ตอนที่ 97 ถ้าฉันจะบอกว่าฉันหึงหล่ะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 97 ถ้าฉันจะบอกว่าฉันหึงหล่ะ
ต๭นที่ 97 ถ้าฉันจะบอกว่าฉันหึงหล่ะ วัจสาโกรธมากจริงๆ​เมื่อนึกถึงที่ธัชชัยที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็ไปต่อยปรมะเขาซะเฉยๆ​ นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี "ธัชชัย ทำไมคุณนี่มันช่างเอาแค่ใจขนาดนี้ฮะ? ขังฉันเอาไว้ยังไม่พอ​ เพื่อนฉันคุณก็ไม่เว้น​ ปรมะแค่เขามาหามาเยี่ยมฉันก็เท่านั้น​ คุณเล่นไม่ถามไม่อะไรก็ไปต่อยเขาแล้ว​ ที่ทำแบบนี้เพราะเขาเป็นเพื่อนของฉันใช่มั้ย? ธัชชัยได้แค่เคี้ยวอาหารในปากของเขาเงียบๆ​ เขาไม่ได้ชอบกินมิ้นท์นี่หรอก​ เพราะเขาไม่ชอบกลิ่นมิ้นท์เขาก็ยังกินลงไป พอกินเสร็จก็เริ่มพูดช้าๆ​ "ถ้าฉันบอกว่า​ ที่ทำไปเพราะฉันหึงหล่ะ?" พอวัจสาได้ยินก็ถึงกับชะงัก​ หะ.. หึง? ทำไมเขาต้องมาหึงเธอด้วย? เธอไม่ใช่ภรรยาของเขาสักหน่อย​ ถึงเขาจะบอกว่าหึงแทนพี่ชาย​ มันก็เป็นเหตุผลที่เหลือเชื่อเกินไปรึเปล่า? "ไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าอะไร​แต่มันก็คงเป็นแค่ข้ออ้างที่คุณใช้ปกปิดสิ่งที่ทำผิดก็เท่านั้น​เสียใจด้วยฉันไม่เชื่อคำพูดของคุณแม้แต่นิดเดียว​อย่าพูดอะไรบ้าๆแบบนี้" วัจสาแหวเข้าใส่ ธัชชัยหลับตาพริ้มก่อนจะพูดเสียงกระซิบ​" ฉันคงจะบ้าไปจริงๆแล้วหล่ะที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป" เขายิ้มน้อยๆก่อนจะพูดต่อ​ " อ้อ​ ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน​ ก็คิดซะว่าที่ได้ยินไปเมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น" วัจสามองธัชชัยที่มีท่าทีแบบนี้​ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงรู้สึกว่ามีความโศกเศร้าปกคลุมรอบๆตัวเขา… แต่ว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้วหล่ะ เลิกคิดที! เป็นเพราะว่าเขาทำ​ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเสน่ห์น่าดึงดูดยังไงมันก็ซ่อนความโหดร้ายที่ฝังแน่นในตัวเขาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าวัจสาเงียบไป​ ธัชชัยจึงพูดต่อไปอีก​ "แน่ใจหรอว่าคุณไม่หิวหน่ะ? ไม่อยากลงไปกินอะไรข้างล่างหน่อยหรอ?" วัจสาไม่แม้แต่จะเหลือบมองธัชชัย​ ถ้าลงไปตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่กล้าลงไหมหล่ะ? ก็บอกไปแล้วว่าไม่กินๆ ธัชชัยลุกขึ้นยืนอย่างสง่าผ่าเผย​ และปัดฝุ่นออกก่อนจะมองไปที่วัจสาอย่างผู้ทรงอำนาจ​ "ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ​ ถ้าคุณไม่อยากออกไป​ ก็อยู่ที่นี่ต่อซักคืนก็แล้วกัน" วัจสาที่นั่งอยู่ลุกพรวดขึ้นทันที​ เธอวิ่งตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังมองกระต่ายน้อยของเขาที่ทั้งแข็งแรงและน่ารัก​ ริมฝีปากค่อยๆผุดรอยยิ้มอันบริสุทธิ์​ออกมา แค่วัจสาก็ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน​ แถมยังลุกพรวดพราดแบบนั้น​ นั่นทำให้เธอหน้ามืดและล้มลงกับพื้นไปอย่างฉับพลัน​ แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บใดๆ​ มีชายหนุ่มคนหนึ่งรับเธอไว้อยู่ในอ้อมอกอันแข็งแรงของเขา​ วัจสาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เธอคุ้นเคยดี เธอขัดขืนไปโดยสัญชาตญาณ​แต่ร่างกายของเธอตอนนี้อ่อนแอเกินไป​ พอเธอจะยกหัวขึ้นอีกครั้งก็กลายเป็นลมไปอีกรอบ​ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่มต่อไป​ เพราะเธอไม่อาจประคองตัวเองได้ ธัชชัยอุ้มวัจสาไว้ในอ้อมกอด​ มองเธอด้วยสายตาชวนเย้ายวน​ "ตัวก็เล็กแค่นี้​ ยังจะอยากอดอาหารอีกนะฮะ? ลืมไปได้เลย" เขาอุ้มเธอก้าวเดินไปข้างล่างอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว ร่างกายที่อ่อนแอไม่เรี่ยวแรงของวัจสานี้​ ถ้าได้ซุปรากบัวแดงซักถ้วยก็น่าจะพอบำรุงขึ้นมาได้บ้างอยู่ ป้าอ้อยกำลังป้อนซุปรากบัวให้วัจสาทีละคำในห้องนอนของเธอ​ หน้าค่อยๆมีสีเลือดมากขึ้น ธัชชัยนั่งมองอยู่ข้างๆ​ ดูราวกับว่ากำลังดูแลเธอ​ แต่เธอก็ยังคงมีความรู้สึกไม่ดี​อยู่​ เธอรู้สึกว่าเขามาอยู่เป็นเพื่อนของเธอ หลายครั้งที่วัจสามองไปยังชายที่นั่งอยู่ข้างซ้าย เธอยังคงโกรธอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะให้อภัยผู้ชายอวดดีคนนี้ แค่คิดว่าปรมะที่เป็นผู้บริสุทธิ์ต้องมาถูกทำร้ายเพราะเธอ เธอก็รู้สึกเสียใจมากจริงๆ ธัชชัยเองก็มองถึงอารมณ์ของหญิงสาว ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ยังโกรธที่ฉันต่อยเจ้าหนอนหนังสือนั่นอยู่หรอ?” “งั้นคุณไม่ได้คิดเลยใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงโกรธ? คุณเอาเหตุผลอะไรไปต่อยเขา? ไม่ใช่ว่าคุณควรจะขอโทษฉันกับปรมะอย่างนั้นหรอ?” วัจสาพูดในสิ่งที่เธอคิดออกมา เธอไม่ชอบที่จะซ่อนสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเธอไว้ และธัชชัยเองก็ดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ที่ดี ตอนนี้ใบหน้าที่สง่างามของเขาไม่ดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งเหมือนครั้งอื่นๆ มันเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะคุยกับเขาด้วยเหตุผล “เด็กเนิร์ดคนหนึ่ง วิ่งถือช่อดอกกุหลาบมาที่บ้านตระกูลศรีทองเพื่อที่จะมาคุยกับคุณผู้หญิงตระกูลเราในเวลากลางคืนแบบนี้ ใครบ้างจะคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์แบบธรรมดาทั่วไป? ฉันไม่ฆ่าเขาทิ้งไปก็ดีแค่ไหนแล้ว” ที่ธัชชัยพูดในตอนนี้ เขาพูดมันด้วยอารมณ์ที่นิ่งสงบ นี่มันหาได้ยากมากกับการที่เขาอดทนอธิบายอะไรให้เธอฟังแบบนี้ และวัจสาก็คิดไม่ถึงด้วยว่าทำไมปรมะจะต้องเอาช่อดอกไม้มาด้วย ถ้าหากว่าเธอเห็นช่อกุหลาบนั้นก็อาจจะเข้าใจผิด เขากำลังจะทำอะไรกันแน่ ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนจบลงไปแล้วไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมเขาถึงมาหาเธอที่บ้านตระกูลศรีทอง? หรือไปที่บ้านตระกูลเดิมขุนทดมาแล้ว นั่นคงจะเพราะพี่น้องตระกูลนั้นพูดจาไม่ดีแน่ๆ เขาเลยหุนหันที่จะมาที่นี่ วัจสาก็ยังไม่หายไม่สบายใจกลัวว่าปรมะจะทำอะไรโง่ๆเข้า เมื่อเห็นว่าวัจสากำลังเหม่อคิดอะไรอยู่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วัจสาอย่าลืมว่าคุณมีสถานะแบบไหน คุณเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลศรีทอง ไม่ใช่สาวโสดแล้ว มันจะดีที่สุดถ้าคุณจะช่วยรักษาระยะห่างกับ “ดวงอาทิตย์แรกขึ้น”ของคุณ” อย่าโทษฉันก็แล้วกันเพราะถ้าฉันได้เห็นเขาอีกครั้ง นั่นฉันก็จะต่อยเขาอีกครั้งจนกว่าเขาจะไม่กล้าคิดที่จะมาขโมยภรรยาของคนอื่นอีก วัจสาดึงตัวเองออกมาจากภวังค์สักพักก่อนจะพูด “ฉันจะทำตามที่คุณบอก แต่ฉันก็ขอให้คุณเองก็ต้องทำตามบทบาทน้องเขยของตัวเองด้วย ยังไงฉันก็เห็นพี่สะใภ้!” ธัชชัยถึงกับถอนหายใจในใจ ซื่อบื้ออะไรขนาดนี้เนี่ยแม่คุณ นี่ยังไม่รู้อีกหรอว่าทำไมเขาทำแบบนี้ ซื่อบื้อจริงๆ “วัจสา ไม่มีใครบอกคุณเลยหรอว่าสิ่งที่ฉันทำมันสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว?” “เอาอะไรมาสมเหตุสมผลหล่ะ? เป็นน้องเขยแต่กลับชอบดูถูกพี่สะใภ้ของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ดีอย่างนั้นหรอ? คุณดูมั่นใจเกินไปแล้วมั้ย นี่มันมีเหตุผลซะที่ไหนกัน?” วัจสาเห็นว่าทุกครั้งที่เธอพูดกับธัชชัยนั้น มันเหมือนเธอสีซอให้ควายฟังอย่างไรอย่างนั้น เพราะเขาเชื่อในสิ่งที่เขาพูดและไม่คิดที่จะฟังคนอื่นพูดเลย ด้วยว่าวัจสากำลังโกรธอยู่ หน้าของเธอก็เรื่อแดงไปด้วยอารมณ์ ดูดีขึ้นมาก เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ได้แย่มากแล้ว ธัชชัยก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แล้วเขาจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี?ได้อยู่กับเธอ ดูเหมือนว่าเขาก็คงจะผ่อนคลายและความสนุกสนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และมันก็คงจะตื่นเต้นนิดหน่อยในบางครั้ง และเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เป็นปีศาจในร่างคนอย่างกนิษฐาแล้ว ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดคำนวณเลย แต่ว่าเวลาวัจสาอยู่กับเขาเธอจะอ่อนโยนสักหน่อยก็ไม่ได้เลยหรอ? เทียบกับตอนที่เธออยู่กับเขาตอนที่เขาปลอมเป็นพี่ชายไม่ได้เลย “คุณไม่ต้องมาสนกับความรู้สึกและเหตุผลของฉันหรอก คุณควรจะจบความสัมพันธ์เหล่านั้นกับสิ่งที่คุณเรียกป๊อปปี้เลิฟอะไรนั่นของคุณเมื่อกลับไปที่มหาลัยในวันพรุ่งนี้ มันคงจะดีกว่าด้วยถ้าคุณไม่ติดต่อกับเขาอีก และถ้าฉันรู้ว่าคุณยังคงคุยกันอยู่อีกหล่ะก็ ฉันจะโยนเขาเข้าไปขังไว้ในคุกและให้กลุ่มคนพาเขาไปเขาไปจัดรางวัลให้อย่างงาม ธัชชัยดื่มนมไปอึกหนึ่ง พูดด้วยเสียงเย็นชา “คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก แค่ทำหน้าที่น้องเขยของคุณให้ดีก็พอ” วัจสาที่ยังไม่แข็งแรงมาก พูดเน้นคำว่าน้องเขยอย่างหนักแน่น ธัชชัยมองไปยังหญิงสาวผู้ซื่อบื้อของเขา ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงการที่จะได้ปะทะฝีปากกับเธอจริงๆ “ข้อท้ายสุด คุณไปมหาลัยได้ แต่ว่าต้องกลับมานอนที่บ้านตระกูลศรีทอง โอเคมั้ย?” เขาใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงก็คือสั่งให้ทำเลยจริงๆ วัจสารู้ก็มองออกถึงความหมายเขา เขาไม่ใช่ตัดสินใจมาไว้แล้วหรอ?แล้วยังจะมาทำแกล้งพูดปรึกษาเธออีก แบบนี้จะถามเพื่อ?! แต่สำหรับเธอตราบใดที่เธอสามารถไปมหาลัยได้เรื่องอื่นเธอก็ไม่สนแล้ว แต่แค่ไม่คิดว่าจะถูกเขาลากให้เธอกลับบ้านจนได้ เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเธออยากที่จะหนีจากเขาไป ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะแพ้ยิ่งขึ้นไปอีก พอคิดได้ถึงเรื่องนี้ เธอก็นึกถึงวรพล อย่างน้อยที่เธออยู่บ้านตระกูลนี้มันก็มีเรื่องดีๆอยู่ เพราะเธอจะได้รู้ข่าวเกี่ยวกับวรพล แล้วก็ยังได้ช่วยหาอะไรให้เขากินด้วย “งั้นฉันก็มีอีกเรื่องนึงเหมือนกัน วันนี้ฉันถูกคุณขังมาทั้งวันแล้ว คุณคิดว่าจะจัดการกับบัญชีนี้ยังไง?” วัจสาไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ จัดการยังไงหล่ะ? คุณต้องการยังไง? วิธีเดียวกันอย่างที่คุณโดน หรือคุณว่าจะกัดฉันและตีฉันหล่ะ?” ธัชชัยถามอย่างช้าๆ “ฉันไม่ทำการกระทำแย่ๆแบบนั้นหรอก ฉันคิดว่าคุณควรจะเคารพฉันในฐานะสะใภ้ หรือว่าช่วยมองฉันเป็นคนหน่อยก็ยังดี นั่นก็เหมือนกับการที่เคารพพี่ชายของคุณเอาแล้วถูกมั้ย?” วัจสาย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าย้ำกับตัวเองด้วยรึเปล่า “ห้ะ? นี่โดนขังมาแค่วันเดียว ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนไปซะแล้ว งั้นฉันก็ไม่ใช่คนไปตั้งนานแล้วแหละ ฉันคงจะเป็นผี ตั้งแต่จำความได้ซัก5-6ขวบมั้ง ฉันก็ถูกพ่อฉันจับขังไว้ที่นี่บ่อยๆเหมือนกัน หิวก็พูดอะไรไม่ได้” …… วัจสาหยุดชะงักไปในขณะที่จะถือชาม เธอไม่คิดว่าเขาจะมีวัยเด็กที่น่าเศร้าแบบนี้ ไม่ได้รับแม้กระทั่งการดูแลจากพ่อของตัวเอง “พ่อคุณอาจจะแค่อยากให้คุณมีความสามารถ มีความอดทน” ซึ่งเหตุผลนี้ วัจสาก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ “คุณรู้สึกสงสารฉันหรอ? ไม่ต้องหรอกนะฉันเป็นลูกนอกสมรสและแน่นอนไม่มีใครอยากจะรับฉันไว้หรอก” เขาพูดเบาๆ แต่คิ้วของเขากลับถูกปกคลุมด้วยสัมผัสของภาวะซึมเศร้า” ภาพบนหัวของวัจสาปรากฏเป็นภาพของเด็กอายุห้าหรือหกขวบที่ถูกขังอยู่ในห้องนั้น ไม่ได้กินและไม่ได้ดื่ม ต้องรอคนมาเปิดให้หลายวัน ถ้าเป็นเธอเองก็คงจะเป็นบ้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขามีร่องรอยที่ใหญ่และเจ็บปวดเอาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงการทรมานทางกายภาพแต่มันกระทบเข้าไปถึงจิตใจของเด็กน้อยคนนั้น “พ่อของคุณ...ขังไว้ตั้งหลายวัน พี่ชายคุณไม่เป็นห่วงหรอ?” ความรู้สึกของพวกเขาดูเหมือนจะดีตั้งแต่เมื่อพวกเขายังเด็ก เลยทำให้เป็นความรู้สึกที่ฝังรากลึกและไม่หวั่นไหว ธัชชัยหัวเราะออกมานิดนึง “ฉันตอนอายุ5-6ขวบ เขาก็ยังไม่พ้น7ขวบด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆฉันกับเขาไม่ได้สนิทกัน ไม่ ไม่ใช่ไม่สนิท แต่ฉันไม่ยอมให้เขาเข้ามาใกล้ฉันด้วยซ้ำ มีครั้งหนึ่งเขาแอบเอาอาหารมาให้ฉัน แต่ฉันก็ปัดของทั้งหมดนั้นใส่หน้าเขา….” ไม่รู้ว่าทำไม การที่เห็นธัชชัยเป็นแบบนี้ มันทำให้หัวใจวัจสาเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก 
已经是最新一章了
加载中