ตอนที่ 100 ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 100 ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง
ต๭นที่ 100 ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง ธัชชัยเห็นว่าวัจสายังคงขัดขืนอยู่​ เขาจึงใช้ขาทั้งสองข้างของเขาล็อกขาน้อยๆของเธอเอาไว้​ เพื่อที่จะไม่ให้เธอเป็นอิสระได้ เธอพยายามจะผลักชายหนุ่มออก​ แต่ว่าแรงเธอแทบจะไม่ได้ครึ่งของเขาด้วยซ้ำ ธัชชัยหายใจออกทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่สะดวกเท่าไร​ วัจสาแทบจะหายใจเป็นจังหวะเดียวกับเขา​ จนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงลมหายใจใครกันแน่ ชายหนุ่มดูเหมือนว่าจะค่อยๆหลับไป​ โดยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรขึ้นมาอีก วัจสาได้แต่มองเหม่อไปอย่างว่างเปล่าที่เพดานสีขาวพลางรู้สึกว่าชีวิตของเธอนั้นราวกับกำลังโดนพระเจ้าเล่นตลกอยู่​ และเธอก็รับบทตัวเอกที่โชคร้าย เห็นชัดๆว่ามันผิด​ แต่เธอก็ยังรักคนที่ไม่ควรจะรักอย่างหัวปักหัวปรำ​ วัจสากลายเป็นดั่งเด็กที่หลงไปในห้วงของความไม่รู้ผิดชอบในเรื่องของความรักไปเสียแล้ว หาทางออกยังไงก็ไม่เจอ​ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอหลงเสน่ห์ชายคนนี้​ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรจะใกล้ชิด​ รู้ว่าเธอควรที่จะปฏิเสธความอ่อนโยนที่เขาแสร้งทำขึ้น​ แต่ว่าเธอเองก็ไม่อาจจะทำได้สักที ดั่งแมงเม่ากับกองไฟจริงๆ​ ที่มองความน่ากลัวนั้นเป็นความอบอุ่นแล้วแสงสว่าง​ แม้ตัวเองโดนแผดเผาก็ยังคงไม่ลังเลที่จะบินเข้าไป เช้าวันต่อมา​ วัจสาพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของธัชชัย เธอแทบจะกรี้ดออกมา​ แต่ก็ไม่อยากจะทำให้ชายน่ากลัวคนนี้ตื่น​ เธอจึงอดกลั้นเสียงกรี้ดนั้นเอาไว้ก่อน เธอค่อยๆเอามือของเขาที่พาดไว้บนอกเธอออกอย่างช้าๆ​ เจ้าคนฉวยโอกาสนี่​ ฉวยโอกาสกับเธอได้แม้กระทั่งเวลาหลับจริงๆ เธอรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนจะล๊อกประตูอย่างรวดเร็ว​ และสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียด​ จากนั้นจึงเดินเข้าไปเปิดน้ำอุ่นเพื่อจะอาบน้ำ น้ำอุ่นสาดลงมาผ่านร่างอกนูนของหญิงสาว​ เมื่อน้ำไหลผ่านร่างกายอ้อนแอ้นของเธอ​ วัจสารู้สึกแสบระบมบริเวณหน้าอกของเธอ​ ทำไมผิวเธอถึงได้เป็นแบบนี้? ​ แค่อาบน้ำยังแสบเลยหรอ? มันไม่มีเหตุผลเลยที่อยู่ๆมันจะบางลงได้​ เธอจึงลองก้มสำรวจไปยังร่างเปลือยเปล่าของตน​ ก็พบว่า​ บริเวณหน้าอกเต็มไปด้วยรอยแดงสดๆใหม่เต็มไปหมด วัจสากัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเจ็บใจ​ เห็นเพียงเท่านั้น​เธอก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเพราะชายหนุ่มทำอะไรกับเธอ​ ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรเธอยังไงหล่ะ? คำพูดของเขานี่มันนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ วัจสารู้สึกโง่หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก​ที่เธอเชื่อคำลวงของชายหนุ่ม พอเธออาบน้ำเสร็จก็ไปมหาลัย​ โดยที่ยังไม่ได้เตรียมเข้าเรียน​ เธอกลับไปที่หอก่อน​ โทรศัพท์กับกระเป๋าตังของเธอยังอยู่ที่นั่น พอถึงทางเดินตรงหอ​ ก็เจอกับแวววัยที่กำลังเตรียมตัวจะไปเรียน เธอทำราวกับไม่เห็นแวววัย​ รีบเดินผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว แวววัยเห็นว่าวัจสาสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี​ แล้วก็รู้ด้วยอีกว่าเธอคงโกรธอะไรมา​ จึงรีบคว้ามือเธอมาจับก่อนจะถาม​ "วัจสา แกโกรธฉันอย่างนั้นหรอ? ฉันขอโทษนะเว้ย แต่เขาน่าสงสารมากเลยนะ เขาดูเหมือนกับว่าอยากจะเจอแกมากๆ ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ฉันก็เลยช่วยเขาเรียกแกออกมาให้ ถ้าลุงตำรวจจะให้เขาไปดื่มชาด้วยจริงๆ ก็กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจใช่มั้ย? แวววัยกะพริบตาปริบๆ พยายามจะให้วัจสายกโทษให้ “ดูเหมือนไม่มีเจตนาร้ายงั้นหรอ? ดังนั้นเธอก็เลยช่วยเขา? แวววัย เธอคิดว่าที่ฉันโดนเขาขังไว้ในห้องเรือนกระจกทั้งวันทั้งคืนนั่นไม่มีเจตาร้ายงั้นหรอ? ที่เขาต่อยปรมะจนร่วงไปนี่ก็ไม่เจตนาร้ายหรอ? ถ้าแกยังคิดว่าเรื่องพวกนี้มันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดของแกฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด” วัจสาโกรธมากจริงๆ มันเหมือนโดนหักหลังอย่างไรอย่างนั้นเธอกับแวววัยเป็นเพื่อนกันมานับสิบปี ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดอะไรจนทำให้แวววัยยอมที่จะช่วยเขา ซ้ำแวววัยเองก็ไม่ได้เลือกที่จะอยู่ข้างเธอ นั่นทำให้วัจสารู้สึกเจ็บปวดในใจ เมื่อแวววัยฟังที่วัจสาพูดจบเธอก็ประหลาดใจสุดขีดตะโกนถามกลับมาอย่างฉับพลัน “นี่แกว่ายังไงนะ แกโดนธัชชัยขังหรอ? แล้วยังไปทำร้ายปรมะอีก? ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้นหล่ะ! ครั้งแรกของแกก็เสียให้เขาไปแล้ว ทำไมเขายังทำกับแกอย่างนี้อยู่หล่ะ นี่มันสัตว์ป่าชัดๆ! ” วัจสาแทบเหงื่อตก คุยกับแวววัยนี่มัดจะได้คำตอบที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอถามจริงๆ เห็นชัดๆอยู่ว่าเธอพูดอีกเรื่อง ก็กลับกลายเป็นมาโผล่อีกเรื่องได้ยังไงก็ไม่รู้ สมองน้อยๆของเธอตอนนี้เหมือนไปคนละทิศคนละทาง และอีกอย่างเรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้นเธอก็เก็บไว้เป็นความลับไม่ได้บอกกับใคร นั่นก็แปลว่าเธอคิดเองทั้งนั้น การจินตนาการของเธอนี่มันเจิดจรัสจริงๆ ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เธอคิดขึ้นมาเอง ดังนั้นแวววัยเธอก็ไม่ได้รู้จริงๆว่าตัวเธอกับธัชชัยมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ เพียงแค่ตัวเธอเองไม่ยอมรับนั่นก็โอเคแล้วแหละ ดังนั้นมันจะดีทีเดียวหากเธอชิงพูดออกไปก่อน “ฉันว่าแกคงอยากจะนอนกับเขาใช่มั้ยหล่ะ? แวววัยเอ๊ย ไม่รู้ว่าธัชชัยมีดีอะไรนักหนาสำหรับแก แต่ฉันจะขอเตือนไว้ก่อนเลย ฉันว่าแกอย่าเล่นกับไฟดีกว่า ” ถ้าวัจสาเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงแวววัยก็คงจะมองว่ามาเป็นการโต้แย้ง ต้องให้เธอได้โดนลากลงไปพัวพัน ถึงจะไม่ให้เธอพูดแบบนั้นอีก แต่เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ารีแอคที่แวววัยตอบกลับมาจะเป็นตรงข้าม”นี่แกยังไม่เคยนอนด้วยกันอีกหรอ? ฉันนึกว่าเขาชอบแกนะนั่นหน่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าค่อนข้างงงงวย ใจของวัจสาเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้น ถาม “แวววัย แกคงไม่ได้...ชอบธัชชัยใช่มั้ย? ถ้าแกแต่งงานกับเขา เราก็จะเป็นสะใภ้ของบ้านนี้ด้วยกันทั้งคู่” อย่างว่าคำพูดโดยไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองดีๆทำให้ผู้ฟังเจ็บช้ำเสมอ แวววัยสีหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด “วัจสาอย่ามาพูดไปเรื่อยน่า ธัชชัยเขาจะมามองผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดอย่างฉันได้ยังไงหล่ะ? สำหรับเขาฉันคงน่าเกลียดเทียบเท่าพี่ชายที่โดนไฟคลอกของเขาได้เลยหล่ะ” พอฟังแวววัยพูดด้วยสีหน้าอาการแบบนั้น วัจสาจึงเพิ่งจะตระหนกได้ว่า….หรือว่าแวววัยจะคิดอะไรกับธัชชัยจริงๆ……. ผู้ชายเย็นชาผู้แสนหยิ่งแบบนั้นมีค่าให้หญิงสาวยอมที่จะเป็นแมงเม่าบินเข้ากองเพลิงแบบเขาซะที่ไหน? ไหนจะลูกสาวตระกูลเดิมขุนทดถึงสองคนอีกทั้งแวววัย ที่แค่เจอเขาเพียงแรกเห็นก็โดนเขาตกไปอย่างเต็มๆ แต่ก็นะไม่ว่าจะฐานะชาติตระกูลและอะไรต่างๆมันก็พอที่สาวๆจะอยากกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของเขา วัจสาเองก็ไม่ได้อยากจะยอมรับจริงๆ แต่ชยาคนนี้ก็มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูแบบนั้นจริงๆ เครื่องหน้าชาติตระกูล เอกลักษณ์ ชื่อเสียง ทั้งหมดนั้นก็สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็ตามอยากที่วิ่งเข้าหาเขา “แกอย่าพูดแบบนี้สิ วรพลของเราถึงแม้ว่าจะโดนไฟคลอก แต่สมองเขายังคงทำงานได้ปกติ ไหนจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ เรียนมาเยอะอีกต่างหาก เป็นคนที่เพอร์เฟคคนหนึ่งเชียวหล่ะ นี่เธอพูดไม่คิดเลยนะที่ไปพูดถึงเขาแบบนั้น” วรพลที่วัจสาอธิบายมันคือวรพลที่เธอรู้สึกจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้ชอบ แต่นั่นก็นะ คนที่เธอชอบจริง...เธอกลับเข้าใกล้เขาไม่ได้ และมันคงจะดีกว่าหากว่าจะมีใครสักคนไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา เพื่อที่จะได้ไม่ให้ตัวเธอเองต้องไปพัวพันอะไรกับเขาอีก แวววัยรู้ดีว่า วัจสาไม่ได้ตั้งใจอยากที่จะพูดให้เธอดูต่ำต้อยแต่อย่างใด เธอเพียงพูดไปเพราะความโกรธเท่านั้น แววตาของเธอส่องแสงประกายอย่างมีความหวังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมีความหมองหม่นเข้ามาแทรกแทนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าวัจสาจะพูดออกมาเองว่าธัชชัยไม่ได้ชอบเธอ แต่ตัวเธอเองก็ยังคิดอยู่ดีว่าธัชชัยหน่ะชอบวัจสา อีกทั้งเขาหน่ะออกจะมีเสน่ห์ซะขนาดนั้น จะมาชอบผู้หญิงหน้าแผลแบบเธอได้อย่างไร? แม้ว่าอยากจะคาดหวังเพียงไหนมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจึงคิดอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย “เอ้อ แกเพิ่งบอกใช่มั้ยนะว่าปรมะโดนทำร้ายหน่ะ ทำเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน? เป็นเพราะเขาไปหาเธอที่บ้านตระกูลศรีทองหรอ? แต่ว่าเขาจะรู้ได้ยังไงว่าแกอยู่บ้านนั้น? เขาเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศเห็นๆ” สำหรับเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้จริงว่าใครเป็นคนไปบอกเขา วัจสาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะตอบ “เขาไปหาฉันที่บ้านตระกูลเดิมขุนทดแต่ฉันก็ไม่รู้เรื่องราวก่อนหน้านั้นหรอกนะ ไม่รู้ว่าคนที่บ้านนั้นพูดอะไรกับเขา ทำให้เขามาหาฉันที่บ้านตระกูลศรีทอง แต่ฉันคิดว่าพวกเขาคงพูดประมาณว่าฉันหน่ะหน้าเงิน อยากได้เงินจนตัวสั่นอะไรประมาณนั้น” เธอมองเกมและวิธีการคิดของพวกคนบ้านนั้นออก แวววัยพูดอย่างโกรธเคือง “พวกสาวๆตระกูลเดิมขุนทดนี่น่ากลัวจริงๆ ปากคอหาดีไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร วัจสาก็ไม่ได้อยากแต่งอยู่แล้วแต่ก็ยังให้ไปแต่ง พออย่างนี้จะมาบอกว่าหน้าเงิน พวกนั้นดูเหมือนจะอยากพูดให้บิดเบือนเพื่อให้เธอดูแย่แค่นั้น” วัจสาแตะมือแวววัยเบาๆก่อนจะพูด “ไม่ต้องพูดแล้วหล่ะ รอฉันเอามือถือกับกระเป๋าแปปนึงนะเดี๋ยวเราไปเรียนกัน คาบของเหล่าจินซะด้วย ถ้าสายนี่ตายแน่ๆ” วัจสาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นอีก เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องไร้สาระนี่อีก มันมีแต่จะทำให้เธออารมณ์เสีย “พูดแบบนี้แสดงว่าเธอยกโทษให้ฉันแล้วใช่มั้ย! วัจสาแกนี่น่ารักที่สุดเลย!” แวววัยกระโดดกอดวัจสาอย่างกับแพนด้ากอดกิ่งไผ่ก็ไม่ปาน วัจสาโดนกอดอยู่อย่างนั้นแปปนึงก่อนจุพูด “ใครให้อภัยแกไม่ทราบ เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวเย็นฉันแล้วฉันจะคิดอีกทีละกัน” “แกก็รู้ว่าฉันไม่มีตัง ยังจะมาขูดรีดกันอีก แกนี่นิสัย! หึ!” แววแสร้งร้องออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ วัจสาหยิบหนังสือ และของต่างๆ แล้วก็ออกไปห้องเรียนพร้อมๆกับแวววัย เมื่อวานเธอไม่ได้มาเข้าเรียน จึงทำให้ขาดวิชาไปเลยหนึ่งวันเต็มๆ ดังนั้นจึงต้องยืมหนังสือแวววัยลอกไปก่อน “เอ้อ วัจสา ทำไมอยู่ๆธัชชัยถึงปล่อยแกออกมาเรียนอ่ะ? หรือมันเป็นสามัญสำนึกเฉยๆ? แกก็เหมือนกันนะเป็นถึงคุณผู้หญิงบ้านตระกูลศรีทอง ยังจะต้องมานั่งเรียนอีกอย่านั้นหรอ?นอนสบายอยู่ที่บ้านไม่ดีกว่าหรอ? ” วัจสาม้วนหนังสือก่อนจะทุบไปบนหัวของแวววัยเบาๆ “แกก็เหมือนกันนะ พูดอะไรก็ไม่รู้ ฉันยังไม่แก่ซะหน่อย ทำไมต้องเอาแต่พักผ่อนอยู่ที่บ้านด้วย? ฉันอยากจะออกแบบชีวิตของฉันเอง และก็ยังมีความฝันของฉันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เงินของตระกูลนั้นมันก็ของนามสกุลนั้น ฉันอีกนามสกุลว้อย” แวววัยสวนกลับอย่างไว พลางจับหนังสือที่อยู่บนหัว “วัจสา นี่แกตีฉันหรอ? เห็นๆอยู่ว่าฉันโง่ ยังจะมาตีให้ฉันโง่กว่าเดิมเข้าไปอีก!” “ดีเลยก็กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเลย แล้วไม่ต้องมาเดินกับฉันด้วยนะ” วัจสาแกล้งทำเป็นพูดจริงจัง “ใช่สิ ใช่ซี๊ แกมันสาวไม่โสดศตวรรษที่21ที่มีความฝัน แล้วฉันที่เป็นผู้หญิงตัวน้อยๆจะไปสู้เทียบได้ยังไง” “ใครเป็นสาวไม่โสดกัน? ไหนแกพูดอีกรอบสิ้?!” วัจสาแกล้งทำเป็นโกรธฟึดฟัด วิ่งตามแวววัยไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ที่ดังอยู่ตลอดทางถนน เนี่ยแหละคือชีวิตของนักศึกษาที่ควรจะเป็น มันต้องมีชีวิตชีวาแบบนี้นี่แหละ แต่ว่าใครอื่นจะรู้หล่ะ ว่าภายในใจนั้นมันเจ็บปวดและโศกเศร้าเพียงใด
已经是最新一章了
加载中