ตอนที่ 60 ยังดึงใจเขาอยู่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 ยังดึงใจเขาอยู่
ตอนที่ 60 ยังดึงใจเขาอยู่ ตอนเช้า เมื่อส่งอ้อยและส้มไปโรงเรียนแล้ว เพ็ญนีติ์พลางไปหาบ้าน ในถนนเงียบเหงา ถนนยังถูกปิดไว้ทำให้เธอมีความลำคาน แต่เธอในตอนนี้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับจำรูญ เองนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ หาไปครึ่งวันถึงเจอบ้านที่เหมาะสม จะหาบ้านที่ใกล้โรงเรียนส้มและอ้อยนั้นช่างไม่ง่านจริงๆ แถวนี้กำลังสร้างบ้านใหม่ บ้านตึกมากมายที่สร้างเสร็จแต่ยังไม่ได้เปิด เธอกลับมาอย่างเศร้าหมอง เดินไปตรงหน้าแล้วพลางเห็นหญิงสาวที่เดินผ่านไปกี่คน เงานั้นทำให้เธอรู้ว่าพวกเขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ทำให้เธอต้องหยุดฝีเท้าลง แล้วตอนเงยหน้าถึงรู้ว่าเป็นแม้ค้าในซอยพวกเธอ “เพ็ญนีติ์เรื่องดีที่เธอทำไว้เลย เธอบอกมาเถอะ ถนนเส้นนี้จะเปิดให้เมื่อไหร่?”ผู้หญิงคนหนึ่งตะคอกขึ้นมา เหนื่อย ช่างเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ เธอส่ายหัว“ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ให้ฉันไปนะ” “บอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ก็เป็นเพราะเธอถนนเส้นนี้ถึงถูกปิด ถ้าวันนี้เธอไม่ให้คำตอบกับเรา เราไม่ให้เธอได้สงบทั้งคืนวันแน่’” “ตามใจ”เธอเดินผ่านหญิงพวกนั้น เธอไม่อยากสนใจพวกเขา เรื่องแบบนี้คุยกันเข้าใจไม่ได้ ยิ่งอธิบายก็ยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม “ฮื้มยังบอกว่าตามใจ ได้ยินมาว่าผู้หญิงที่ชื่อญาณินท์คนนั้นไดมาหาถึงที่แล้ว” “ช่างไร้ยางอายจริงๆ” “เกิดมาก็มีสันดันหม่าป่าแล้ว มีความเป็นมือที่สามเขาไง” “ผู้หญิงที่คลอดลูกสวะออกมา ตัวเองไม่กลัวเสียหน้าไม่ว่านะ นั่นมันทำเอาคนทั้งซอยทำมาหากินกันไม่ได้” ... แต่ละคำนั้นทำเอาเธอคัดหูเหลือเกิน คนเราก็เป็นแบบนี้ คนที่ทำธุรกิจนั้นสิ่งที่คิดมีแต่เงิน คนที่ทำให้พวกเขาหยุดทำมาหากินยากนั้นจะเป็นคนที่พวกเขาเกลียดจนเข้าไขกระดูกไปเลย เพ็ญนีติ์ทำเป็นไม่ได้ยิน เธอสามารถทำอะไรได้อีก? จะทะเลาะกับพวกเขาไปเธอคนเดียวก็สู้ไม่ไหว เมื่อสู้ไปแล้วผลที่ตามมาก็ทำให้เขาเกลียดมากขึ้น เพราะเธอไม่สามารถให้ถนนนี้เปิดได้แล้ว เป็นผู้หญิงของจำรูญเธอไม่อยากจริงๆ ยิ่งเป็นไม่ลงด้วย “หม่ามี๊กลับมาแล้วเหรอ?”เธอเปิดประตู ส้มและอ้อยพุ่งเข้ามา แล้วดึงเธอให้ย่อตัวลง จากนั้นพลางจูบแก้มเธอ“หม่ามี๊ คิดถึงหม่ามี๊แทบแย่” เธอหัวเราะ แล้วมองเด็กๆไว้ ไม่มีความเศร้าหมองอะไรอีก เพียงแค่มีพวกเขาอยู่ทุกอย่างดีขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องบ้านก็ทำให้เธอปวดหัวอีก ถ้ายังหาไม่เจอก็ทำๆได้แค่ย้ายโรงเรียนแล้ว แต่ค่าเทอมเทอมนี้ยังใช้ไม่จบ อย่างน้อยก็ต้องย้ายเทอมหน้า ดูๆแล้วเธอยังต้องพักบ้านไปอีกครึ่งเดือน เธอไม่ได้ถือสานะ แต่คนในซอยนี้สิ... คิดๆแล้วก็ช่างไม่สบายใจ เธอไม่เดือดร้อนคนอื่น แต่คนอื่นก็มักจะหาเรื่องเธอ พอทานข้างเย็นเสร็จเธอไปปลอบโยนเด็กๆหลับ แต่ประตูร้านกลับโดนน้าข้างบ้านมาเคาะ“ปั๊งๆๆๆ” “เพ็ญนีติ์ เธอรีบออกมานะ เกิดเรื่องแล้ว” เมื่อดึงประตูออก เพ็ญนีติ์มองน้าคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ“เป็นอะไรค้า?” “รีบตามฉันมา”น้าดึงมือเธอแล้วลากออกไป “หม่ามี๊ หนูก็จะไป” “งั้นหนูก็จะไปด้วย” ส้มและอ้อยรุมเข้ามา ความรู้สึกบ่งบอกว่ามีเรื่องดีเกิดขึ้น “เพ็ญนีติ์ เองของผู้ใหญ่อย่าให้เด็กๆเข้ามาเกี่ยวเลย ให้พวกเขาเข้าไปเถอะ” “อ้อยส้ม เข้าไปเข้าในกับน้าน้ำนะ หม่ามี๊จะรีบกลับมา ”ได้ยินคำพูดน้าแล้ว เพ็ญนีติ์ก็รู้ว่าต้องเจอสถานการณ์ที่ไม่เหมาะให้เด็กๆได้เห็น เธอเลยอดใจเต้นแรงไม่ได้ ไม่รู้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ แต่รู้ได้แน่นนอนว่าไม่ใช่เรื่องดี “ไม่เอา เราจะไปด้วยกันกับหม่ามี๊” “กลับไปนะไม่ดื้อ”เพ็ญนิติ์พูดเบาๆ ส้มถึงจะหยุดพูด แต่แลดูมีหน้าที่อยากออกไปดูมาก “น้าน้ำพาพวกเขาเข้าไปดูการ์ตูรค่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา”คำพูดแย่ๆแม้เธอฟังแล้วก็รับได้แล้ว ยังมีอะไรที่เธอกลัวกระทบจิตใจอีก เดินตามน้าออกมา แต่เมือเธอเห็นตัวหนังสือที่เขียนตรงกำแพงแล้ง เธอถึงกับอึ้ง ทั้งกำแพงเป็นคำด่าเธอทั้งหมด คำพวกนั้นช่างหยาบมาก หยาบมากถึงที่สุด แม้แต่ส้มและอ้อยก็ถูกด่าว่าเป็นลูกสวะ “เพ็ญนีติ์ เธอรีบหาวิธีไปลบนะ”เห็นเธออึ้งไป น้าข้างร้านพลางถอนหายใจ ถึงแม้ครั้งนี้ที่ถนนถูกปิดก็ทำให้งานเธอแย่เหมือนกัน แต่เพ็ญนีติ์ก็เป็นเพื่อนข้างบ้านเธอมานานหลายปี เพ็ญนีติ์มีผู้ชายหรือไม่นั้นเธอเข้าใจดีสุด “อ๊าก..”เพ็ญนีติ์ถึงปรับตัวมาได้ เธอยื่นมือไปแล้วถึงรู้ว่าน้าตื่นเต้นกับอะไร คำพูดพวกนั้นมันลบไม่ได้ ไม่ใช่ใช้ช๊อคธรมาดาแต่เป็นสเปย์พ่น ตอนนี้จะใช้อะไรล้างก็มีรอย สิ่งเดียวที่ทำได้คือทาสีใหม่ แต่นี่เป็นกำแพงบ้านคนอื่น ฝีมือที่ร้ายจริงๆ ทำให้เพ็ญีติ์ต้องกามมือแน่นขึ้นมา เธอเดือดร้อนใครแล้ว ทำไมต้องมาแกล้งเธอแบบนี้ เธอไม่กลัวตัวเอง แต่เธอจำเป็นต้องนึกถึงความรู้สึกของลูก รอบๆเริ่มมีคนมุมเข้ามามากขึ้น พลางชี้ว่าเธอขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคนทั้งซอยจะมองเธอแบบนั้นแล้ว เธอก็อดจะไม่คิดมากไม่ได้ ถ้าเป็นจำรูญจริงๆ แล้วเขาจะไม่กลัวชื่อเสียงตัวเองเสียหายหรือไง? ระหว่างที่คนเขากำลังด่าเธอนั้น ก็มีคนด่าจำรูญเหมือนกัน จริงๆนั้นจำรูญได้รับรับผลเสียกว่าเธอ ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงนึกไม่ออกหล่ะ? เธอยิ้มเบาๆ“น้าค้า ช่วยฉันเอาสีมาถังหนึ่งค่ะ ฉันจะเอาตอนนี้เลย” น้าคิดว่าเธอจะเอาสีมาทาทับคำพวกนี้ เลยวิ่งไปซื้อที่ร้าน เพราะซอยนี้มีร้านทุกอย่าง ไม่ถึงห้านาที สีพลางถึงมือเพ็ญนีติ์“เอานะเพ็ญนีติ์” เธอรับมา แล้วเอาแปรงทับเขียนตระกูลญาณินท์ไปใหญ่ๆ จากนั้นวางลงแล้วเดินกลับไปที่ร้าน ด้านหลังมีเสียงดังหระหนั่น ไม่มีใครรู้ดีกว่าเธอช่างกล้าแบบนี้ แต่เธอกลับเขียนตระกูลจำรูญไปด้วย ไม่สนใจว่าเขาจะเป็นบุคคลอะไรหรอก เธอไม่อยากสนใจแล้ว ในเมื่อเอาชีวิตเธอวุ่นวาย งั้นก็ให้สองตระกูลนี้มารับผิดชอบเลย “เพ็ญนีติ์ เธอ...”น้าตามมา แล้วตกใจกับการกระทำเธอ“คำพวกนั้นเธอไม่ลบเหรอ?” “ไม่แล้วน้า น้าที่ช่วยฉันซื้อสี ราคานั้นฉันจะเขียนใบหนี้ให้ค่ะ น้าเอาสองร้อยหยวนนี้ให้ร้านนั้น เป็นค่าปรับที่ฉันเขียนคำนั้นไป แต่คำอื่นไม่ได้เกี่ยวกับฉัน”เธอเอาสองร้อยหยวนจากหระเป๋า“วันนี้ขอบคุณที่น้าบอกเรื่องนี้กับฉันนะค้า” “ออ เพ็ญนีติ์ เธอช่างงี่เงาจัง” “คนดีตกน้ำไม่จมตกไฟไม่ไหม้”เธอพูดจบพลางเดินเข้าร้าน ไม่ได้สนใจสิ่งคึกคักภายนอกอีก แต่ในใจนั้นกลับเริ่มเต้นแรง คำพวกนี้ต้องเธอได้ทำเอาจำรูญลำบากแล้ว เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สนใจอะไร เพียงแค่เขาออกหน้า ตัวหนังสือพวกนั้นจะหายไปทันที ตอนนี้เธอไม่กลัวทำให้เรื่องใหญ่ เพราะมันใหญ่ไปแล้ว ก็ยากที่จะจบไป “หม่ามี๊ เป็นไรไหมค้า?” “ไม่เป็นไร ไปนอนเถอะ” “หม่ามี๊ วันนี้นอนกับส้มและหนูนะ เราอยากนอกกับหม่ามี๊” “อืม”เธอยิ้มเบาๆ ดูออกแล้วว่าเด็กตื่นเต้นมาก เรื่องสองวันนี้ทำให้ลูกรู้เรื่องอะไรบ้าง เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็นอนกลางเด็กสองคน มือกอดไว้คนละข้าง จากเดิมยังคิดว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกไม่กี่วัน ตอนี้ดูแลก็อยู่ไปไม่ได้แล้ว เธอไม่คิดถึงตัวเองก็ต้องคิดถึงลูกเหมือนกัน คืนนั้น คำที่เขียนในกำแพงได้นำพาความคึกคักมาก แต่เธอไม่สนใจแล้ว ฟ้าถล่มลงก็ต้อวมีคนแบกไว้ เพียงแค่เธอดูแลลูกให้ดีก็พอแล้ว เช้าตรู่ พอเปิดประตูร้านออกใจเธอเต้นแรงมาก แต่เธอกลับเห็นกำแพงนั้นได้ทาสีขาวทับไปแล้วเพ็ญนีติ์ต้องหัวเราะออกมา ครั้งนี้เธอพนันถูกแล้ว แสดงว่าคนที่มาสร้างข่าวลือนั้นก็เพื่อที่จะทำจำรูญมากกว่า จำรูญที่แท้นายก็มีความเดือดร้อนเหมือนกัน พอส่งส้มและอ้อยไม่โรงเรียนแล้ว เพ็ญนีติ์พลางเริ่มเบื่อเครียดขึ้นมา พึ่งได้คุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว ถ้าส้มและอ้อยจะลาออกพวกเขาจะคืนเงินที่เหลือให้ ทำให้เธอมีความสบายใจขึ้น ยังต้องไปหาบ้านต่อ ตอนนี้จะไปหาที่ไหนก็ได้ แต่โรงเรียนอนุบาลดีแบบนี้เธอก็ไม่อยากจากจริงๆ เมื่อก้าวออกมา พลางถูกร่างหนุ่มคนหนึ่งบังแสงเธอไว้“เพ็ญนีติ์ เธอมาสักทีแล้ว” เพ็ญนีติ์เดินผ่านญาณินท์ไป ไม่อยากมีอะไรกับเขาจริงๆ “อี๊ เพ็ญนีติ์ ถือว่าฉันติดเธอในชาติที่แล้ว เธอจะคุยกับฉันหน่อยได้ไหม?เพียงแค่แป๊บเดียว เราไปคุยร้านเคเอฟซีข้างๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่ญาณินท์ถอมตัวคุยขอเธอไว้ อีกทั้งมีน้ำเสียงร้องขอ แต่เธอไม่อยากยุ่งกับเขาแล้ว “ญาณินท์ ตรงนี้ก็ไม่มีคนอะไร ถ้าเธอมีอะไรก็พูดมาตรงๆดีกว่า ฉันยุ่งมาก จะต้องรีบกลับไป” “ก็ได้ งั้นฉันพูดตรงๆแล้วนะ บอกว่าดีกว่าเธอต้องการเงินเท่าไหร่ และมีเงื่อนไขอะไร?” เพ็ญนีติ์หน้างง“เอาเงินอะไร?เงื่อนไขอะไร?” ใบหน้าญาณินท์มองเธอไว้อย่างดูหมิ่น“อย่าบอกฉันว่าเธอไม่รู้อะไรเลย?” “ญาณินท์ เธอรั้งฉันไว้บอกจะคุยกับฉันเอง ฉันไม่ได้จะหาเธอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรฉันไปก่อนแล้ว”ไม่สนใจหรอกว่าเธอเป็นคุณหนูพันล้านอะไร ตอนนี้เธอเป็นแค่เพ็ญนีติ์ “จำรูญเขาเอาแค่เธอ ไม่อยากงนั้นเขาจะหย่ากับฉัน แล้วไม่ได้เป็นแม้แต่นายเขา เขาต้องการด้านนี้เพ็ญนีติ์ เธอบอกมาสิเธอตั้งใจใช่ไหม หลายปีนี้ยังดึงใจเขาไวh” “โทษทีนะ ฉันกับเขาจบไปอย่างเข้าใจแล้ว ห้าหมื่นหยวนตอนนั้นฉันก็คืนเขาแล้ว เขาจะเอาฉัน?เอาอะไรของฉัน?ฉันเป็นแม่ของลูกสองคนแล้ว ฉันไม่มีเยื่อใยกับเขาแล้ว ลาก่อน”พูดจบเพ็ญนีติ์พลางเดินออกไป เหมือนว่าในตัวญาณินท์มีไวรัสสักงั้น
已经是最新一章了
加载中