ตอนที่ 36 กลับสู่ถนนหยินอีกครั้ง
1/
ตอนที่ 36 กลับสู่ถนนหยินอีกครั้ง
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 36 กลับสู่ถนนหยินอีกครั้ง
ตอนที่ 36 กลับสู่ถนนหยินอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินว่าจะได้กลับไปที่ถนนหยิน ฉันก็มีสติขึ้นมาอีกครั้ง ฉันลุกลงจากเตียงในทันใด และก็ต้องล้มนั่งลงไปบนเตียงเหมือนเดิม เหตุเพราะท่ายืนไม่มั่นคง เห็นสายตาของซูหลินที่มองมาอย่างจดจ่อ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองมีความกังวลมากจนเกินไป ทำได้เพียงนั่งกลับไปบนเตียงเหมือนอย่างเฉื่อยชา “ซูหลิน เดิมทีแล้วเราควรจะเป็นคู่หูกัน เราไม่ควรมามีความระแวงต่อกันไม่ใช่เหรอ?” ซูหลินเหมือนต้องการจะสื่อว่า “เธอพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้นแหละ” พร้อมยักไหล่ใส่ฉัน : “ฉันก็แค่อยากรู้ความจริงเท่านั้นเอง” “ความจริง? ความจริงก็คือจ้าวซิ้วกลับมาเพื่อแก้แค้น ทำให้ผู้หญิงสามคนนั้นต้องตาย ที่เราเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างอยู่ตอนนี้ก็เพราะเราต่างก็รู้ความจริงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ฟังฉันพูดมาขนาดนี้ ซุหลินถึงกับส่ายหัวอย่างรู้สึกระอา : “ฉันยอมแพ้เธอแล้วจริงๆ เธอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” จริงๆแล้วฉันรู้ดีอยู่แล้ว คนฉลาดอย่างซูหลิน กับการที่คนอย่างฉันสามารถหนีรอดจากเงื้อมือของจ้าวซิ้วออกมาจนได้ ความสามารถตรงนี้ก็ควรจะต้องตกเป็นที่น่าสงสัยอยู่แล้ว ฉันคิดว่า ถ้าตอนนั้นฉันยอมพูดออกไปว่ามีคนช่วยฉันไหว ก็คงจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเสียอีก แต่ว่า คำพูดที่พูดออกไปก็เปรียบเสมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป มันยากมากที่จะเอากลับคืนมา ฉันรู้สึกรำคาญใจ ได้แต่คิดกับตัวเองว่า คราวหลังถ้าคุยกับซูหลินคงต้องคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป ฉันและซูหลินมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ฉันเคยพลาดไปอยู่ในถนนหยินอย่างไม่ตั้งใจ ทันทีที่ขึ้นรถ ซูหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ลดละ : ”จริงๆแล้วเรื่องของเธอฉันเองก็ไม่ควรถามอะไรมากมาย แต่ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือในฐานะคู่หู ฉันก็อยากจะทำความเข้าใจมันให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้” เรื่องนี้ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร ถ้าหากได้รับความช่วยเหลือของเทียนปูหยู่ เรื่องยุ่งยากนี้ก็คงถูกจัดการให้เรียบร้อยไปตั้งแต่แรกแล้ว คงไม่ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ แถมยังต้องมานั่งติดตามชีวิตของจ้าวซิ้วโดยเปล่าประโยชน์ กระทั่งเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้เทียนปูหยู่ก็ยังคงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ นั่นแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วเรื่องนี้มันเกินความสามารถของเขาจริงๆ เราจอดรถตรงร้านเดิมที่เคยมาดื่มกาแฟเมื่อคราวก่อน เกี่ยวกับเรื่องที่พบเจอขบวนแต่งงานของหุ่นกระดาษในวันนั้น ยังคงคุมเครืออยู่ในความทรงจำของฉันมาตลอด ตามคำพูดของเทียนปูหยู่ เป็นเพราะว่าวันนั้นฉันไม่รู้สึกตัวถึงได้พลาดเท้าก้าวเข้าไปที่ถนนหยินได้ เนื่องจากฉันไม่สามารถบอกซูหลินเกี่ยวกับเทียนปูหยู่ได้ ฉันจึงทำได้แค่เพียงเปลี่ยนแปลง ”คำสารภาพ” ของฉัน : ”วันนั้นฉันเดินอยู๋บนถนนด้วยอาการมึนงง ไม่รู้ยังไง จู่ๆก็โผล่ไปอยู่ที่ถนนหยิน” ซูหลินดูเหมือนจะถอดใจ และก็ไม่ได้เกิดข้อสงสัยในคำพูดของฉันอีก แต่ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี ฉันแอบปลอบใจตัวเอง บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวเองพูดฟังดูเหมือนจริงเกินไป แม้แต่ตำรวจของประชาก็ยังไม่สามารถพบเจอข้อบกพร้องใดๆ ฉันเดินไปยืนอยู่ในจุดเดิมที่เหยียบธนบัตรตามความทรงจำของฉัน พลันหันไปมองซูหลินแวบหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่า ซูหลินก้าวเท้ามาสองสามก้าวแล้วจึงมาหยุดอยู่ข้างบ่าของฉัน ”ฉันจะไปกับเธอด้วย” พูดจบ ซูหลินควักเอาแผ่นยันต์ออกมาจะอก มือขวากุมมือฉันไว้ มือซ้ายนำยันต์มาแปะไว้ที่หน้าผากของฉัน ฉันมองไปที่แผ่นยันต์สีเหลืองตรงหน้าด้วยแววตาเบิกกว้าง ฉันอดคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนกับผีดิบที่ถูกสะกดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นฉันจึงเป่าลมใส่เจ้าแผ่นยันต์อย่างไม่ยอมแพ้ แผ่นยัตน์ปลิวอย่างช้าๆไปตามทิศทางที่ฉันเป่า ซูหลินเพิกเฉยต่อการกกลั่นแกล้งของฉัน แต่กลับเริ่มท่องคาถาขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง เมื่อเสียงสวดมนต์พรึมพรำของซูหลินลอยมาสมองของฉันก็เริ่มมีอาการวิงเวียนขึ้นมา จุดสีเหลืองเล็กๆที่บดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ก่อนจะค่อยๆขยายกว้างมากขึ้น จนกระทั้งครอบคลุมโลกทั้งใบของฉัน สติที่ยังพอเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยของฉันได้บอกกับฉันว่า วิธีของซูหลินนั้นได้ผลแล้ว ฉันกำมือของเขาไว้แน่นอย่างสติหลุด พยายามดึงเขาให้มากับฉัน ครั้งก่อนที่ฉันมาที่ถนนหยิน หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเทียนปูหยู่ เกรงว่าฉันอาจจะกลายเป็นภรรยาผู้ต้อยต่ำของเหล่าหุ่นกระดาษไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ถึงแม้ว่าฉันไม่มีความคุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ ยังไงซะที่นี่คือถนนหยิน ฉันเข้าใจดีกับเหตุผลที่ว่ามีคนเพิ่มมาอีกคนก็เหมือนมีคนช่วยเพิ่มอีกแรง ”เฉินน่อ เฉินน่อ? เรามาถึงแล้ว......” จนกระทั่งได้ยินเสียงของซูหลินอีกครั้ง ฉันก็พึ่งจะรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่ตัวเองสติหลุดไปอีกรอบแล้ว ดังนั้นฉันจึงลืมตาขึ้นมา หันไปเห็นซูหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันแอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ แล้วหันไปพิจารณากับถนนตรงหน้า พ่อค้าแม่ค้าขายเร่ที่โห่ร้องขายของตลอดทั้งวันบัดนี้ก็ได้หายไปแล้ว แต่กลับกลายเป็น “คนเดินเท้า” มากมายหลากหลายประเภท มีทั้งแบบที่ใบหน้าเละไปครึ่งหน้าเหมือนในครั้งก่อน นอกจากนี้ยังมีประเภทที่ขาขาดไปแล้วข้างหนึ่งแต่ก็ยังคงใช้ขาอีกข้างที่เหลือเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีปัญหาใดๆ และแน่นอนว่า ยังคงมีแบบที่อากัปกิริยาดูสง่างามดั่งเช่นมนุษย์ทั่วไป จนแทบดูไม่ออกว่านั่นคือผี...... เมื่อเห็นว่าฉันกำลังจ้องมองไปยังหญิงงามที่แต่งกายด้วยชุดโบราณที่อยู่เบื้องหน้า ซูหลินใช้แรงดึงฉันออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ย : “ในสถานที่แบบนี้ ยิ่งภายนอกดูสวยงามสดใสมากแค่ไหน แสดงว่าทักษะความสามารถของเขายิ่งลึกซึ่ง” พูดจบ ซูหลินก็หันมามองฉันด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ไม่รู้ว่าเป็นการดูถูกกับเพราะพฤติกรรมที่ฉันใช้มองหญิงงามนั้นหรือเปล่า เมื่อสังเกตเห็นว่าฉันยังคงไม่ยอมละสายตา ซูหลินทำได้เพียงแต่พูดเสริมขึ้นมา : “ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันเป็นประเภทที่สามารถกินเธอเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และต่อให้เธอพยายามแทบตายก็ไม่สามารถเอาชนะคนแบบนี้ได้......ไม่สิ ผีแบบนี้......” เสียงของซูหลินในตอนนี้ค่อนข้างแหบ ในความคิดของฉันเหมือนกับว่าเขาจะมีออร่าลึกลับบางอย่างเปล่งประกายออกมา เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของซูหลิน ฉันก็เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ถึงได้ยอมหันหน้ากลับมาไม่มองสาวงามผู้นั้นอีก แต่ว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าถนนสายนี้มีบางอย่างที่ดูแตกต่างไปจากครั้งแรกที่ฉันมา ในวันนั้น บนถนนสายนี้นอกจากขบวนงานแต่งแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่มีผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานคนอื่นๆอีกแล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มีความแตกต่างขนาดนี้ล่ะ? อาจเพราะวันนั้นมีขบวนแห่งานแต่ง ดังนั้นจึงไม่มีคนทั่วไปมาเดินอยู่บนถนน! ฉันแอบสร้างข้อแก้ตัวให้กับความสงสัยของตัวเอง นั่นจึงบังคับให้ฉันวางใจลงได้ เพียงแต่...... จนกระทั่งมายืนอยู่ที่นี่ฉันก็เริ่มมีความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ฉันรู้แค่เพียงว่าต้องดึงเขาเข้ามาด้วย แต่ไม่รู้ว่าควรไปหาคู่สมรสหุ่นกระดาษนั้นได้จากที่ไหนล่ะ......ฉันเขย่งขามองไปข้างหน้า ถนนสายนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีจุดสิ้นสุด ถ้าต้องคอยเข้าไปตามหาทีละบ้านสองบ้านแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงกรณีไปเจอกับบ้านไหนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว แล้วจับฉับกินเข้าไป และแม้ว่าฉันจะอยู่รอดปลอดภัยไร้ปัญหา แต่ฉันจะต้องใช้เวลาค้นหาไปถึงเมื่อไหร่กัน ฉันหันไปมองซูหลินอย่างหมดปัญญา ซูหลินพลันส่งสายตาเป็นนัยว่า “มีฉันอยู่ทั้งคนเธอวางใจได้” มาให้ฉันในทันที ฉันคิดว่าเขาจะคิดวิธีดีๆออก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะคลายมือของฉันออก และเดินตรงไปหาสาวงามที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เห็นเพียงซูหลินทำความเคารพสาวงามในชุดโบราณตรงหน้าอย่างเป็นทางการ แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังสวมโค้ทหนังอยู่ แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของความล้าสมัยอยู่ “ขอโทษนะคุณผู้หญิง คุณรู้หรือไม่ว่าผู้ที่แต่งงานตรงนี่เมื่อไม่กี่วันนี้เขาอยู่ที่ไหน?” สาวงามผู้นั้นยกชายเสื้อขึ้นปิดปาก มองไปที่ซูหลินพร้อมปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกคาดไม่ถึงก็คือ สุภาพสตรีผู้ที่มีกิริยามารยาทดีเมื่อสองวิที่แล้ว เมื่อหล่อนเก็บชายเสื้อขึ้นปิดตรงมุมปากของหล่อนลง ใบหน้าของหล่อนก็ได้กลายเป็นปีศาจที่ในปากเต็มไปด้วยเขี้ยว ในขณะที่ซูหลินยังคงอยู่ในท่วงท่าที่กำลังก้มหัวทำความเคารพอยู่ แต่ฉันสังเกตเห็นแล้วว่าสถานกาณ์เริ่มไม่ปกติ รวบรวมกำลังที่มีพุ่งเข้าไปตรงหน้าซูหลินก่อนจะดึงมือเขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซุหลินถูกฉันลากให้วิ่งอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมอง “สาวงาม” ผู้นั้น เมื่อซูหลินหันหน้ากลับมา เขาก็ได้รวบรวมกำลังและเร่งฝีเท้าวิ่งนำหน้าฉันไป หลังจากที่ดึงให้ฉันวิ่งไปข้างหน้า ซูหลินก็คงแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไม่ยอมเลิกรา : “เธอเห็นหรือยัง ที่ฉันเคยพูดเอาไว้ ภายนอกยิ่งดูสวยงามแค่ไหน ทักษะความสามารถของเขายิ่งลึกซึ่ง นี่คือเหตุผลที่ผู้คนมักจะพูดว่า......สวยสังหาร สวยสังหารชัดๆเลย......” ฉันมองไปทางซูหลินที่กำลังคงหายใจถี่เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่วายหันมาพูดสอนปรัชญาชีวิตกับฉันอย่างน้ำไหลไฟดับ และ “สวยสังหาร” ที่ตามอยู่ด้านหลังวิ่งมาข้างหน้าด้วยท่าทีวาดมาดได้อย่างสง่างามสุดๆ แต่เธอวิ่งด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก เธอวิ่งด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ฉันรู้ หล่อนก็แค่แกล้งทำมันเท่านั้น เพราะดูจากพลังทักษะที่เธอมี หากต้องการจะจับเราทั้งสองคน หล่อนไม่จำเป็นจะต้องขยับขาเลยด้วยซ้ำ แน่นอน เพียงไม่นาน สาวงามผู้นั้นก็พุ่งมาอยู่ด้านหน้าของเรา ได้เห็นว่าหล่อนปรากฎอยู่ต่อหน้าของฉันในระยะห่างไม่ถึงสิบเซนติเมตร อ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยว เหมือนกำลังจะกลืนกินฉันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ฉันหยุดเท้าเอาไว้ด้วยการตอบสนองเร็วที่สุดในชีวิต พร้อมก้าวถอยหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อหนุ่มรูปงามถึงไม่ยอมไปกับข้า ที่แท้ก็มีคู่หูอยู่แล้ว......” พูดจบ เสียงของหล่อนที่แสนนุ่มนวลในตอนแรก กลับกลายเป็นเสียงที่เยือกเย็นจนไม่อาจทนได้ : “ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยเติมเต็มพวกเจ้า ให้กลายเป็นคู่รักในโลกอมนุษย์ด้วยกันทั้งคู่!” ฉันพึ่งรู้สึกตัวขึ้นมา ที่แท้หญิงสาวผู้นี้ดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเราไม่ใช่คนตาย! หญิงสาวมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าซูหลินกำลังจะยื่นมือไปหยิบแผ่นยันต์ ในขณะเดียวกันนั้นหล่อนก็คว้าข้อมือของซุหลินไว้ด้วยมือที่เต็มไปด้วยเล็บยาวๆนั่น สายตาก็ดูเฉียบขาดขึ้น แต่น้ำเสียงก็ยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม “ทำไม เจ้าคิดจะใช้แผ่นยันต์ในที่นี้อย่างนั้นหรอกหรือ?” ซูหลินดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วหยุดการกระทำที่จะหยิบผ้ายันต์ออกมา และดูเหมือนจะไม่พอใจกับการพันธนาของผีสาว สองมือออกแรงดึงอย่างแรง จนพ้นจากการพันธนาการนั้นออกมาจากผีผู้หญิงนั่น เมื่อเห็นฉันมองเขาด้วยสายตาที่สงสัย ซูหลินเริ่มอธิบายกับกับฉัน โดยไม่สนใจผีสาวตรงหน้า : “ถนนเส้นนี้มีผีค่อนเยอะมาก หากฉันใช้ผ้ายันต์โดยพลการ เหล่าสัมภเวสีผีเร่ร่อนอาจจะว่าเราไม่ใช่คนของที่นี่ ถึงตอนนั้นจะมีกลุ่มภูตผีมาล้อมเราไว้ และเราอาจจะหมดทางหนีรอดแล้วจริงๆ” ได้ยินแบบนั้นแล้ว เจ้าผีสาวก็หัวเราะหึหึออกมา แม้ว่าเขียวที่มีจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แต่ก็ยังยกแขนเสื้อผืนกว้างนั้นขึ้นมาปิดปากอย่างเคยชิน “หึหึ ต่อให้พวกนั้นไม่โจมตีเจ้า ถึงอย่างไรซะวันนี้เจ้าก็ไม่มีทางรอดแล้ว......” สิ้นเสียง ทันใดนั้นผีสาวก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า ฉันเห็นเพียงแค่มือที่ดูเหมือนดั่งโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยเล็บมือเรียวยาวพุ่งผ่านหน้ามา ยังไม่ทันที่ฉันจะได้รู้ตัว มือของเจ้าหล่อนก็บีบมาที่คอฉันอย่างแน่น บ้าจริง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันถูกผีผู้หญิงบีบคอ! แต่ซูหลินกลับมีความตอบสนองที่ไวกว่า ย่อตัวลงหลบออกไปทัน อย่างไรก็ตาม ขณะที่ซูหลินกำลังจะลงมือจัดการหล่อน หล่อนหดแขนยาวๆพร้อมกันกับดึงฉันเข้าไปอยู่ที่ด้านข้างตัวหล่อน ฉันพึ่งได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ผีสาวตนนี้แม้ภายนอกจะดูปกติดี แต่ร่างกายภายในคงเน่าเสียไปหมดแล้ว แม้ภายนอกจะถูกบดบังไว้อย่างสวยงาม แต่ฉันก็ยังคงได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากศพบนตัวของหล่อน ฉันรับรู้แค่ว่าหล่อนเพียงแค่ใช้แรงบีบมาที่คอของฉัน ฉันก็รู้สึกเย็นวาบที่คอขึ้นมา ฉันรู้สึกได้ทันทีว่า อาจจะมีเลือดไหลออกมาแล้วในตอนนี้ เมื่อเห็นฉันตกอยู่ในสภาพนั้น ซูหลินก็ขมวดคิ้วอย่างแรง และภูตผีทีเดินอยู่ในบริเวณนั้นเหมือนจะเริ่มได้กลิ่นเลือดของฉันแล้ว เริ่มค่อยๆร้อนรนขึ้นมา แย่แล้ว! หากพวกเขารับรู้ได้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ คาดว่าวินาทีต่อไปเราอาจจะกลายเป็นผีก็ได้! มองเห็นเลือดของตัวเองไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีเหงื่อผุดออกมาอย่างอดไม่อยู่ ฉันต้องรวบรวมกำลังเพื่อพูดกับผีสาว : “ฉัน......ขอเช็ดเลือดที่คอหน่อยได้ไหม?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 36 กลับสู่ถนนหยินอีกครั้ง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A