๆ แล้วเวลาที่มือของวัจสาสัมผัสโดนบุหรี่ของธัชชัย ภายในใจของเขาปฏิเสธ แต่ท่าทางที่ดูอ่อนโยนนั้น เขาก็พลันอึ้งชะงักไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้เธอมีโอกาสฉวยมันไป วัจสาเอาวิบุหรี่มวนนั้นมาจี้ไปที่รองขี้บุหรี่เพื่อดับไฟ หยิบขนมงาทอดมันม่วงที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้ววางลงบนมือของธัชชัยพร้อมกับพูดว่า “กินนี่สิ” วัจสาเพิ่งเข้าครัวลองทำอาหารตุ๋นยาจีนและตัวเองยังชอบกินมันอีกด้วย ธัชชัยมองดูขนมงาทอดมันม่วงก้อนเล็กที่อยู่ในมือ ภายในดวงตาอดไม่ได้ที่จะฉายรอยยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้เดียงสานัก เขาเอาขนมงาทอดมันม่วงเข้าปากไปตามสัญชาตญาณ ค่อยๆ เคี้ยว รสชาติพอได้ แต่หวานไปหน่อย วัจสาคิดไม่ถึงว่าเขาจะกินมันเข้าไปจริงๆ ถามอย่างมีความหวังน้อยๆ ว่า “อร่อยมั้ย” ถ้าหากธัชชัยยอมเป็นน้องสามีที่ว่าง่ายสอนง่ายก็ดีมากแล้ว เธอคิดอยากจะมีน้องชายมาโดยตลอด แต่ว่าพอคิดๆ ดูแล้วธัชชัยก็เหมือนจะอายุเยอะกว่าเธอเสียอีก คงจะเป็นน้องชายไม่ได้หรอกนะ “หวานเกินไป” ธัชชัยขมวดคิ้ว เอาที่เหลือยัดเข้าปากลงไปให้หมด วัจสาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ถึงมันจะหวานเกินไปแต่คุณก็ยังกินเข้าไปหมดเหรอ? แต่ว่าเธอก็ดูออกแล้วว่าธัชชัยคงจะไม่ชอบกินหวานสักเท่าไหร่ ธัชชัยเห็นวัจสาจงใจยิ้มออกมา ในใจก็ไม่รู้ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นสงบสุขขึ้นมา บางทีใบหน้าที่สดใสขาวบริสุทธิ์ของเธอมันแดงระเรื่อเหมือนกับว่ามีเรื่องที่น่าพอใจบางเรื่อง “แผลที่หลังของเธอดีขึ้นรึยัง?” ธัชชัยถาม ความจริงแล้วเขาอยากเห็นท่าทางที่เป็นบ้าของเธอ ปิดกั้นตัวเองไม่ให้อยู่ในขั้นความสัมพันธ์ของน้องสามี ได้เห็นเธอเปลี่ยนเป็นแมวตัวน้อยที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน มันช่างดูน่ารักไม่น้อยเลย “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” วัจสาไม่คิดอะไรมาก เธอคิดว่าเขาคงเป็นห่วงเธอจริงๆ จึงตอบกลับไปตามความเป็นจริง “จริงเหรอ? งั้นให้ฉันดูหน่อยสิ ฉันถึงจะวางใจได้” มุมปากยกยิ้มอย่างมีความหมายแฝง วัจสารีบถอยล่นออกไป ผู้ชายคนนี้ช่างเอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้จริงๆ “ไม่ต้องหรอก ป้าอ้อยทายาให้ฉันแล้ว” ธัชชัยขมวดคิ้ว ป้าอ้อยนี่ก็อะไร งานตัวเองไม่ไปทำ วันหลังจะต้องตำหนิสักหน่อยแล้วล่ะ! ธัชชัยเพิ่งจะคิดไป ป้าอ้อยก็ยกถ้วยอาหารที่มีกลิ่นหอมเข้ามา “คุณชายคะ คุณยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็น ฉันทำซุปเกี๊ยวมาให้ค่ะ” น้ำเสียงของป้าอ้อยเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน เธอรักและเอ็นดูธัชชัยเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ธัชชัยรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องอีกหนึ่งคน ในใจรู้สึกไม่มีความสุขแน่ จึงรีบพูดไปว่า “ไม่เป็นไร วางเอาไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ” “ถ้าอย่างนั้นก็จำเอาไว้นะว่าต้องกินเยอะๆ ช่วงนี้คุณกินน้อยเกินไปแล้ว” ป้าอ้อยพูดด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง วัจสาได้ฟังน้ำเสียงของอ้อยแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังในหน้าของธัชชัย ผู้ชายคนนี้ผอมลงงั้นเหรอ? ร่างกายดูแข็งแรงกำยำล่ำสันซะขนาดนี้ มันดูซูบผอมตรงไหน? ธัชชัยสุดท้ายก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีของป้าอ้อย หยิบเอาช้อนคันหนึ่งขึ้นมา ตักเอาเกี๊ยวลูกกลมโตขึ้นมากิน วัจสาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังนั่งกินอาหารอยู่ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป “จะไปไหน?” ธัชชัยขมวดคิ้วมุ่น พูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงกล่าวเตือนอย่างหนักแน่น “ฉัน... ฉันจะไปเอาน้ำมาให้คุณ” วัจสาพูดออกมาและตัวก็แข็งทื่อ
已经是最新一章了
加载中