ตอนที่35 ยืนยันความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่35 ยืนยันความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยา
ต๭นที่35 ยืนยันความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยา เห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของเธอ ธัชชัยก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะเขินอาย “ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับธัชชัยเป็นยังไงกันบ้าง? เขาไม่ได้รังแกคุณใช่ไหม?” ธัชชัยถามในนามของวรพล “ไม่ค่ะ ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาก็ไม่เลวนะคะ” ใต้จิตสำนึกของวัจสาก็ยังปกป้องภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนั้นอยู่ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาคอยรังแกเธอเสมอมา แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องปกป้องผู้ชายคนนั้นด้วย “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ได้ยินมาว่าคุณขวางหม้อน้ำซุปแทนเขา จึงทำให้หลังของคุณถูกน้ำร้อนลวกจนบาดเจ็บอย่างนี้ใช่ไหม?” ธัชชัยถาม ในเวลาเดียวกันก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ฉันขอดูแผลที่หลังคุณหน่อยสิ” วัจสามองดูด้านหน้ายังมีคนขับรถกำลังขับรถอยู่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เธอก็พลันเกิดความรู้สึกทั้งเขินอายและโกรธเคือง “จริงๆ แล้ว... ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกอย่างป้าอ้อยก็บอกแล้วว่ามันไม่เป็นแผลเป็น คุณวางใจได้” “ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองจะวางใจได้อย่างไรล่ะ?” จริงๆ แล้วธัชชัยถามป้าอ้อยนานแล้ว แผ่นหลังของวัจสาใกล้จะหายดีเป็นปกติแล้ว ทว่าตอนนี้เขาอยากจะดูซิว่าผู้หญิงคนนี้คู่ควรกับการได้รับความช่วยเหลือหรือไม่ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือต่อหน้าของพี่ใหญ่เธอจะโอนอ่อนผ่อนตามเหมือนกระต่ายน้อยตัวหนึ่งหรือไม่ ต่อหน้าของเขาเธอเป็นเหมือนแมวป่าตัวหนึ่ง บางครั้งเธอถึงขั้นจะใช้เล็บแหลมคมข่วนเขาด้วยซ้ำ เพราะอย่างนี้ธัชชัยยอมรับเลยว่ามันทำให้เขาไม่สบายใจ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเขาเป็นสามีของเธอ คุณชายรองท่านนี้ลืมสิ้นหมดแล้ว เป็นเขาเองที่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา ตอนนี้จะมาตำหนิวัจสาผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรไรเลยได้อย่างไร? “คุณพลคะ... ไม่จำเป็นต้องดูจริงๆ ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว....” วัจสามองคนขับรถที่อยู่ข้างหน้าด้วยความกระดากใจ ด้านข้างยังมีพ่อบ้านภูษิตนั่งอยู่อีกด้วย นี่จะไม่ทำให้คนกระดากใจไปหน่อยหรือ? สายตาของธัชชัยฉายแววลึกซึ้งขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ฉันเป็นสามีของเธอ ทำไมจะดูไม่ได้? ก็เป็นเพราะว่าห่วงเธอก็เท่านั้น” ผ้าม่านข้างหน้าถูกปิดลงโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าเป็นธัชชัยหรือพ่อบ้านภูษิตที่บอกให้คนขับรถปิดผ้าม่านลง แต่ทำอย่างนี้มันน่าอายคนเกินไปแล้ว แม้แต่คนข้างนอกก็รู้ว่าพวกเกิดเรื่องอะไรขึ้น วัจสาไม่มีคำจะพูดแล้วจริงๆ นิสัยใจคอทำไมโผงผางเหมือนกับธัชชัยราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเช่นนี้ จะให้เธอทำอย่างไรถึงจะดี จะให้เขาดูก็ขวยเขินเหลือเกิน ไม่ให้เขาดูเขาก็โกรธอีก ในตอนที่วัจสากำลังเกิดอาการตัวสั่น ธัชชัยก็พลันไอขึ้นมาสองที เธอตกใจรีบเข้าไปลูบหลังของเขาทันทีแล้วพูดว่า “สา..สามี ทำไมคุณถึงได้ไอขึ้นมาอีกล่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ครั้งที่แล้ววัจสาได้ฟังอาการป่วยของวรพลจากป้าอ้อย เหมือนกับว่าจะอาหารหนักพอสมควรต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แต่ว่าอาการของเขาในวันนี้ไม่เหมือนกับคนป่วยเลยแม้แต่น้อย วันนี้ในตอนที่วัจสานวดใหล่ให้กับเขา ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อและผิวหนังเรียบเนียน รูปร่างดูสุขภาพดีไม่น้อย ดูท่าทางอย่างนี้แล้ว อาการป่วยของวรพลเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้คนอื่นกังวลใจยิ่งนัก “ยังตายไม่ได้หรอก เป็นเพราะคุณ” ธัชชัยมองด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และถือโอกาสโอบเธอเข้ามากอด ร่างกายที่อ่อนนุ่มของวัจสาก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของธัชชัย แลนั่งอยู่บนที่มีเรี่ยวแรงของเขา “วรพล... สามี... แบบนี้จะไปกดทัพบาดแผลของคุณได้นะ... รีบปล่อยฉันลงไปเถอะ” วัจสาคิดไม่ถึงว่าจะถูกธัชชัยทำตัวสนิทสนมขนาดนี้จึงตกใจไม่น้อย เธอยังไม่เคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอพยายามจะขยับลุกขึ้นไปนั่งที่เดิม แต่ธัชชัยพูดขึ้นมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “อย่าขยับ ให้ฉันกอดอยู่อย่างนี้เงียบๆ สักครู่” แต่ธัชชัยจริงๆ แล้วไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลยกับเธอ เพียงแค่อยากโอบกอดเธอเบาๆ เอาศีรษะเข้าไปใกล้เส้นผมของเธอ ได้กลิ่นหอมของต้นหญ้าชนิดหนึ่งที่อยู่บนตัวของวัจสา ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้สภาพจิตใจที่ขึงตึงของธัชชัยก็ผ่อนคลายมากขึ้น วัจสาไม่ได้มองวรพล เพียงฟังเสียงหัวใจของเขาเท่านั้น ดูมีพลังและแข็งแรง เต้นเป็นจังหวะ หัวใจของเขายังสามารถเต้นได้เป็นปกติ นี่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว พ่อบ้านภูษิตเหมือนกับมองออกถึงความรักของหนุ่มสาวคู่นี้ จึงบอกให้คนขับรถขับช้าไปเป็นพิเศษ ผ่านไปเป็นเวลานาน เพิ่งจะมาถึงบ้านตระกูลศรีทอง แต่ว่าพอวรพลมาถึงแล้วก็รีบเข้าไปในห้องรักษาตัวทันที วัจสาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เจอเขาตอนไหนอีก ดังนั้นเธอจึงมีเรื่องคาใจบางเรื่อง เธอรีบจับมือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นข้างนั้น และขอร้องอ้อนวอนเขาว่า “... สามี ฉันขอเข้าไปดูแลคุณจะได้หรือไม่? ฉันจะเรียนทุกสิ่งทุกอย่างกับคุณหมอภาคิน ฉันจะไม่เกะกะหรือเป็นอุปสรรคต่อการรักษาของคุณ” ในขณะที่ธัชชัยถูกมืออันอ่อนนุ่มของเธอกุมเอาไว้ หัวใจดวงนั้นก็พลันเต้นระรัวเหมือนกับว่าจะทะลุออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนี้อาลัยอาวรณ์พี่ใหญ่อย่างนั้นเหรอ? อันที่จริงแล้วมันคือความอาลัยอาวรณ์ในตอนที่เขายังปกติอยู่เขาคนนั้นดูแลเอาใจใส่เธออย่างอ่อนโยน อีกอย่างวันนี้ได้ยังสามารถหลีกเลี่ยงผู้ที่บ้าคลั่งคนนั้นได้ด้วย นั้นก็คือเขาเอง ธัชชัย เพียงแต่ว่าวัจสาไม่รู้รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าของผู้ชายนั้นก็คือเขาเอง สายตาที่เปล่งประกายของวัจสา มองธัชชัยด้วยสายตาที่น่าสงสาร สายตาของธัชชัยก็ยิ่งลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เธออยากจะอยู่กับวรพลขนาดนี้เชียวหรือ? เธอชอบวรพลจริงๆ หรือว่าแค่แกล้งทำมันออกมา หรือแค่อยากจะเสาะหาเบาะแสอะไร? ถ้าอย่างนั้นการแสเงของเธอก็เยี่ยมยอดแล้ว “ลัยอาวรณ์ฉันเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี คืนนี้ฉันจะกลับเป็นเพื่อนเธอ” ธัชชัยพูดเสียงแหบแห้งแฝงความชั่วร้าย ถึงแม้ว่าจะแหบแห้งแต่มันก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่างเอาไว้ ทว่าวัจสาได้ยินอย่างนั้นแล้วใบหน้าก็พลันร้อยผะผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย รีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น! วรพล คุณก็รู้ ฉันแค่อยากทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีก็เท่านั้น ฉันเป็นภรรยาของคุณแต่กลับช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย มันทำให้ฉันรู้สึกท้อใจไม่น้อยเลย ไม่รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์อะไร อีกอย่างพ่อบ้านภูษิตและป้าอ้อยก็เริ่มชราลง และสุดท้ายคุณก็ต้องมีครอบครัวแนของตัวเอง พลคะ ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งที่ตัวฉันสามารถทำได้และหากสิ่งไหนที่ฉันไม่สามารถทำได้ฉันก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ” ธัชชัยได้ยินดังนั้นก็พลันตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดด้วยความจริงใจเช่นนี้ มองน้ำตาที่นองเต็มใบหน้าของเธอ ธัชชัยรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัว แต่ว่าปากเธอพูดคำว่าวรพลเต็มปากเต็มคำ มันทำให้เขาไม่สบายใจจนยากที่จะอธิบายออกมาได้ ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นลึกล้ำแล้วพูดว่า “อยากจะดูแลฉันก็พอแล้ว” พอเขาพูดประโยคนี้ วัจสาก็ดีใจมาก แต่ว่าประโยคถัดไปนี้จะทำให้เธอตกใจจนเหี่ยวเฉาตายเลยก็เป็นได้ “ก่อนอื่นเลยเธอต้องเป็นภรรยาของฉันจริงๆ ก่อน ตอนที่เราแต่งงานกันเกือบจะขั้นตอนสุดท้ายที่พวกเรายังไม่ได้ทำ? ถ้าอย่างนั้นก็มาพิสูจน์ความสัมพันธ์ของการเป็นคู่สามีภรรยากันเถอะ ถึงตอนนั้นฉันรับประกันเลยว่าคุณหมอภาคินจะไม่ขัดขวางเธอเข้าไปในห้องรักษาตัว เธอคิดว่ายังไง?” ธัชชัยมุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย มองดูวัจสาที่หัวใจเต้นระรัว ทำไมวรพลคนที่อยู่ตรงหน้านี้ถึงได้ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนธัชชัยกำลังพูดอยู่? คนแบบนี้ไม่มีทางใช่วรพล เขาควรจะเป็นผู้ชายที่สุภาพมีมารยาทและอ่อนโยนกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าเนื้อหาที่ในคำพูดของเขามันทำให้วัจสาปากซีดขาวขึ้นมาทันที การที่จะมาทำเรื่องอย่างว่ากับวรพล ผู้ชายที่ใบหน้าไม่เหมือนเมื่อก่อนคนนี้ เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย และก็ยังรู้สึกว่ามันเร็วไปด้วย ระหว่างคนสองคนยังไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อกัน แล้วจะสามารถเข้าพิธีแต่งงานเป็นคู่สามีภรรยากันตามใจชอบได้อย่างไร ถึงแม้ว่าวรพลจะเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เธอก็คงไม่สามารถยอมได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าวันนี้ยังไงก็ต้องมาถึง วัจสาสภาพจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งวัน เธอไม่รู้เลยว่าคืนนี้จะเป็นยังไงกันแน่ แม้แต่ป้าอ้อยก็ไม่ได้ขอให้เธอช่วยหยิบเศษจานเล็กๆ ที่เธอทำมันแตกหมด “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรรึเปล่า? แผลที่หลังของคุณยังปวดอยู่เหรอ?” ป้าอ้อยถามอย่างกังวลใจ พร้องกับเก็บกวาดขยะที่กองอยู่บนพื้น “ไม่ค่ะ ฉันดีขึ้นเยอะมากแล้ว แต่ว่า...” วัจสาพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ก็พูดไม่ออกแล้ว “แต่ว่าอะไรคะ?” ป้าอ้อยถามอย่างไม่เข้าใจ วัจสาลากป้าอ้อยมาข้างๆ ห้องพักแขก “ป้าอ้อยคะ อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ถึงแม้ป้าอ้อยจะสงสัย แต่ก็ยังทำตามคำขอของเธอ พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิงอยากพูดอะไรคะ?” “ป้าอ้อย ป้าเคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนั้นไหมคะ? แบบว่า...ระหว่างสามีกับภรรยา....” ป้าอ้อยได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที หรือว่าคุณชายรองกับคุณผู้หญิงกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตสามีภรรยากันแล้ว? เป็นอย่างนี้ก็ดีสิ เธอก็รีบยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง เรื่องอย่างนี้มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ถ้าหากว่าอยู่ในอ้อมกอดของคุณผู้ชายแล้ว เดี๋ยวก็ไหลไปตามน้ำเองนั้นแหละค่ะ” วัจสาหน้าดำคล้ำ ความเข้าใจของป้าอ้อยผิดไปแล้วกระมัง? เธอถอนหายใจเบาๆ ดูท่าแล้วถ้าพูดต่อไปคงไม่มีประโยชน์ ยิ่งพูกก็ยิ่งเหลวไหลเกินไปแล้ว “ไม่มีอะไรแล้วล่ะป้าอ้อน ป้าออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว” ป้าอ้อยยิ้มแย้ม ตั้งแต่รู้ข่าวนี้ หน้าตายิ้มแย้มพูดว่า “ได้ค่ะ คุณจะได้คิดด้วยตัวเองสักหน่อย” แต่ว่าคิดไปคิดมาก็หนีไม่พ้นฝ่ามือของคุณชายรอง หากเขาอยากได้อะไรมีเหรอที่จะไม่ได้ วัจสาใช้เวลาทั้งบ่ายครุ่นคิดหาข้ออ้าง แต่ก็ยังคิดหาข้ออ้างเลี่ยงวรพลไม่ออก จนถึงตอนเย็น วัจสาอาบน้ำใส่ชุดน้อยปกติเช่นทุกวัน เรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรชวนมองยิ่งนัก ที่ที่ควรใหญ่ก็ใหญ่ ที่ที่ควรเล็กก็เล็ก เรียกได้ว่าเป็นรูปร่างที่งดงามสมบรูณ์มาก เธอนั่งจับนิ้วมือตัวเองอยู่บนเตียงนอนด้วยความเคร่งเครียด พอคิดว่าวรพลจะมาคืนนี้ ทั้งร่างกายของเธอก็เหมือนกับเป็นคันธนู ราวกับว่าเรื่องอะไรก็ทำให้เธอตื่นตกใจได้ เวลานี้ โคมไฟที่ห้อยอยู่บนเพดานก็กระพริบ ทำให้เสียสายตามาก วัจสาตกใจใจมากจนเกือบจะตะโกนออกมาแล้ว ตรงประตูปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ “ไม่ต้องกลัว ฉันเอง ” เสียงแหบแห้งนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย มักทำให้ใจคนสั่นไหวเสมอ...” วัจสาได้ยินแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นวรพล เธอถูเสื้อผ้าไปมาด้วยความตื่นเต้น “ทำไม ทำไมไฟถึงดับ?” เงาร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ เธอแล้วพูดว่า “ฉันบอกให้พ่อบ้านภูษิตปิดเอง ฉันกลัวว่าเธอจะกลัวรูปร่างของฉัน ดังนั้นปิดไฟจึงดีที่สุด” ความจริงแล้วเป็นเพราะว่าธัชชัยไม่อยากจะเอาเนื้อหนังที่ปลอมเป็นวรพลมาทำเรื่องนี้ด้วย ไม่สะดวกเอาซะเลย อีกทั้งยังไม่รู้สึกอะไรอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงให้พ่อบ้านภูษิตปิดไฟเอาไว้ ตัวเองก็เอาเครื่องดัดเสียงมาด้วย แบบนี้ผู้หญิงคนนี้ก็มองไม่เห็นหน้าเขาแล้ว ในขณะที่พูดอยู่ ธัชชัยก็เดินไปถึงตรงหน้าของวัจสาแล้ว รูปร่างสูงโปร่งช่างเหมือนกับผู้ชายบางคน วัจสาตื่นเต้นจนคิดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงพูดเบาๆ ว่า “ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ ให้พ่อบ้านภูษิตเปิดไฟเถอะค่ะ ไม่มีแสงสว่างอย่างนี้... ฉันกลัวมากกว่าค่ะ...” ธัชชัยอ้าแขนไปโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด กลิ่นหอมจางๆ บนร่างกายของเธอที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาว หน้าท้องของเขาก็อบอุ่นขึ้นมา ตั้งหน้าตั้งตารอคอยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ไหวแล้ว 
已经是最新一章了
加载中