ตอนที่ 98 เห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้ใจเจ็บปวด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 98 เห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้ใจเจ็บปวด
ต๭นที่ 98 เห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้ใจเจ็บปวด วัจสาทำเป็นไม่สนใจแล้วว่าธัชชัย “ตอนเด็กกับตอนโตคุณก็ไม่เปลี่ยนเลยนะ แถมยังดื้ออีกตั้งหาก ถ้าฉันเป็นพี่ชายคุณนะ ฉันไม่สนใจคุณแล้ว” ธัชชัยไม่ได้ตอบอะไร เขาพูดต่อไป “ที่เขาเอามาให้มันเป็นสปาเก็ตตี้ ฉันโยนมันลงไปบนหน้าเขาโดยที่ไม่ทันคิด มันร้อนจนทำให้หน้าเขาเป็นสีแดง ฉันคิดว่าเขาคงจะลงไปฟ้อง แต่พี่ฉันเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาไปบอกว่าเขาแอบกินแล้วไม่ทันระวัง” เสียงของธัชชัยแหบพร่า และตาก็ค่อยๆแดงขึ้น เขาไม่อยากให้วัจสามองเห็นความอ่อนแอของตนเองจึงรีบเอามือปิดหน้าและตาเอาไว้ ผ่านไปสักพักจึงเอาออกแล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนปกติ วัจสารู้สึกทันทีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เธอคิด มันมีเรื่องราวมากมายก่อนจะมาเป็นความรู้สึกที่หยั่งรากเหมือนทุกวันนี้ วรพลนั้นอ่อนโยนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อุปนิสัยของธัชชัยในตอนนั้นถูกเขาสอนและหล่อหลอมจนกลายมาเป็นธัชชัยในวันนี้ มันเป็นไปได้ที่จะจินตนาการถึงสุขภาพของเด็กที่ได้รับการทรมานมาเป็นเวลานานโดยพ่อของเขาแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีนิสัยที่ดีขึ้นเท่าไหร่ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปในทางที่ไม่ผิด และฉันคิดว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะวรพล วัจสาบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้ “พี่คุณนี่ดีกับคุณมากๆเลยเนาะ” จริงๆแล้วเธออยากจะพูดต่อท้ายไปอีกว่า : ทำไมพี่คุณดีกับคุณขนาดนี้ แต่คุณกลับมารังแกภรรยาเขาหล่ะ? แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนี้เหมือนว่าธัชชัยจะต้องการการปลอบใจ และอีกอย่างการที่ธัชชัยเป็นแบบนี้ นั่นทำให้เธอพูดออกไปไม่ลง ตาของเขากลับมาเป็นปกติและเริ่มที่จะจมอีกครั้ง “ดังนั้นคนที่ทำร้ายพี่ชายของฉัน ฉันจะเอาเลือดของพวกมันทั้งหมดมาชดใช้ แม้แต่หยดเดียวก็จะไม่ให้เหลือ ในเมื่อพวกมันกล้าที่จะทำอะไรแบบนั้น พวกมันก็ต้องชดใช้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับวรพล แต่ธัชชัยก็อาจจะปล่อยให้เขาตายได้ ถ้าตัวเขาเองยอมแพ้แล้วใครจะช่วยวรพลได้อีกหล่ะ? แค่คิดว่าวรพลจะต้องจากโลกนี้ไป ธัชชัยก็รู้สึกเจ็บปวดจนใจแทบหาย สีหน้าของเขาจะว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน แต่ว่าวัจสาก็รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ ด้านนี้ของธัชชัยมันเป็นด้านที่เขาไม่อยากให้เธอเห็น เพราะผู้ชายมักจะจมอยู่กับความแค้นเคือง ชีวิตไม่มีแสงสว่าง ชีวิตของคนแบบนี้ไม่สมบูรณ์ และเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรจะมี พอคิดถึงการรักษาของวรพล วัจสาก็ค่อยๆหรี่ตาลงเล็กน้อย “ธัชชัย ครั้งที่แล้วคุณไม่ใช่บอกว่าคุณหากนิษฐาพบแล้วหรอ? บางทีพี่ชายของคุณอาจจะอยากมีชีวิตอยู่เมื่อเขาได้พบเธอก็ได้นะ ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่ปิดบ้าน และแม้ว่าหมอภาคินจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ดีแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยที่หัวใจของเขาตายไปได้หรอกนะ อีกอย่างมันเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคอง ยังไงมันก็ไม่มีทางได้ผล” วัจสายังคงพูดเสริมขึ้นมาอีก “ที่มีคนเคยบอกว่าสำหรับผู้หญิงแล้ว เพื่อคนที่เธอรักทำยังไงก็ได้ ฉันคิดว่าผู้ชายเองก็ไม่ต่าง ถ้าแค่กนิษฐาเอ่ยปาก บางทีพี่ชายของคุณก็อาจจะยอมไปรักษาที่อเมริกาก็ได้นะ” ธัชชัยที่นิ่งฟังความคิดหญิงสาวเงียบๆ เธอมองปัญหาจากมุมมองที่ละเอียดอ่อนซึ่งมันอาจจะได้อะไรที่ไม่คาดคิด และเขาเองก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะสมเหตุสมผลเลยทีเดียว ถ้าเกิดว่าพี่ชายเขาไม่ได้ให้สัญญาแล้วว่าพอหลังวันเกิดปีที่30ของเขาแล้ว เขาจะบินไปรักษาที่อเมริกา เขาอาจจะบอกพี่ชายเขาก็ได้ว่ากนิษฐาอยู่ที่ไหน เขามองดูตัวเองด้วยสายตาที่เจิดจ้าเธอค่อยๆหยุดสายตาของเขา “คุณสบายใจได้ ว่าฉันไม่ได้มีความคิดที่จะหึงกนิษฐาเลย ไม่ว่ายังไงก็รักษามันก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่เขายินดีที่จะรักษา ยิ่งเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี ฉันก็จะอวยพรให้พวกเขา นี้ก็ได้เป็นการเติมเต็มชีวิตให้กับพวกเขาด้วย ดวงตาของธัชชัยมีแสงแวววับ ผู้หญิงคนนี้นี่ซื่อบื้อจริงๆที่ยังคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของพี่ชายของเขา แต่ถ้าเธอหึงขึ้นมาจริงๆ ธัชชัยอาจจะฆ่าเธอทันทีเลยก็ได้ ภรรยาของเขา อยู่ๆก็อิจฉาคนรักของผู้ชายอื่น แม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นพี่ชายเขา ก็ไม่ได้! แล้วก็ยังเติมเต็มชีวิตของคนทั้งคู่ ยัยปีศาจมากพิษนั่นสมควรที่จะได้อยู่กับพี่ชายเขางั้นหรอ? สำหรับผู้หญิงแบบนี้ไม่ถูกเขาสับให้ขาดเป็นร้อยชิ้นก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะมาอยู่กับพี่ชายเขาอีกอย่างนั้นหรอ? เหอะ ธัชชัยเพิกเฉยกับคำแนะนำนี้ ก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ถ้าหากคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ชายของฉัน แล้วทำไมต้องอยากเจอเขามาโดยตลอดด้วยหล่ะ?” วัจสาอยากจะบอกจริงๆว่า ความคิดของคุณนี่ช่วยอย่าคิดไปให้มันไกลนักได้มั้ย ไม่มีใครเกินเลยจริงๆ ยังไงก็ตามประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น อยู่ๆเธอก็คิดถึงตอนที่เขายืนพูดอยู่หน้าห้องบำบัดครั้งที่แล้วได้ “แม้แต่คนป่วยก็ยังไม่เว้น หิวอะไรขนาดนั้นหล่ะ?” ความคิดเขานี่ยากจะดึงขึ้นได้จริงๆ มีแต่เขาเลยจริงๆนะที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ “ก็ในเมื่อฉันแต่งเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลศรีทอง เป็นภรรยาของพี่ชายคุณ ฉันไม่ควรที่จะดูแลเขาอย่างนั้นหรอ? แต่ว่าการที่ฉันจะเข้าใกล้หรือดูแลเขาก็ต้องให้คุณอนุญาต งั้นฉันก็มาอยู่ที่นี่เพื่อไม่ต้องทำอะไร กินแล้วก็ตายไปเลย” วัจสาขี้เกียจคุยกับธัชชัยต่อแล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรที่มันแย่ๆออกมาอีกมั้ยด้วย แล้วยังบอกว่าเธอหวังจะเอาประโยชน์จากพี่ชายเขา ให้ตายเถอะ คนอย่างฉันวัจสาเนี่ยนะจะไปคิดอะไรกับคนป่วยหนักแบบนั้น? นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ที่เจริญแล้วเขาทำกันหรอก ธัชชัยค่อยๆยกริมฝีปากเขาขึ้นเล็กน้อย “คุณพูดได้ไม่เลวนี่ อยู่ที่บ้านตระกูลศรีทอง คุณดูแลฉันคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าทำให้ฉันมีความสุข ชีวิตของเธอที่นี่ก็จะมีความสุขเหมือนกัน” วัจสามองไปที่ธัชชัยตาเป็นมัน ก่อนจะหยิบตะเกียบลงไปชั้นหนึ่ง เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะตามเธอลงมาด้วย วัจสานั่งลงบนโซฟา ชายหนุ่มเองก็มานั่งข้างๆ วัจสาถามอย่างโกรธเคือง “นี่คุณต้องการอะไรกันแน่? ตามฉันมาทำไม?” “ก็นี่บ้านฉัน ฉันจะเดินไปไหนก็ได้” ธัชชัยแค่อยากจะแกล้งแมวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เท่านั้น โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น ป้าอ้อยที่ซึ่งกำลังมองพวกคุณๆปะทะฝีปากกันอยู่อย่างมีความสุขก็รีบรุดขึ้นรับทันทีเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศที่เกินขึ้นได้ยากนี้ แต่ไม่คิดเลยพอฟังไปสักพัก สีหน้าป้าอ้อยก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นหนักใจขึ้นมา พูดกับธัชชัยที่อยู่บนโซฟา “คุณชายรองคะ รุ่นพี่ของคุณผู้หญิงเขาไปแจ้งความค่ะ ตอนนี้ตำรวจกำลังรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะทำยังไงดีคะ?” “ทำยังไง? ก็ใครเขาเข้ามาสิ เตรียมชาให้พร้อมด้วยแล้วก็รอพวกเขาเข้ามา” เขาลอบยิ้มโดยที่ไม่มีใครเห็น ป้าอ้อยตกตะลึง แต่ก็ทำตามที่เขาพูด เธอบอกกับยามที่อยู่ข้างหน้าตามนั้น วัจสารู้ทันทีว่าต้องเป็นปรมะ เขาพูดก่อนที่เขาจะไปว่าจะมาช่วยเธอออกไปให้ได้ เจ้าคนโง่เอ้ย แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ ครั้งนี้ฉันแน่ใจว่าปรมะจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ พอคิดถึงตรงนี้ใจของวัจสาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ เธอลุกขึ้นยืน คิดว่าจะไปอธิบายให้ปรมะฟังให้เข้าใจสักหน่อย พวกเขาจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน ธัชชัยเห็นวัจสาลุกขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นยังหน้าซีดและเหมือนจะร้องไห้อยู่เลย เขาพูด “วัจสาอย่าลืมว่าคุณเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลศรีทอง ไม่ควรไปเจอคนแปลกหน้าแบบนี้” “เขาไม่ใช่คนแปลกหน้านี่ แล้วอีกอย่างฉันจะไปบอกให้เขากลับไป แบบนี้คุณก็จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอกไงหล่ะ!”วัจสาขมวดคิ้วขณะที่ตอบ “ฉันยอมออกไปข้างนอก ให้ตระกูลฉันล้มลงซะจะดีกว่าที่จะให้ผู้หญิงออกไปรับหน้าให้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลศรีทองอีกด้วย” ธัชชัยเน้นไปที่คำว่าคุณผู้หญิง3คำนั้น เพื่อจะเตือนให้วัจสารู้ว่าตัวเธอเป็นคนในบ้านเขา มันจะดีที่สุดที่จะไม่ทำผิดกฎทั้งวันแบบนี้ ชายคนนี้นี่ช่างโอหังสิ้นดี เธอไม่อยากจะคุยกับเขาอีก เลยเดินตรงไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกับลูกบิดประตู ก็ถูกชายหนุ่มกอดไว้จากทางด้านหลัง กลิ่นที่คุ้นเคยกอดวัจสาเอาไว้แน่น พอดีกับที่ตำรวจเข้ามาพร้อมกับปรมะพอดี สิ่งที่เขาเห็นก็คือชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดกันอยู่ วัจสาอยากที่จะต่อสู้ แต่แขนขาเธอก็นิดเดียวจะไปสู้กระดูกเหล็กแบบธัชชัยได้ยังไง? หน้าของเธอแดงไปหมดพร้อมกับตาโตที่เต็มไปด้วยความกังวล ธัชชัยเห็นว่ามีคนมา แววตาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ก้มลงกระซิบที่หูหยกขาวของวัจสา พูดเสียงต่ำ “อย่าขยับนะ คุณตำรวจมาแล้ว ทำตัวดีๆก่อนแล้วเดี๋ยวกลับห้องค่อยไปต่อกัน” มันเป็นคำพูดที่คลุมเครือมากที่สุด หลังจากที่วัจสาได้ยินเขาพูดจบหน้าเธอก็แดงไปทั้งหน้าอย่างชัดเจน เจ้าบ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ แล้วแบบนี้เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหล่ะ? ฉันเป็นภรรยาของวรพลไม่ใช่ของคุณธัชชัย! “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรอธัชชัย” วัจสาพูดเสียงต่ำ ปรมะที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของธัชชัยอย่างชัดเจน ริมฝีปากของเขาซีดไปในทันที ร่างกายก็แข็งแทบจะเป็นหิน ขณะที่วัจสาพยายามดิ้นรน เธอดึงมือของเขาที่กอดอยู่ที่เอวของเธอ แต่แย่หน่อยที่คนที่แข็งแรงกว่าคือเขาไม่ใช่เธอ สุดท้ายมันก็ดูเหมือนเป็นสถานการณ์ที่ชายหญิงกำลังจู๋จี๋กัน ตำรวจสองคนเจอเข้ากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็แทบทำตัวไม่ถูก นี่มันชายหญิงกำลังเข้าได้เข้าเข็มกันชัดๆ คนแจ้งความนี่มันยังไง เรียกพวกตนมาดูคนอื่นพลอดรักกันอย่างนั้นหรอ? ตำรวจคนหนึ่งก้าวขึ้นมาก่อนจะบอก “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ คุณธัชชัย รบกวนด้วยนะครับแต่ว่าคุณคนนี้ได้แจ้งความว่าคุณได้กักขังหน่วงเหนี่ยวคนเอาไว้ที่ชั้น3 พวกเราก็เลยจะมาดู…..มันเป็นหน้าที่หน่ะครับ” หน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คุณชายรองของบ้านนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดด้วยได้ง่ายด้วย ธัชชัยมองไปที่ปรมะอย่างเลือดเย็น ก่อนจะพูด “อ้อ บางทีคุณปรมะเขาอาจจะเข้าใจพวกเราผิด มันเป็นเรื่องของคู่เราหน่ะครับ” “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้หน่ะครับ ผมก็นี่ก็ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไร แล้วพอเมื่อฉันกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นที่ผ่านมานี้ ผมเห็นคุณปรมะยืนอยู่นอกประตูรั้วของฉันกับดอกกุหลาบในมือ ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ก็เลยไปทำร้ายเขาเข้า แต่ผมยินดีที่จะจ่ายค่าชดเชยให้คุณปรมะนะครับ” วัจสาตกใจเล็กน้อยที่เขาอธิบายให้ตำรวจฟัง เธอไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแผนการของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ตำรวจพอฟังเรื่องก็สรุปออกมาว่า ปรมะคนที่แจ้งความดึกดื่นมืดค่ำยืนถือดอกไม้อยู่หน้าประตูบ้านเพื่อที่จะมาลักเอาภรรยาของเขา ชายหนุ่มเลยตีเขา แต่เขาก็ยินยอมที่จะจ่ายเงินชดใช้ ถ้าแบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ใครๆก็ยอมทั้งนั้นแหละที่จะให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก “ที่แท้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องกระจ่างแล้วก็ดี ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราไปกันก่อนนะครับ ไม่รบกวนแล้วครับ ตำรวจกล่าวนำก่อนที่จะกลับไป 
已经是最新一章了
加载中