ตอนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน
1/
ตอนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน
วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน
ตนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน ธัชชัยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีมาก ถ้าหากว่าเธอยืนยันว่าจะค้างอยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นเงินหนึ่งพันล้านนี่ฉันว่าฉันเอาไปทำธุรกิจกับคนอื่นดีกว่า” คำพูดนั้นของเขาจบลง สีหน้าของทุกคนนั้นห้องนั้นก็เปลี่ยนเป็นสมหวังขึ้นมา ฟันขาวสะอาดของวัจสากัดลงไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ผู้ชายคนนี้กำลังขู่เข็ญและบีบบังคับเธอชัดๆ ถ้าหากเธอไม่กลับไป ถ้าบริษัทของคุณน้าไม่ได้ลงทุนแล้วล่ะก็ ความรับผิดชอบทุกอย่างจะต้องโทษมาที่ตัวเธอแน่ วราลีมีปฏิกิริยาก่อนใคร ดึงมือของวัจสามาแล้วพูดว่า “วัจสาจ๊ะ คุณชายใหญ่กำลังรอหนูอยู่ที่บ้านนะ รีบกลับไปเถอะ ถ้าเกิดว่าอยากจะค้างล่ะก็ วันอื่นค่อยมาก็ได้” แกล้งทำท่าทีเข้าอกเข้าใจคนอื่น พูดเสร็จก็ผลักให้วัจสาออกไป พอไม่ได้ระวังก็ชนกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ธัชชัยรีบยื่นมือไปพยุงเธอเอาไว้ เธอถึงไม่ได้ล้มลงไป วัจสาคิดไม่ถึงว่าเพื่อเงินหนึ่งพันล้านแล้วคุณน้าทั้งสองจะทำกับเธออย่างนี้ แต่ว่าเธอไม่อยากกลับไป นิสัยของวัจสาก็เป็นอย่างนี้ ยิ่งคุณบังคับเธอ เธอยิ่งไม่เชื่อฟัง ตอนนี้เพียงแค่อยากจะดูท่าทางของคุณน้า มองดูในสายตาของคุณลุงแล้วเงินสำคัญกว่าหรือหลานสาวคนนี้สำคัญกว่า “คุณน้าคะ คืนนี้หนูอยากจะค้างที่นี่” น้ำเสียงของเธอขอร้องอ้อนวอนด้วยความแอ ทำให้คนฟังแล้วยากที่จะปฏิเสธได้ ปยุตไม่แม้แต่จะกล้ามองวัจสา ก้มหน้าก้มตาหมุนตัวออกไปทางอื่นแล้วพูดว่า “วัจสา มันดึกแล้ว กลับไปกับคุณชายรองเถอะ น้าสะใภ้เธอพูดถูกแล้ว ต่อไปถ้ามีเวลาก็ค่อยมา เข้าใจไหม?” ในใจของวัจสาตกใจมาก รู้ทั้งรู้ว่าผลลัพธ์ต้องเป็นอย่างนี้ แต่เธอก็ยังดึงดันถามออกไป และพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เข้าใจ” หันหลังไปและไม่หันกลับมาอีก แล้วก็เดินออกไปข้างนอก เธอยังไม่ทันจะเดินออกจากลานบ้านของตระกูลขุนทด รถเฟอรารี่สีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงถนนด้านข้าง หน้าต่างรถค่อยๆ เลื่อนลงไป ปรากฏให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เย็นชาเหมือนปกติ “ขึ้นรถ” น้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจากใบหน้าเลย สีหน้าวัจสาดูเฉยชา ตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ยังไงเธอก็สู้ความร่ำรวยและอิทธิพลของเขาไม่ได้ เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้คนตระกูลขุนทดไล่เธอออกไปราวกับสัตว์ที่ดุร้าย ถ้าหากวันหนึ่งเขาบังคับให้เธอตาย เกรงว่าแค่พูดประโยคนี้ออกมาก็ได้แล้ว วัจสานั่งอยู่บนเก้าอี้หนังแท้ของรถเฟอรารี่ พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วบ่นพึมพำว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะมีมูลค่าเป็นพันล้าน เหอะ เหอะ” “ทำไม? ที่ฉันเข้าร่วมหุ้นไม่ใช่ความปรารถนาของเธอเหรอ? หนึ่งพันล้าน ถึงจะสามารถซื้อวัจสาได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยล่ะ” ธัชชัยพูดพร้อมกับยิ้ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง “คุณพูดผิดแล้ว เดิมทีฉันได้เป็นของใคร แต่เพราะว่าเพราะเหตุผลบางอย่างฉันถึงจำใจต้องแต่งงานกับตระกูลศรีทอง แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้รับใช้ของใคร ถึงแม้จะเป็นพี่ชายของคุณก็ไม่ได้ แต่ว่าฉันอยากจะพูดกับคุณหน่อย เงินหนึ่งพันล้านก้อนนี้ คุณใช้มันได้ไม่คุ้มค่าจริงๆ” วัจสามองไปข้างหน้า และถูกความเร็วของรถที่พุ่งไปทำเอาเธอถอยไปพิงกับเบาะ “หมายความว่าไง?” “ก็เพราะว่าคุณมันเป็นคนที่มองผู้หญิงแค่ใบหน้าไงล่ะ ถ้ามันเป็นเพราะเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณเองก็ไม่รู้เลยว่าโครงการนี้จริงๆ แล้วมันคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า สิ้นเปลืองเงินของตระกูลศรีทองไปเปล่าๆ ก็เท่านั้น ทว่าเงินจำนวนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวรพลที่ให้คุณใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจก็ได้” ในใจของวัจสา ธัชชัยสามารถที่สามารถมีเงินได้มากมายขนาดนั้น ทั้งหมดก็คงจะเป็นเพราะอาศัยการชี้แนะจากวรพล หลังจากงานผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้น สิ่งที่ ‘วรพล’ แสดงออกมามันเหนือความคาดหมายของเธอมาก ในตอนนั้นเธอถึงได้รู้ว่าผู้ชายที่ถูกไฟลวกคนนั้น เป็นคนที่มีพรสวรรค์และฉลาดปราดเปรื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีโฉมภายนอกที่หล่อเหลา แต่ลักษณะนิสัยและอารมณ์ก็ไม่แพ้ใคร แต่ว่าสิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือคนที่ตัวเองกำลังเลื่อมใสศรัทธา รู้สึกว่าวรพลท่านนั้นที่น่าตกใจ ก็ขึ้นอยู่กับธัชชัยที่จะเป็นคนตัดสิน และเขาก็เป็นสามีของเธออย่างแท้จริง “อ๋อ? ที่แท้ในใจของเธอ ฉันก็เป็นแค่น้องชายที่ไม่เอาไหนคนหนึ่งเหรอ? วัจสา เธอกำลังสงสัยในความสามารถของฉันใช่มั้ย? หรือว่ากำลังหลงรักเงินของฉัน? กลัวฉันจะขาดทุนเหรอ?” ธัชชัยไม่ได้โกรธ เมื่อกี้นี้อารมณ์โกรธตอนที่อยู่ในบ้านตระกูลขุนทดตอนเห็นคิดอยากจะหนีในตอนนี้ก็ได้สงบลงไปแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อยากจะเย้าแหย่แมวเหมียวน้อยที่อารมณ์เสียเท่านั้น เหมือนกับว่ามีเธออยู่ เรื่องวุ่นวายใจและความแค้นทั้งหมดของตัวเองสามารถวางเอาไว้ข้างๆ ได้ชั่วคราว ถ้าหากว่าวรพลรู้ถึงความในใจของน้องชายตัวเองทั้งหมด เกรงว่าคงตายตาหลับแล้ว วัจสาถูกเขาพูดอย่างนี้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ความหมายของคำพูดเหล่านั้นก็คือกังวลว่าเขาจะขาดทุน แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ? เธอจึงรีบปากปากตอบโต้ “ฉันไม่ได้เป็นห่วงเงินของคุณ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณใช้เงินของพี่ชายคุณฟุ่มเฟือยอย่างนี้มันไม่คุ้มค่าก็เท่านั้น” “จริงเหรอ?” น้ำเสียงของธัชชัยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ “ในเมื่อคุณเป็นห่วงขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูดแผนการของฉันสักหน่อยนะ” วัจสาคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเค้ายังจะมีแผนการอะไรได้ จึงแกล้วทำเป็นฟังอย่างไม่ตั้งใจ “คุณน้าของเธอพูดถึงการเปิดประมูล ฉันก็รับเอามาพิจารณาไว้นานแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังขาดวิธีการดำเนินการก่อสร้างอย่างคุณลุงของคุณ” วัจสาขมวดคิ้ม ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่เธอก็ฟังออก ธัชชัยกำลังเลือกคนที่มีความสามารถพอที่จะทำงานนั้นได้ “ที่คุณทำแบบนี้ไม่ได้กำลังล้อเล่นกับคุณน้าใช่ไหม? ตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหารคุณก็บอกว่าโครงการนี้มันไม่คุ้ม ตัวเองกลับตอบรับนานแล้ว ตอนที่ฉันพูดกับคุณ คุณก็รู้แล้วใช่ไหม?” ธัชชัยหัวเราะเบาๆ “ฉันเป็นคนที่ทำธุรกิจคนหนึ่ง ย่อมต้องคิดวิธีหากำไรเพื่อตัวเอง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่มีทางทำลายตัวเอง ฉันยอมรับโครงการนี้ ก็ต้องเป็นเพราะว่าชื่อเสียงของฉันสามารถทำผลกำไรได้อย่างมหาศาล แต่คุณน้าของคุณทำไม่ได้” “หมายความว่าไง?” “ฉันอยู่ที่ตลาดเอสหากต้องการเงินทุนก็มีเงินทุน หากต้องการเส้นสายก็มีเส้นสาย ย่อมไม่ต้องไปไกล่เกลี่ยเหมือนกับคุณน้าของคุณ เพราะอย่างนี้จึงทำให้ประหยัดเงินและเวลาไปได้มากเลยล่ะ เมื่อฉันออกหน้าแล้ว ผลกำไรก็มากขึ้นด้วย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณน้าของคุณ อย่างนั้นก็คงได้กำไรแค่หัวแมลงวันเท่านั้น ทำไมฉันถึงไม่กินเนื้อสามฉันแต่กลับไปกินซี่โครงไก่?” ธัชชัยสมกับนักธุรกิจ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะนักธุรกิจคนไหนก็มีเล่ห์เหลี่ยมจัดทั้งนั้น นั้นก็คือเขา “ทำไม? รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปพูดกับคุณน้าคุณสิ ว่าฉันไม่ร่วมมือกับเขาแล้ว มันเป็นเพียงประโยคเดียวที่จะทำให้ฉันเปลี่ยนการก่อสร้าง” วัจสากัดริมฝีปาก ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่ใช้อิทธิพลใช้อำนาจมารังแกคนจริงๆ จะต้องกดขี่ตัวเธอให้ได้ ทั้งสองก็เงียบไปชั่วขณะ วัจสาไม่อยากจะพูดอะไรออกมา ในเวลานี้ธัชชัยก็ไม่มีอารมณ์แล้ว รอให้เจ้าแมวเหมียวน้อยโมโหก็จะกัดคนเองแหละ บรรยากาศที่เงียบสงัดก็ถูกเสียงโทรศัพท์ทำลายลงไป ธัชชัยมองดูโทรศัพท์หนึ่งที เป็นสายของโสธร ดวงตาของเขาเย็นชา “มือของฉันไม่สะดวก คุณช่วยถือโทรศัพท์ให้ฉันหน่อย” วัจสารู้ว่าเขาต้องขับรถ ก็ไม่คิดจะเล่นแง่อะไร หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รับแล้วก็แนบใส่หูของเขา อุณหภูมิของใบหน้าที่ละมุนละไมราวกับหยกมันช่างร้อนจี๋ มือของวัจสาก็ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เคลื่อนออกมาไกลหน่อย “ฮัลโหล มีเรื่องอะไร? ได้ข่าวแล้วเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าโสธรอยู่ในสถานที่บันเทิง ตะโกนเสียงดังวุ่นวายมาก เขาโกนเสียงดัง “พิเศษเลยล่ะ! เงียบๆ หน่อย!” เสียงเพลงทางนั้นเพียงชั่วพริบตวก็ปิดลง “ธัชชัย มีข่าวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว นายอยากมาเจอกันมั้ย?” ในดวงตาที่ลึกลงไปของธัชชัยพอได้ยินกนิษฐา ก็ฉายแววความหมายลึกล้ำขึ้นมา มือที่จับพวกมาลัยอยู่นั้นก็กำแน่นขึ้นแล้วพูดว่า “ได้ ฉันรีบไป” ทางนั้นก็วางสายไป วัจสาเห็นคุยเสร็จแล้วก็ทั้งร่างของเขาก็หายใจแรงผิดปกติ เดาอยู่ภายในใจว่าเขาคงมีเรื่องที่ต้องไปทำ “ถ้าคุณมีธุระ ตรงไปเลยก็ได้ ให้ฉันลงจากรถข้างหน้านี้เถอะ” ธัชชัยมีเรื่องสำคัญ แต่ว่าวัจสาสำคัญกว่าเรื่องใด “ดึกมากแล้ว ไม่ปลอดภัย ไปส่งเธอกลับบ้านก่อน” ประโยคนี้ทำให้ในใจของวัจสาสงบขึ้นมาหน่ออย คิดไม่ถึงว่าธัชชัยยังเป็นห่วงเธอ หรือว่าจะเป็นห่วงเธอว่าจะถูกลักพอตัวไป? โตขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นคนเลว ในตอนนี้ถึงจะเป็นคนเลวที่สุด ชอบก่อเรื่องให้เธออายและโมโหอยู่บ่อยๆ ถึงแม้บางครั้งจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าพูดถึงความไม่ปลอดภัย จะมีใครที่สามารถเทียบเท่าธัชชัยได้อีกเหรอ? แต่ว่าจริงๆ แล้วเธอก็เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ ธัชชัยไม่ได้ทิ้งเธอเอาไว้ข้างทาง และยังคิดจะไปส่งเธอถึงบ้าน ที่เป็นสุภาพบุรุษอย่างนี้ เป็นครั้งแรกที่วัจสาได้พบได้เจอ ความเร็วของรถไม่ได้ขับเร็วเหมือนตอนไปบ้านตระกูลขุนทด แต่ว่าจิตใต้สำนึกของธัชชัยกลับคิดว่าจะต้องดูแลความรู้สึกของวัจสา ทว่าความเร็วของรถเฟอรารรี่ก็ไม่ได้ช้าถึงขนาดนั้น ไม่นานก็มาจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ วัจสาปดสายเข็มขัดนิรภัย เธอกล่าวกำชับกับธัชชัย “คุณขับรถช้าๆ หน่อยนะ คืนนี้จะได้ปลอดภัย พูดเสร็จก็เตรียมจะผลักประตูรถออกไป” มือที่ขาวสะอาดก็ถูกเขาคว้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประโยคที่เธอพูดกำชับอย่างอ่อนโยนนั่นรึเปล่าจึงทำให้เค้าเคลิบเคลิ้มไปแล้ว “อยู่เป็นเพื่อนฉันสักครู่สิ” วัจสาตลึงงัน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้เย็นน้ำเสียงที่อ้อนวอนแบบนี้เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับเด็กที่ขาดความรู้สึกปลอดภัยอย่างไรอย่างนั้น เธอจึงกลับเข้ามา เห็นดวงตาดอกท้อของเขาเหมือนกับดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเป็นค่ำคืนที่ทำให้คนหลงใหลเป็นอย่างไร ทั้งสองคนต่างก็สับสนแล้ว แขนที่มีพลังของธัชชัยดึงวัจสาเขามาในอ้อมกอด หน้าออกที่กำยำล่ำสัน หัวใจเต้นได้อย่างแข็งแรง ในเวลานี้ทำให้คนโล่งใจอย่างหาที่ใดเปรียบมิได้ วัจสาค่อยๆ หลับตาลง มีเสียงๆ หนึ่งพูดกับเธอไม่หยุด ก็นอนลงสักครู่เถอะ ปล่อยให้เธอได้นั่งพักเงียบๆ สักครู่เถอะ หัวใจทั้งสองดวงได้ค่อยๆ เดินเข้าไปในคืนที่มืดสงัด ฝ่ามือที่กว้างหนาของธัชชัยก็พลันจับคอที่เรียวยาวและเยบเนีบนของวัจสาเอาไว้เบาๆ เอาใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ตรงหน้าของตัวเอง ริมฝีปากบางๆก็ประทับลงไป จูบของเขาก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป รุนแรงแต่ก็เหมือนกับเด็กที่กำลังลองดูด ดูดเธอเอาไว้เหมือนกับแม่เหล็ก จะขัดขืนสักนิดก็ไม่ได้ วัจสาเริ่มขัดขืนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็มักจะถลำเข้าไปกับเทคนิคการจูบที่ยอดเยี่ยมของเขาเสมอๆ ร่างกายไม่ปรารถนาที่จะยกมือยอมแพ้ หลังจากที่จูบนั้นจบไป วัจสาถึงได้ตั้งสติได้ พบว่าตัวเองกำลังทำเรื่องอะไรกับธัชชัยอยู่ หน้าก็พลันแดงเรื่อขึ้นมา มือก็พันละวันวุ่นวายรีบเปิดประตูออกจากรถ และห้อตะบึงเข้าไปในบ้าน ธัชชัยที่นั่งอยู่ในรถเห็นร่างอ้อนแอ้นอรชรของเธอลุกลี้ลุกลนวิ่งเข้าไปในบ้าน เขาก็พลันเม้มปากยิ้มทันที เหมือนกับว่ากำลังหวนคำนึงถึงลมหายใจและกลิ่นหอมหวานของปากเธอ ถึงได้ขับรถออกไป ส่งเสียงคำรามและออกไปทันที วัจสาที่วิ่งมาถึงห้องรับแขกแล้วถึงได้ค่อยๆ หยุดลง จับหน้าอกฟังดูเสียงหัวใจเต้น อยากจะเอาความรู้สึกแบบนี้โยนออกไปจากใจไม่หยุด นี่มันบ้าไปแล้ว! ทำไมตัวเองถึงได้ยึดติดอยู่กับความรู้สึกที่จูบกับเขา! แต่เขาเป็นน้องชายของสามีเธอนะ... นี่มันไม่ถูกต้อง! มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเลยเถิดเกินไปแล้ว!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 48 สงสัยในความสามารถของฉัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A