ตอนที่ 38 ซื้อขายแลกเปลี่ยน
1/
ตอนที่ 38 ซื้อขายแลกเปลี่ยน
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 38 ซื้อขายแลกเปลี่ยน
ตอนที่ 38 ซื้อขายแลกเปลี่ยน ตาแก่พลางใช้มือหยิบกุญแจออกมาจากอก เพื่อไขประตูบานเล็กด้านข้างชั้นไม้นั้น พลางเอ่ยปากพูดกับฉันโดยที่ไม่ได้หันมามอง : “นั่งสิ โดยเฉพาะน้องชายที่อยู่ด้านหลังท่านนั้น พักให้สบายก่อน” ฉันดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง พึ่งนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ที่ผีสาวตนนั้นเดินจากไป ซูหลินได้แต่เดินตามหลังฉันมาตลอด แทบไม่เอ่ยปากพูกอะไรสักคำ หรือเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้น! ฉันหันกลับไปมองที่ซูหลิน ดูเหมือนว่าซูหลินจะเริ่มฝืนเอาไว้ไม่ไหว ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ในทันใด มือข้างหนึ่งบีบกุมไปที่หน้าอกแล้วเริ่มไอไม่หยุด จากนั้นเลือดก็ไหลออกจากมุมปาก “เช็ดเลือดซะ อย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อนเลย” ฉันเพิ่งมานึกได้ในภายหลัง เดิมทีซูหลินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอยู่แล้ว เพื่อช่วยชีวิตฉันเมื่อครู่เขาเองก็เกือบจะสูญเสียพละกำลังไป ตอนนี้เขาคงจะทรมานมากแน่ๆ “ซูหลิน นายไหวไหม?” เห็นซูหลินอยู่ในสภาพแบบนี้ นอกจากฉันจะได้แต่ถามคำถามที่ตัวเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วฉันก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย ซูหลินหันมาโบกมือให้ฉัน และในที่สุดเขาก็หยุดไอ ถูกไปที่หน้าอกด้วยตัวเอง เหมือนช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น ในระหว่างบทสนทนา ตาแก่ก็เดินเข้าไปในคอกทำงาน นั่งอยู่ในตำแหน่งคอกทำงานเหมือนกับเจ้าของโรงรับจำนำปกติทั่วไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นหน้าตรงหลังจากที่ตาแก่ “กลายร่าง” แล้ว ลูกตาข้างหนึ่งของเขายื่นออกมาด้านนอกเบ้าตา เหมือนเอาแว่นขยายมาวางไปตรงหน้า ระหว่างที่นั่งพูดคุยกัน ฉันรู้สึกกังวลตลอดว่าลูกตาข้างนั้นของเขาจะหล่นลงมาเมื่อไหร่ หากดูตามมาตรฐานของศพ ใบหน้าของตาแก่ก็ยังถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก แม้จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลยสักนิด แต่ก็ยังสามารถเห็นรูปร่างโครงหน้าอย่างชัดเจนได้จากผิวหนังสีน้ำตาลนั้น ร่างกายของตาแก่ถูกบดบังไว้หลังโต๊ะไม้ จนฉันไม่สามารถมองเห็น แต่เห็นได้ชัดว่าแขนที่เขาวางไว้บนโต๊ะนั้นผอมแห้งจนน่ากลัว มีความเป็นไปได้สูงว่าภายใต้แขนเสื้อนั้นมีเพียงแค่กระดูกสองท่อนเท่านั้น แม้แต่เนื้อหนังก็คงไม่มี มือที่โผล่ออกมาดีดลูกคิดอย่างทองไม่รู้ร้อน แต่มือที่ดีดลูกคิดอยู่นั้นเหลือเพียงแต่กระดูกขาว มีเพียวแค่นิ้วสองนิ้วเท่านั้นที่ยังมีหนังหุ้มอยู่ แม้กระดูกขาวจะโผล่ออกมาข้างนอก แต่เล็บมือก็ยังไม่หลุดลงมา ห้อยอยู่บนมืออย่างไร้ชีวิต “เป็นอย่างไรบ้าง คิดออกหรือยัง?” หลังจากฟังคำพูดของตาแก่ ฉันก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา : “คิดอะไร?” ตาแก่มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ผิดหวัง เหมือนมองคนปัญญาอ่อน : “เจ้าเด็กโง่ ทำไมต้องเป็นเจ้าด้วย!” ฉันเข้าใจประโยคนี้แล้ว ฉันมองไปที่ตาแก่อย่างร้อนรน เขาส่งสายตากลับมาให้ฉันแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว นั่นหมายความว่า เขาจะไม่เผยตัวตนที่แท้จริงของฉันออกมาต่อหน้าซูหลิน ฉันแอบรู้สึกสบายใจขึ้นมา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจคำพูดของตาแก่ แต่ว่าซูหลินกลับฟังเข้าใจ เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะเริ่มอธิบายกับฉัน : “ที่นี่คือโรงรับจำนำ ถ้าเธอต้องการอะไร แน่นอนว่าเธอต้องยอมแลกกับสิ่งที่มีมูลค่าเท่ากัน” “เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างรู้งานเสียจริง ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ อยากได้สิ่งของ ก็ต้องยอมจ่ายค่าตอบแทนสิ!” นักธุรกิจก็คือนักธุรกิจ แม้จะพูดคุยเรื่องการค้าก็ยังสามารถพูดออกมาได้อย่างมีคารมคมคาย ฉันกรอกตาใส่ตาแก่อย่างไม่กลัวตาย ตาแก่นั่นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง แต่ฉันก็แอบรู้สึกขอบคุณเล็กน้อยที่เขาไม่ได้มองมา เพราะไม่แน่ว่าฉันอาจจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว แล้วอีกอย่าง ฉันยังกังวลเกี่ยวกับดวงตาข้างที่เหมือนมีแว่นขยายนั้นอยู่ “ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ ว่าไม่ควรพูดคุยเรื่องซื้อขายแลกเปลี่ยนกับเจ้า และถึงอย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ก็มีไว้เพื่อทำธุรกิจ หากเรื่องนี่ถูกแพร่กระจายออกไป ข้าก็คงไม่ต้องทำธุรกิจกันพอดี เพราะฉนั้น กฎก็ยังต้องทำตามอยู่ดี” ฉันเข้าใจสิ่งที่ตาแก่พูดมา อาจเป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าของเทียนปูหยู่ ตาแก่ก็เลยอยากให้ฉันทำๆไปพอเป็นพิธีเท่านั้นก็พอ แต่เห็นได้ชัดว่าซุหลินเองกลับฟังไม่เข้าใจ เขาแสดงท่าทีอวดรวยออกมา เอนหลังพิงไปบนเก้าอี้ทำตัวเหมือนเป็นพวกเศรษฐีใหม่ : “ในเมื่อที่แห่งนี้เป็นสถานที่ใช้ทำธุรกิจ และเราก็ไม่สามารถละเมิดกฎได้ แต่วางใจเถอะ พวกเราไม่ชอบเอารัดเอาเปรียบใครอยู่แล้ว” ฉัน......ฉันอดทนแล้วอดทนอีก ฝืนกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาจากปากลงคอไป ฉันอยากจะบอกว่า ฉันกะเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเอาเปรียบ ใครจะไปรู้ว่าฉันจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนมากมายแค่ไหนกับข้อมูลที่ไม่ควรค่าเช่นนี้! อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมของฉันไปซะแล้ว เพราะในเวลานี้ ตาแก่เริ่มเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง : “ดี เมื่อเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว ข้าก็จะไม่มองว่าพวกเจ้าเป็นพวกโลภที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ และจะทำตามขั้นตอนปกติก็แล้วกัน!” ฉันมองไปที่ซูหลินอย่างรู้สึกคับแค้น ไม่รู้ว่าตำรวจของประชาชนจะมองเห็นความคิดในใจของฉันหรือเปล่า ช่างเถอะ ไหนๆก็เดินมาถึงจุดนี้แล้ว ฉันเองก็คงจะหันหลังกลับออกไปเพราะความงกไม่ได้อยู่ดี อีกอย่าง เห็นได้ชัดว่าเราพึ่งจะเดินผ่านม่านอาคมเข้ามา หากฉันเดินกลับออกไปเอง ประกันได้ยากว่าฉันจะฝ่าม่านอาคมนี้ออกไปได้อย่างปลอดภัย...... หมดทางเดินถอยกลับไป ฉันทำได้เพียงแต่เชื่อมั่นในเหตุผลที่ว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออก...... ฉันมองไปที่ซูหลินอย่างรู้สึกระอา พบว่าซูหลินเหมือนกำลังหลับตาเพื่อสงบจิตสงบใจ อาจเพราะร่างกายมีบาดแผลอยู่ เพราะฉนั้น ในสถานการแบบนี้คงมีเพียงฉันที่ต้องมาผิดชอบ “ได้ ค่าตอบแทนก็ค่าตอบแทน เพราะถึงยังไงท่านก็ไม่กล้ากินข้าหรอก พูดมาเถอะ ค่าตอบแทนอะไร?” ฉันวางมาดเป็นคุณนาย ทำเหมือนถือบัตรเครดิตของเทียนปูหยู่ไว้ในมืออย่างไรอย่างนั้น แต่พระเจ้าทรงทราบว่าความมั่นใจในตัวเองของฉันนั้นได้มาจากไหน ตาแก่ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เผยยให้เห็นฟันสีเหลืองและดำคล้ำ เหงือกได้กลายเป็นสีม่วงคล้ำ เห็นแวบแรกก็รู้เลยว่าตาแก่ถูกฝังอยู่ในดินมาเป็นเวลานานมากแล้ว “สินค้าที่แตกต่างกันย่อมมีมูลค่าที่แตกต่างกัน เจ้าต้องการไถ่ถอนสินค้า หรือว่าจะมาจำนำสินค้าดีล่ะ?” พูดตามจริง จนถึงตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกอมุนษย์และไม่รู้จะบรรยายมันออกมายังไง ฉันเริ่มรู้สึกเสียดายที่ไปได้สืบข่าวบางเรื่องเกี่ยวกับโลกอนุษย์จากเทียนปูหยู่ให้มากกว่านี้ “ตอนฉันมาที่ถนนหยินครั้งแรก ท่านทราบหรือเปล่า?” เมื่อถามคำถามนี้ออกไป ฉันมีนัยแห่งโชคอยู่ในใจ เนื่องจากสถานภาพที่ไม่ธรรมดาของเทียนปูหยู่ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกมีความหวัง หวังว่าจะมีคนจำวันนั้นได้ แบบนี้ นับได้ว่าปัญได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยังโชคดี ตาแก่ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง แถมยังใช้อักษรแปดตัวมาอธิบายเหตุการณ์ในวันนั้น : “ทุกคนมองเห็น ทุกคนรับรู้” ฉันกรอกตาอย่างโหดเหี้ยม ฉันได้แต่แอบด่าในใจ หากว่าทุกคนมองเห็นทุกคนรับรู้จริงๆ แล้วทำไมยังมีผีสาวเข้ามาโจมตีข้าได้อย่างไร! แต่ว่า อย่างน้อยๆคำตอบนี้ก็ทำให้ฉันรู้ว่า ว่าตาแก่คือหนึ่งในผู้ที่รู้เหตุการณ์ “แล้วท่านจำผู้ที่อยู่ในงานสมรสบนถนนหยินวันนั้นได้หรือไม่?” ตาแก่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ก่อนพ่นออกมาอีกสี่คำ : “เป็นครอบครัวใหญ่” ฉันกำลังจะเอ่ยปากถามบางอย่าง แต่ตาแก่กลับไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ถาม : “เจ้าคิดว่า คำถามสองคำถามนี้มีมูลค่าเท่าไหร่?” ร่างกายของฉันที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงกลับยืดตรงขึ้นมาอีก อยากจะกระอักเลือดออกมาให้ได้ แค่นี้ก็คิดเงินเหรอ! ฉันจัดระเบียบท่านั่งในทันที แกล้งทำเหมือนทุกอย่างปกติดี ชำเลืองมองเขาด้วยสายตาโกรธแค้น : “พ่อค้าหน้าเลือด! แค่นี้ก็ยังจะคิดเงิน!” ตอนแรกฉันคิดว่าหากตาแก่เกิดอารมณ์โมโหขึ้นมา ไม่แน่ว่าอาจจะไล่พวกเราออกไปจากที่นี่ก็เป็นได้ แต่คิดไม่ถึงว่า ตาแก่จะหันมาหัวเราะใส่ฉันอีกครั้งอย่างประนีประนอม “ได้ได้ สองคำถามนี้ถือว่ามอบเป็นของขวัญในการพบเจอกันก็แล้วกันนะ แต่กับเรื่องต่อไป ข้าจำเป็นต้องคิดเงินแล้วนะ” ความคิดของฉันพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันใด คิดไปว่าต่อจากนี้จะถามแต่คำถามที่คุ้มค่าเท่านั้น “บ้านของคู่สมรสคู่นั้นอยู่ที่ไหน?” มันไม่ง่ายเลยที่ฉันเจรจาเงื่อนไข ฉันยังไม่ทันได้อ้าปากถาม ซูหลินที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆมาตลอดอยู่ๆก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง และดูเหมือนว่าคำถามที่ถามมานั้นไม่ผ่านการไตรตรองมาก่อนแต่อย่างใด ฉันพยายามระงับความโกรธของตัวเองไว้ พลางปลอบใจตัวเอง ว่าต่อให้ฉันใช้เวลาคิดเสาะหาคำถามนานเพียงใดฉันก็คงจะถามคำถามเดียวกันอยู่ดี คำถามนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรรู้อยู่แล้ว “คำถามนี้ มีมูลค่าไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว” ตาแก่พูดคำนั้นออกมาด้วยท่าทีเสแสร้งแกล้งทำ ค่อยๆยกดวงตาที่ใหญ่ข้างเล็กข้างนั้นขึ้น ทำท่าทางเหมือนเราจะไม่มีปัญญารับผิดชอบได้ “ก็แค่ถามทางเท่านั้นเอง......” คำร้องเรียนของฉันยังพูดไม่จบดี ตาแก่กลับเริ่มอธิบายแทรกขึ้นมาเสียก่อน : “นี่ถือเป็นประเด็นสำคัญที่พวกเจ้ามาที่นี่ใช่หรือไม่?” ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว มูลค่าของปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวของปัญหาเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่าปัญหานั้นมีมูลค่ากับเราแค่ไหน กล่าวได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่จะพิจารณาว่าเราจะสามารถหาหลักฐานสำคัญของจ้าวซิ้วได้หรือไม่ เพราะฉนั้น มูลค่าถึงได้สูงเป็นธรรมดา ฉันและซูหลินต่างก็ไม่พูดอะไร รอให้เขาเสนอราคามา “แต่ว่า ข้ายังคิดไม่ออกเรื่องราคา ข้าจะให้คำตอบกับพวกเจ้าไปก่อน หากพวกเจ้าหาเจอแล้ว ค่อยกลับมาหาข้า ถึงตอนนั้นข้าคงคิดออกแล้ว” มีอาหารกลางวันให้กินฟรีให้กินแบบนี้ ฉันไม่พลาดอย่างแน่นอน แอบรู้สึกโชคดีขึ้นมาในใจ จนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ จะว่าไปแล้วที่โลกอมนุษย์นี้ผู้คนเฉลียวฉลาดน้อยกว่าโลกมนุษย์ รอหาจ้าวซิ้วเจอก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยหนีลอยนวลไป ใครจะไปสนกันว่ามันจะราคาเท่าไหร่! ฉํนพูดตัดบทตาแก่นั้นไปอย่างไม่รู้สึกลังเลอีกต่อไป : “ดีดีดี แบบนี้ข้าเห็นด้วย ท่านรีบบอกมาเถอะ!” เมื่อซูหลินเห็นว่าฉันเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาทำได้เพียงแต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ตาที่พึ่งลืมขึ้นมาก็พลันปิดลงไปอีกครั้ง อาจจะเพราะคิดว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นเป็นเรื่องน่าละอาย...... แต่ฉันสนใจอะไรมากมายไม่ได้ ร่างกายตอนนี้อยู่ที่ถนนหยิน ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องศีลลธรรม! “ถ้าอย่างนั้นหากย้อนกลับไปที่เดิมเมื่อสักครู่นี้ จะสามารถมองเห็นต้นไทรต้นหนึ่ง แต่เนื่องจากถูกอาคารบ้านเรือนบดบังไว้ อย่างมากก็อาจจะมองเห็นเพียงแค่ยอดไม้เท่านั้น พวกเจ้าเดินไปถึงสถานที่ที่มีต้นไทรอยู่ ตรงนั้นก็คือทางเข้าบ้านของพวกเขานั่นเอง” ฉันฟัง “ข้อมูลที่มีมูลค่าที่สุด” อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง จากนั้นคำถามอีกนับไม่ถ้วนก็หลุดออกมาจากความคิดของฉัน “แล้วพวกเราจะเข้าไปในต้นไทรได้เหรอ? ท่านคิดให้ดีนะ พวกเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ผี! แล้วหากเข้าไปในต้นไทรได้แล้วจะสามารถหาจ้าวซิ้วเจอได้เหรอ? พวกเราเข้าไปแล้วจะเจอกับบ้านของจ้าวซิ้วในทันทีหรือเข้าไปแล้วจะเจอกับถนนแบบนี้อีกแล้วจากนั้นก็ต้องตามหาบ้านของเขาด้วยตัวเอง? แล้วบ้านเขาไม่มีแผ่นจารึกอะไรเลยเหรอ? ชื่อแซ่ก็ไม่รู้เหรอ?” คำถามมากมายหลายข้อที่มีในสมองถูกถามออกไปจนหมด ฟังจนตาแก่เองถึงกับอึ้งไป อย่างไรก็ตาม ตาแก่นี่ก็ถือเป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว แน่นอนว่าธุรกิจที่ทำไปนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน คนประเภทไหนก็พบเจอมาหมดแล้ว และแน่นอนว่าคนประเภทอย่างฉัน เขาเองก็เคยพบเจอมาก่อนเหมือนกัน “สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ภายในเงื่อนไขของข้าแล้วล่ะ......” ฉันกำลังจะพุ่งตัวไปตบโต๊ะใส่ตาแก่นั่น แต่ซูหลินกลับจับข้อมือของฉันเอาไว้อย่างนั้น ก่อนจะเงยหน้ามาพูดกับฉันท่าทีเหมือนชายชรา : “ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เราลองไปหาดูก่อน เจอจ้าวซิ้วแล้วค่อยกลับมาใช้หนี้”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 38 ซื้อขายแลกเปลี่ยน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A