บทที่89 สับสนวุ่นวาย(3)   1/    
已经是第一章了
บทที่89 สับสนวุ่นวาย(3)
บ๗ที่89 สับสนวุ่นวาย(3) โดยทันทีเธอหันศีรษะกลับไปพูดกับปรพลว่า“วันนี้คงผ่านไปไม่ได้แล้ว!มีเหตุผลที่ไหนที่ไล่ให้ลูกสาวของตัวเองออกไปอยู่ข้างนอก!” “มณีจันทร์เธอ”มองดูมณีจันทร์ร้องไห้ปรพลขณะนั้นไม่รู้สึกว่าผิดอยู่บ้าง “เอาล่ะในเมื่อคุณคิดว่ากชกรได้รับความไม่เป็นธรรมบัตรธนาคารของบ้านคุณเอาไปต้องการชดเชยพวกเธอเท่าไหร่ก็ตามใจฉันจะพาลูกสาวออกไปอยู่ข้างนอก!” พูดจบเดินกลับเข้าไปในห้องเก็บข้าวของของตนเอง ปรพลไม่นึกว่าภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาครึ่งชีวิตถึงกับสร้างความลำลากใจให้กับเขาโดยไม่เหลือทางลงให้ต่อหน้าคนนอกในขณะนั้นไม่ไปปลอบก็ไม่ใช่ยืนมองเฉยๆก็ไม่ใช่ โดยลืมสังเกตไปว่าใบหน้าของกชกรที่อยู่ภายใต้ผ้าพันแผลนั้นกำลังปรากฏรอยยิ้มยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น และฉัตรฤดีกำลังรี่ตามองในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้ดูละครดีๆ ปรพลลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็โยนหน้าตาทิ้งไปเลือกที่จะกลับไปที่ห้องปลอบภรรยา อย่างรวดเร็วเสียงหดหู่ปนกับเสียงตัดพ้อรำพันดังลอยออกมาจากห้อง“ภรรยาคุณมีเหตุผลหน่อยได้ไหมอย่าได้ตามใจจรินทร์มากเกินไปได้หรือเปล่า” “ฉันไม่ได้ตามใจจรินทร์จรินทร์ไม่ยินยอมขอโทษต้องมีเหตุผลของเธอวัวไม่ดื่มน้ำคุณไม่อาจจับวัวกดหัวลงไป!” “พอได้แล้วน่ะดูเธอสิอายุมากขนาดนี้แล้วจะแง่งอนเช่นนี้อีกเอาล่ะไม่ต้องเก็บข้าวของแล้วนี้เป็นบ้านของคุณคุณยังจะไปที่ไหนอีก” “ฉันจะพาลูกสาวของฉันไปอยู่ข้างนอก!” “พอได้แล้วน่ะ!หยุดแค่นี้เถอะ,พี่สะใภ้กับหลานสาวกำลังมองอยู่น่ะ!” ปรพลไม่คุ้นเคยกับการปลอบคนตนเองยอมทำถึงขนาดนี้มณีจันทร์ยังไม่ยอมลงให้เสียงจึงดังในทันที มณีจันทร์ก็มีคำพูดที่อยากจะพูดเหมือนกัน“คุณแม้แต่ลูกสาวยังตัดได้ยังต้องการภรรยาอย่างฉันไปทำอะไร” มองเห็นทางด้านห้องนอนไฟความโกรธกำลังลุกโหมฉัตรฤดีที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกจึงเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายใจทางหนึ่งยกน้ำชาขึ้นดื่มทางหนึ่งเงี่ยหูฟังเสียงอย่างตั้งใจ เห็นน้องสาวกับน้องเขยทะเลาะไม่ลงรอยกันเธอที่เป็นพี่สะใภ้นอกจากจะไม่ห้ามปรามแล้วเพียงนั่งดูความครึกครื้นโดยไม่คิดยุ่งเกี่ยว มองดูหน้าของฉัตรฤดีจรินทร์หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา ฉัตรฤดีใช้สายตาเย็นชามองไปพูดขึ้นว่า“หนูจรินทร์ฟังดูสิยังคงเป็นพ่อของหนูเข้าใจเหตุผลแม่ของหนูตามใจเช่นนี้อนาคตจะเป็นอย่างไรน่ะ” คำพูดนี้ของเธอเป็นคำพูดที่เกินกว่ายินดีในคราวเคราะห์ของคนอื่น อีกครั้งไม่พูดก่อนไม่พูดหลังกลับพูดขึ้นในเวลานี้ หากเป็นเวลาปกติมณีจันทร์อาจจะไม่สนใจเธอแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนกัน มณีจันทร์อยู่ในห้องนอนได้ยินคำพูดเย็นชาเช่นนี้รู้สึกจิตใจเย็นเฉียบคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างในวันนี้ฉัตรฤดีต่างหากที่เป็นต้นเหตุ สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังพุ่งออกมาจากห้องนอนราวกับพายุในมือถือไว้ด้วยน้ำมันทาผิวมองเห็นฉัตรฤดีแล้วขว้างออกไปรวดเร็วจนผู้คนไม่ทันตั้งตัว “เธอมันตัวสร้างความวุ่นวาย!เช้าตรู่วิ่งมาที่บ้านของพวกเราทำลายครอบครัวของฉันจนฟ้าถล่มดินทลายหาความสงบไม่ได้!” พร้อมๆกับคำพูดแสดงความโกรธจบลง“เพล้ง!”เสียงหนึ่งดังขึ้น “โอ้ยหัวของฉัน!”ฉัตรฤดียกมือกุมหัวไว้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ขวดแก้วนั้นข้างในบรรจุไว้ด้วยน้ำมันทาผิวมีน้ำหนักไม่น้อยลอยไปกระทบถูกโหนกคิ้วของฉัตรฤดีจนทำให้เธอรู้สึกดาวลอยเต็มหน้าร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแม้แต่คำพูดที่จบประโยคก็ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว มณีจันทร์คนนี้ปกติอารมณ์อ่อนโยนนุ่มนวลในปีหนึ่งๆไม่เคยเห็นแสดงอารมณ์โกรธเลยสักครั้งแต่ว่าเธอพอแสดงความโกรธออกมาก็ไม่ใช่ง่ายๆเพียงได้ระบายความโกรธออกมา หลังจากเสียงชนสิ้นสุดลงได้ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าคิดที่จะเข้าไปถกเหตุผลกับฉัตรฤดีคำสองคำ กลับถูกปรพลกั้นไว้“มณีจันทร์!คุณหยุดให้กับผมเดียวนี้น่ะยังคิดว่าในบ้านวุ่นวายไม่พออีกเหรอ!” ปรพลห้ามมณีจันทร์ไว้ได้แต่ห้ามฉัตรฤดีไม่ได้ฉัตรฤดีถูกชนในครั้งนี้จะยอมทนได้อย่างไรพอตั้งสติได้รีบกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาพุ่งเข้าแขนขาวุ่นวายเพื่อกต้องการคิดบัญชีกับมณีจันทร์ ปรพลอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงทั้งสองรู้สึกสมองพองโตไม่ต้องการให้ภรรยาได้รับบาดเจ็บแต่ก็กลัวทำแรงเกินไปทำร้ายฉัตรฤดีโดยไม่ตั้งใจ แต่ว่าฉัตรฤดีที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นยื่นไปไม่ถึงมณีจันทร์กลับกวาดสิ่งของของบนโต๊ะกาแฟลงไปที่พื้น ขณะที่บ้านตระกูลวิสุทธิกุลชัยกำลังวุ่นวายอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในบ้านเละเทะอยู่นั้นฉับพลันกระดิ่งที่ประตูบ้านดังขึ้น ภายในบ้านในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันได้หยุดการกระทำทั้งปวงลงทุกคนมองไปที่ประตูบ้าน เคาะประตูในเวลานี้หรือว่าเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทจึงได้แจ้งความ สีหน้าอาการของปรพลเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งไปในทันใดเดินตรงไปเปิดประตูออกมา ที่ยืนอยู่นอกประตูเป็นผู้ชายแปลกหน้า รูปร่างสูงใหญ่ทั้งร่างสวมใส่ชุดสูทอายุประมาณยี่สิบกว่า ชายหนุ่มรูปร่างภายนอกดูโดดเด่นหน้าตาหล่อเหลาคมคายที่ดูเป็นพิเศษมากที่สุดคือดวงตาทั้งคู่ของเขา คล้ายดังกับดวงดาวที่ทอประกายประดับไว้บนดวงหน้าที่สลักเสลาจากหยกชิ้นดีสะท้อนประกายความสูงส่งออกมาบวกกับกลิ่นอายแฝงความเย็นชาดุจน้ำแข็งทำให้ผู้คนที่มองดูเขาเกิดความครั่นคร้าม ถึงอย่างไรปรพลไม่ว่ามองอย่างไรก็คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่บุคคลที่จะมาปรากฏต่อหน้าพวกเขาที่เป็นคนธรรมดาทั่วโดยง่าย กลับเหมือนกับเหล่าคนที่นั่งบริหารอยู่บนตึกสูงคอยลิขิตชีวิตผู้คนมากกว่า ใครก็ไม่ได้สังเกตว่าตอนที่กชกรมองเห็นคนผู้นี้ใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลนั้นเปลี่ยนไปในดวงตาสาดประกายแห่งความกลัวขึ้น แต่ว่าผู้ชายคนนี้สำหรับปรพลและมณีจันทร์แล้วกลับเป็นคนแปลกหน้าสองสามีภรรยามองไปที่ประตูล้วนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่ฉัตรฤดียังจ้องมองชายหนุ่มตาค้าง ด้วยสายตาของเธอที่มีประสบการณ์ทำงานด้านธุรกิจมาเพียงมองดูนาฬิกาที่ชายหนุ่มใส่ที่ข้อมือก็รู้ว่าราคาไม่ธรรมดาเพชรดำที่ติดบนนาฬิกาแต่ละเม็ดราคาต้องไม่ต่ำกว่าบ้านของตนเอง ดังนั้นยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสีหน้าของฉัตรฤดีกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอาใจขึ้นก่อนแล้ว “คุณคือ?”ปรพลกล่าวถามด้วยความระมัดระวัง 
已经是最新一章了
加载中