ตอนที่ 107
ตนที่ 107
พอเห็นฝนสิริร้องไห้ เธอก็พูดว่า “พี่สะใภ้ อย่าร้องไห้เลยนะคะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกันดีกว่าค่ะ”
“เฮ้อ ก็เรื่องก็ปาณีไงล่ะ” ฝนสิริถอนหายใจ
ตมิสาพูดว่า “ปาณีเป็นอะไรล่ะ? ผลการเรียนของเธอก็ดีมาตลอดเลยไม่ใช่หรอ?”
ผลการเรียนของปาณี ไม่ได้ถือว่าดีที่สุดในโรงเรียนมัธยมชญตว์ แต่เมื่อก่อนตอนเรียนประถมและมัธยมต้นที่เมืองชลธีนั้น ผลการเรียนก็ดีมาตลอด ไม่เคยคลาดจากที่ 1 เลย เพราะฉะนั้นญาติของเธอจึงรู้เรื่องนี้
ฝนสิริพูดว่า “ใช่สิ! เธอก็ดีมาตลอด แต่ว่าตอนนี้...... เธอไม่เชื่อฟังฉันแล้ว จะแต่งงานให้ได้”
ตมิสาขมวดคิ้ว “แบบนี้ได้ยังไงกัน? อายุเธอน้อยขนาดนั้น ต้องเรียนให้สูงๆสิ”
เธอกับฝนสิริไม่เหมือนกัน รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงเรียนหนังสือนั้นสำคัญมาก
“ใช่สิ! เธออายุยังน้อย เพราะฉะนั้นยังไม่รู้เรื่อง นี่ก็โทษเธอไม่ได้ หลักๆแล้วก็เป็นเพราะว่าครอบครัวผู้ชายคนนั้นน่าเกลียดมาก เห็นว่าปาณีของเราหลอกง่าย จึงหลอกเธอไป! เธอลองคิดดูนะ ถ้าหากเป็นผู้ชายปกติก็ช่างเถอะ แต่ผู้ชายคนนั้นดันต้องนั่งรถเข็น และยังเป็นคนพิการอีก เธอลองคิดดู ถ้าหากหลอกปาณีของเราไปจริง แล้วจะทำยังไง?” ฝนสิริโยนความผิดทุกอย่างไปให้คนอื่น เธอไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่ให้ปาณีเรียนต่อและเรื่องที่จะจับปาณีแต่งงาน
“เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?” ตมิสาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ลักพาตัวผู้หญิงผิดกฎหมายนะ ปาณีอายุยังไม่ครบ 20 ใช่ไหม!”
“ใช่สิ ดังนั้นฉันเลยมาหาเธอไง เธอลองดูว่าจะช่วยฉันคิดหาวิธีได้ไหม?” หาที่พึ่งให้ตัวเองซะก่อน เธออยากรู้เหมือนกันว่าบ้านวิสิทธิ์เวชจะเอาอะไรมาสู้กับเธอ!
ยังดื้อดึงที่จะสู่ขอลูกสาวของเธออีกไหม?
เธอจะทำให้ครอบครัวนี้ตกอับจนไม่มีที่ให้ร้องไห้เลย!
“เดี๋ยวรอพี่ชวิศกลับมาก่อนแล้วฉันช่วยถามให้” คิดถึงเรื่องที่มีคนอยากจะหลอกหลานสาวเธอ ตมิสาก็รู้สึกโกรธมากเหมือนกัน “พี่รู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร?”
“นามสกุลวิสิทธิ์เวช ชื่อธามนิธิ”
เธอได้ยินไวยาตย์เรียกคุณธามนิธิ เมื่อวานตอนทานข้าวกับคนในบ้านวิสิทธิ์เวช พวกเขาก็เรียกชื่อธามนิธิออกมาเหมือนกัน
“ธามนิธิ?” ตมิสาขมวดคิ้ว
พอได้ยินชื่อนี้ จิตใต้สำนึกก็คิดถึงคนๆนั้น......
ก่อนหน้านี้ ตอนเธอออกไปทานข้าวนอกบ้านกับพี่ชวิศก็เคยเจอชัยพรและฐิติพรครั้งหนึ่ง หน้าที่การงานของพี่ชวิศก็ถือว่าเป็นผู้บริหารที่ไม่น้อยหน้าใครเลย เมืองชลธีมีเรื่องเล็กใหญ่อะไร เขาก็เป็นประเภทที่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องนั้นๆได้
ออกไปทานข้าวครั้งนั้นก็เจอชัยพรและฐิติพรแวบหนึ่ง ไม่ได้คุยอะไรเลยด้วยซ้ำ กลับมาพี่ชวิศยังตื่นเต้นไปตั้งนาน
ได้ยินพี่ชวิศเล่าว่า คุณชัยพรกับฐิติพรมีลูกชายคนหนึ่ง เป็นคนยศใหญ่ในหน่วยทหาร นับๆแล้วในเมืองชยุตก็มีคนแบบนั้นไม่กี่คน
เธอไม่รู้เรื่องพวกนี้ ถึงได้ยินมาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ที่แน่ๆต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ๆ
สำหรับชื่อธามนิธินี้ เธอจำชื่อนี้ได้ดีเพราะพี่ชวิศเคยเล่าให้ฟังหลังจากนั้นอีกว่า ลูกชายของคุณชัยพรกับฐิติพรประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บจนต้องนั่งรถเข็น......
ตอนที่พี่ชวิศพูดถึงเรื่องนี้นั้น เขารู้สึกเสียดายแทนมาก เธอจึงจำเรื่องนี้ได้
ตอนนี้ได้ยินฝนสิริพูดถึงชื่อของธามนิธิกะทันหัน และยังบอกอีกว่านั่งรถเข็น เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ตมิสานำเรื่องนี้มาปะติดปะต่อกัน
เธอจ้องหน้าฝนสิริ “พี่แน่ใจนะว่าชื่อธามนิธิ?”
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าปาณีจะแต่งงานกับธามนิธิ เรื่องแบบนี้ เป็นไปได้ยังไง?
น่าจะเป็นแค่คนที่ชื่อซ้ำกันหรือเปล่า?
ฝนสิริบอกว่า “เมื่อวานตอนไปกินข้าว คนในบ้านเขาเรียกแบบนี้ ไม่น่าจะผิดหรอก”
“นั่งอยู่บนรถเข็น? พี่เห็นเองกับตาหรอ?” ตมิสาถาม
พอพูดถึงเรื่องนี้ ฝนสิริก็โมโหอีก
ผู้ชายที่นั่งรถเข็น ก็มีแค่ใบหน้าของเขาที่ดูดีหน่อยแค่นั้นเอง ก็อยากให้ลูกสาวของเธอแต่งงานไปเป็นแม่บ้านปรนนิบัติรับใช้เขาตลอดชีวิติ ฝันไปเถอะ!