ตอนที่ 103 ผู้ชายคนนี้นี่เป็นหมาหรือไงนะกัดไปเรื่อยเลย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 103 ผู้ชายคนนี้นี่เป็นหมาหรือไงนะกัดไปเรื่อยเลย
ต๭นที่ 103 ผู้ชายคนนี้นี่เป็นหมาหรือไงนะกัดไปเรื่อยเลย เมื่อเห็นธัชชัยกลืนยาเม็ดนั้นลงไปได้ในที่สุด วัจสาถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วนำยาที่เหลืออยู่ส่งให้เขา “นี่เป็นยาที่เหลือ ถ้ายังรู้สึกไม่สบายก็กินเพิ่มอีกสักเม็ดนะ แต่ว่าอย่ากินเยอะหล่ะ มันทำได้แค่บรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้รักษาโรค คุณก็เก็บมันไว้ในกล่องเผื่อจำเป็นต้องใช้ ตอนกลางคืนกลับบ้านไปมีเวลาก็ค่อยเรียกคุณหมอภาคินมาตรวจให้อีกทะ​ ​อ้ะ……” วัจสาไม่ทันได้พูดคำต่อไปออกมา ก็ถูกใครบางคนหยุดไว้ด้วยริมฝีปากแดงๆ ธัชชัยที่นั่งอยู่บนรถหันตัวไปจับที่ท้ายทอยของวัจสาเบาๆแล้วค่อยๆพรมจูบลงไปปิดผนึกริมฝีปากแดงๆนั้น จูบนี้เหมือนดังพายุที่ร้อนแรง ธัชชัยจูบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม ลิ้นอันทรงพลังตวัดไปมาที่ฟันขาวดุจไข่มุกของเธอ แล้วท่องไปในปากของเธอ ในช่องปากของวัจสาเต็มไปด้วยรสสัมผัสของชายหนุ่ม รสชาติขมๆของบุหรี่และรสฝาดของยานั้น มันปกคลุมคละคลุ้งไปทั้งปลายจมูกและลมหายใจของเธอ การครอบงำด้วยสัมผัสของเขามันทำให้คนๆนึงยากที่ลืมเลือน วัจสาคิดว่าตัวเองเกือบจะตายไปซะแล้ว จนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจชายหนุ่มถึงจะยอมผละออกจากริมฝีปากของเธอ ใบหน้าทั้งใบของวัจสาแดงระเรื่อ จริงๆเลยนะ! แค่เอายามาให้ดันมาถูกคนแทะโลมใส่ได้ วัจสารู้สึกสลดใจจริงๆ! ไร้ยางอายแบบอะไรก็ฉุดไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆผู้ชายคนนี้ เขาคงเมาไปแล้วจริงๆ! หลังจากที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ววัจสาก็หนีแทบจะหางจุกตูดราวกับแมวหนีหมาก็ไม่ปาน เธอวิ่งไปพลางกุมปากแดงระเรื่อที่มีสัมผัสของจูบเมื่อกี้ไปพลาง ดูเหมือนกับว่าจะยังมีรสสัมผัสลมหายใจของชายหนุ่มหลงเหลืออยู่บนริมฝีปากนี้ ความขมของบุหรี่ ที่มาพร้อมกับรสชาติขมและฝาดของยาที่ละลายแล้วผสมกันอยู่เต็มในช่องปาก ให้ตายเถอะ! ทำไมเธอถึงยังต้องมาอาลัยอาวรณ์จูบของเขาด้วยนะ? นี่บ้าไปแล้วหรือยังไงกันนะ?! ไม่สิ ทำไมต้องอาลัยอาวรณ์ด้วย? ผู้ชายคนนี้ทั้งแข็งกร้าวทั้งหยาบคาย เธอจะมาชอบผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง?! แต่ว่าแม้แต่ตัววัจสาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าที่จริงแล้วริมฝีปากและลิ้นของเธอนั้นอาลัยอาวรณ์ หรือว่าในใจของเธอนั้นอาลัยอาวรณ์กันแน่ ไม่กล้าที่จะคิดลึกเลยดูเหมือนว่าคิดลึกไป บางเรื่องก็จะกลายเป็นว่าไม่สามารถย้อนกลับไปแก้อะไรได้แล้ว วัจสาเดินกลับหอพักโดยที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนที่มาถึงประตูห้องเกือบจะชนเข้ากับแวววัยที่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี “ยัยคนนี้นิ ไปไหนมาฮะ? ฉันยังไม่ทันจะตอบอะไรแกก็วิ่งหายไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว!” แวววัยบ่นด้วยท่าทางฉุนเฉียว วัจสาก้มหัวลงอย่างไม่มั่นใจ “ป่าว ไม่ได้ไปไหน ก็แค่ไปร้านขนมเฉยๆ ” แวววัยพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างไม่คิด “อ่าวหรอ ฉันก็นึกว่าแกตามธัชชัยไปซะอีก ก็เห็นพอเขาเดินไปแล้ว แกก็ตามไปเลย ” ทันใดนั้น แวววัยเขยิบตัวเข้าไปมองที่ริมฝีปากของวัจสา “วัจสา ทำไมปากของแกถึงบวมแบบนั้นหล่ะ? แถมข้างในยังมีเหมือนลิ่มเลือดด้วยนะ” “หะ? ไม่มั้ง?! ” วัจสากลัวว่าแวววัยจะพบอะไรผิดสังเกต รีบเดินเข้าไปแล้วส่องกระจก เธอเลียปากแดงๆของเธอทันทีตามสัญชาตญาณ มันรู้สึกเจ็บๆแสบๆจริงๆนั่นแหละ ในกระจกส่วนต่างๆของใบหน้าอันละเอียดอ่อนของหญิงสาวแสดงให้เห็นถึงความบวมของริมฝีปาก จริงๆเลยนะ ผู้ชายคนนั้นจริงๆเลย นึกไม่ถึงว่าแรงดูดจะทิ้งร่องรอยทำให้เธอถึงกับเสียเลือดอย่างนี้! ธัชชัยนี่เป็นหมาหรือยังไงนะ? ทำไมถึงได้ชอบกัดเธอจริงๆ? พอนึกถึง…อกคู่งามภายใต้ชุดชั้นในของวัจสาก็รู้สึกแสบขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสที่เธอนอนหลับอยู่ ประทับร่องรอยไว้ ที่ขนาดแค่อาบน้ำก็ยังเจ็บ ธัชชัยนี่เจ้าเล่ห์เป็นหมาป่าจริงๆ “วัจสา จริงๆแล้วแกไปถูกใครจูบมาใช่ไหม? ปรมะหรอ หรือว่าธัชชัย? ” จู่ๆแวววัยก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ทำให้วัจสาตกใจมาก น่าจะเป็นปรมะแหละ คาดการณ์ดูแล้วใครอยู่ใกล้สุดก็น่าจะมีโอกาสมากสุด เขาเองก็อยู่ในมหาลัย บางทีอาจจะเจอวัจสาโดยบังเอิญที่ร้านขายของ ก็เลยจูบเธออย่างดูดดื่ม! แต่ว่าธัชชัยก็มีสิทธิ์เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะเขาก็ปรากฏตัวอยู่ในมหาลัยแล้วก็ยังไปกินข้าวด้วยกันกับพวกเธอ เขาเดินนำไปก่อน แล้วจากนั้นวัจสาก็เดินตามไป จะเป็นไปได้ไหมว่าเธอจะตามเขาไป? หัวใจของวัจสาบีบรัดไปหมด แวววัยคนนี้มีสายตาที่แหลมคมเกินไปแล้วเธอมองออกไปซะทุกอย่างเลย ไม่ไปเป็นสายสืบรับใช้ชาติซะเลยหละ สิ้นเปลืองทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถจริงๆ “แวววัย แกนี่มันมั่วจริงๆ คนที่จะจูบฉันได้ก็มีแค่คนเดียวก็คือตัวของฉันเองนี่แหละ เมื่อกี้ที่โรงอาหารกดดันและตื่นเต้นมากไปหน่อย ฉันเลยไม่ทันระวังเผลอกัดตัวเองเข้า ที่แกพูดว่าธัชชัยกินยาอะไรผิดหรือว่าวันนี้ไม่กินยานั่นหน่ะ?ไม่มีเหตุผลที่จะมาข้าวถึงโรงอาหารในมหาลัยของพวกเรา? กระเพาะของคุณชายก็สามารถรับอาหารพื้นๆแบบนี้ได้ด้วยหรอ? ” วัจสามองสีหน้าของแวววัย ซึ่งจริงๆเริ่มจะสนใจประเด็นอื่นแทนแล้ว ประโยคนี้ถูกขัดด้วยท่าทางอึดอัดใจของวัจสา อีกทั้งแวววัยก็เปลี่ยนความสนใจ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ “จริงด้วย แล้วก็ตอนที่เห็นธัชชัย สัมผัสได้ถึงผู้หญิงทั้งโรงอาหารมองตามเขา ถ้าสายตาเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ ป่านนี้พวกเราคงโดนแทงจนพรุนไปแล้ว และอีกอย่างงสายตาของพวกเธอที่มองมีแต่ความอิจฉาและความเกลียดชังแบบนั้น ฉันนี่รู้สึกสวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลยแหละ” แวววัยใช้มือทั้งสองข้างจับที่ใบหน้าของเธอแล้วเริ่มหัวเราะคิกคักขึ้นมา ที่จริงแล้วแวววัยก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย แต่ก็เป็นคนที่เบิกบานร่าเริง แถมยังชอบได้รับความสนใจจากคนอื่นอีกด้วย เป็นความรู้สึกที่ว่าอย่างน้อยเธอก็ยังมีตัวตนอยู่ แต่กับวัจสา เธอไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย ในเวลานั้นมีแต่ความรู้สึกอึดอัด อีกทั้งความอึดอัดนั้นก็แพร่กระจายอย่างไม่หยุด เธอแทบจะอยากมุดดินหนีไป “พอพูดถึงเรื่องนี้ วัจสา ฉันก็ยังรู้สึกว่าธัชชัยเขาดุเป็นห่วงแกนะ เขาไม่ได้เรียกแกกลับไปกินข้าวที่ตระกูลศรีทองหรอ? แถมยังคีบหมูผัดซอสใส่ถ้วยให้แกไม่หยุดเลย! ” พูดก็พูดเถอะ แวววัยก็ยังแอบอิจฉาเธอเลย “ฉันไม่กลับไปหรอก ไปกลับต้องใช้เวลาตั้งสองชั่วโมง ฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น และอีกอย่างที่ธัชชัยเป็นห่วงฉัน ฉันคิดว่าเขาน่าจะกังวลว่าฉันจะทิ้งพี่ชายของเขาไปมากกว่า และยิ่งไปกว่านั้นก็คือฉันไม่ชอบกินหมูผัดซอสเลยสักนิด” ที่จริงแล้วที่แวววัยพูดแบบนี้ วัจสาเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าธัชชัยดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงตัวเองอยู่ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนหยิ่งยโสอีกทั้งยังแข็งกร้าว แต่เขาก็ค่อนข้างที่จะนึกถึงเธออยู่เสมอ บังคับเธอในหลายๆเรื่องก็เพื่อมันจะทำให้ตัวเธอเองได้ประโยชน์ทั้งนั้น…… วัจสา! เธอตบที่หน้าผากตัวเองเบาๆ คิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่เนี่ย? ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะจะมาทำดีกับเธอ? เอาจริงนะฝันไปเถอะ แล้วถ้าพูดถึงเรื่องขอบเขตละ? วัจสาแล้วความตั้งใจแน่วแน่ของเธอหละ? ความซื่อตรงหละ? คิดอะไรอยู่เนี่ย! ทางด้านของแวววัยกลับไม่ได้สังเกตความผิดปกติของวัจสา เธอเอาแต่จมปลักอยู่ในความคิดของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ ธัชชัยต่อไปก็น่าจะมากินข้าวกับวัจสาอยู่บ่อยๆ? ถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็คงมีโอกาสที่จะได้เจอเขาบ่อยๆแล้ว! บางทีธัชชัยอาจจะชอบวัจสาจริงๆ แต่ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงของพี่ชายของเขา นั้นก็หมายถึงเป็นพี่สะใภ้ของเขานั้นเอง ความสัมพันธ์นี้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน และด้วยเหตุผลของพี่ชาย ธัชชัยก็ยังมาต้องมาดูแลวัจสา ยังไงก็ตามเขาก็เป็นหนุ่มโสดคนนึงแถมยังเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่ง ถ้าไม่ฝันก็คงไม่เจอผี ถ้าฝันแล้วไม่ทำก็ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอกใช่มั้ยหล่ะ? พอพูดถึงวรพลพี่ชายของธัชชัย แวววัยเคยเห็นข่าวของเขาแค่บนหนังสือพิมพ์แค่นั้น ใบหน้าที่มีรอยไหม้นั้นค่อนข้างสาหัสเลยทีเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันไหม้แค่ตรงนั้นรึเปล่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอจึงถามออกมา “วัจสา รอยไหม้ของวรพลพี่ชายของธัชชัยมันสาหัสขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันเห็นใบหน้าเขานั้นในหนังสือพิมพ์ มันรู้สึกสยดสยองนิดหน่อยอะ… ” วัจสาถอนหายใจเบาๆ “ก็ค่อนข้างสาหัสอยู่นะสภาพแทบจะไม่เหมือนเดิมเลย ช่วงตอนที่สาหัสมากๆถึงกับต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเลย” “เห้อ ช่างน่าสงสารจริงๆ เมื่อก่อนได้ยินข่าวเกี่ยวกับตระกูลศรีทองว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว ถือว่าเป็นตระกูลที่รวยมากเลยนะนั่น ที่เมือง Sเขาเป็นเหมือนดั่งเจ้าชายที่ล่ำค่า แต่ตอนนี้กลับถูกไฟคลอกแบบนั้น ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งเขาจริงๆ” แวววัยนึกถึงร่องรอยตรงริมฝีปากของเธอ ถึงแม้ว่าจะหายเจ็บแล้วแต่ก็ยังมีรอยแผลเป็นบางๆอยู่ แล้วแบบนี้จะให้เธอปล่อยวางจากเรื่องนี้ยังไงหละ? “ตั้งแต่ตอนนั้นที่ถูกไฟเผา ทำไมเขาไม่ไปทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อส่วนที่ดีมาแปะหละ? ตระกูลศรีทองออกจะร่ำรวยเปลี่ยนผิวแค่นี้เองเรื่องจิ๊บๆ” แวววัยพูด วัจสาหลับตาสักพักพร้อมกับพูดว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินหมอประจำตระกูลศรีทองบอกว่าเป็นเพราะว่าบาดแผลของวรพลนั้นค่อนข้างสาหัส ไม่มีทางรักษา แต่คนอื่นพูดกันว่าเพื่อผู้หญิงคนนึงวรพลเลยไม่ยอมรับการรักษาถึงขนาดอยากตายเลยด้วยซ้ำ” อยู่ๆวัจสาก็นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมา ไม่ใช่ว่าธัชชัยเจอกนิษฐาแล้วหรอ? แต่ทำไมถึงไม่พาเธอมาเจอวรพลหละ? บางทีวรพลอาจจะยอมไปรักษาที่อเมริกาก็ได้ในเวลาเดียวกันก็ยังมีทั้งกำลังใจและความหวังอีกด้วย! แต่ดูจากน้ำเสียงของธัชชัย เขาดูเหมือนจะจงเกลียดจงชังผู้หญิงคนนี้ ถึงขั้นคิดว่าเธอคือคนที่ฆ่าพี่ชายของเขา ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดหรอกมั้ง? วัจสาลำบากใจแบบนั้นก็เลยพอเข้าใจได้ว่าทำไมธัชชัยถึงไม่พาเธอมา “เพื่อผู้หญิงคนนึง? ผู้หญิงคนนั้นตายแล้วใช่ไหม? ดังนั้นวรพลเลยไม่ยอมไปรักษา แต่กลับจะไปพบเธอในอีกโลกนึงแทนหรอ?” สมองของแวววัยเริ่มทำงาน แต่คราวนี้เธอคิดว่าเธอเดาถูกต้อง “เดิมทีคงเป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้เหมือนกับว่าจะเปลี่ยนแผนแล้ว วรพลตอบตกลงกับธัชชัยแล้วว่า ถ้าผ่านวันเกิดปีที่สามสิบของเขาไปเขาจะยอมไปรักษาที่อเมริกา โอ๊ย ฉันก็หวังว่าวรพลจะหายเร็วๆนะ” วัจสาพูดด้วยความหนักใจและกังวล คนธรรมดาคนนึง วันทั้งวันอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปเจอแสงสี มันทำให้รู้สึกเศร้าหมองและหดหู่ ยิ่งถ้าเป็นคนป่วยด้วยนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย วัจสาคิดว่า ถ้าวรพลสามารถออกมาจากห้องมืดที่ใช้รักษานั่นได้อีกครั้ง เขาก็จะสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของโลกภายนอกนี้ และก็คงจะเป็นเรื่องราวดีๆเรื่องนึงเลย อยู่ๆแวววัยก็ถอนหายใจพร้อมพูดว่า “วัจสา แกนี่เป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมากๆคนนึงเลยนะ วรพลเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนที่โชคดีนัก แต่เมื่อเขาได้แต่งงานกับแกก็นับว่าเขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้” แวววัยนับถือวัจสาที่สามารถดูแลรักษาคนที่ถูกไฟไหม้จนไม่มีเค้าโครงเดิมได้จริงๆ ชีวิตของเธอยังไม่สามารถดูแลผู้พิการแบบนั้นได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการประหัตประหารบังคับฝืนใจเธอให้มาแต่งแต่เธอก็ยังใช้ความเห็นใจของเพื่อนมนุษย์เป็นหลัก ฟังแวววัยพูดถึงตัวเอง ในใจของวัจสาไม่มีความสุขใจสักนิดแถมยังยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมา ตัวเองเป็นภรรยาของเขาเองแท้ๆ แต่กลับหักหลังสามีตัวเอง ร่างกายและจิตใจของเธอหยุดชะงักไปชั่วขณะ จะทำให้มันกลับมาถูกที่ถูกทางยังไงดีหละ? วัจสาได้แต่ครุ่นคิดในคำถามนี้ เธอรู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้ควรยัดมันใส่ไว้ในกรงทองไม่ควรปล่อยให้มันออกมาแพร่กระจายไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ 
已经是最新一章了
加载中