บทที่91 ยอดคน(2)   1/    
已经是第一章了
บทที่91 ยอดคน(2)
บ๗ที่91 ยอดคน(2) “ในเมือมาแล้วรีบร้อนไปทำไม?”จรินทร์จ้องมองกชกรด้วยสายตาเย็นชา“ยังไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเธอเลยไม่ใช่เหรอ?เธอก็รอสักครู่หนึ่งเถอะถึงอย่างไรวันนี้ที่พวกเธอมาก็เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ใช่เหรอตอนนี้ฉวยโอกาสตอนนี้ผู้จัดการชเนตร์และผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมสะวิทแลนอยู่ที่นี้พอดีจะได้ฟังด้วยกันว่าที่แท้แล้วเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!” “ที่แท้เธอก็อยู่ที่นี้ด้วย!”ผู้จัดการชเนตร์ไม่รอให้ฉัตรฤดีเปิดช่องก็ลุกยืนขึ้นใบหน้าเขม็งตึงมองไปยังกชกรแล้วพูดว่า“คิดไม่ถึงว่าคนที่สร้างเรื่องวุ่นวายเช่นเธอยังกล้าวิ่งมาขู่กรรโชกที่บ้านของผู้เสียหายอีก!” คำพูดนี้พอพูดออกไปนอกจากจรินทร์กับชโนดมบ้านตระกูลวิสุทธิชัยที่อยู่ตรงนั้นทุกคนสีหน้าแสดงออกถึงความตื่นตระหนก ประกายตาฉัตรฤดีแฝงความตกใจอย่างห้ามไม่อยู่“ลูกสาวของฉันเธอเธอทำไมเหรอ?” คำพูดของผู้จัดการชเนตร์ทำให้เธอเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น ผู้จัดการชเนตร์ยิ้มอย่างเย็นชาพูดอย่างเป็นการเป็นงานว่าเมื่อวานลูกสาวของคุณสร้างเรื่องทะเลาะวิวาทที่โรงแรมของพวกเราไม่เพียงแค่ทำลายภาผลักษณ์ของโรงแรมพวกเรามีผลกระทบต่อธุรกิจของโรงแรมของพวกเรายังทำร้ายแขกของพวกเรา!ตอนนี้ผมของแจ้งคุณอย่างเป็นทางการว่าลูกสาวของคุณถูกโรงแรมเราฟ้องร้องแล้ว!” พูดจบยื่นมือหยิบเอาเอกสารการฟ้องร้องของมาจากกระเป๋าทำงานแล้วโยนไปให้ ฉัตรฤดียื่นมือที่สั่นระริกออกไปหยิบจับหนังสือฟ้องร้องพลิกขึ้นมาอ่าน ฟ้องกชกรของบ้านเธอว่ามีความผิดเนื่องจากทำความเสียหายให้เกิดต่อความปลอดภัยสาธารณะ ฉัตรฤดีเกิดความสับสนนี้เป็นความผิดอะไรทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ตอนแรกฉัตรฤดียังรู้สึกไม่เห็นด้วยแต่รอจนเธอพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้ายพบเห็นการชดเชยทางแพ่งจำนวนที่ต้องจ่ายให้กับผู้เสียหายใจเต้นแรงเหมือนกับจะสิ้นลมไปในทันทีจนเกือบจะร้องออกมา ห้าแสนให้เธอกับกชกรขายออกไปยังได้เงินเยอะไม่เท่านี้พวกเขาทำไมไม่แย่งเอาง่ายกว่า ขณะที่ฉัตรฤดีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนิ้วมือคลายออกหนังสือฟ้องร้องตกลงสู่พื้น บนใบหน้าที่เย่อหยิ่งถือหายไปสิ้นโคลงศีรษะหันไปพูดกับผู้จัดการชเนตร์ว่า“เป็นกชกรของพวกเราต่างหากที่ได้รับความเสียหายทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นฟ้องร้องพวกเรา……นี้พวกคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” เมื่อวานนี้เมื่อกชกรกลับมาถึงบ้านเท้าเปล่าที่ศีรษะเต็มไปด้วยนมปั่นสภาพทุลักทุเลทำให้ฉัตรฤดีเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็สภาพทุลักทุเลแบบนั้นแล้วเธอใส่ยาที่กชกรแพ้ให้กับเธอทำให้ใบหน้าบวมขึ้นมองดูแล้วจะได้ดูน่าเชื่อถือขึ้น นี้ไม่เมื่อเช้าตรู่ตื่นขึ้นมาใบหน้าบวมขึ้นมาจริงๆตั้งแต่เช้าพวกเธอจะได้เอาผ้าพันแผลพันไว้แล้วมาหาปรพลเพื่อทวงหาความยุติธรรม พูดถึงที่สุดฉัตรฤดีแต่เดิมก็ไม่ได้สนใจเรื่องจริงเป็นเช่นใด ต่อให้กชกรไม่ถูกต้องเธอก็สามารถพูดได้ว่าจรินทร์เป็นคนแกล้งกชกรของเธอ เธอคำนวณอย่างแม่นยำว่าสุดท้ายแล้วปรพลจะต้องลงจรินทร์ให้ค่าชดเชยบางอย่างกับตระกูลตนเองดังนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องถึงที่บ้านอย่างไม่กลัวเกรง แต่เดิมเรื่องราวสำเร็จแล้วครึ่งหนึ่งปรพลปากอ่อนแล้วใครจะรู้ว่าช่วงเวลาคับขันโรงแรมนี้กลับมาทำให้เรื่องบานปลายส่งผู้บริหารระดับสูงมาทำอะไรมาทำให้แผนของเธอพังพินาศหมดสิ้น เรื่องราวเมื่อเปลี่ยนพลิกเธอก็ไม่มีหน้าที่อยู่ต่อไปได้อีก ขณะที่คิดฉัตรฤดีพูดเน้นย้ำขึ้นอีกคำว่าเป็นพวกคุณเข้าใจผิดแน่ๆกชกรของพวกเราเป็นฝ่ายถูกกลั่นแกล้งคุณดูจรินทร์สิยังปกติดีอยู่แต่กชกรของฉันกลับมีใบหน้าบวมเป่งขนาดนี้บอกว่ากชกรสร้างความวุ่นวายใครจะเชื่อถึงอย่างไรฉันก็ไม่เชื่อ” ผู้จัดการชเนตร์กำลังจะเปิดปาก ทันใดนั้นชโนดมที่นั่งอยู่เงียบๆไม่พูดอะไรมาตลอดนั้นค่อยๆยกมือขึ้น ผู้จัดการชเนตร์จึงปิดปากลงรอดูคุณชายใหญ่ท่านนี้แสดงความเห็นอันสูงส่ง ชโนดมสายตาเย็นชากวาดตาขึ้นมองสายตาสาดประกายเย็นเยียบมองไปที่ฉัตรฤดีแต่ะละคำแต่ล่ะประโยคเย็นชาปานน้ำแข็ง“พูดปากเปล่าไม่มีประโยชน์โรงแรมมีกล้องวงจรปิดหากว่ามีข้อโต้แย้งก็ไปเจอกันที่ศาลเถอะ” เพียงแค่คำพูดธรรมดาไม่กี่ประโยคแต่ดวงตาที่ลึกล้ำของเขานั้นเหมือนกับว่าสามารถพูดได้สาดประกายอำนาจความสูงส่งออกมาทำให้ผู้คนไม่กล้าคัดค้าน คำพูดประโยคเดียวจากปากทำให้ฉัตรฤดีไม่กล้าแม้แต่สูดลมหายใจแรงทำได้เพียงแอบมองเขาด้วยจิตใจไม่สงบ จรินทร์เห็นเหตุการณ์เกือบต้องร้องออกมาอย่างมีความสุข ชโนดมช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คำพูดนี้พูดอย่างเย่อหยิ่งเย็นชาไม่เหลือร่องให้ถอยกลับทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง อีกทั้งชโนดมมีกลิ่นอายที่เย็นชาต่อให้ไม่พูดจาเพียงแค่ทำหน้าเย็นชาประดุจน้ำแข็งนั่งอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอสำหรับทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ จรินทร์คิดว่าตนเองต่อไปหากพบเจอเรื่องอะไรเรียกเขาควบคุมสถานการณ์ข่มขู่คนเป็นความคิดที่ไม่เลว ในหัวของเธอปรากฏภาพออกมาอย่างไม่ตั้งใจในป่าใหญ่จิ้กจอกตัวหนึ่งนั่งอยู่บนหลังเสือท่องไปในเมืองทุกสารทิศล้วนครั่นคร้ามสัตว์เล็กน้อยตัวอื่นพบเห็นจิ้กจอกต้องหลีกทางให้ ฉัตรฤดีไม่กล้าโต้แย้งชโนดมแม้สักครึ่งคำดังนั้นจึงมองไปปรพลพูดขึ้นเป็นทุกข์ว่าน้องเขยฉันคิดว่ากชกรของพวกเราเป็นเพราะเพราะใจร้อนเกินไปดังนั้นจึงเกิดข้อขัดแย้งกับหนูจรินทร์คุณก็รู้ว่าเด็กสาวในสมัยนี้ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องปกติหลังจากเรื่องผ่านไปเดียวก็ดีกันเหมือนเดิมที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเป็นฉันเองที่ตอนแรกใจร้อนเกินไป” จรินทร์หัวเราะอย่างเย็นชาคำพูดนี้เปลี่ยนกลับเร็วเกินไปหรือเปล่าต้องหน้าด้านไหนกันน่ะ
已经是最新一章了
加载中