ตอนที่ 64
ตนที่ 64
คิดถึงภาพที่ได้รับเมื่อครู่ ไม่คาดคิดว่าเธอจะยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับเวทัส ไวยาตย์โมโหมาก
เธอไม่เคยเห็นหัวคุณธามนิธิจริงๆเลยใช่ไหม?
ปาณีเอารองเท้าออกมาจากตู้เก็บรองเท้า เปลี่ยนรองเท้าที่ใช้ใส่ในบ้าน มองไปยังไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “คุณไวยาตย์ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
โดนคุณอาด่าจนไม่กล้าพูด?
เขาทำอะไรผิดไปหรอ?
ไวยาตย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องหน้าปาณีเท่านั้น สิ่งที่ปาณีเห็นจากดวงตาของเขาคือความเย็นชาและความต่อต้าน
ธามนิธิบอกว่าเขามีเรื่องครุ่นคิดในใจ ดูเหมือนจะยังไม่ดีสินะ!
ปาณีก็ไม่ได้ถามอะไร เธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักสถานการณ์
เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก เห็นธามนิธินั่งอยู่ตรงนั้น เขายังสวมชุดที่เป็นทางการอยู่ สีหน้าเข้มขรึม บรรยากาศภายในห้องรับแขกไม่ค่อยปกตินัก
“คุณอา หนูกลับมาแล้ว!” ปาณีเดินเข้าไป วางกระเป๋าลง สายตาของเธอไปตกอยู่บนตัวธามนิธิ
ปกติเธอจะพูดคุยและหัวเราะกับธามนิธิ แต่ในเวลาที่เขาโมโห ก็จะระมัดระวังตัวหน่อย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ปาณีก็รู้สึกว่า การสื่อสาร ถึงจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
เธอเดินเข้าใกล้ธามนิธิ นั่งยองๆลงข้างๆขาของเขา พูดอย่างเอาอกเอาใจว่า “ที่คุณโกรธ ไม่ได้เป็นเพราะหนูกลับดึกเกินไปใช่ไหมคะ?”
ธามนิธิมองไปยังปาณีที่ทำท่าเหมือนหมาปั๊ก ไม่ได้พูดอะไร
ปาณีกุมมือของเขาไว้ เขย่าไปมา “หืม? คุณไม่พูดไม่จาแบบนี้ แล้วหนูจะรู้ได้ยังไงคะว่าคุณโกรธอะไรอยู่?”
ไวยาตย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง จ้องมองปาณีอย่างเย็นชา อยู่ข้างนอกมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับผู้ชายคนอื่น กลับมาบ้านก็แกล้งทำตัวเป็นเด็กดี คุณธามนิธิจะสนใจเธอก็แปลกแล้ว!
เธอคิดว่าคนทั้งโลกใบนี้เป็นคนโง่รึไง?
ถึงให้เธอหลอกจนหัวหมุนได้
ผลปรากฏว่า วินาทีต่อมา ธามนิธิก็ยกมือขึ้น ขยี้หัวปาณีไปมา “ไหนบอกว่าจะกลับมาทันทีไง เธอกลับมาช้าแล้ว”
ไวยาตย์ “......”
คุณธามนิธิ เกียรติของคุณหายไปไหน?
ทั้งที่เห็นภาพที่ติรยาส่งมาแล้วแท้ๆ แสดงให้เห็นแล้วว่าปาณีไม่ใช่คนดีอะไร คุณคงไม่หลับหูหลับตาลืมมันไปอีกใช่ไหม?
“ร้านอาหารอยู่ไกลไปหน่อยค่ะ” ปาณีพูด “อีกอย่าง หนูก็ต้องนั่งรถไฟใต้ดินกลับมา ระยะทางจากสถานีก็ห่างจากที่นี่ หนูต้องเดินกลับมานะคะ”
ปาณีพูดไป ก็ฟุบลงบนขาเขาซะเลย “เหนื่อยจะตาย รู้งี้ให้คุณไวยาตย์ไปรับก็ดี”
ธามนิธิมองไปยังปาณีที่อ่อนโยนเหมือนแมวน้อย เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงอยากจะตามใจเธอขนาดนี้ “ครั้งหน้าให้ไวยาตย์ไปรับเธอ ไม่ต้องกลับมาคนเดียวดึกๆ ฉันไม่วางใจ”
แม้นิสัยของเธอจะเหมือนเด็กผู้ชาย ไม่เกรงกลัวอะไรเลย แต่ในสายตาของเขาแล้ว เธอก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนผู้หญิงที่เขาอยากจะปกป้อง
ปาณีตอบว่า “ค่ะ”
“เรื่องที่จะไปงานเลี้ยงรุ่น ทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะ?” นิ้วมือของธามนิธิลูบผมของเธอเบาๆ
ปาณีตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลยไม่ได้บอกคุณค่ะ จริงๆหนูก็เพิ่งจะตัดสินใจไปเมื่อวาน! อ้อ ใช่แล้วค่ะ เวทัสกับติรยาก็ไปด้วย”
ธามนิธิกับไวยาตย์อึ้งไปสักพัก ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดถึงเวทัส
“เวทัสก็ไปหรอ?” คนที่ถามคือไวยาตย์ เขาคิดไม่ถึงว่าปาณีจะพูดเรื่องนี้ออกมา
เธอควรจะปิดเอาไว้ไม่ใช่หรอ?
หลังจากได้ยินน้ำเสียงที่ประหลาดใจของไวยาตย์ ปาณีจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยบอกไปว่าไม่รู้จักเวทัสก่อนหน้านี้
ปาณีจ้องหน้าธามนิธิ พูดว่า “คุณอา จริงๆแล้ว..... หนูกับเวทัสเป็นเพื่อนห้องเดียวกันค่ะ ก่อนหน้านี้ที่บ้านวิสิทธิ์เวช หนูไม่ได้พูดต่อหน้าพี่สาว เป็นเพราะว่าหนูอึดอัดเล็กน้อยที่จู่ๆก็มาเป็นน้าสะใภ้ของเขา หนูบอกคุณตอนนี้ คุณจะไม่ว่าหนูโกหกใช่ไหม?”